ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 154 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3061 - 3080 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3061 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 8 เมษายน 2554 | กค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๓,๓๑๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๓ โครงการ วงเงิน ๘,๓๗๖.๗๐ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๔๔๒ โครงการ วงเงิน ๓๔๑,๕๘๓.๗๔ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๗๑ โครงการ วงเงิน ๑๑,๘๑๑.๘๙ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒๐๔ โครงการ วงเงิน ๔,๖๒๓.๔๙ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๖๗ โครงการ วงเงิน ๗,๑๘๘.๔๐ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๗๗๑ โครงการ วงเงิน ๓๒๙,๗๗๑.๘๕ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๗๗๑ โครงการ วงเงิน ๓๒๐,๒๖๕.๐๒ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๒๓๔ โครงการ วงเงิน ๔๗,๑๖๖.๙๓ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน ๑๒,๗๓๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๓,๑๒๘.๒๖ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๗๙๘ โครงการ วงเงิน ๑๓๙,๙๖๙.๘๓ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๘,๕๓๗ โครงการ วงเงิน ๒๗๓,๐๙๘.๐๙ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3062 | สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ | กค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดต้นทุนและสนับสนุนให้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียน รวมทั้งจูงใจให้มีบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ มากขึ้น โดยให้สิทธิประโยชน์ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ ๒๕ สำหรับกำไรสุทธิในส่วนที่ไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท โดยให้บริษัทจดทะเบียนเดิมทุกรายได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวจนถึงรอบระยะเวลาบัญชี ๒๕๕๘ และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวเป็นเวลา ๕ รอบระยะเวลาบัญชี สำหรับบริษัทจดทะเบียนรายใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่ได้รับการจดทะเบียนระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน “ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ” โดยให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3063 | การค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 3 ในปี 2554 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม | กค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินโครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ ๓ ๒. กำหนดวงเงินค้ำประกันโครงการ PGS ระยะที่ ๓ ไว้ที่ ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท ๓. ชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ PGS ระยะที่ ๓ ให้กับ บสย. ไม่เกินร้อยละ ๓.๐ ต่อปีของภาระค้ำประกันเฉลี่ยในปีนั้น หรือไม่เกินร้อยละ ๑๕ ของภาระค้ำประกันทั้งโครงการโดยคิดเป็นวงเงินไม่เกิน ๒,๒๕๐ ล้านบาท [(๑๕% - ๘.๗๕%)*๓๖,๐๐๐] โดยให้ทบส่วนต่างไปปีถัดไปได้ และให้ บสย. ประสานกับสำนักงบประมาณในการเบิกจ่ายต่อไป ๔. กรณี บสย. พิจารณาลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันในปีแรกลงต่ำกว่าอัตราปกติ ให้ บสย. รับภาระค่าธรรมเนียมดังกล่าวเอง ทั้งนี้ บสย. ต้องคำนึงถึงฐานะทางการเงินของ บสย. โดยรัฐไม่รับภาระชดเชยในส่วนที่ บสย. พิจารณาลดค่าธรรมเนียมลง
|
|||||||||||||||||||||||||||
3064 | ขอความเห็นชอบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานภาครัฐอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการผลการประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง การจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานภาครัฐอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป โดยมติที่ประชุมมี ดังนี้ ๑.๑ ให้แต่ละส่วนราชการที่มีระเบียบเกี่ยวกับเงินรายได้อยู่แล้วปรับแก้ไขระเบียบกำหนดให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละประเภทงานและข้อเท็จจริง และกรณีส่วนราชการที่ดำเนินการจ้างเป็น Unit Cost ให้ปรับ Unit Cost เฉพาะในเขตพื้นที่ ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สูงกว่าในเขตพื้นที่ปกติทั่วไปโดยระบุเป็นเงื่อนไขพิเศษ หรือกรณีจ้างแรงงานทั่วไปที่ทำงานในพื้นที่ ก็ให้พิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติในเรื่องดังกล่าวสำหรับกรณีที่ส่วนราชการที่ได้รับเงินอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายรายหัวต่อคนจากรัฐในการบริหารจัดการ ก็สามารถขอเพิ่มเงินอุดหนุนต่อสำนักงบประมาณได้ ทั้งนี้ การขอเพิ่มเงินอุดหนุนดังกล่าวต้องเท่าที่จำเป็น ๑.๒ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รายงานผลการพิจารณาเรื่อง การจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ภาครัฐอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. หากส่วนราชการใดมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ให้แจ้งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วน เพื่อให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาในภาพรวมให้เกิดความคล่องตัวและเหมาะสมเป็นธรรม แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
3065 | การลงนามใน Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the People's Republic of China on Customs Cooperation | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านศุลกากร (Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the People’s Republic of China on Customs Cooperation) โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านศุลกากร รวมทั้งการอำนวยความสะดวกทางการค้าร่วมกัน ระหว่างศุลกากรของประเทศสมาชิกอาเซียนกับศุลกากรจีน ๒. อนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3066 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็ก | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็ก โดยกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการเพื่อเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้แก่ลูกจ้างโดยไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่ม และจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนช่วยสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและกิจกรรมของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในท้องถิ่น ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่ากับรายจ่ายตามจำนวนและหลักเกณฑ์ที่กำหนดในการสนับสนุนในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล แล้วแต่กรณี ๑.๒.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ที่คำนวณได้จากมูลค่าที่ลูกจ้างได้รับจากการนำบุตรของลูกจ้างไปอยู่ในความดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก ที่นายจ้างจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการในการดูแลบุตรของลูกจ้าง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรพิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กเล็กให้ครอบคลุมแก่ผู้ดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็กที่ไม่ได้จัดตั้งในสถานประกอบกิจการ รวมทั้งเห็นควรให้ภาคเอกชนที่สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและกิจกรรมของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในศาสนสถานได้รับการลดหย่อนภาษีเช่นเดียวกันกับที่ภาคเอกชนสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการพิจารณากระบวนการตรวจสอบรายจ่าย หรือยอดการบริจาคเงินที่ชัดเจน และควรดำเนินการปฏิรูประบบภาษีทั้งระบบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3067 | รายงานปัญหาอุปสรรคของการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXXI-1 | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงานในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (Fuel Pipeline Transportation Limited : FPT) ร่วมเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อเร่งรัดให้บริษัท FPT ปฏิบัติตามสัญญาเช่าที่ดิน (สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXXI-1) เพื่อดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการรื้อย้ายแนวฝังท่อน้ำมันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในโอกาสแรกต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3068 | การปรับแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ภายใต้วงเงินลงทุนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง แผนงานโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ของโรงงานยาสูบ) ๑.๒ ให้โรงงานยาสูบฯ ใช้แหล่งเงินทุนจากเงินรายได้ของโรงงานยาสูบฯ ในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง แหล่งเงินทุนโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่) ๒. ให้กระทรวงการคลังและโรงงานยาสูบรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรหาแนวทางป้องกันความเสี่ยง เช่น การวางแผนการซ่อมบำรุงล่วงหน้า (Preventive Maintenance) เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตของโรงงาน และควรมีแผนการบริหารจัดการบุคลากรให้สอดคล้องกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการผลิต รวมทั้งพิจารณารายละเอียดความเหมาะสมและความจำเป็นของวงเงินลงทุนของโครงการฯ ในรายการที่สำคัญให้เกิดความชัดเจนเพื่อเสนอประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เช่น การปรับกระบวนการผลิตด้านใบยาและยาเส้น (Primary Process) การเปลี่ยนแปลงระบบลำเลียงและควบคุมอัตโนมัติให้เป็นเทคโนโลยีใหม่ด้วยระบบ Automatic Racking ในขั้นตอนการมวนและบรรจุ การปรับผังอาคารโรงงานเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งาน และการปรับแผนการก่อสร้างอาคารที่พัก โดยปรับขนาดการก่อสร้างอาคารที่พักจากสำหรับพนักงาน ๑,๐๐๐ คน พื้นที่ ๒๓,๐๐๐ ตารางเมตร เป็นสำหรับพนักงาน ๔๒๐ คน พื้นที่ ๙,๒๘๐ ตารางเมตร ในวงเงินลงทุนเท่าเดิม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3069 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2554 | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี ๒๕๕๔ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น สำหรับเงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล หรือเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคหรือช่วยเหลือเพื่อชดเชยความเสียหายนอกเหนือจากที่ได้รับจากรัฐบาล และสำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัทที่ประกอบธุรกิจประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหายเนื่องจากภัยดังกล่าว ตลอดจนยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่าจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการสำหรับสินค้าที่บริจาค โดยมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นตัวแทนรับบริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว ๑.๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๑๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นซึ่งเป็นตัวแทนรับบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ สามารถนำเงินที่เหลือจากการบริจาคในกรณีดังกล่าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในปี ๒๕๕๔ ได้ด้วย ๑.๒.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) หรือ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติ ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เท่าจำนวนความเสียหาย ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เช่าที่ดินและอาคารราชพัสดุที่ประสบภัยพิบัติดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3070 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกฤษฎา อุทยานิน) | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกฤษฎา อุทยานิน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3071 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2554 | กค | 04/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๓,๒๑๗ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๓ โครงการ วงเงิน ๘,๔๖๗.๐๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๓๔๔ โครงการ วงเงิน ๓๔๑,๔๙๓.๔๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๓๐ โครงการ วงเงิน ๑๒,๘๓๐.๙๙ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๓๒ โครงการ วงเงิน ๔,๖๓๑.๓๕ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๙๘ โครงการ วงเงิน ๘,๑๙๙.๖๔ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๗๑๔ โครงการ วงเงิน ๓๒๘,๖๖๒.๔๓ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๗๑๔ โครงการ วงเงิน ๓๑๘,๙๐๗.๙๙ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๒๘๕ โครงการ วงเงิน ๔๗,๓๔๙.๑๙ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน ๑๒,๗๒๐ โครงการ วงเงิน ๑๓๒,๐๘๒.๑๔ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๗๐๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๙,๔๗๖.๖๖ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๘,๔๒๙ โครงการ วงเงิน ๒๗๑,๕๕๘.๘๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3072 | ขอทบทวนค่าใช้จ่ายดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี 2553/54 และงบประมาณดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2553/54 รอบที่ 2 | กค | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการค่าใช้จ่ายดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๓/๕๔ ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเหมาจ่ายต่อเกษตรกร ๑ ราย ในอัตรารายละ ๓๑๕ บาท กรณีเกษตรกรได้สิทธิชดเชยรายได้ และในอัตรารายละ ๒๘๙ บาท กรณีเกษตรกรไม่ได้สิทธิชดเชยรายได้ ส่วนโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ปีการผลิต ๒๕๕๓/๕๔ ของ ธ.ก.ส. ให้คำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในอัตราเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๓/๕๔) และวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๓/๕๔) ที่กำหนดให้ใช้อัตราเหมาจ่าย ๒๐๐ บาท ต่อเกษตรกร ๑ ราย ๒. เห็นชอบให้ใช้เงินทุนของ ธ.ก.ส. เพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่เกษตรกรตามสัญญาประกันรายได้เกษตรกรสำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๓/๕๔ รอบที่ ๒ ระหว่างที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรที่จัดทำสัญญาประกันรายได้และใช้สิทธิตามสัญญาประกันรายได้ โดย ธ.ก.ส. คิดต้นทุนเงินเพื่อขอเบิกชดเชยจากรัฐบาลในร้อยละ ๒.๕๑๒๕ ต่อปี แทนอัตรา FDR + Spread ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดของงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
3073 | การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานสถาบันการเงินเฉพาะกิจจากการดำเนินงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2552 และปี 2553 | กค | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ยกเว้นการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ที่กำหนดให้รัฐวิสาหกิจจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษตามระบบประเมินผลซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจอยู่แล้วเท่านั้น ๒. อนุมัติให้จ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้พนักงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ๕ แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำนวน ๑ เท่าของเงินเดือน โดยให้จ่ายจากเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่ง โดยให้จ่ายในคราวเดียว
|
|||||||||||||||||||||||||||
3074 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม 2554 | กค | 28/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๓,๑๘๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๓ โครงการ วงเงิน ๘,๘๐๖.๐๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๓๑๒ โครงการ วงเงิน ๓๔๑,๑๕๔.๔๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๖๔ โครงการ วงเงิน ๑๓,๕๐๙.๐๔ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒๐๐ โครงการ วงเงิน ๕,๘๓๕.๘๖ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๖๔ โครงการ วงเงิน ๗,๖๗๓.๑๘ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๖๔๘ โครงการ วงเงิน ๓๒๗,๖๔๕.๓๘ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๖๔๘ โครงการ วงเงิน ๓๑๗,๗๑๕.๘๐ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๓๓๘ โครงการ วงเงิน ๔๗,๖๕๒.๙๖ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน ๑๒,๖๒๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๐,๗๕๓.๕๐ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๖๘๑ โครงการ วงเงิน ๑๓๙,๓๐๙.๓๔ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๘,๓๑๐ โครงการ วงเงิน ๒๗๐,๐๖๒.๘๔ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3075 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางฉวีวรรณ คงเจริญกิจกุล และนายบุญชัย พิทักษ์ดำรงกิจ) | กค | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางฉวีวรรณ คงเจริญกิจกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ๒. นายบุญชัย พิทักษ์ดำรงกิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
3076 | มาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี | กค | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบมาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวีที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวีแล้ว ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ เพื่อส่งเสริมการพัฒนากองเรือไทยให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยช่วยเหลือผู้ประกอบการพาณิชยนาวีไทยให้มีแหล่งเงินทุนในการจัดหาเรือที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและระยะเวลาชำระคืนที่ผ่อนปรน และอนุมัติวงเงินงบประมาณสนับสนุนเป็นจำนวนไม่เกิน ๑,๐๕๐ ล้านบาท เป็นระยะเวลา ๗ ปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการอย่างใกล้ชิดเพื่อความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณและผลประโยชน์ตอบแทนต่อการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย รวมถึงกิจการพาณิชยนาวีของประเทศโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวีตามที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งกองทุนพาณิชยนาวีขึ้นมาอีก |
|||||||||||||||||||||||||||
3077 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ครั้งที่ 1ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2554 | กค | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ ครั้งที่ ๑ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๔ จำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนดังกล่าวทั้งจำนวนโดยการชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลฯ ในส่วนของกู้เงินระยะสั้น อายุไม่เกิน ๔ เดือน จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท จากสถาบันการเงิน ๓ แห่ง ได้แก่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ ๒.๑๕ - ๒.๓๑ ต่อปี และทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายฯ ดังกล่าว ได้ดำเนินการโดยการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและการจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑ (LB17OA) อายุคงเหลือ ๖.๗๒ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๘๐ ต่อปี โดยมีการประมูลในวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ และ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ ครั้งละ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมจำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3078 | การลงนามใน "พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 5 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน" | กค | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามใน “พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ ๕ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน” ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน [ASEAN Finance Ministers’ Meeting (AFMM)] ครั้งที่ ๑๕ ช่วงต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ณ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และให้เสนอพิธีสารฯ เพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังได้ยืนยันว่าข้อตกลงดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบปฏิญญาว่าด้วยแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน [ASEAN Economic Community Blueprint (AEC Blueprint)] ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนลงนามในพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียน ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้พิธีสารฯ มีผลใช้บังคับ เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
3079 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ข้อมูล ณ วันที่ 18 มีนาคม 2554 | กค | 22/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๓,๑๐๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๓ โครงการ วงเงิน ๙,๒๖๑.๒๘ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๒๓๒ โครงการ วงเงิน ๓๔๐,๖๙๙.๑๕ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๔๙ โครงการ วงเงิน ๑๓,๕๗๕.๕๖ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒๗๖ โครงการ วงเงิน ๕,๙๖๕.๐๒ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๓๗๓ โครงการ วงเงิน ๗,๖๑๐.๕๔ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๕๘๓ โครงการ วงเงิน ๓๒๗,๑๒๓.๕๙ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๕๘๓ โครงการ วงเงิน ๓๑๗,๑๒๐.๒๐ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๔๖๒ โครงการ วงเงิน ๔๘,๑๕๒.๖๘ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน ๑๒,๕๐๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๐,๐๕๕.๕๖ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๖๑๒ โครงการ วงเงิน ๑๓๘,๙๑๑.๙๖ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๘,๑๒๑ โครงการ วงเงิน ๒๖๘,๙๖๗.๕๒ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3080 | รายงานผลการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการกู้เงินงวดสุดท้าย การเบิกจ่ายเงินกู้ และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ สรุปได้ ดังนี้ กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาผูกพันเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดย ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๒๖๐,๙๙๒.๗๕ ล้านบาท จากวงเงินกู้ทั้งสิ้น ๓๔๘,๙๔๐.๐๙ ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ จากเงินกู้ระยะสั้นที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นเงินกู้ระยะยาวที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ในวงเงิน ๑๒๘,๘๓๐ ล้านบาท จากวงเงินกู้ทั้งสิ้น ๓๔๘,๙๔๐.๐๙ ล้านบาท เพื่อบริหารต้นทุนและความเสี่ยงในการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาว โดยเป็นการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๘๒,๒๓๐ ล้านบาท และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๔๖,๖๐๐ ล้านบาท ๒. รับทราบแนวทางการบริหารเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ โดยกระทรวงการคลังต้องได้รับข้อมูลประมาณการเบิกจ่ายเงินกู้จากหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ จากสำนักงบประมาณ เพื่อที่กระทรวงการคลังจะสามารถจัดทำแผนการบริหารเงินสดภายใต้บัญชีเงินคงคลังเพื่อกำหนดระดับการถือครองเงินสดที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาและบริหารต้นทุนในการถือครองเงินสดของรัฐบาลในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยให้บันทึกข้อมูลเข้าระบบสารสนเทศโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (Projects Financial Monitoring System : PFMS) ให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔
|
.....