ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 229 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4561 - 4580 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4561 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 09/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบการเป็นตัวแทนออกของ กำหนด ผู้มีอำนาจออกระเบียบพิธีการศุลกากร กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการนำเข้าหรือการส่งออกสินค้าหรือการ ศุลกากร กำหนดการอนุญาตให้เป็นตัวแทนออกของ กำหนดความรับผิดของตัวแทนออกของ กำหนดอัตรา ค่าธรรมเนียมในการให้บริการศุลกากร ตลอดจนกำหนดความรับผิดกรณีผู้ขอคืนค่าอากรสำแดงคำขอคืนค่า อากรไม่ตรงกับใบขนสินค้า และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4562 | การเสนอแต่งตั้งรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายเชษฐทวี เจริญพิทักษ์) | กค | 09/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายเชษฐทวี เจริญ
พิทักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4563 | มาตรการด้านงบประมาณ การเบิกจ่ายเงิน การพัสดุ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 09/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอการกำหนดมาตรการและแนวทาง
ในการดำเนินการเกี่ยวกับการงบประมาณ การเบิกจ่ายเงิน และการพัสดุ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการแก้ ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปหารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณให้ได้ข้อยุติที่ชัด เจนโดยเร็ว และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติและเร่งดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานในพื้น ที่สามารถเบิกจ่ายเงินต่าง ๆ ได้ภายในสัปดาห์นี้ และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปเร่ง รัด กำกับ ติดตามการดำเนินการดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยหากปรากฏว่ายังคงมีปัญหาอุป สรรคและความล่าช้าเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเกิดขึ้นอีก จะถือว่าเป็นความบกพร่องในหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4564 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล) | กค | 02/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด
กระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย แทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 พฤศจิกายน 2547) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4565 | การขยายกรอบการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง | กค | 02/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการขยายกรอบการลงทุนของกองทุนรวมวายุ
ภักษ์ หนึ่ง ในส่วนเงินสำรองไม่เกินร้อยละ 30 เพื่อให้สอดคล้องกับกรอบการลงทุนในหนังสือชี้ชวนเสนอขาย หน่วยลงทุนกองทุน ฯ ที่ได้เสนอไว้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และตามกรอบการลงทุนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้ โดย ให้รวมถึงการลงทุนในหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET 50 เนื่องจากหลักทรัพย์กลุ่มดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญจดทะเบียน จำนวน 50 หลักทรัพย์ ที่นำมาคำนวณ SET 50 INDEX เป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคากลาง (Market Capitalization) มากที่สุด 50 อันดับ มีสภาพคล่องสูง (High Liquidity) โดยหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ทั้ง 50 อันดับนี้ กระจายอยู่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมหลักในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีน้ำหนักหรือ ผลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ฯ เป็นอย่างมาก ดังนั้น การขยายกรอบการลงทุนของกอง ทุน ฯ จะทำให้มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น โดยสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้การบริหารกองทุน ฯ บรรลุเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4566 | รายงานผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ไตรมาสที่ 1 ปี 2547 | กค | 02/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหาร
สินทรัพย์ไทย (บสท.) ในไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2547 สรุปได้ดังนี้ การรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ณ วัน ที่ 31 มีนาคม 2547 บสท. ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวนสุทธิรวมทั้งสิ้น 16,472 ราย มูลค่าทาง บัญชีประมาณ 779,528 ล้านบาท แบ่งเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ บสท. รับโอนมาจากสถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ และที่รับโอนมาจากสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ของเอก ชน ส่วนการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ได้มีการบริหารจัดการจนได้ข้อยุติโดยการอนุมัติจากคณะ กรรมการบริหาร และคณะอนุกรรมการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ระดับที่ 1 และ 2 ทั้งสิ้น 6,021 ราย มูลค่าทางบัญชีประมาณ 744,064 ล้านบาท โดยลูกหนี้ที่ บสท. บริหารจัดการจนมีข้อยุติส่วนใหญ่อยู่ใน ประเภทธุรกิจอุตสาหกรรม รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ บสท. ได้มีการประมาณการอัตรา ที่คาดว่าจะได้รับชำระคืน (Expected Recovery Rate) จากแผนการชำระของลูกหนี้ที่ได้ปรับโครงสร้างหนี้ หรือฟื้นฟูกิจการในศาลล้มละลายกลางอยู่ที่ประมาณร้อยละ 47.60 ของมูลค่าทางบัญชี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4567 | แผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2548 | กค | 02/11/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ รับทราบแผนการบริหารและจัดการหนี้
สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และอนุมัติเพดานการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548 วงเงินเทียบเท่าไม่เกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแผนการก่อหนี้จากต่าง ประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ในส่วนของโครงการหลักของรัฐวิสาหกิจ รวม 7 โครงการ วงเงิน 993.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้คณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศมีอำนาจปรับปรุง แก้ ไขและทบทวนแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศเป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้กรอบ เพดานที่กำหนดไว้ รวมทั้งอนุมัติกรอบวงเงินกู้ในประเทศทดแทนเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 วงเงินไม่เกิน 7,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังมีอำนาจปรับ ปรุง แก้ไข ทบทวนแผนการกู้เงินในประเทศทดแทนเงินกู้ดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภาย ในกรอบวงเงินที่กำหนด และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และ รายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้ง ได้แก่ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ พันธบัตรรัฐบาลภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ในวง เงินไม่เกิน 64,900 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา ระบบสถาบันการเงิน ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ของกอง ทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 ภายในวงเงินที่คณะกรรม การตรวจสอบความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู ฯ จะรับรองงวดวันที่ 30 กันยายน 2547 รวมถึง การกู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจตามแผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศ ของรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย เงินกู้ในประเทศทดแทนเงินกู้จากต่างประเทศ วงเงิน 6,550.65 ล้าน บาท เงินกู้เงินบาทสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ วงเงิน 8,060.07 ล้านบาท เงินกู้เพื่อลงทุน วงเงิน 86,575.92 ล้านบาท เงินกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและอื่น ๆ วงเงิน 21,762.54 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน 28,445.42 ล้านบาท และการกู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ของ รัฐวิสาหกิจตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ภายในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินหรือค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง และอนุมัติ แนวทางการดำเนินการบริหารหนี้ต่างประเทศของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ตามแผนการบริหารหนี้ต่าง ประเทศ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน ตลอดจนการค้ำประกันตามความเหมาะสมและจำเป็น มีวงเงินรวม 247,469.83 ล้าน บาท หรือเทียบเท่า 5,960.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะ รัฐมนตรีเพื่อทราบ ทั้งนี้ กรณีที่รัฐวิสาหกิจใดมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับอื่นใดให้อำนาจรัฐ วิสาหกิจนั้นในการกู้เงินโดยไม่ต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ก็ให้สามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง อาทิ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศ จำกัด และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4568 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (นางสาวสุภา ปิยะจิตติ) | กค | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางสาวสุภา ปิยะจิตติ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4569 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนสังคม และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางและกิจการขนาดย่อม | กค | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการมาตรการภาษีเพื่อสนับ
สนุนสังคม และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางและกิจการขนาดย่อม โดยมีหลักการดังนี้ ยกเว้นภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว ในวงเงิน 100,000 บาทแรก โดยให้มีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป ปรับปรุงอัตรา ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการที่มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 บาท โดยกำไรสุทธิในส่วน 1 ล้านบาทแรก ให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 15 กำไรสุทธิในส่วนที่เกิน 1 ล้าน บาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท จัดเก็บในอัตราร้อยละ 25 และกำไรสุทธิในส่วนที่เกิน 3 ล้านบาท จัดเก็บ ในอัตราร้อยละ 30 โดยให้มีผลใช้บังคับสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เกิดขึ้นใน รอบระยะเวลาบัญชีซึ่งเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป รวมทั้งขยายระดับรายได้ ของผู้ประกอบกิจการขนาดย่อมที่ไม่ต้องจดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ในวงเงินไม่เกิน 1.8 ล้าน บาทต่อปี โดยให้มีผลใช้บังคับสำหรับรายได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป และ ปรับปรุงการหักค่าลดหย่อนการอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา โดยให้หักได้ 30,000 บาทต่อบิดามารดา 1 คน (อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร) และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับ ปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้สุทธิจากการคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา 48 (1) แห่งประมวล รัษฎากร ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....มีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่เก็บจากกำไรสุทธิ ของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้า ล้านบาท จากอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ เป็นอัตราร้อยละ 15 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน หนึ่งล้านบาท และร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกินหนึ่งล้านบาทแต่ไม่เกินสามล้านบาท และ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการ ขนาดย่อม ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการกำหนด มูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4570 | รายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | กค | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในภาพรวมทั้งปี โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 956,573 ล้าน บาท หรือร้อยละ 94.57 ของวงเงินงบประมาณ 1,011,500 ล้านบาท ส่วนผลการเบิกจ่ายจำแนกตามลักษณะ เศรษฐกิจ โดยในส่วนของรายจ่ายประจำ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 830,160.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 99.89 ของ งบประมาณรายจ่ายประจำ 831,037.27 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 137,563.48 ล้าน บาท หรือร้อยละ 69.84 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน 196,962.73 ล้านบาท และผลการเบิกจ่ายจำแนก ตามกระทรวง ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2547 กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน มีอัตราการเบิกจ่ายต่อวงเงินงบประมาณเท่ากับ 99.32 98.00 และ 96.98 ตามลำดับ สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน 85,085 ล้านบาท หรือร้อยละ 62.79 ของวงเงินงบประมาณ 135,500 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนา และบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,733 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่า ตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 11,910 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงิน บำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 43,307 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 5,146 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ จำนวน 10,989 ล้านบาท และผลการเบิกจ่ายซึ่งรวมงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 ในภาพ รวมจำนวน 1,163,500 ล้านบาท ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,052,809.36 ล้าน บาท หรือร้อยละ 90.49 ของวงเงินงบประมาณดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4571 | การสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ | กค | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ อนุมัติให้โรงงาน ยาสูบดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ พร้อมเครื่องจักรที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยวิธีการจัด หาผู้รับจ้างแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลระหว่างประเทศไทยกับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมอบหมาย ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในสัญญาระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกำหนดตัวบุคคลและ มอบอำนาจลงนามในสัญญาทั้งระดับรัฐบาลและระดับผู้ดำเนินการ รวมทั้งอนุมัติวงเงินลงทุนในส่วนต่าง ๆ ได้แก่ การปรับเพิ่มวงเงินลงทุนสำหรับโครงการตามรายการที่ปรากฏใน TOR จากจำนวน 13,014.00 ล้านบาท เป็นจำนวน 14,733.50 ล้านบาท และวงเงินลงทุนเพิ่มเติมจำนวน 2,736.30 ล้านบาท ตาม ระบบในกระบวนการผลิตบางระบบ ซึ่งบริษัท China Yunnan Corporation for International Techno- Economic Cooperation (CYC) เสนอเพิ่มเติมจาก TOR, วงเงินค่าจ้างที่ปรึกษา จำนวน 200 ล้านบาท และ ให้โรงงานยาสูบขยายระยะเวลากันเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากการดำเนินงาน จากปี พ.ศ. 2545 - 2549 เป็นปี พ.ศ. 2545-2551 ตามกรอบวงเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณาวงเงินในแต่ละ ปีให้สอดคล้องกับภาระการลงทุนจริงและสถานะทางการเงินของโรงงานยาสูบ โดยในส่วนของการดำเนิน การการค้าต่างตอบแทน ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและโรง งานยาสูบรับความเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ การจัดหาผู้รับจ้างก่อ สร้างจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนควรเจรจาต่อรองให้โรงงานยาสูบสามารถส่งบุหรี่ที่ผลิตได้เข้าไป จำหน่ายในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ด้วย และการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ เมื่อมีการ นำเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นมาใช้ จะเป็นผลให้ปริมาณความต้องการใบยาสูบในประเทศ ลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ประกอบกับเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบได้เรียกร้องขอ ให้มีการปรับราคาใบยาสูบให้สูงขึ้น โรงงานยาสูบจึงต้องกำหนดแนวทางและให้ความช่วยเหลือดูแลเกษตร กรดังกล่าวอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง โรงงานยาสูบ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ เช่น การดำเนินมาตรการ ทางภาษี (sin tax) และประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสารต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูก ต้องเกี่ยวกับโทษภัยของบุหรี่ รวมตลอดถึงสินค้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคชนิด อื่น เช่น สุรา เป็นต้น โดยควรมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4572 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2548 | กค | 26/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการ
ใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 โดยกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณใน ภาพรวมไว้ในอัตราร้อยละ 92.0 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย 1,176,600 ล้านบาท ไม่รวมงบกลาง ราย การค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (23,400 ล้านบาท) โดยอัตราการเบิกจ่ายเมื่อเทียบกับวงเงินงบประมาณ 1,200,000 ล้านบาท จะผันแปรไปตามอัตราการเบิก จ่ายเงินงบกลางรายการดังกล่าว และกำหนดเป้าหมายของรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 72.0 ของวงเงิน งบประมาณรายจ่ายลงทุนของแต่ละส่วนราชการ โดยให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูก พันให้แล้วเสร็จภายในสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (สิ้นเดือนมีนาคม 2548) และให้ส่วน ราชการเร่งโอนงบประมาณของหน่วยงานในสังกัดส่วนราชการที่ต้องดำเนินการในส่วนภูมิภาค ไปยังจังหวัด ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและ รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามแนวทางเดียวกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 คือ ให้ถือเสมือนว่าเดือนสิงหาคม 2548 เป็นเดือนสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 แทนเดือนกันยายน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4573 | ขออนุมัติยุติการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ยุติการดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เนื่องจากได้มีการตราพระ ราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 พ.ศ. 2547 เพื่อให้อำนาจดำเนินการตามโครงการรวมและโอนกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กับบรร ษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งประกาศกระทรวงการคลังเรื่องให้ความเห็นชอบในการดำเนิน โครงการดังกล่าวแล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลัง เห็นชอบแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4574 | การพัฒนาเว็บไซต์ศูนย์กลางข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและพัสดุภาครัฐ | กค | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการดำเนินการพัฒนาเว็บไซต์ศูนย์
กลางข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและพัสดุภาครัฐ ซึ่งกรมบัญชีกลางโดยสำนักพัฒนามาตรฐานระบบพัสดุภาค รัฐ (สมพ.) ได้ดำเนินการพัฒนาระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปเพื่อรวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ของส่วนราชการต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีแบบ Web-Based Application เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่ (Access) ระบบ ฯ ผ่านเครือข่าย Internet ที่เป็นลักษณะของเว็บท่า (Web Portal) ภายใต้ชื่อ "เว็บไซต์ ศูนย์กลางข้อมุลการจัดซื้อจัดจ้างและพัสดุภาครัฐ" (www.gprocurement.go.th) ที่เป็นศูนย์กลางของระบบ งานและข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบจัดทำประกาศ/เปลี่ยนแปลง/ยกเลิก/ประกาศผลการจัดซื้อ จัดจ้างในรูปแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (e-From) เพื่อให้ส่วนราชการสามารถจัดทำประกาศเชิญชวนจัด ซื้อจัดจ้างของหน่วยงานได้ด้วยตนเอง และนำมาประกาศในเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลางผ่านทางอินเตอร์ เน็ต เป็นต้น และได้จัดทำคู่มือการจัดทำประกาศจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเป็นแนวทาง ปฏิบัติในการจัดทำประกาศ ฯ แล้วแจ้งเวียนแก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศเพื่อให้ดำเนินการ ส่งข้อมูลผ่านเว็บไซต์ฯ เพื่อดำเนินการจัดสรรชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) โดยปัจจุบัน ได้จัดสรรให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรวมทั้งสิ้น 882 แห่ง มีผู้ใช้งานลงประกาศประมาณ 1,768 ฉบับ (ณ วันที่ 30 กันยายน 2547) ในส่วนของผู้เข้าชมเว็บไซต์ ฯ ที่เป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้รับเหมา ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ตั้งแต่เดือนเมษายน 2547-30 กันยายน 2547 มีจำนวน 50,000 คน สำหรับแผนการดำเนินงานระยะต่อไป อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและ การพัสุดภาครัฐให้สมบูรณ์ครบวงจรยิ่งขึ้นเพื่อให้เว็บไซต์ ฯ เป็นศูนย์บริการแบบ ONE STOP SERVICE ที่ มีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะพัฒนาสร้างระบบการแจ้งเวียนกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อหารือทั้งหมดเกี่ยว กับการจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารมาตรฐานรหัสพัสดุที่จะนำไปใช้คู่กับระบบ GFMIS ศูนย์กลางลงทะเบียน ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจกับภาครัฐ และบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน (Black List) ในเว็บไซต์ ฯ ให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนมีนาคม 2548 |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4575 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | กค | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน
ที่ 20 กรกฎาคม 2547 เรื่อง การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย จากที่เห็นชอบให้กรม ทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย -ดินถล่ม และโครงการป้องกันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย ตามลำดับ โดยใช้จ่ายจากเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัด (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ตามความเหมาะสม เป็นให้กรมทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนิน โครงการดังกล่าวโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการหรือจากเงินงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้แต่ละจังหวัดบูรณาการงบประมาณ โดยปรับแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อน เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้เสนอ ขอใช้จ่ายจากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของจังหวัดบูรณาการที่จังหวัดได้รับการจัดสรร และ หากยังไม่เพียงพอ ก็ขอให้เสนอขออนุมัติรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลจังหวัดเพื่อขอใช้จ่ายจาก งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4576 | รายงานผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน (หนี้นอกระบบ) | กค | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน
(หนี้นอกระบบ) จากการรายงานของกระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 10 กันยายน 2547 มีลูกหนี้นอกระบบ ผ่านเข้าสู่กระบวนการให้ความช่วยเหลือแล้ว จำนวน 1,773,090 ราย มูลหนี้ จำนวน 129,739 ล้านบาท ส่วนการบันทึกรายการผลเข้าสู่ระบบรายงานของกระทรวงการคลังโดยผ่านเครือข่ายของกรมการปกครอง ณ วันที่ 27 กันยายน 2547 มีการรายงานแล้ว จำนวน 1,254,578 ราย มูลหนี้ก่อนเจรจา จำนวน 94,488.87 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย ลูกหนี้ที่ยุติเรื่องเพราะไม่ประสงค์ดำเนินการต่อ จำนวน 751,503 ราย ลูกหนี้ที่ ยุติเรื่องเนื่องจากสาเหตุอื่น จำนวน 385,347 ราย และลูกหนี้ที่เจรจาสำเร็จ จำนวน 192,286 ราย มูลหนี้ จำนวน 16,945.69 ล้านบาท โดยหลังขบวนการเจรจาหนี้แล้ว ลูกหนี้ที่เจรจาสำเร็จจะโอนหนี้เข้าสู่ระบบ ธนาคารมี จำนวน 169,309 ราย มูลหนี้ จำนวน 13,281.66 ล้านบาท ซึ่งจากการรายงานผลของธนาคาร พบว่ามีลูกหนี้ จำนวน 17,829 ราย ได้รับเงินกู้จากธนาคารแล้ว จำนวน 1,090.80 ล้านบาท สำหรับลูกหนี้ ที่ไม่สามารถเข้าสู่ระบบธนาคาร กระทรวงการคลังและธนาคารของรัฐทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยแบ่งการให้ความช่วยเหลือ ตามปัญหาของลูกหนี้ ได้แก่ ลูกหนี้ที่มีปัญหาด้านรายได้ ลูกหนี้ที่ขาดหลักประกัน ลูกหนี้ที่มีหนี้ในระบบรวม อยู่ด้วย และลูกหนี้ที่ยุติเรื่อง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4577 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | กค | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (คกก.2)
ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขที่ ชบ. 341 บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 1,456 ไร่ 0 งาน 83 ตารางวา ในท้องที่ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของ คกก.2 เกี่ยวกับ การดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ซึ่งยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่มากกว่าจำนวนเนื้อ ที่ตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ฉะนั้น กรมธนารักษ์ควรเร่งรัดดำเนินการขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิในพื้น ที่ที่ยังมีปัญหาข้อพิพาทกับราษฎรที่เหลืออยู่อีกประมาณ 500 กว่าไร่ ของที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข ทะเบียน ที่ ชบ. 341 เนื้อที่ประมาณ 1,941-2-15 ไร่ ในท้องที่ทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้ แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการใช้พื้นที่ ฯ ที่มีการถอน สภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่ 1,456 ไร่ ให้เกิดความชัดเจน เพื่อป้องกัน มิให้เกิดกรณีการบุกรุกพื้นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังที่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นในพื้นที่บางแห่งแล้ว ไป ดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4578 | การให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (agenda based ) | กค | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขต
ที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สามารถนับเวลาราชการเป็น ทวีคูณได้ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2548 และหากครบกำหนดระยะ เวลาดังกล่าว สถานการณ์ความรุนแรงยังไม่ยุติหรือเบาบางลง ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณาอนุมัติสิทธิในการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ดัง กล่าวต่อไป และหากได้มีการประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกก่อนวันที่ 30 กันยายน 2548 ให้สิทธิในการนับ เวลาราชการเป็นทวีคูณเป็นอันสิ้นสุดลงด้วย กับให้ความช่วยเหลือเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำ สำนักงานในพื้นที่พิเศษ (สปพ.) และเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนแก่ข้าราชการ และลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติ หน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และผู้ปฏิบัติงานอื่นซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนอกเหนือจากข้าราชการและลูก จ้างประจำที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปโดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2548 ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังประกาศกำหนดให้สำนักงานที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัด ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นสำนักงานในพื้นที่เศษ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และให้แก้ไขเพิ่ม เติมระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนสำหรับผู้ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส พ.ศ. 2547 และให้มีการประกันภัยข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และเจ้า หน้าที่ของรัฐ รวมถึงการประกันภัยตนเองสำหรับทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปหากสถานการณ์ความรุนแรงยังไม่ยุติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4579 | โครงการจัดหาระบบโทรทัศน์วงจรปิดควบคุมทางไกล (CCTV System) เพื่อการควบคุมทางศุลกากร และนำระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ระบบถ่ายทอดสัญญาณผ่านเครือข่าย (Video Streaming) และระบบโทรศัพท์ภายในทั่วประเทศ (หมายเลข 4 ตัว) มาร่วมใช้งานบนเครือข่ายเดียวกัน | กค | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร)
เสนอขอถอนเรื่อง โครงการจัดหาระบบโทรทัศน์วงจรปิดควบคุมทางไกล (CCTV System) เพื่อการควบ คุมทางศุลกากร และนำระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ระบบถ่ายทอดสัญญาณผ่านเครือ ข่าย (Video Streaming) และระบบโทรศัพท์ภายในทั่วประเทศ (หมายเลข 4 ตัว) มาร่วมใช้งานบน เครือข่ายเดียวกัน คืนไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4580 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รอบปีบัญชี 2546 | กค | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและ
ขาดทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รอบปีบัญชี 2546 ที่ได้รับอนุมัติจากที่ ประชุมใหญ่แล้ว สรุปได้ดังนี้ จากการให้บริการด้านการเงินแก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ ณ วันสิ้นปีบัญชี 2546 มีเกษตรกรได้รับบริการสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. แล้วรวมทั้งสิ้น 5.37 ล้านครัวเรือน ส่วน การให้บริการเงินฝาก ธ.ก.ส. มียอดเงินฝากคงเหลือรวมทั้งสิ้น 312,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีบัญชีก่อน 37,835 ล้านบาท ในด้านการให้บริการสินเชื่อ ณ วันสิ้นปีบัญชี 2546 ธ.ก.ส. มีเงินให้สินเชื่อคงเหลือ (ต้นเงินกู้คงเป็นหนี้) รวมทั้งสิ้น 322,000 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินให้สินเชื่อแก่เกษตรกร 258,137 ล้านบาท สหกรณ์การเกษตร 14,389 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกร 72 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อนโยบายรัฐ 19,814 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อประเภทอื่น 29,588 ล้านบาท สำหรับสถานะแห่งหนี้ค้างชำระ ณ วัน สิ้นปีบัญชี 2546 ธ.ก.ส. มีหนี้ค้างชำระรวมทั้งสิ้น 23,973 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. มีหนี้ค้างชำระ ด้านการ เกษตร จำนวน 16,961 ล้านบาท ด้านสหกรณ์การเกษตร จำนวน 572 ล้านบาท ด้านกลุ่มเกษตรกร จำนวน 8 ล้านบาท ด้านนโยบายรัฐ จำนวน 6,429 ล้านบาท และด้านสินเชื่อประเภทอื่น จำนวน 2.56 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ รวมทั้งการรักษาวินัยทาง การเงินการคลังกรณีการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ต่างประเทศของ ธ.ก.ส. (Yankee Bond) ซึ่งต้องชำระปีละ ประมาณ 400 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังอาจรับภาระแทนโดยการแปลงหนี้เป็นทุน เพื่อให้ ธ.ก.ส. มี ศักยภาพและความคล่องตัวในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรได้มากยิ่งขึ้น แล้วดำเนินการ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
