ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 160 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3181 - 3200 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3181 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ประกอบด้วย มาตรการภาษีด้านเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล มาตรการภาษีด้านการประกันภัย และมาตรการภาษีเกี่ยวกับทรัพย์ สินและสินค้าถูกเพลิงไหม้หรือเสียหายเกี่ยวเนื่องจากการเกิดเพลิงไหม้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๖ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ ประกอบกิจการที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและหรือกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการขจัดภาระภาษีและบรรเทา ภาระภาษี ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินช่วย เหลือในส่วนของเงินเดือนประจำที่ได้จ่ายให้ลูกจ้างไปแล้วตามบัญชี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ อธิบดีประกาศกำหนด ๒.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้เอา ประกันภัยที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากบริษัทที่ประกอบกิจการประกันภัย เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษี ๒.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทที่ประกอบกิจการประกันภัยสำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงิน ช่วยเหลือซึ่งจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษี ๒.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้เอา ประกันภัยสำหรับเงินได้ที่เป็นค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัทที่ประกอบกิจการประกันภัยเพื่อชดเชยความเสีย หายที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉพาะส่วนที่เกินมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลือจากการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ สำหรับปีภาษีที่ได้รับค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวหรือสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่ม ในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สิน ส่วนที่เหลืออยู่หลังจากหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา มูลค่าซ่อมแซมทรัพย์สินให้คงสภาพเดิม มูลค่าต้นทุนของ ทรัพย์สินที่ผู้เช่าได้ก่อสร้างหรือจัดให้มีเพื่อทดแทนทรัพย์สินที่เกิดเพลิงไหม้ และมูลค่าต้นทุนของสินค้าที่ถูกเพลิง ไหม้หรือเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว และยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ค่า สินค้า ตลอดจนประโยชน์ที่คำนวณได้จากมูลค่าการได้ใช้พื้นที่เพื่อขายสินค้าหรือให้บริการที่ผู้ได้รับผลกระทบดัง กล่าวได้รับการช่วยเหลือโดยไม่ต้องชำระค่าตอบแทน ๒.๗ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่าย หนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูก หนี้ในส่วนของหนี้ที่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าได้ขายสินค้า หรือนำสินค้าไปฝากขายกับผู้ซื้อ หรือผู้รับฝากขายที่มี สถานประกอบการที่ขายสินค้านั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้นำไปขายต่อ และสินค้านั้นถูกเพลิงไหม้ หรือเสียหายอันเกี่ยวเนื่องจากการเกิดเพลิงไหม้จนไม่สามารถนำไปขายต่อได้ และได้มีการทำลายสินค้านั้น โดย ยังไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าดังกล่าว ๓. ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการภาษีด้านการประกันภัย กรณียกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ ประกอบกิจการประกันภัย สำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินช่วยเหลือซึ่งจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย ให้ยกเว้นเฉพาะ กรณีที่สัญญาประกันภัยไม่ครอบคลุมถึงแต่บริษัทที่ประกอบกิจการประกันภัยได้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3182 | มาตรการสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจ ให้ภาคเอกชนดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับกำไรสุทธิของโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ ละโครงการเฉพาะที่คำนวณจากรายได้จากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตนอกประเทศไทย เป็นเวลาสามรอบระยะ เวลาบัญชีต่อเนื่องกันนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเคร ดิตประเภท Certified Emission Reductions (CERs) ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการบริหารกลไกการพัฒนา ที่สะอาดของสหประชาชาติหรือนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกออกใบรับรอง การซื้อขายคาร์บอนเครดิต สำหรับโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท Voluntary Emission Reductions (VERs) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไป ได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ควรมี การทบทวนมาตรการสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้สอดรับกับปัญหาและสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในระดับประเทศและระดับโลกเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อประเทศโดยรวม ไป พิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3183 | ของบกลาง เพื่อเป็นเงินเลื่อนขั้นเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. มอบหมายให้กระทรวงการคลังตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบ กลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เพื่อให้ทราบจำนวนที่เหลืออยู่ ณ สิ้นปีงบประมาณ เพื่อนำมาจัดสรรให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพิ่มเติม และอนุมัติในหลักการให้ สพฐ. เจียดจ่ายจากเงินงบประมาณของหน่วยงานตนเองก่อน หากดำเนินการดังกล่าวแล้วยังมีงบประมาณไม่เพียงพอที่ จะจ่ายเป็นเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินคง คลัง บัญชีที่ ๒ ให้แก่ สพฐ. เพื่อนำไปจ่ายเป็นเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการของ สพฐ. ต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงบประมาณ และ สพฐ. ร่วมกันตรวจสอบจำนวนเงินที่จะเบิกจ่ายเป็นเงินเลื่อนเงินเดือนและ เงินปรับวุฒิข้าราชการให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงก่อนดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3184 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การดำเนินคดีแบบกลุ่ม) | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสาน งานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระ สำคัญคือ ๑. คดีแบบกลุ่ม ได้แก่ คดีละเมิด คดีผิดสัญญา และคดีเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายต่าง ๆ และเป็น คดีที่มีสมาชิกกลุ่มจำนวนมาก ๒. กำหนดให้โจทก์อาจยื่นคำร้องต่อศาลพร้อมกับคำฟ้องขอให้มีการดำเนินคดีแบบกลุ่ม ๓. กำหนดให้คำฟ้องของโจทก์และกลุ่มบุคคลต้องมีสภาพแห่งข้อหาและข้อบังคับที่มีลักษณะเดียวกัน ๔. คำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มอาจอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา ๕. กำหนดให้สมาชิกกลุ่มมีสิทธิเข้าฟังการพิจารณาคดี ขอตรวจเอกสารและคัดสำเนาเอกสาร จัดหา ทนายความคนใหม่ และร้องขอเข้าแทนที่โจทก์ ๖. กำหนดให้คำพิพากษาของศาลผูกพันคู่ความและสมาชิกกลุ่ม และโจทก์มีอำนาจดำเนินการบังคับ คดีแทนสมาชิกกลุ่ม ๗. คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลในการดำเนินคดีแบบกลุ่มให้อุทธรณ์ไปยังศาลฎีกาภายในหนึ่ง เดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
3185 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2553 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๔๒๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๒,๐๑๙ โครงการ วงเงิน ๒๑,๗๗๓.๕๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๔๐๖ โครงการ วงเงิน ๓๒๘,๑๘๖.๙๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๗๖๒ โครงการ วงเงิน ๑๕,๔๑๐.๒๗ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๙๕๔ โครงการ วงเงิน ๖,๐๐๒.๘๓ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๘๐๘ โครงการ วงเงิน ๙,๔๐๗.๔๔ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๖,๖๔๔ โครงการ วงเงิน ๓๑๒,๗๗๖.๖๕ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๖,๖๔๔ โครงการ วงเงิน ๓๐๐,๐๔๙.๔๕ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๔๐๙ โครงการ วงเงิน ๕๙,๓๕๙.๗๓ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๕๘๙ โครงการ วงเงิน ๒๐๒,๖๘๖.๖๑ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๓,๖๔๖ โครงการ วงเงิน ๓๘,๐๐๓.๑๑ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๒๓๕ โครงการ วงเงิน ๒๔๐,๖๘๙.๗๒ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3186 | มาตรการภาษีให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมจากมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ อุทกภัย รวมทั้งกำหนดให้มีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ที่จะต้องยื่นในเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม โดยให้นำไป ยื่นภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตามประกาศอธิบดี กรมสรรพากร ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๓ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้า ที่ได้บริจาคเพื่อ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ระหว่างวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยมีบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นตัวแทนรับเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่บริจาค เพื่อนำไปช่วย เหลือผู้ประสบอุทกภัย ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้นำเงินได้เท่าจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับการบริจาค การช่วยเหลือเพื่อชดเชย ความเสียหาย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ๒.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินค่าสินไหมทดแทน ที่ได้รับจากบริษัทที่ประกอบกิจการประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย ระหว่างวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เฉพาะส่วนที่เกินมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลือจากการหักค่า สึกหรอและค่าเสื่อมราคา ตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือ หลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒.๔ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) (๘) แห่งประมวลรัษฎากร ของ ผู้ประสบอุทกภัยที่ได้ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เท่าจำนวนความเสีย หาย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3187 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการอ่าน | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการอ่าน โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบุคคลธรรม ดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกรณีซื้อหนังสือและสื่อ เพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อบริจาคแก่สถานศึกษาของ ราชการและเอกชน และกรณีให้ห้องสมุดขององค์กร รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้น ส่วนนิติบุคคล กรณีซื้อหนังสือและสื่อ เพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อบริจาคแก่ห้องสมุดของเอกชนที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายมา หักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาหนังสือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมการอ่าน โดยมี สิทธินำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้เป็นจำนวนสองเท่า หรือเพิ่มขึ้นอีกร้อยละหนึ่งของค่าใช้จ่าย ดังกล่าว แล้วแต่กรณี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยคณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เชิญผู้ประกอบการในธุรกิจหนังสือและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรเพื่อประชุมและชี้แจง เรื่องระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และให้กระทรวงการคลังประชาสัมพันธ์ ให้ภาคเอกชนเข้าถึงสิทธิตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการอ่านให้มากยิ่งขึ้น และประเมินผลการดำเนินการทั้ง ในส่วนของบุคคลและวิธีการในการเข้าถึงสิทธิเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงมาตรการภาษีดังกล่าว ตามความ เห็นของคณะรัฐมนตรี ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3188 | ขออนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินและการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ด้วยวิธีการทำสัญญากู้เงิน (Trem Loan) วงเงินไม่เกิน ๕๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงินไม่เกิน ๘๒,๗๖๙.๗๑ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินและพันธบัตรรัฐบาล ๑.๓ เห็นชอบให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดส่งคำขอรับจัดสรรวงเงินกู้ พร้อมทั้งเอกสารรายละเอียด ประกอบที่ครบถ้วนให้สำนักงบประมาณพิจารณาภายในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และให้สำนักงบประมาณ พิจารณาจัดสรรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินการ ได้ตามกำหนดเวลาให้ยกเลิกวงเงินกู้ส่วนที่ไม่ได้รับการอนุมัติจัดสรรจากสำนักงบประมาณ ยกเว้นโครงการที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติขยายระยะเวลาการขอรับจัดสรรให้แล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการติดตามเร่งรัดการดำเนินงาน และการใช้จ่ายเงินกู้ของโครงการที่ได้รับการจัดสรรให้เป็นไปตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3189 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางอุไร ร่มโพธิหยก) | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางอุไร ร่มโพธิหยก ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบบัญชี
(นักบัญชีทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติ ครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3190 | รายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 32 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการเงินกู้รัฐบาล ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๓๒ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) ได้ลงนามในหนังสือแลก เปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น ในนามรัฐบาลไทย ร่วมกับอุปทูต รักษา ราชการแทนเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (นาย Yuji Kumamaru) รวมทั้งได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ร่วม กับนาย Yasunori Onishi ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทย ในฐานะผู้ให้กู้สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑ ของกรมทางหลวงชนบท นอกจากนี้ ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ระหว่างนาย Yasunori Onishi ในฐานะผู้ให้กู้ กับนายเยี่ยมชาย ฉัตรแก้ว รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รักษาการแทนผู้ว่าการ รฟม. ในฐานะผู้กู้ โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังลงนามในสัญญาค้ำประกันเงินกู้ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ ทั้งนี้ ราย ละเอียดหนังสือแลกเปลี่ยนฯ สัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำประกันเงินกู้มีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะ รัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ ๒. ให้นำประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี ๑ ของกรมทางหลวงชนบท ประกาศราช กิจจานุเบกษาภายใน ๖๐ วันนับแต่วันลงนามในสัญญากู้เงิน (ภายในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นทางกฎหมาย สำหรับสัญญาเงินกู้ดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3191 | รายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล
ในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้ ๑. กระทรวงการคลังได้กำหนดแผนการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวนรวม ๑๐๔,๐๐๐ ล้าน บาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๗ รุ่น ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหาร หนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๔ ครั้งที่ ๕ ครั้งที่ ๖ ครั้งที่ ๗ ครั้งที่ ๘ รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการ บริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ และ ครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ กระทรวง การคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๖ ครั้งที่ ๗ และ ครั้งที่ ๘ จำหน่ายเสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๓ และประกาศ กระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในปีงบ ประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑ จำหน่ายเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๓ และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยในส่วนของการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๔ ได้มีการปรับลดวงเงินการจำหน่าย จากจำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๒๗,๒๕๔ ล้านบาท เนื่องจากมีผู้เข้าประมูลไม่ครบวงเงินตามที่ประกาศไว้ สำหรับการประมูล พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ฯ ครั้งที่ ๕ และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอย ตัวฯ ครั้งที่ ๒ ได้ดำเนินการประมูลเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ ๑๕ และ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ ตามลำดับ ๒. ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๑๐๔,๐๐๐ ล้านบาท แล้ว ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงิน คลังรวมทั้งสิ้น ๑๕๔,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ตั๋วเงินคลังเพื่อการบริหารเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาล จำนวน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และตั๋วเงินคลังเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๗๔,๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3192 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 09/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นเร่งด่วนและความเหมาะสมของโครงการเพื่อนำงบ ประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัย วงเงิน ๔,๒๓๕.๕๙ ล้านบาท ของคณะกรรมการกลั่น กรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (คณะกรรมการฯ) ๑.๒ อนุมัติให้ดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาทรัพยากรน้ำและ การเกษตร สาขาสวัสดิภาพประชาชน จำนวน ๘ โครงการ วงเงินรวม ๒,๖๔๘.๙๒ ล้านบาท และอนุมัติการจัดสรร วงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐ กิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้แก่โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขาเศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระ ราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๒,๖๔๘.๙๒ ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ๑.๓ เห็นชอบให้หน่วยงานทบทวนรายละเอียดโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมการฯ ๑.๔ เห็นชอบหลักเกณฑ์การใช้เงินเหลือจ่ายวงเงิน ๒,๓๘๓.๘๒ ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีรับทราบ แล้ว มาใช้สนับสนุนการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในสาขาต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยโดยให้แจ้งยืนยัน ผลการทบทวนพร้อมส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมี มติ ๑.๕ อนุมัติเป็นหลักการให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการลงนามในสัญญาเงินกู้ล่วงหน้าก่อน มีการผูกพันสัญญาโครงการสำหรับโครงการมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย โดย กระทรวงการคลังต้องลงนามในสัญญาเงินกู้สำหรับโครงการดังกล่าวได้ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๑.๖ อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงิน และการดำเนินโครงการให้แก่หน่วย งานเจ้าของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้น ฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ตามมาตรการเร่งรัดการ ดำเนินงานสำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน เห็น ควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับ โครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาท้องถิ่น (ก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และอาคารเรียน) ให้ขยายเวลาลงนาม ในสัญญาเป็นภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามกฎหมายและ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเคร่งครัด โดยหากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครง การได้ทัน เห็นควรยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นเงินเหลือจ่ายต่อไป ๑.๗ รับทราบและอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง ๒๕๕๕ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติ งานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงราย ละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน ๑๕ วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติ แล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๑.๘ รับทราบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาแล้วยังคงยืนยันความจำเป็นในการดำเนินโครงการภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ให้หน่วยงานนั้นพิจารณาทบทวนและปรับแผนการดำเนินงานของโครงการใด ๆ ที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มาเพื่อใช้ในการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นการทดแทน โดยให้แจ้ง ข้อมูลการพิจารณาทบทวนฯ พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน นับแต่วัน ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3193 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมและลำดับความเร่งด่วนทั้งในส่วนของงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วที่ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพัน เพื่อนำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ๒. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยสรุปดังนี้ ๒.๑ รับทราบวงเงินเหลือจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ รวมทั้งรับทราบความก้าวหน้าและแนวทางการดำเนินการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒.๒ อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงิน และการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน ให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับโครงการเงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (วงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท) ให้ขยายเวลาลงนามในสัญญาเป็นภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ๒.๓ อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (จังหวัดน่าน แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สกลนคร มุกดาหาร พังงา ตาก ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ) กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๒.๔ ในส่วนของการดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงินรวม ๔,๒๓๕.๕๙ ล้านบาท และโครงการเดิมที่กระทรวงการคลังกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องจัดส่งคำขอการจัดสรรเงินพร้อมเอกสารรายละเอียดประกอบที่ครบถ้วนให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ นั้น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งพิจารณาทบทวนความจำเป็นเร่งด่วนและความเหมาะสมของโครงการเพื่อนำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อการก่อสร้างซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานและสถานที่ราชการต่าง ๆ ตามนัยหลักการที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้แจ้งยืนยันผลการพิจารณาทบทวนพร้อมส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณภายใน ๓ วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้สำนักงบประมาณเร่งพิจารณาก่อนนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ โครงการใดที่หน่วยงานเจ้าของโครงการยังคงยืนยันขอจัดสรรเงินตามโครงการเดิมให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด |
|||||||||||||||||||||||||||
3194 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2553 | กค | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๔๒๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๒,๑๔๙ โครงการ วงเงิน ๒๒,๓๒๖.๗๑ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๒๗๖ โครงการ วงเงิน ๓๒๗,๖๓๓.๗๓ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๘๑๐ โครงการ วงเงิน ๒๑,๔๗๐.๐๑ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑,๓๓๖ โครงการ วงเงิน ๑๐,๖๖๓.๓๘ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๗๔ โครงการ วงเงิน ๑๐,๘๐๖.๖๓ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๖,๔๖๖ โครงการ วงเงิน ๓๐๖,๑๖๓.๗๒ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๖,๔๖๖ โครงการ วงเงิน ๒๙๓,๕๓๑.๒๐ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๔๑๗ โครงการ วงเงิน ๕๔,๒๔๕.๑๗ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๔๖๕ โครงการ วงเงิน ๒๐๑,๕๓๒.๔๓ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๓,๕๘๔ โครงการ วงเงิน ๓๗,๗๕๓.๖๐ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๐๔๙ โครงการ วงเงิน ๒๓๙,๒๘๖.๐๓ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3195 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และนายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล) | กค | 02/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ๒. นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||
3196 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2553 | กค | 26/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๓ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายจากอุทกภัย ทั้งประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการ และเกษตรกร สรุปได้ดังนี้
๑. ให้จังหวัดแต่ละจังหวัดมีเงินทดรองราชการที่สามารถเบิกใช้ได้ทันที ในวงเงิน ๕๐ ล้านบาท หากไม่เพียงพอ ให้อธิบดีกรมบัญชีกลางสามารถอนุมัติวงเงินให้ได้อีก ๒๐๐ ล้านบาท (รวมเป็น ๒๕๐ ล้านบาท) และให้ปลัดกระทรวงการคลังมีอำนาจอนุมัติวงเงินเพิ่มขึ้นถึง ๕๐๐ ล้านบาท หากเกินกว่านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้อนุมัติ ในส่วนของการจัดซื้อพัสดุต่าง ๆ โดยใช้เงินทดรองราชการ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ โดยเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่หนึ่งคนหรือหลายคนทำการจัดซื้อ และตรวจรับไปก่อน แล้วจึงรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดภายหลัง ๒. มาตรการช่วยเหลือผู้เช่าที่ราชพัสดุที่ได้รับความเดือดร้อน ได้แก่ ผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่ออยู่อาศัย ให้พิจารณาความเสียหายของอาคารที่พักอาศัย หากเสียหายบางส่วนให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าเป็นเวลา ๑ ปี หากเสียหายทั้งหลังให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าเป็นเวลา ๒ ปี สำหรับผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบการเกษตร หากพืชหรือผลผลิตได้รับความเสียหาย ให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าเป็นเวลา ๑ ปี ส่วนผู้เช่าอาคารราชพัสดุ หากผลกระทบจากอุทกภัยทำให้ผู้เช่าอาคารพัสดุไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ เป็นเวลาเกิน ๓ วัน ให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าเป็นเวลา ๑ เดือน และให้ยกเว้นการคิดเงินเพิ่ม กรณีที่ผู้เช่าไม่สามารถชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียม หรือเงินอื่นใดที่ต้องชำระภายในกำหนดระยะเวลา โดยเหตุมาจากการเกิดอุทกภัยซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย ๓. มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าสถาบันเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ๔. มอบหมายให้กรมบัญชีกลาง โดยสำนักคลังจังหวัด จัดตั้งศูนย์บริการประชาชนในจังหวัดที่เกิดอุทกภัย (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3197 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2553 | กค | 26/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๔๒๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๒,๑๕๐ โครงการ วงเงิน ๒๒,๘๒๖.๗๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๒๗๕ โครงการ วงเงิน ๓๒๗,๑๓๓.๗๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๘๙๖ โครงการ วงเงิน ๒๑,๑๙๔.๔๔ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑,๓๔๘ โครงการ วงเงิน ๑๑,๔๙๕.๖๘ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๔๘ โครงการ วงเงิน ๙,๖๙๘.๗๖ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๖,๓๗๙ โครงการ วงเงิน ๓๐๕,๙๓๙.๒๘ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๖,๓๗๙ โครงการ วงเงิน ๒๙๓,๓๖๘.๗๔ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๔๕๐ โครงการ วงเงิน ๕๔,๙๕๒.๓๔ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๔๒๗ โครงการ วงเงิน ๒๐๐,๓๘๑.๘๕ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๓,๕๐๒ โครงการ วงเงิน ๓๗,๕๘๔.๕๕ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๔,๙๒๙ โครงการ วงเงิน ๒๓๘,๔๑๖.๔๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3198 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (จำนวน 3 ราย 1. นายนริศ ชัยสูตร ฯลฯ) | กค | 26/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้ม
ครองเงินฝาก จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓) ดังนี้ ๑. นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นประธานกรรมการ แทนนายมานิต วิทยาเต็ม ที่ออกจากตำแหน่งโดยวิธีจับสลาก ๒. นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย) แทนนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล ที่ออกจากตำแหน่งโดยวิธีจับสลาก ๓. นายศานิต ร่างน้อย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงินการคลัง) แทนนายธวัชชัย ยงกิตติกุล ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ ๗๐ ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||
3199 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2553 | กค | 26/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ
นโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้ ๑. การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ กนง. มีการประชุมรวมทั้งสิ้น ๕ ครั้ง เพื่อพิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ แนวโน้มในระยะต่อไป รวมทั้งกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม สำหรับประเทศไทย ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๔ คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ร้อย ละ ๖.๕-๗.๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และร้อยละ ๓.๐-๕.๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามลำดับ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะเฉลี่ย อยู่ที่ร้อยละ ๒.๕-๓.๘ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และร้อยละ ๒.๕-๔.๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามลำดับ สำหรับอัตราเงินเฟ้อ พื้นฐานคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๕-๑.๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และร้อยละ ๒.๐-๓.๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3200 | รายงานกิจการ งบดุล งบกำไรขาดทุน รอบปีบัญชี 2552 (1 เมษายน 2552 - 31 มีนาคม 2553) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 26/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||
|
.....