คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางสาวสุธีพร  ดวงโต  ให้
ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลัง 10 ชช) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการ
คลัง  ตั้งแต่วันที่  29  ธันวาคม  2547  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราช
กฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ  พ.ศ. 2539  โดยมีสาระสำคัญคือ  ให้
ข้าราชการซึ่งเป็นสมาชิก  กบข.  และมีบัญชีเงินประเดิมที่ออกจากราชการแล้วกลับเข้ารับราชการใหม่โดยมี
สิทธินับเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตอนก่อนออกจากราชการต่อเนื่องกับเวลารับราชการ
ในตอนหลังตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 ให้มีสิทธิได้
รับเงินประเดิมและผลประโยชน์ของเงินประเดิมตามจำนวนที่ปรากฏในบัญชีรายบุคคลของสมาชิกผู้นั้น โดย
ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2540  เป็นต้นไป   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางสาวสุธีพร ดวง
โต ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลัง 10 ชช) กรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่  29  ธันวาคม  2547  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์  ทั้งนี้  ตาม
มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยก
เว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากสหภาพพม่าภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อัน
เนื่องมาจากพระราชดำริ  โดยมีสาระสำคัญคือ  ยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากสหภาพพม่า
จำนวน 127 รายการ  ภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) โดยของที่จะได้รับการยกเว้นอากรต้องมี
หนังสือรับรองจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง  (พื้นที่ทรงงาน)  อันเนื่อง
มาจากพระราชดำริ   โดยของที่จะได้รับการยกเว้นอาคารต้องนำเข้าทางด่านศุลกากรแม่สายหรือด่านศุลกากร
เชียงดาว รวมทั้งผู้นำของเข้าต้องปฏิบัติตามระเบียบพิธีการที่กรมศุลกากรกำหนด โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วัน
ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยใน
ไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2547  สรุปได้ดังนี้  สินค้าฟุ่มเฟือย
ทั้ง 17 กลุ่มสินค้า  มีมูลค่านำเข้ารวม 256.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547 15.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 6.57  ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยดังกล่าวเทียบ
กับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในช่วงไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 แล้ว (24,536.52 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ  1.05  ของมูลค่านำเข้ารวม   และเมื่อเทียบมูลค่านำเข้า
สินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาส 1  ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  กับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2547
มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน 14 รายการ โดยสินค้าฟุ่มเฟือย 5 อันดับแรกที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่ม ได้แก่ รองเท้า
หนังและรองเท้าผ้าใบ ไฟแช็คและอุปกรณ์  เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล  นาฬิกาและอุปกรณ์  กระเป๋าหนัง
และเข็มขัดหนัง มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.35, 41.34, 41.15, 38.79 และ 30.19 ตามลำดับ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่
ที่ประสบธรณีพิบัติ สรุปดังนี้ ในด้านการให้สินเชื่อ โดยสถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด 
(มหาชน) สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ
ไปแล้วจำนวน  9,101  ราย  เป็นเงิน 18,087.84  ล้านบาท สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้
อนุมัติวงเงินแล้ว 721 ราย  วงเงิน 360.94 ล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเงื่อนไข
ผ่อนปรนให้กับสถาบันการเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้กับลูกค้าแล้ว 2,290 ราย วงเงิน 47,391.85 ล้านบาท  ใน
ส่วนของการร่วมลงทุนโดยกองทุนร่วมลงทุน  มีการอนุมัติร่วมลงทุนแล้ว  20  ราย  วงเงิน 1,706  ล้านบาท 
สำหรับมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม  ประกอบด้วย  มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมที่มีผลบังคับใช้แล้ว 
มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป และการเร่ง
รัดคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ประกอบการใน 6 จังหวัดภาคใต้เป็นกรณีพิเศษ  นอกจากนี้ กระทรวงการคลังภาย
ใต้ความร่วมมือทางวิชาการจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank - ADB) ได้เริ่มดำเนินการ
จัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน  (The Regional Development Plan) ซึ่งจะเป็นแผนที่ครอบคลุมทุกปัจจัย
ของการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาวขึ้น  โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่  7  กุมภาพันธ์  2548   และจะจัดทำแผน
พัฒนา ฯ ในเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2548  ในการจัดทำแผนประกอบด้วย  2 กรอบระยะ
เวลา คือ  แผนสำหรับการดำเนินการในระยะปานกลางตั้งแต่ปี  2548-2552 และระยะยาวตั้งแต่ปี 2553-
2563 มีเป้าหมาย 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ องค์ประกอบของแผนมี 3 ระดับ คือ แผนในระดับ
โครงสร้าง  (เชิงนโยบาย)  แผนในระดับพื้นที่  และแผนรายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ  การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 
การวางแผนด้านสาธารณูปโภค  การพัฒนาชุมชน   และการดำรงชีวิตของประชาชน  ซึ่งการจัดแผนพัฒนา
ภูมิภาคอันดามันต้องเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด  ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับนโยบาย
และระดับปฏิบัติการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราช
การได้ ตามลำดับ ดังนี้ นายวราเทพ รัตนากร  และนายไชยยศ  สะสมทรัพย์  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7 แห่งพระ
ราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับรายงานการตรวจราชการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้น
ที่จังหวัดตากและจังหวัดกำแพงเพชร ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงการคลัง ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2548
สรุปได้ดังนี้ จังหวัดตากมีพื้นที่ประสบภัยแล้งรวม 8 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 58 ตำบล 399 หมู่บ้าน ราษฎรประสบ
ภัย 43,191 ครัวเรือน 165,907 คน พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายรวม 163,729.5 ไร่ ทางจังหวัดได้ให้ความ
ช่วยเหลือแล้ว เป็นเงินจำนวน  31,719,201.12  บาท  การขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน  372  หมู่บ้าน
43,191 ครัวเรือน  165,907  คน  จังหวัดได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยใช้รถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายแล้ว
และได้มีข้อเสนอแนะให้จังหวัดจัดลำดับความเดือดร้อนของพื้นที่ประสบภัยแล้งเพื่อประกอบการพิจารณารับการ
สนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง  และระยะยาว เพื่อ
นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดสรรงบประมาณ  และให้เร่งดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงโดยทันทีเมื่อสภาพ
อากาศเหมาะสม สำหรับจังหวัดกำแพงเพชร มีพื้นที่ประสบภัยแล้งรวม 16  อำเภอ  2 กิ่งอำเภอ  415  หมู่บ้าน
ราษฎรประสบภัย 33,632 ครัวเรือน 118,678 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายรวม  27,979  ไร่ ทาง
จังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ เป็นเงินจำนวน  49,999,740  บาท  การขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน 415
หมู่บ้าน 33,632 ครัวเรือน 118,678 คน ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือโดยแจกจ่ายน้ำให้ราษฎรแล้ว  และได้
ให้ข้อเสนอแนะ โดยให้จังหวัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อ
นำเสนอคณะรัฐมนตรีจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งให้จัดทำแผนแม่บทแก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืนโดยให้เร่งดำเนิน
การปฏิบัติการฝนหลวงโดยทันทีเมื่อสภาพอากาศเหมาะสม

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 9  (The Ninth ASEAN Finance Ministers Meeting : AFMM)  ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง
วันที่ 5-6 เมษายน 2548 ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)  สรุปผลการ
ประชุมได้ดังนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนเห็นพ้องที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์
(Vientiane Action Program) ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการที่มีระยะเวลา  6  ปี  (2548-2553)  เพื่อนำไปสู่การก่อตั้ง
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  (ASEAN  Economic  Community)  ในปี 2563  และตกลงที่จะเสริมสร้างการเชื่อม
โยงตลาดทุนต่าง ๆ  ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้กำหนดวิสัยทัศน์สำหรับตลาดทุนของอาเซียนให้เป็นตลาดทุนที่
มีความเชื่อมโยงกันภายในปี  2553  (ค.ศ. 2010)  รวมทั้งเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาศุลกากร
อาเซียนปี 2548-2553  (Strategic Plan of Customs Development  2005-2010)  เพื่อสนับสนุนการรวมตัว
ของอาเซียน  โดยการส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภูมิภาค   ส่วนมาตรการช่วยเหลือกันเองระหว่างประเทศ
สมาชิกอาเซียน  (Regional Self-Help and Support  Mechanism)  ที่ประชุมมีมติให้ขยายวงเงินของความตกลง
ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราอาเซียน (ASEAN swap Arrangement) โดยขยายวงเงินเพิ่มจาก 1 พันล้านเหรียญ
สหรัฐ ฯ เป็น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการริเริ่ม
พัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Boond Markets Initiative : ABMI) ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการออกพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นในภูมิภาค อาทิ การออกพันธบัตรสกุลเงินริงกิต โดยธนาคารพัฒนา
เอเชียในประเทศมาเลเซียจำนวน 400 ล้านริงกิต และในสิงคโปร์อีกเป็นจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เป็น
ต้น

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษา
กิตติมศักดิ์สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน นายปรีชา จรุงกิจอนันต์ อธิการ
บดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน  และนายกำชัย จงจักรพันธ์ คณบดีคณะนิติ
ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย  เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
นโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (12 เมษายน 2548) 
เป็นต้นไป   ทั้งนี้  ตามมาตรา  7  แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. 2548

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานตามระบบการบริหาร
การเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) โดยภาพรวมการปฎิบัติงานตามระบบ GFMIS ณ วัน
ที่  16  กุมภาพันธ์  2548 กรมบัญชีกลางได้สั่งจ่ายเงินตามรายการที่ส่วนราชการขอเบิกทั้งสิ้น 213,523 ราย
การ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 181,670 ล้านบาท  หรือคิดเป็นร้อยละ 25.49 ของจำนวนเงินที่จ่ายจากเงินคงคลัง
(ระบบ GFMIS และระบบเดิมของกรมบัญชีกลาง)  สำหรับการนำเงินส่งหรือฝากคลัง  ส่วนราชการได้นำเงินส่ง
คลังทั้งสิ้น 216,804 รายการ เป็นเงิน 952,827 ล้านบาท  ทั้งนี้  ให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดติดตามให้ส่วนราช
การ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานของรัฐในกำกับถือปฏิบัติและดำเนินงานตามระบบ GFMIS อย่างเคร่งครัด จริง
จัง รวมทั้งในการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ติดตามตรวจสอบการดำเนินการในเรื่องนี้ของหน่วย
งานในพื้นที่ด้วย

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548  ดังนี้ ผลการเบิกจ่าย
เงินงบประมาณจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลัง
แล้ว 418,277 ล้านบาท  หรือร้อยละ 34.86  ของวงเงินงบประมาณ (1,200,000 ล้านบาท) จำแนกเป็นราย
จ่ายประจำ 349,678 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.77 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (901,865 ล้านบาท) และ
รายจ่ายลงทุน  68,599  ล้านบาท หรือร้อยละ 23.01  ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน  (298,135 ล้านบาท)
สำหรับผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท มีหน่วย
งานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 20 แห่ง วงเงินงบประมาณราย
จ่ายลงทุนรวม 219,101 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณทั้งประเทศ โดยตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือน
มกราคม 2548  หน่วยงานดังกล่าวมีการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน 56,952 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25.99
ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนของกลุ่ม (219,101 ล้านบาท)

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ
นโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นางเกษรี ณรงค์เดช นายธีระชัย ภูวนาถนรานุ
บาล  นายพรชัย  นุชสุวรรณ  และคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ  ประกอบด้วย  นายชัยอนันต์
สมุทวณิช  นายวิจิตร  สุพินิจ  นายอุตตม  สาวนายน  นายพิชิต  อัคราทิตย์  นายกานต์  ตระกูลฮุน  และนาย
ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (5 เมษายน 2548) เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงออกตามความในประมวล
รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม 3 ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนมีมติอนุมัติหลักการ และสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดังนี้ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ 252 (พ.ศ. 2548) ออกตามความ
ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้พึงประเมินของผู้ได้รับ
ความเสียจากธรณีพิบัติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม  2547  เท่าจำนวนความเสียหายเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ
ยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ 253  (พ.ศ. 2548)  ออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร  ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร  โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้เงินได้พึงประเมินเท่าจำนวน
เงินที่บริจาคให้แก่ส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  วาตภัย   อัคคีภัย   หรือภัยธรรมชาติอื่นเป็น
เงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้     และร่างกฎกระทรวง   ฉบับที่  254
(พ.ศ. 2548) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร  โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนด
ให้เงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการ ตามมาตรการของรัฐบาลตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออก
จากราชการตามมาตรการของรัฐบาล พ.ศ. 2547 และตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราช
การตามมาตรการของรัฐบาลในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการ พ.ศ. 2548  และเงินหรือผลประโยชน์
ใด ๆ ที่สมาชิกกองทุน ฯ ได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการเมื่อออกจากราชการ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี
เงินได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของ
เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระชนมายุ 50 พรรษา  พ.ศ. ....
โดยมีสาระสำคัญคือ จัดทำเหรียญกษาปณ์เงิน ราคาหกร้อยบาท  สองชนิด  และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล)  ราคายี่สิบบาท  สองชนิด  ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 50 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2548  และ
ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการได้ตามที่กระทรวงการคลังเสนอการยื่นข้อเสนอผูกพัน
การเปิดเสรีด้านการเงินในการเจรจารอบที่ 3 (พ.ศ. 2545-2547) ในการประชุมคณะทำงานเปิดเสรีการ
ค้าบริการด้านการเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ครั้งล่าสุด  เมื่อวันที่ 22-
23 กรกฎาคม 2547 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย  และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้
แทน เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในพิธีสาร  Protocol to implement the third package of commitments
on financial services under the ASEAN Framework  Agreement  on  Services  ในการประชุมรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 9  ในวันที่ 6 เมษายน 2548  ณ  กรุงเวียงจันทน์  สาธารณรัฐประชา
ธิปไตยประชาชนลาว  และหากพิธีสารฉบับนี้มีการแก้ไขโดยไม่มีนัยสำคัญ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
คลังสามารถลงนามได้โดยมิต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายบุญถึง ผลพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  นายสมพงษ์ หิริกุล เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  และ
นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2548  เป็นต้น
ไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
จำนวน  3  ราย  ดังนี้  นายพิมล  ศรีวิกรม์  เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  พันตำรวจโท
ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์  เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุ
การรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) และนายวิทยา  บุรณศิริ เป็นผู้ช่วยเลขา
นุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ
คลัง (นายไชยยศ  สะสมทรัพย์) ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2548 ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่า
ด้วยการเสนอเรื่องเสนอการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายบุญถึง ผลพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  นายสมพงษ์ หิริกุล เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  และ
นายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2548  เป็นต้น
ไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
จำนวน  3  ราย  ดังนี้  นายพิมล  ศรีวิกรม์  เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  พันตำรวจโท
ไวพจน์  อาภรณ์รัตน์  เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุ
การรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) และนายวิทยา  บุรณศิริ เป็นผู้ช่วยเลขา
นุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ
คลัง (นายไชยยศ  สะสมทรัพย์) ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2548 ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่า
ด้วยการเสนอเรื่องเสนอการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548