ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 158 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3141 - 3160 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3141 | การกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ในปีงบประมาณ 2554 จำนวน 18,000 ล้านบาท | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินเป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่ครบกำหนด จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน และการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ๑.๓ เห็นชอบให้ ธอส. จัดให้มีแผนงานและแนวทางในการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) อย่างเป็นระบบ รวมทั้งมีมาตรการในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดอย่างระมัดระวังเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดปัญหา NPL ในอนาคต นอกจากนี้ ธอส. ควรศึกษาแนวทางการลดการพึ่งพาการค้ำประกันพันธบัตรของกระทรวงการคลัง โดยการพิจารณาหาทางเลือกอื่นในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน เช่น การทำ Securitization สินเชื่อที่อยู่อาศัยในระยะยาวที่เหมาะสม ๒. ให้ ธอส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเร่งจัดการ NPL ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อน เพื่อให้มีทางเลือกในการระดมทุนโดยวิธีอื่นนอกเหนือจากการออกพันธบัตรได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งควรคำนึงถึงต้นทุนทางการเงินในแต่ละทางเลือกและช่วงเวลาในการใช้แหล่งเงินทุนใหม่ประกอบการพิจารณาด้วย เพราะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินรวมจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ขอสินเชื่อ โดยเฉพาะผู้ขอสินเชื่อรายย่อย (วงเงินสินเชื่อต่ำกว่า ๑ ล้านบาท) ที่มีมากกว่าร้อยละ ๖๔.๓๙ ของสินเชื่อรวมของธนาคาร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3142 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการ กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผล | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการ กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผล มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทมีการควบรวมกิจการหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างกิจการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย และช่วยให้การจัดเก็บภาษีจากเงินปันผลเป็นมาตรฐานเดียวกันกับกรณีที่ไม่ได้มีการควบรวมกิจการหรือโอนกิจการทั้งหมดซึ่งสอดคล้องกับหลักการดำเนินกิจการต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัท และทำให้ฐานภาษีของรัฐบาลเพิ่มขึ้นในระยะยาว ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผลที่ได้จากบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้แก่ ๒.๑ บริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัดใหม่อันได้ควบเข้ากันหรือเป็นผู้รับโอนจากการโอนกิจการทั้งหมดให้กัน เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งของเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับ ๒.๒ บริษัทตาม ๒.๑ ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนหรือเป็นบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง โดยบริษัทจำกัดผู้จ่ายเงินปันผลไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทนั้นไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม เป็นจำนวนเท่ากับเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับ ทั้งนี้ บริษัทตาม ๒.๑ และ ๒.๒ ได้ถือหุ้นหรือหน่วยลงทุนที่ก่อให้เกิดเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งกำไรไม่น้อยกว่า ๓ เดือนนับแต่วันที่ได้หุ้นหรือหน่วยลงทุนนั้นมาจนถึงวันที่มีเงินได้ดังกล่าว และยังคงถือหุ้นหรือหน่วยลงทุนนั้นต่อไปอีกไม่น้อยกว่า ๓ เดือนนับแต่วันที่มีเงินได้ โดยให้นับระยะเวลาระหว่างที่บริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัดเดิมอันได้ควบกันหรือเป็นผู้โอนกิจการที่ต้องจดทะเบียนเลิกได้ถือหุ้นหรือหน่วยลงทุนนั้นรวมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3143 | ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ ในส่วนของบทบัญญัติที่เกี่ยวกับโครงสร้างบริษัท และกองทุนประกันวินาศภัย ให้มีความชัดเจน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของธุรกิจประกันภัย และให้ความช่วยเหลือเจ้าหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ ในส่วนของบทบัญญัติที่เกี่ยวกับโครงสร้างบริษัท และกองทุนประกันชีวิต ให้มีความชัดเจน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของธุรกิจประกันภัย และให้ความช่วยเหลือเจ้าหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับการกำหนดลำดับบุริมสิทธิในการจ่ายเงินส่วนแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยให้ชัดเจนเช่นเดียวกับการกำหนดลำดับบุริมสิทธิเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ การกำหนดวิธีการและขั้นตอนเพื่อให้ศาลได้รู้ถึงคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล และการกำหนดข้อยกเว้นกรณีให้ศาลงดการพิจารณาคดีที่มีผู้ฟ้องบริษัทสำหรับสิทธิเรียกร้องใด ๆ ต่อศาลไว้ก่อน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการใช้สิทธิของโจทก์ที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในการพิสูจน์ถึงความรับผิดของจำเลยอื่น ๆ และพิสูจน์ถึงจำนวนค่าเสียหายที่จำเลยแต่ละรายนอกจากบริษัทผู้ประกันต้องรับผิดต่อโจทก์ เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยฯ และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิตฯ ไม่มีผลกระทบต่อการใช้สิทธิของบุคคล เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3144 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย พ.ศ. .... | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3145 | การขอตั้งงบประมาณเพื่อจัดตั้งหน่วยระวังภัยทางเศรษฐกิจของอาเซียน | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔,๔๙๐,๐๐๐ บาท เพื่อนำไปชำระเงินสำหรับการจัดตั้งหน่วยระวังภัยทางเศรษฐกิจของอาเซียน (Macroeconomic and Finance Surveillance Office :MFSO ได้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่และวิเคราะห์องค์ความรู้จาก MFSO และหน่วยงานอื่น ๆ ของอาเซียนภายหลังจากมีการจัดตั้งขึ้นเรียบร้อยแล้ว เช่น สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ ซึ่งจะมีการจัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+๓ (เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓) เพื่อสร้างองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมให้กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประเทศไทยในการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3146 | การขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระบบอันเป็นการลดต้นทุนการจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสถาบันการเงินตามแผนการพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ และเพื่อช่วยลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ รวมทั้งสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติหลักการ ๒.๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้อื่น ๒.๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือของเจ้าหนี้อื่นที่เจรจาและตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ร่วมกับสถาบันการเงินออกไปอีก สำหรับส่วนของหนี้ที่ได้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒.๒ เห็นชอบในหลักการ ๒.๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
3147 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2553 | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๗๑๘ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๓๓๔ โครงการ วงเงิน ๑๕,๓๕๒.๖๐ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๓๔๘ โครงการ วงเงิน ๓๓๔,๖๐๗.๘๔ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๘๘๓ โครงการ วงเงิน ๑๘,๒๒๒.๙๑ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒๙๗ โครงการ วงเงิน ๘,๔๖๖.๔๑ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๘๖ โครงการ วงเงิน ๙,๗๕๖.๕๐ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๘,๕๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๑๖,๓๘๔.๙๓ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๘,๕๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๐๗,๖๘๗.๘๒ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๒,๒๖๕ โครงการ วงเงิน ๕๓,๗๐๗.๗๐ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๗๖๗ โครงการ วงเงิน ๒๑๑,๘๘๑.๐๒ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๔๖๙ โครงการ วงเงิน ๔๒,๐๙๙.๐๑ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๖,๒๓๖ โครงการ วงเงิน ๒๕๓,๙๘๐.๑๒ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3148 | การขออนุมัติให้เอกชนร่วมงานในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหมอน 21 - 22 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 | กค | 21/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้เอกชนเข้าร่วมงานในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหมอน ๒๑ - ๒๒ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยดำเนินการพัฒนาพื้นที่บริเวณหมอน ๒๑ - ๒๒ ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกสามย่าน (จุดตัดระหว่างถนนพญาไทกับถนนพระราม ๔) เนื้อที่ประมาณ ๑๓ ไร่ ๑ งาน ๔๗.๕ ตารางวา ตามแผนแม่บทการพัฒนาประโยชน์ที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่สำหรับประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในรูปแบบอาคารสูง เพื่อนำรายได้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรปรับปรุงหลักการคิดประเมินผลประโยชน์ตอบแทนนอกเหนือจากค่าเช่าที่ดินของโครงการ โดยกำหนดให้มีผลตอบแทนในลักษณะส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) จากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ประเภทต่าง ๆ ของโครงการ รวมทั้งพิจารณาแนวทางและมาตรการในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณโดยรอบโครงการที่เหมาะสม และกำหนดเป็นเงื่อนไขใน TOR ให้เอกชนจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามขั้นตอนของกฎหมายและการพัฒนากิจกรรมเชิงพาณิชย์ของโครงการอย่างเคร่งครัด และเพิ่มเติมในเรื่องการสร้างพื้นที่กิจกรรมร่วมของชุมชน การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่เมือง และการให้โอกาสผู้อยู่อาศัยเดิมได้รับสิทธิที่จะเช่าเพื่อประกอบกิจการค้าหรืออยู่อาศัยในโครงการ เพื่อลดผลกระทบและกระแสการต่อต้านจากการพัฒนาโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3149 | เป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2554 | กค | 21/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี ๒๕๕๔ ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ทำความตกลงร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างร้อยละ ๐.๕-๓.๐ ต่อปี เท่ากันกับเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี ๒๕๕๓ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการกำหนดเป้าหมายนโยบายการเงิน ซึ่งจะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจสามารถคาดการณ์ได้ถึงผลกระทบของนโยบายการเงินที่มีต่อธุรกิจ ตลอดจนส่งผลต่อความเชื่อถือไว้วางใจในการรักษาความแน่นอนในการกำหนดนโยบายของภาครัฐ และสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3150 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 - 28 กุมภาพันธ์ 2554) | กค | 21/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนออกไป ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง และมาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ โดยให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวต่อไปจนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามหลักการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และให้รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย กู้เงินเพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวในช่วงขยายระยะเวลา และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินให้กับรัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยมาตรการในเรื่องใดที่เป็นบริการเชิงสังคมควรปรับเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation : PSO) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการพิจารณาให้เงินอุดหนุนที่ชัดเจนและเป็นระบบ และอาจพิจารณาความจำเป็นในการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจให้สามารถรองรับการอุดหนุนตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3151 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 17 ธันวาคม 2553 | กค | 21/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๗๑๐ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๓๖๗ โครงการ วงเงิน ๑๖,๐๘๔.๙๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๓๔๓ โครงการ วงเงิน ๓๓๓,๘๗๕.๕๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๑๔๕ โครงการ วงเงิน ๑๙,๓๓๕.๖๐ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๔๗๘ โครงการ วงเงิน ๑๑,๖๘๐.๐๒ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๖๖๗ โครงการ วงเงิน ๗,๖๕๕.๕๘ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๘,๑๙๘ โครงการ วงเงิน ๓๑๔,๕๓๙.๙๒ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๘,๑๙๘ โครงการ วงเงิน ๓๐๖,๒๘๗.๔๔ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๒,๑๔๖ โครงการ วงเงิน ๕๕,๐๔๒.๘๒ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๕๘๓ โครงการ วงเงิน ๒๐๙,๑๔๗.๔๓ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๔๖๙ โครงการ วงเงิน ๔๒,๐๙๗.๑๙ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๖,๐๕๒ โครงการ วงเงิน ๒๕๑,๒๔๔.๖๒ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3152 | การเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น | กค | 21/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตรวจสอบรายละเอียดการเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น และผลกระทบต่องบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล ในการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ ๑๕-๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งการปรับค่าตอบแทนให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นของกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ เป็นการปรับเพื่อลดช่องว่างให้สอดคล้องและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล ดังนั้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จะไม่มีการปรับค่าตอบแทนให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น รวมทั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลอีก สำหรับข้อเสนอการปรับเงินเดือน ค่าจ้าง สำหรับข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น และลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทอื่นเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ ๕ นั้น หากมีการดำเนินการในโอกาสต่อไป ให้ปรับค่าตอบแทนเฉพาะในส่วนของข้าราชการประจำและพนักงานส่วนท้องถิ่นและลูกจ้างเท่านั้น ๒. ส่วนระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินค่าตอบแทน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่กระทรวงมหาดไทยส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3153 | แหล่งเงินทุนโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ | กค | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้โรงงานยาสูบใช้แหล่งเงินลงทุนจากเงินรายได้ของโรงงานยาสูบในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมของการลดอัตราการนำส่งรายได้แผ่นดินของโรงงานยาสูบ จากอัตราที่กำหนดไว้เดิมร้อยละ ๘๘ ของกำไรสุทธิ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องระหว่างแผนการลงทุนกับผลประกอบการจริงของโรงงานยาสูบ โดยเริ่มจากการพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๒ การปรับแผนการดำเนินการโครงการฯ โดยยังคงเป้าหมาย วงเงินลงทุน และผลประโยชน์ที่ได้รับ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เดิม ตามที่โรงงานยาสูบเสนอ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ทั้งนี้ หากการปรับแผนการดำเนินการโครงการฯ มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อแผนงานหรือการลงทุนจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ กระทรวงการคลังจะต้องจัดทำรายละเอียดเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนดำเนินการต่อไป และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำกับดูแลให้โรงงานยาสูบจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงทางการเงินขององค์กรอย่างใกล้ชิด โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินเพื่อมิให้กิจการประสบปัญหาทางการเงิน รวมทั้งการนำเงินส่งรัฐในระยะต่อไป นอกจากนี้ ในการลดอัตราการนำส่งรายได้แผ่นดินและการปรับแผนการดำเนินโครงการฯ ให้คำนึงถึงการจัดทำงบประมาณเข้าสู่สมดุลภายใน ๕ ปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3154 | เสนอขอมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้งบประมาณเพื่อจ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างผลอาสิน และซื้อที่ดินในพื้นที่โครงการด่านศุลกากรบ้านประกอบส่วนขยาย ระยะที่ 2 | กค | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการใช้เงินงบประมาณในการจ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสิน และจัดซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ จ่ายเงินชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสิน ให้กับผู้ครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่ได้ตกลงโดยมีบันทึกยินยอมรับราคาตามที่คณะทำงานตกลงราคาและจ่ายเงินชดเชยกำหนดโดยไม่มีเงื่อนไข จำนวน ๔๗ แปลง เนื้อที่ ๑๒๔-๓-๓๑ ไร่ เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๐,๓๘๒,๔๔๓ บาท สำหรับพื้นที่ส่วนที่เหลือ (๙ แปลง) ให้จ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างและผลอาสินโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ๑.๒ จัดซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ (น.ส.๓ ก) จำนวน ๑๗ แปลง เนื้อที่รวม ๒๔-๑-๒๒ ไร่ ตามราคาที่คณะทำงานตกลงราคาซื้อขายที่ดินด่านพรมแดนบ้านประกอบ ระยะที่ ๒ กำหนดในราคาตารางวาละ ๘๒๕ บาท (ไร่ละ ๓๓๐,๐๐๐ บาท) รวมกับราคาค่าสิ่งปลูกสร้างและราคาค่าต้นไม้ในที่ดินด้วย ๑.๓ ในระหว่างรอขั้นตอนดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งมอบพื้นที่ให้กรมศุลกากร อนุมัติให้กรมศุลกากรร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลาและสำนักงานจังหวัดสงขลาร่วมกันจ่ายเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการไปก่อน ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยให้กระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในประเด็นข้อกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยไว้ แต่ในกรณีที่รัฐเห็นสมควรให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องไร้ที่ทำกิน คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือได้ ส่วนกรณีที่รัฐประสงค์จะซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ รัฐต้องคำนึงถึงสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ กรณีเจ้าของที่ดินตกลงซื้อขายที่ดินย่อมตกอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ในการดำเนินกิจการของรัฐอันเป็นประโยชน์สาธารณะ แม้เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมในการตกลงซื้อขาย รัฐสามารถใช้อำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ของเอกชน แต่รัฐต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมให้แก่ผู้ถูกเวนคืนนั้นด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการปรับปรุงสภาพถนนบริเวณโครงการด่านศุลกากรบ้านประกอบส่วนขยาย ระยะที่ ๒ ตามแผนงานปรับปรุงด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการเดินทางและขนส่งสินค้าในสายทางดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาการจ่ายเงินชดเชยหรือเงินช่วยเหลือสิ่งปลูกสร้าง ผลอาสิน และซื้อที่ดินในพื้นที่สำหรับโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3155 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2553 | กค | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๗๐๓ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๓๙๓ โครงการ วงเงิน ๑๗,๒๑๖.๗๑ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๓๑๐ โครงการ วงเงิน ๓๓๒,๗๔๓.๗๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๔๔๘ โครงการ วงเงิน ๑๙,๑๒๒.๐๑ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๘๕๙ โครงการ วงเงิน ๑๑,๑๔๖.๒๔ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๘๙ โครงการ วงเงิน ๗,๙๗๕.๗๗ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๗,๘๖๒ โครงการ วงเงิน ๓๑๓,๖๒๑.๗๑ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๗,๘๖๒ โครงการ วงเงิน ๓๐๕,๓๑๐.๕๙ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๙๖๓ โครงการ วงเงิน ๕๕,๗๐๒.๐๙ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๖๙๒ โครงการ วงเงิน ๒๐๘,๐๗๗.๓๗ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๒๐๗ โครงการ วงเงิน ๔๑,๕๓๑.๑๓ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๘๙๙ โครงการ วงเงิน ๒๔๙,๖๐๘.๕๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3156 | โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัย ปี 2553 (ธนคารอิสลามแห่งประเทศไทย) | กค | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัยปี ๒๕๕๓ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) โดยวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อใช้ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือน อุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ และ/หรือเป็นทุนหมุนเวียน โดยมีวงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นสินเชื่อระยะสั้น (Short-term Credit Facility) และระยะยาว (Long-term Credit Facility) ระยะเวลาการให้สินเชื่อไม่เกิน ๕ ปี อัตรากำไรหรือค่าธรรมเนียมคงที่ร้อยละ ๐.๕๐ ต่อเดือนตลอดอายุสัญญา แต่ไม่เกิน ๕ ปี และไม่มีหลักประกัน (Clean Cerdit Facility) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3157 | การขายที่ดินราชพัสดุให้กับสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จำกัด จังหวัดนครปฐม | กค | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ขายที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นฐ. ๑๑๓ โฉนดเลขที่ ๙๑๑๒ ตำบลคลองโยง อำเภอนครชัยศรี และ นฐ. ๑๑๔ โฉนดเลขที่ ๙๓๙๕ ตำบลลานตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ตามเนื้อที่ที่ระบุในโฉนดให้กับสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จำกัด จังหวัดนครปฐม ในราคา ๖,๙๐๘,๕๐๐ บาท โดยสหกรณ์การเช่าที่ดินคลองโยง จำกัด จังหวัดนครปฐม จะต้องยึดถือตามหลักเกณฑ์ระเบียบและข้อบังคับในการห้ามมิให้นำไปจำหน่ายจ่ายโอนให้แก่บุคคลอื่นเว้นแต่เป็นการโอนให้แก่ทายาทหรือผู้มีสิทธิรับมรดกของสมาชิกเพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพอย่างแท้จริงและรักษาไว้ซึ่งสมบัติของแผ่นดินต่อไป พร้อมทั้งเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุดังกล่าว ตลอดจนอากรแสตมป์ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดแทนกระทรวงการคลังทั้งสิ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3158 | โครงการอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน (หมอหนี้) | กค | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการและแนวทางการดำเนินการโครงการอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน (หมอหนี้) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาบุคลากรอาสาสมัครในการทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและให้คำ ปรึกษาแนะนำแก่ประชาชนในระบบเศรษฐกิจฐานราก กลุ่มเกษตรกร และคนยากจน ให้มีความรู้ ความเข้าใจใน การวางแผนจัดการทางการเงินของครอบครัว สามารถเข้าถึงและใช้บริการสถาบันการเงินในระบบมากขึ้น เพื่อ หลีกเลี่ยงปัญหาหนี้นอกระบบ รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการออม และการใช้ชีวิตบนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียงซึ่งจะช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในระดับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังขอตกลงในรายละเอียดของค่าใช้จ่ายและแหล่งเงินงบประมาณที่เหมาะสม ในการดำเนินโครงการฯ กับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการฯ ควรพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การปรับแผนการใช้งบประมาณของกระทรวง การคลัง หรือขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจจัดงบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการฯ เป็นการเฉพาะ ซึ่งหากผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจจึงควรพิจารณางบประมาณปกติสมทบในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป และควรให้ ความสำคัญกับคุณภาพของอาสาสมัครโดยกำหนดคุณสมบัติให้เหมาะสม และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวอย่าง เคร่งครัด โดยมีการประเมินผลการทำงานของอาสาสมัครอย่างสม่ำเสมอ และระมัดระวังไม่ให้อาสาสมัครเรียกรับ ผลประโยชน์จากผู้กู้เงินด้วย รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครง การด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3159 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ได้รับเบี้ยหวัดมีสิทธิได้รับ เบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับบำนาญปกติ บำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพล ภาพ บำนาญพิเศษ หรือบำนาญตกทอด ในฐานะทายาทหรือผู้อุปการะหรือผู้อยู่ในอุปการะตามกฎหมายว่า ด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการอยู่แล้ว ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ให้ได้รับ ช.ค.บ. ในอัตราดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ๑. ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญและ ช.ค.บ. อยู่แล้ว ให้ได้รับ ช.ค.บ. เพิ่มขึ้นอีกใน อัตราเดือนละร้อยละห้าของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญและ ช.ค.บ. ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ ๒. ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเฉพาะเบี้ยหวัดหรือบำนาญ ให้ได้รับ ช.ค.บ. เพิ่มขึ้นอีกในอัตราเดือนละ ร้อยละห้าของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ ทั้งนี้ การคำนวณ ช.ค.บ. ถ้ามีเศษของบาทให้ปัดทิ้ง
|
||||||||||||||||||||||||
3160 | โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัย ปี 2553 | กค | 07/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัย ปี ๒๕๕๓ ของธนาคารออมสิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยให้มีแหล่งเงินทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นและเกิดการประกอบอาชีพสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีวงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ตามความจำเป็นและความสามารถในการผ่อนชำระ ประเภทสินเชื่อ เป็นเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) ระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน ๕ ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อเดือน ตลอดอายุสัญญากู้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปพิจารณาด้วยว่า โครงการฯ ไม่ได้กำหนดให้ผู้กู้เงินต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงอาจเป็นภาระงบประมาณในกรณีที่ธนาคารออมสินจะขอรับการชดเชยความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากรัฐบาล |
.....