ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 230 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4581 - 4600 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4581 | การให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (agenda based) | กค | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขต ที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สามารถนับเวลาราชการเป็น ทวีคูณได้ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2548 และหากครบกำหนดระยะ เวลาดังกล่าว สถานการณ์ความรุนแรงยังไม่ยุติหรือเบาบางลง ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณาอนุมัติสิทธิในการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ดัง กล่าวต่อไป และหากได้มีการประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกก่อนวันที่ 30 กันยายน 2548 ให้สิทธิในการนับ เวลาราชการเป็นทวีคูณเป็นอันสิ้นสุดลงด้วย กับให้ความช่วยเหลือเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำ สำนักงานในพื้นที่พิเศษ (สปพ.) และเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนแก่ข้าราชการ และลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติ หน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และผู้ปฏิบัติงานอื่นซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนอกเหนือจากข้าราชการและลูก จ้างประจำที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปโดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2548 ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังประกาศกำหนดให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัด ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นสำนักงานในพื้นที่เศษ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และให้แก้ไขเพิ่ม เติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนสำหรับผู้ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส พ.ศ. 2547 และให้มีการประกันภัยข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และเจ้า หน้าที่ของรัฐ รวมถึงการประกันภัยตนเองสำหรับทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปหากสถานการณ์ความรุนแรงยังไม่ยุติ
|
|||||||||||||||||||||
| 4582 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ พ.ศ. .... เพื่อจัดทำกฎหมายฉบับใหม่ | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติบรรษัท
วิสาหกิจแห่งชาติ พ.ศ. .... และให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายุติการตรวจพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
| 4583 | รายงานผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การยกระดับ Logistics เพื่อเพิ่มขีดความสามารถไทย ในเวทีโลก" | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การยก
ระดับ Logistics เพื่อเพิ่มขีดความสามารถไทย ในเวทีระดับโลก" ระหว่างวันที่ 21-22 สิงหาคม 2547 ณ โรงแรม ฮิลตัน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เพื่อร่วมกันกำหนด ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบ Logistics ตลอดจนการแก้ไขกฎ ระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา รวมทั้ง สร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการ ของผู้ประกอบการและผู้บริโภค อันจะนำไปสู่การแข่งขันระดับสากลต่อไป โดยแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนา ระบบ Logistics ของประเทศ ประกอบด้วย 2 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบ Logistics ทางภาค พื้น (Surface) ซึ่งประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ย่อย คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 "การพัฒนาท่าเรือไทยให้เป็น Gateway สู่ภูมิภาค" ยุทธศาสตร์ที่ 2 "การพัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า (Hub & Spokes)" ยุทธศาสตร์ที่ 3 "Modal Shift ไปสู่ระบบราง ทางน้ำ และท่อ" และยุทธศาสตร์ที่ 4 "การพัฒนาระบบ Logistics Management" ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบ Logistics ทางอากาศ (Air) ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ย่อย คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 "Global Destination Network" ยุทธศาสตร์ที่ 2 "การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติให้เป็น Gateway ระดับ โลก" และยุทธศาสตร์ที่ 3 "Center for Logistics ของโลก ด้านอาหาร ผัก ผลไม้สด" จากแผนยุทธศาสตร์ ดังกล่าวได้กำหนดมาตรการดำเนินงานที่จะช่วยสนับสนุนระบบ Logistics ให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้อย่างรวด เร็วและมีประสิทธิภาพ จำนวน 2 มาตรการ คือ การปรับปรุงกฎระเบียบและพิธีการศุลกากรที่เกี่ยวข้อง และ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำข้อตกลงที่จะพัฒนาระบบ Logistics ของประเทศจำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ ข้อตกลงฉบับที่ 1 " One Day Clearance" ข้อตกลงฉบับที่ 2 "ความร่วมมือในการขนส่ง Port-to- Door & Door-to-Port" ข้อตกลงฉบับที่ 3 "การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า" และข้อตกลงฉบับที่ 4 "การนำส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ด่วนถึงมือผู้รับ" นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำหนดกรอบตัวชี้วัดเพื่อใช้ในการกำกับ ติดตามผลตามแผนยุทธศาสตร์โดยเน้นที่ผลลัพธ์หลัก 3 ประการ คือ ความมีประสิทธิภาพด้านต้นทุน ความ สามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ และความเชื่อมั่นได้ รวมทั้งได้มีการกำหนดผู้รับผิด ชอบและระยะเวลาที่จะดำเนินการในแนวทางอื่น ๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาระบบ Logistics ให้มีประ สิทธิภาพยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
| 4584 | รายงานการสอบบัญชีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประจำปี 2546 | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการสอบบัญชีกองทุนบำเหน็จบำนาญ
ข้าราชการ (กบข.) ประจำปี พ.ศ. 2546 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2546 และ 2545 ซึ่งผ่านการรับรองจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกแล้ว โดยผลการสอบบัญชี กบข. สรุปได้ดังนี้ ปี พ.ศ. 2546 กบข. มีสินทรัพย์รวม 240,603,370,047 บาท ปี พ.ศ. 2545 มีสินทรัพย์ รวม 191,163,599,625 บาท ส่วนหนี้สิน ปี พ.ศ. 2546 กบข. มีหนี้สินรวม 2,209,520,710 บาท ปี พ.ศ. 2545 มีหนี้สินรวม 208,286,395 บาท สำหรับรายได้และค่าใช้จ่าย ในปี พ.ศ. 2546 กบข. มีรายได้รวม 7,848,746,698 บาท ปี พ.ศ. 2545 มีรายได้รวม 7,479,961,910 บาท และค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2546 กบข. มีค่าใช้จ่ายรวม 491,023,912 บาท และปี พ.ศ. 2545 มีค่าใช้จ่ายรวม 479,074,300 บาท ในการนี้ที่ประชุม ใหญ่ผู้แทนสมาชิกได้มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะให้ กบข. ปรับปรุงการดำเนินงานในส่วนของการจัดส่งใบแจ้ง ยอดเงินให้สมาชิกโดยให้จัดส่งข้อมูลตรงถึงสมาชิกเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว รวมทั้งการจัดส่งข้อมูลข่าวสาร ควรมีการจัดส่งที่ทั่วถึงให้มากขึ้น และควรดูจำนวนสมาชิกในหน่วยงานว่ามีจำนวนเท่าใด นอกจากนี้ ให้ กบข. จัดสวัสดิการให้สมาชิกเพิ่มเติม เช่น การจัดสวัสดิการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเงินกู้เพื่อการศึกษา และสวัสดิการอื่น ๆ ให้สมาชิก ตลอดจนเปิดโอกาสให้มีการรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||
| 4585 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนสิงหาคม 2547 | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 โดยการเบิกจ่ายเงิน ในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 875,017 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.12 ของวงเงินงบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 74,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 54.89 ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับ การเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,725 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 4,531 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 43,098 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ประเทศจำนวน 3,034 ล้านบาท รวมทั้งเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ จำนวน 9,983 ล้าน บาท ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ไม่รวมงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) มีการเบิกจ่ายในส่วนของราย จ่ายประจำจำนวน 758,386 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.16 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (831,937 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุนจำนวน 116,631 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.49 ของงบประมาณรายจ่าย ลงทุน (196,063 ล้านบาท) และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุน เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 81,308 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.91 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (135,716 ล้านบาท) ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรีบ ดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามแผนงาน งาน โครงการที่กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินจากคลังภายในวันที่ 20 กันยายน 2547 ยกเว้นกรณีที่มีเหตุผลหรือความจำเป็นให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินไม่เกินวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2547 |
|||||||||||||||||||||
| 4586 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (นางจันทิมา สิริแสงทักษิณ) | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางจันทิมา สิริแสง
ทักษิณให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ 10 วช) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2547 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบ ถ้วนสมบูรณ์ |
|||||||||||||||||||||
| 4587 | การเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีต่าง ๆ
ตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง (เกษียณอายุก่อนกำหนด) โควตาที่ได้ รับแจ้งจากส่วนราชการจำนวน 48,151 ราย อนุมัติสั่งจ่ายตามที่ส่วนราชการยื่นเรื่องขอเบิกเงินกับกรมบัญชี กลางจำนวน 48,053 ราย ส่วนเงินบำเหน็จบำนาญตามมาตรการดังกล่าว โควตาที่ได้รับแจ้งจากส่วนราช การจำนวน 48,151 ราย ส่วนราชการได้ยื่นเรื่องขอเบิกเงินกับกรมบัญชีกลางจำนวน 47,979 ราย อนุมัติ สั่งจ่ายแล้วจำนวน 47,193 ราย และเงินบำเหน็จดำรงชีพของผู้เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว โควตาที่ได้รับแจ้ง จากส่วนราชการจำนวน 48,151 ราย ส่วนราชการได้ยื่นเรื่องขอเบิกเงินกับกรมบัญชีกลางจำนวน 46,277 ราย อนุมัติสั่งจ่ายแล้วจำนวน 46,162 ราย ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการที่มียอดจำนวนข้าราชการสูงที่ยังไม่ได้รับ เงินช่วยเหลือ เนื่องจากยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอรับเงินจากกรมบัญชีกลาง เร่งรัดเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรีบดำเนิน การในเรื่องดังกล่าวโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 4588 | รายงานผลการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ครั้งที่ 3 และผลคืบหน้าการพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement) | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปความคืบหน้าของการประมูลแบบ
(e-Auction) และระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement) ในภาพ รวม โดยผลการดำเนินการจัดประมูลแบบ e-Auction ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2547 มีหน่วยงานภาครัฐจัด ประมูล ฯ จำนวน 1,456 ครั้ง ประกอบด้วย ส่วนราชการส่วนกลาง 686 ครั้ง ส่วนภูมิภาค 22 ครั้ง และรัฐ วิสาหกิจ 748 ครั้ง รวมวงเงินงบประมาณจัดหาโดยวิธีการประมูล ฯ จำนวน 8,787,051,136 บาท เมื่อ จัดหาด้วยวิธีประมูล ฯ สามารถจัดหาได้ในวงเงิน 6,366,303,664 บาท ทำให้ประหยัดเงินงบประมาณได้ ถึง 2,420,747,472 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนของงบประมาณที่ประหยัดได้ ร้อยละ 33.80 ของวงเงินงบ ประมาณจัดหารวม ในการนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการ ขยายผลการจัดหาพัสดุโดยวิธีการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในส่วนภูมิภาค โดยจัดฝึก อบรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการจัดประมูล แบบ e-Auction ให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้องของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด และได้มีการพัฒนาระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป โดยใช้เทคโนโล ยีแบบ Web-Based Application ที่ผู้ต้องการใช้งานสามารถเข้าสู่ (Access) ระบบ ฯ ผ่านเครือข่าย Internet ใช้ชื่อว่าเว็บไซต์ศูนย์กลางข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและพัดสุภาครัฐ (www.gprocurement.go.th) ซึ่งใช้เป็นเว็บ ท่า (Web Portal) ที่มีองค์ประกอบของระบบงานและข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ระบบจัดทำประกาศ จัดซื้อจัดจ้างด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้หน่วยงานของภาครัฐจัดทำประกาศ ฯ ในรูปแบบฟอร์มอิเล็กทรอ นิกส์ ระบบค้นหาข้อมูล (Search Engine) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจที่ที่ต้องการค้นหาข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง และระบบฐานข้อมูลสารสนเทศการพัสดุภาครัฐที่มีความถูกต้องและทันสมัย เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ ให้หน่วยงานของภาครัฐจัดทำประกาศจัดซื้อจัดจ้างตามแบบที่กรมบัญชีกลางกำหนดต่อ ไป |
|||||||||||||||||||||
| 4589 | โครงการรวมกิจการระหว่างบริษัท ข้อมูลเครดิตไทย จำกัด กับ บริษัท ข้อมูลเครดิตกลาง จำกัด | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ อนุมัติในหลักการให้ธนาคารอาคารสง เคราะห์ (ธอส.) จำหน่ายกิจการหรือหุ้นบริษัท ข้อมูลเครดิตไทย จำกัด ให้แก่ บริษัท ข้อมูลเครดิตกลาง จำกัด ได้ตามข้อ 4 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504 ที่กำหนดให้การจำหน่ายกิจการหรือหุ้นของส่วนราชการหรือ ฐวิสาหกิจต้องได้รับอนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ ธอส. ได้ รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐนตรี ฯ ข้อ 6-10 ในการจำหน่ายกิจการ หรือหุ้นดัง กล่าว เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และกระทรวงการคลังจะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาให้ ความเห็นวิธีการและราคาที่จะจำหน่ายโดยนำผลการตรวจสอบฐานะทางการเงิน (due diligence) ของ กิจการทั้งสองโดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมาประกอบการพิจารณาต่อไป รวมทั้งเห็นชอบในหลักการ ให้กระทรวงการคลังเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ข้อมูลเครดิตกลาง จำกัด ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 19 ของทุน จดทะเบียน โดยกระทรวงการคลังอาจพิจารณาถือหุ้นเองทั้งจำนวน หรือจัดสรรให้หน่วยงานอื่นตามที่ กระทรวงการคลังเห็นสมควร โดยมีเงื่อนไขว่า หน่วยงานดังกล่าวต้องตกลงมอบสิทธิในการออกเสียงให้ แก่กระทรวงการคลัง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของการดำเนินการโดยไม่ได้ทำให้สาระ สำคัญในการรวมกิจการเปลี่ยนแปลงไปให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการไปได้เองและจะรายงาน ให้คณะรัฐมนตรีทราบผลการดำเนินการ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 4590 | การจัดงานนิทรรศการผลงานของรัฐบาลในรอบ 4 ปี (มีการปรับแก้ไขมติฯ) | กค | 21/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
เรื่อง การจัดงานนิทรรศการเพื่อแสดงผลงานด้านต่าง ๆ ของรัฐบาลในรอบ 4 ปี ระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 2547 โดยมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการจัด งานร่วมกับสถาบันพัฒนานโยบายสาธารณะ โดยให้หารือรายละเอียดด้านรูปแบบ แนวคิด และสารัตถะ ร่วมกับผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) นายอนุสรณ์ ธรรมใจ และผู้ อื่นที่เกี่ยวข้อง และให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบการดำเนินการตามนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล อาทิ การ ต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน การต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด การปฏิรูประบบราชการ และสินค้าหนึ่ง ตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นต้น จัดเตรียมข้อมูลและประสานการดำเนินการกับผู้รับผิดชอบการ จัดงาน รวมทั้งให้รับไปพิจารณาว่า สมควรจะนำเสนอข้อมูลหรือจัดนิทรรศการในเรื่องอื่นใดอีก แล้วแจ้ง สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป และให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการเพื่อให้ นักเรียน/นักศึกษา จากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนภูมิภาคได้มีโอกาสเดินทาง เข้ามาร่วมกิจกรรมและชมนิทรรศการในงานดังกล่าวในช่วงระหว่างการปิดภาคการศึกษา นอกจากนี้ ให้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปประสานและขอความร่วมมือจากหน่วยงานด้านสื่อต่าง ๆ ของ รัฐ ทั้งสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ตลอดจนการถ่ายทอดกิจกรรมการ จัดงานดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
| 4591 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการ พ.ศ. .... | กค | 21/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการ ตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้ข้าราชการซึ่งมีผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานในรอบระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2547 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2547 ที่อยู่ในข่ายต้องเข้ารับการพัฒนาประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลการปฏิบัติงานมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจากทางราชการเพื่อตอบแทนการออกจากราชการ ในอัตรา 8 เท่า ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย โดยการเบิกจ่ายเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวง การคลังกำหนด และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2547 เป็นต้นไป และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ และเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มี มติเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2547 ให้ส่วนราชการต้นสังกัดพิจารณาสั่งให้ข้าราชการที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ทางกายหรือสุขภาพทางจิตที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมมาตรการที่ 3 และได้รับสิทธิประโยชน์ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรการที่ 3 ได้เป็นราย ๆ ไปด้วย ฉะนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการตรวจ พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และการพิจารณาดำเนินการ เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ที่ออกจากราชการตามมาตรการนี้ อาทิเช่น มาตรการเกี่ยวกับภาษีของ กระทรวงการคลัง จึงให้ถือเป็นหลักการว่าให้ข้าราชการที่มีปัญหาด้านสุขภาพทางกายหรือสุขภาพทาง จิต รวมทั้งข้าราชการที่มีผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานที่อยู่ในข่ายต้อง เข้ารับการพัฒนา แต่เลือกที่จะออกจากราชการตามมาตรการที่ 3 ได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกันทุก ประการ และเนื่องจากมาตรการดังกล่าวยังมีข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจคลาด เคลื่อน หรือนำไปใช้โดยไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดความวิตกกังวล และเกรงว่าจะได้รับผลกระทบหรือถูก กลั่นแกล้ง ซึ่งอาจเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ทั่วถึง ประกอบกับมีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยนำไปขยาย ผลในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณา ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสม แล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 4592 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (นางสิรินุช พิศลยบุตร) | กค | 14/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางสิรินุช พิศลยบุตร
ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
| 4593 | การประกันภัยให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่ทหาร ตำรวจ
อาสาสมัคร กำนัน และผู้ใหญ่บ้านที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจาก การก่อความไม่สงบ ในวงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท จากเงินของโครงการเพื่อการสาธารณประโยชน์ จากรายได้โดยการออกสลากพิเศษ โดยไม่ต้องทำการประกันภัยเช่นเดียวกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้ทำประกันภัย และได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ในกรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพถาวรแล้ว ได้รับความช่วยเหลือจากการ ประกันภัยอย่างเดียว โดยยกเลิกการจ่ายเงินช่วยเหลืจากเงินรายได้ของโครงการเพื่อการสาธารณประโยชน์ จากรายได้โดยการออกสลากพิเศษ ส่วนกรณีที่ได้รับบาดเจ็บและไม่อยู่ในความคุ้มครองตามกรมธรรม์ ยังคง ให้ได้รับความช่วยเหลือจากเงินรายได้ของโครงการ ฯ รายละ 50,000 บาท ต่อไป และให้กระทรวงการคลัง พิจารณาในภาพรวมร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยว่า นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือคุ้มครองแก่ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร กำนัน และผู้ใหญ่บ้านที่ ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่บุคคลเหล่านี้ได้รับอยู่แล้ว ในปัจจุบัน ยังคงมีสิทธิรับประโยชน์อื่นใด กรณีใด ที่บุคคลเหล่านี้สมควรได้รับให้ครบถ้วน เหมาะสม และให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4594 | โครงการก่อสร้างสวนสาธารณะ "เบญจกิติ" | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้าง
สวนสาธารณะ "เบญจกิติ" โดยผลงานการดำเนินงานในส่วนของงานก่อสร้างที่ดำเนินการโดยกองทัพบก เสร็จเรียบร้อยแล้ว คงเหลืองานก่อสร้างเพิ่มเติมที่คณะกรรมการอำนวยการจัดสร้าง ฯ มีมติให้จัดสร้าง เพิ่มเติมเพื่อให้สวนสาธารณะมีความสมบูรณ์และเหมาะสมยิ่งขึ้น รวม 3 รายการ คือ งานจัดสร้างประติมา กรรม งานปรับระดับน้ำในบึง และงานจัดทำป้ายเพิ่มเติม คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ประมาณกลางเดือน พฤศจิกายน 2547 ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังประสานและเร่งรัดการดำเนินการโครงการ ฯ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการดำเนินการในส่วนแรก (บริเวณบึงน้ำ) ให้สวยงาม และแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อจะได้นำความ กราบบังคมทูล ฯ เชิญเสด็จและน้อมเกล้า ฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหา มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบในปี พ.ศ. 2547 ได้ทันภายในเดือนพฤศจิกายน 2547 นี้ |
|||||||||||||||||||||
| 4595 | รายงานการแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบรูปแบบรายงานการแปลงสภาพรัฐ
วิสาหกิจตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 ซึ่งประกอบด้วย ส่วนที่ 1 เนื้อหาการแปลงสภาพ รัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทจำกัด/มหาชน ส่วนที่ 2 สาระสำคัญของรายงาน กรณีรัฐวิสาหกิจยังคงมีอำนาจสิทธิ ประโยชน์ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายจัดตั้ง กรณีจำกัดหรืองดอำนาจสิทธิประโยชน์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย จัดตั้ง และกรณีกำหนดให้อำนาจของรัฐวิสาหกิจแก่คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นที่คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐ วิสาหกิจแต่งตั้ง องค์ประกอบอำนาจหน้าที่ ภาระ ค่าตอบแทน ฯ โดยให้ระบุเหตุผล เงื่อนเวลา เงื่อนไขการ ปฏิบัติไว้ด้วย และส่วนที่ 3 มติคณะรัฐมนตรีที่ให้ยุบเลิกรัฐวิสาหกิจ เงื่อนเวลายุบเลิก และการจดทะเบียน และเห็นชอบรายงานของรัฐวิสาหกิจที่ได้ดำเนินการแปลงสภาพไปแล้ว คือ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ให้ส่งรายงาน ฯ ดังกล่าวเพื่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4596 | ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินคดีแบบกลุ่มในการฟ้องคดีที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ พ.ศ. .... | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (คกก.8) (ฝ่าย
กฎหมาย) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติการดำเนินคดีแบบกลุ่มในการฟ้อง คดีที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่มในการฟ้องคดีที่ เกี่ยวกับ หลักทรัพย์ เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจากการฝ่าฝืนกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีเอง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้คณะกรรมการ พิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งรวมพิจารณา และให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและ สำนักงานศาลยุติธรรม ตลอดจนประเด็นอภิปรายของ คกก.8 ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการ ประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา สำหรับประเด็นอภิปรายของคกก.8 มีดังนี้ ในปัจจุบันได้มีการนำหลักการการดำเนินคดีแบบกลุ่มมาใช้ในการฟ้องคดีตามกฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองผู้ บริโภคเท่านั้น ควรนำหลักการดังกล่าวมาใช้กับการดำเนินคดีตามกฎหมายอื่นที่มีผู้เสียหายจำนวนมากด้วย เช่น ความผิดตามกฎหมายเรื่อง ละเมิดและผิดสัญญา กฎหมายแรงงาน กฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายการแข่งขันทาง การค้า และกฎหมายที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาปรับ ปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่งกำลังพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยรวมการดำเนินคดีแบบกลุ่มในกรณีอื่น ๆ ด้วย เพื่อมิให้การดำเนินคดีแบบกลุ่มอยู่กระจัดกระจายตามกฎหมาย ต่าง ๆ นอกจากนี้ ในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม ทนายความจะมีบทบาทสำคัญมากเพราะผลของคดีจะกระทบต่อ สมาชิกจำนวนมาก จึงควรให้ศาลมีอำนาจตรวจสอบ และถอดถอนทนายความที่ดำเนินการไม่เหมาะสม หรือขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย คดีตามความเห็นของ สพภ.ศาล ยุติธรรมไปประกอบการพิจารณา และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้ แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 4597 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สนามบินบุรีรัมย์และสนามบินร้อยเอ็ดเป็นสนามบินศุลกากร พ.ศ. .... | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สนามบินบุรีรัมย์และ
สนามบินร้อยเอ็ดเป็นสนามบินศุลกากร พ.ศ. .... โดยให้กระทรวงการคลังรับร่างกฎกระทรวง ฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับกระทรวงคมนาคมอีกครั้งหนึ่ง หากมีจำนวนเที่ยวบินและของที่นำเข้าหรือส่ง ออกทางสนามบินทั้งสองแห่งดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นจนอยู่ในระดับที่เหมาะสม ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 4598 | ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบภาคราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2546 | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรม
การตรวจสอบภาคราชการ (คตส.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 โดย คตส. ได้สอบทานการบริหาร งบประมาณ ทรัพย์สิน การเงินการบัญชี การปฏิบัติตามแผนการจัดซื้อจัดจ้าง กำกับดูแลการตรวจสอบ ภายในและการควบคุมภายในของส่วนราชการ ฯลฯ รวมทั้งรับทราบผลการประเมินตนเองของ คตส. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 โดยผลการประเมินตนเองของ คตส. ตามแบบที่กระทรวงการคลัง กำหนดอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีเยี่ยม สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเป็นอิสระ มีการประเมินประสิทธิผลและ ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเป็นระยะ ๆ ได้รับข้อมูลข่าวสารทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ งานอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ และในอนาคตควรเพิ่มบทบาทในเรื่องการมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็น เกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบภายในทั้งระดับกรมและกระทรวง เป็นสื่อหรือหน่วยเสริมสร้าง ให้ส่วนราชการมีการบริหารจัดการที่ดี สนับสนุนให้มีการประเมินและติดตามผลการดำเนินงานอย่าง เป็นระบบ ฯลฯ และเห็นชอบให้กำชับผู้บริหารส่วนราชการให้ความสำคัญในการจัดระบบการควบคุม ภายในเรื่องการบริหารจัดการทางด้านงบประมาณ การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน โดยเฉพาะหน่วยงาน ที่อยู่ในต่างประเทศและในส่วนภูมิภาคอย่างจริงจัง และติดตามกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามอย่างเคร่ง ครัด รวมทั้งสนับสนุนผู้ตรวจสอบภายในให้สามารถปฏิบัติงานในความรับผิดชอบได้อย่างเต็มกำลังความ สามารถ ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงาน/ผู้ที่เกี่ยว ข้อง เพื่อกำหนดกลไกในการตรวจสอบการปฏิบัติราชการ (performance audit) ของข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 4599 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทาง
ภาษีศุลกากร ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2547 ตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน 2547 มีการนำเข้า สินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่ (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) โดยมีมูลค่าที่ให้สิทธิพิเศษรวม 9,831.784 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าที่ยกเว้นอากรให้ 4.159 ล้านบาท และ มูลค่าที่ลดอัตราอากรให้ 9,827.624 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าไตรมาสที่ 1 จำนวน 2,856.336 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 40.95 โดยมีรายละเอียดรายประเทศ ดังนี้ กัมพูชา ไม่มีการนำเข้าสินค้าที่ยกเว้นอากร มูลค่าที่ลด อัตราอากร .265 ล้านบาท รวมมีมูลค่าที่ให้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น .195 ล้านบาท หรือร้อยละ 278.57 สปป. ลาว มูลค่านำเข้าที่ยกเว้นอากร 4.159 ล้านบาท มูลค่าที่ลดอัตราอากร 46.216 ล้านบาท รวมมีมูลค่าที่ให้ สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น 30.702 ล้านบาท หรือร้อยละ 156.05 พม่า ไม่มีการนำเข้าสินค้าที่ยกเว้นอาการ มูลค่า ที่ลดอัตราอากร 9,781.143 ล้านบาท รวมมีมูลค่าที่ให้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น 2,825.649 ล้านบาท หรือร้อย ละ 40.62 ส่วนเวียดนาม ไม่มีการนำเข้าสินค้าที่ยกเว้นอากร และไม่มีการนำเข้าสินค้าที่ลดอัตรากร |
|||||||||||||||||||||
| 4600 | การปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ภายใต้แผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2547 ครั้งที่ 1 | กค | 07/09/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ
ภายใต้แผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2547 ครั้งที่ 1 ตามผลการพิจารณาของ คณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศ ดังนี้ การปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2547 โครงการที่เห็นควรให้ถอนออกจากแผน ฯ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 (UA) ลำที่ 5 ลำที่ 6 และลำที่ 7 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการปรับปรุงแผนการกู้เงิน ในประเทศทดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2547 โครงการที่เห็นควรให้ถอนออกจาก แผน ฯ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7 ของการประปานครหลวง และ โครงการขยายเขตการติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เกาะต่าง ๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โครงการที่เห็นควรปรับลดวง เงิน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 6 ส่วนที่ 2 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาค ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการ ฯ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือเป็นหลักปฏิบัติว่า การก่อหนี้ จากต่างประเทศจะต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นอย่างแท้จริง เพื่อให้ประเทศมีหนี้สาธารณะน้อยที่สุด โดยแผน งาน/โครงการใดที่จำเป็นต้องกู้เงินต่างประเทศ อาจพิจารณาให้เอกชนที่รับผิดชอบดำเนินการแผนงาน/โครง การนั้น เป็นผู้กู้จากต่างประเทศแทนหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งให้มีการจัดการทางการเงิน (project financing) อย่างเหมาะสม สำหรับหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในแผนงาน/โครงการของรัฐวิสาหกิจ ต่าง ๆ หากรัฐวิสาหกิจใดมีฐานะทางการเงินดีและสภาพคล่องทางการเงินสูงเช่น กรณีของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย เป็นต้น ให้รัฐวิสาหกิจนั้นพิจารณาชำระหนี้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดเพื่อลดดอกเบี้ยและ ภาระหนี้ของประเทศในภาพรวมด้วย |
|||||||||||||||||||||
