ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 155 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3081 - 3100 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3081 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... | กค | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการ โดยยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ ๑.๒ กำหนดให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน สำหรับกรรมการในคณะกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือโดยประกาศพระบรมราชโองการ หรือโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยรัฐมนตรีเจ้าสังกัดซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบสูง ปฏิบัติงานในด้านการกำหนดนโยบายอันมีผลกระทบต่อการบริหาร เศรษฐกิจ สังคมในภาพรวมของประเทศหรือเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ ๑.๓ กำหนดให้อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน สำหรับอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการตามข้อ ๑.๒ ๑.๔ กำหนดให้เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งตามอัตราเบี้ยประชุมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินหนึ่งคน เว้นแต่บทบัญญัติของกฎหมาย หรือประกาศพระบรมราชโองการ หรือคำสั่งที่จัดให้มีคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้กำหนดให้มีเลขานุการมากกว่าหนึ่งคน ให้เลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน และผู้ช่วยเลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน ๒. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ในส่วนราชการที่คณะรัฐมนตรีได้ลงมติให้ได้รับค่าตอบแทนหรือเงินสมนาคุณเป็นรายเดือน แทนการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... แทน ๓. เห็นชอบอัตราวงเงินเบี้ยประชุมขั้นต่ำและสูงเพื่อกระทรวงการคลังประกาศกำหนด โดยเบี้ยประชุมรายครั้ง อัตราครั้งละ ๘๐๐ บาทถึง ๓,๐๐๐ บาท สำหรับเบี้ยประชุมรายเดือนเห็นควรคงอัตราเดิม คือ อัตราเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗
|
|||||||||||||||||||||||||||
3082 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขถ้อยคำในข้อ ๒๕ วรรคสอง จาก “ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงโครงการ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้เสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาอนุมัติ” เป็น “ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงโครงการ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้เสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือคณะกรรมการหรือหน่วยงานอื่นใดที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้พิจารณาอนุมัติ” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3083 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2554 | กค | 14/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๓,๐๗๗ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๒ โครงการ วงเงิน ๙,๓๔๓.๖๕ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๒๐๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๐,๖๑๖.๗๙ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๗๓๓ โครงการ วงเงิน ๑๕,๒๙๘.๔๑ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๓๒๓ โครงการ วงเงิน ๖,๖๙๕.๑๐ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๑๐ โครงการ วงเงิน ๘,๖๐๓.๓๑ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๔๗๒ โครงการ วงเงิน ๓๒๕,๓๑๘.๓๘ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๔๗๒ โครงการ วงเงิน ๓๑๕,๕๔๓.๖๖ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๔๖๖ โครงการ วงเงิน ๔๗,๙๕๓.๒๐ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน ๑๒,๔๓๗ โครงการ วงเงิน ๑๒๘,๘๕๓.๓๒ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๕๖๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๘,๗๓๗.๑๔ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๘,๐๐๖ โครงการ วงเงิน ๒๖๗,๕๙๐.๔๖ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3084 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 4 มีนาคม 2554 | กค | 08/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๙๘๔ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๗ โครงการ วงเงิน ๑๐,๕๐๒.๗๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๑๐๗ โครงการ วงเงิน ๓๓๙,๔๕๗.๗๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๗๖๗ โครงการ วงเงิน ๑๔,๔๙๔.๑๘ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒๔๓ โครงการ วงเงิน ๕,๕๙๐.๑๕ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๒๔ โครงการ วงเงิน ๘,๙๐๔.๐๓ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๓๔๐ โครงการ วงเงิน ๓๒๔,๙๖๓.๕๔ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๓๔๐ โครงการ วงเงิน ๓๑๔,๙๙๐.๙๗ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๕๘๘ โครงการ วงเงิน ๔๘,๕๑๖.๔๔ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๑๒,๒๙๘ โครงการ วงเงิน ๑๒๗,๙๒๖.๐๕ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๔๕๔ โครงการ วงเงิน ๑๓๘,๕๔๘.๔๘ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๗๕๒ โครงการ วงเงิน ๒๖๖,๔๗๔.๕๓ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3085 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและอนุมัติตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ รับทราบประเด็นข้อชี้แจงของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) วงเงิน ๑,๓๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ๑.๒ อนุมัติแนวทางการขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาและการเบิกจ่ายเงินของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ รับทราบการปรับปรุงแผนการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิต การตลาด และการแปรรูปในสหกรณ์โคนม จำนวน ๓ แห่ง วงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเป็นการปรับแผนการใช้จ่ายเงินในแต่ละเดือนภายใต้แผนการใช้จ่ายเงินเดิม ๑.๔ อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๕๓,๘๙๔,๒๖๑ บาท ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสู่มาตรฐาน วงเงิน ๑,๘๔๕,๗๐๘ บาท โครงการเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนราชการ วงเงิน ๓๐,๖๐๕,๔๕๔ บาท และโครงการปัจจัยสนับสนุนด้านการศึกษา วงเงิน ๒๑,๔๔๓,๐๙๙ บาท ๑.๕ อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับการจัดสรรเงินสำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวปัตตานี ๑.๖ อนุมัติการขอยกเลิกโครงการส่งเสริมการปลูกยางพาราพันธุ์ดีในพื้นที่ว่างเปล่า จำนวน ๕,๐๐๐ ไร่ วงเงิน ๙,๔๗๓,๓๐๐ บาท ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยจังหวัดนราธิวาส เนื่องจากสภาวะราคาพันธุ์ยางพาราในท้องถิ่นได้ขยับตัวสูงขึ้นมากทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ประกอบกับรัฐบาลได้มีการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายให้กับโครงการส่งเสริมการปลูกยางพารา ของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง วงเงิน ๑๐๗.๓๒ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ผ่านการทำประชาคมเรียบร้อยแล้ว ๑.๗ อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยให้หน่วนยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน ๑๕ วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๑.๘ อนุมัติการขอปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ หลังจากปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๔๑๖๙ ตอนทางรอบเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม วงเงิน ๔๕๐ ล้าบบาท จากเดิมปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยจัดสรรวงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ สำหรับการลงทุนในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ ส่วนวงเงินส่วนที่เหลือให้กรมทางหลวงขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามทางเลือกที่ ๑ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดขอบเขตระยะเวลาการลงนามสัญญาและการเบิกจ่ายเงินให้ชัดเจน เพื่อให้การดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ บรรลุวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ควรพิจารณาความจำเป็นในการดำเนินโครงการฯ โดยอาจใช้แหล่งเงินลงทุนอื่นในการดำเนินโครงการ รวมทั้งเร่งพิจารณาจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ให้แก่โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ที่มีศักยภาพและเป็นการวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาวต่อไป ไปพิจารณาต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3086 | การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ | กค | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๔๒ เรื่อง การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ ๑.๒ อนุมัติในหลักการให้จำหน่ายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังถือต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑ หลักทรัพย์ที่ได้จากการยึดทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ที่ได้มาโดยนิติเหตุ ๑.๒.๒ หลักทรัพย์ที่ได้รับโอนมาจากส่วนราชการอื่นเนื่องจากหมดความจำเป็นตามนโยบายของภาครัฐ ๑.๒.๓ หลักทรัพย์อื่นที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นต้องถือไว้เนื่องจากไม่มีผลต่อการพัฒนาประเทศ ๑.๓ ในการจำหน่ายหุ้นตามข้อ ๑.๒ เห็นสมควรมอบอำนาจให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ และนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากเพื่อการซื้อหุ้นตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนในกิจกรรมต่าง ๆ ตามแผนของกระทรวงการคลังต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาวิธีการจำหน่ายหลักทรัพย์ ควรคำนึงถึงช่วงเวลาในการจำหน่ายหลักทรัพย์ และวิธีการปฏิบัติให้มีความโปร่งใส เพื่อให้ผลตอบแทนสู่ภาครัฐเกิดประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งการจัดให้มีกระบวนการและหลักเกณฑ์มาตรฐานในการคัดเลือกหลักทรัพย์รอการจำหน่าย โดยเฉพาะในส่วนของหลักทรัพย์ได้รับโอนมาจากส่วนราชการอื่นเนื่องจากหมดความจำเป็นตามนโยบายของภาครัฐ และหลักทรัพย์อื่นที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นต้องถือไว้เนื่องจากไม่มีผลต่อการพัฒนาประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3087 | ขออนุมัติแลกเปลี่ยนที่ดินที่บันดาร์ เสรี เบกาวัน ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม | กค | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แลกเปลี่ยนที่ดินที่บันดาร์ เสรี เบกาวัน ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ระหว่างแปลงเลขที่ ๒๔๕๘๑ และแปลงเลขที่ ๓๓๖๗๑ (หรือเลขที่เดิม ๒๔๒๐๒) กับแปลงเลขที่ ๖๓๑๖๗, ๖๓๑๖๘, ๖๓๑๖๙ และ ๖๓๑๗๐ โดยให้เป็นไปตามสิทธิและเงื่อนไขต่าง ๆ ตามสัญญาเช่าเดิมทุกประการ และในการแลกเปลี่ยนที่ดินดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3088 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 | กค | 01/03/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๘๔๑ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๘๖ โครงการ วงเงิน ๑๑,๓๐๕.๙๐ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๙๕๕ โครงการ วงเงิน ๓๓๘,๖๕๔.๕๔ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๕๔ โครงการ วงเงิน ๑๓,๙๕๙.๙๓ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๖๔ โครงการ วงเงิน ๔,๙๑๒.๓๖ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๙๐ โครงการ วงเงิน ๙,๐๔๗.๕๗ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๓๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๒๔,๖๙๔.๖๑ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๓๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๑๔,๓๒๔.๒๘ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๖๓๔ โครงการ วงเงิน ๔๘,๘๙๗.๒๓ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๑๒,๒๙๘ โครงการ วงเงิน ๑๒๗,๔๐๖.๑๔ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๓๖๙ โครงการ วงเงิน ๑๓๘,๐๒๐.๙๑ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๖๖๗ โครงการ วงเงิน ๒๖๕,๔๒๗.๐๕ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3089 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) เสนอขอแก้ไขคำผิดของร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา ๑๐ ซึ่งแก้ไขมาตรา ๑๐๒ ตรี แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พระพุทธศักราช ๒๔๖๙ จาก “(๑) ความผิดฐานลักลอบหรือหลีกเลี่ยงศุลกากร ให้หักจ่ายเป็นเงินสินบนและรางวัลร้อยละ ๕๕ จากเงินค่าขายของกลาง โดยให้หักจ่ายเป็นเงินสินบนร้อยละ ๓๐ เป็นเงินรางวัลร้อยละ ๒๕ แต่กรณีที่มิได้ริบของกลาง หรือของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับ ส่วนรายที่ไม่มีผู้แจ้งความนำจับ ให้หักจ่ายเป็นเงินรางวัลร้อยละ ๓๐” เป็น “(๑) ความผิดฐานลักลอบหรือหลีกเลี่ยงศุลกากรให้หักจ่ายเป็นเงินสินบนและรางวัลร้อยละ ๔๕ จากเงินค่าขายของกลาง โดยให้หักจ่ายเป็นเงินสินบนร้อยละ ๓๐ เป็นเงินรางวัลร้อยละ ๑๕ แต่กรณีที่มิได้ริบของกลาง หรือของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับ ส่วนรายที่ไม่มีผู้แจ้งความนำจับ ให้หักจ่ายเป็นเงินรางวัลร้อยละ ๒๐” ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศุลกากร พระพุทธศักราช ๒๔๖๙ โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลให้เกิดความเหมาะสมและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เพิ่มเติมคำนิยมของกฎหมาย เรื่อง ของถ่ายยานพาหนะ ของผ่านด่าน การผ่านด่าน และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปฏิบัติพิธีการศุลกากรว่าด้วยการผ่านแดนให้มีความชัดเจนและทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยพิธีการศุลกากรที่เรียบง่ายและสอดคล้องกันที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3090 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2553) | กค | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓) โดยมีการเบิกจ่ายจำนวนทั้งสิ้น ๘๕๕,๔๔๕.๑๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๓.๑๐ ของวงเงินจำนวน ๒,๕๘๔,๓๓๖.๐๘ ล้านบาท ประกอบด้วย
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๕๕๓,๓๒๓.๑๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๖.๗๓ สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๒๐.๐๐) อยู่ร้อยละ ๖.๗๓ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๕๒๐,๐๙๗.๐๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๐.๑๔ และรายจ่ายลงทุนจำนวน ๓๓,๒๒๖.๑๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙.๖๔ ต่ำกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๑๐.๐๐) อยู่ร้อยละ ๐.๓๖ ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖ - ๒๕๕๓ สามารถเบิกจ่ายได้ จำนวน ๔๕,๐๔๗.๕๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๕.๑๑ ของวงเงินงบประมาณเหลื่อมปี จำนวน ๑๗๙,๓๗๗.๙๐ ล้านบาท ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท มีการจัดสรร (ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓) จำนวนทั้งสิ้น ๓๓๔,๙๕๘.๑๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๕๗,๐๗๔.๔๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๖.๗๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
3091 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 | กค | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๗๗๐ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๑๑ โครงการ วงเงิน ๑๑,๕๘๕.๕๘ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๙๕๙ โครงการ วงเงิน ๓๓๘,๓๗๔.๘๖ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๗๐๔ โครงการ วงเงิน ๑๔,๔๑๑.๖๖ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๔๗ โครงการ วงเงิน ๔,๔๕๕.๓๘ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๕๗ โครงการ วงเงิน ๙,๙๕๖.๒๘ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๒๕๕ โครงการ วงเงิน ๓๒๓,๙๖๓.๒๐ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๒๕๕ โครงการ วงเงิน ๓๑๓,๗๖๒.๔๖ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๖๘๗ โครงการ วงเงิน ๔๙,๓๕๒.๖๘ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๑๒,๒๘๐ โครงการ วงเงิน ๑๒๖,๖๐๓.๔๓ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๒๘๘ โครงการ วงเงิน ๑๓๗,๘๐๖.๓๕ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๕๖๘ โครงการ วงเงิน ๒๖๔,๔๐๙.๗๘ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3092 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน (ช่วงระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 30 เมษายน 2554) | กค | 22/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ว่า การดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนเป็นมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการพิจารณาขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นคราว ๆ ไป รวมทั้งได้มีการปรับปรุงและยกเลิกมาตรการให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ หากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยฟื้นตัวและประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็น่าจะสามารถยุติการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพได้ ดังนั้น การพิจารณาให้มาตรการใดเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะยาวหรือเป็นมาตรการถาวร จึงไม่เป็นไปตามหลักการและเหตุผลของการดำเนินมาตรการการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน สำหรับการพิจารณาว่ามาตรการในเรื่องใดที่เป็นบริการเชิงสังคมควรปรับเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation : PSO) นั้น เนื่องจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนเป็นมาตรการระยะสั้น จึงไม่สามารถเข้าสู่ระบบ PSO ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ ๒. อนุมัติในหลักการ ดังนี้ ๒.๑ การขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพต่อไปจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ รวมถึงวงเงินและแหล่งเงินในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพ ๒.๒ กรณีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าวงเงินที่ได้รับอนุมัติ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อรัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และไม่ให้เป็นภาระของคณะรัฐมนตรี ให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และแจ้งให้รัฐวิสาหกิจที่ดำเนินมาตรการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จากที่เสนอไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
3093 | ปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2554 ครั้งที่ 1 | กค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๔,๙๒๓.๖๓ ล้านบาท จากวงเงินเดิม ๑,๒๙๖,๔๒๗.๙๐ ล้านบาท เหลือ ๑,๒๙๑,๕๐๔.๒๗ ล้านบาท ๒. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ. ทีโอที) ที่ขอปรับเพิ่มวงเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการสร่างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ ๓ วงเงิน ๑๕,๘๕๐.๐๐๐ ล้านบาท เนื่องจากมีความต้องการใช้เงินเพื่อเร่งดำเนินโครงการฯ ให้เสร็จในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ อนุมัติให้ บมจ. ทีโอที เปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานจากการประกวดราคาสากลเป็นการประกวดราคาทั่วไป ทำให้เงินกู้เพื่อดำเนินโครงการฯ จะเป็นเงินกู้จากในประเทศหรือต่างประเทศนั้นขึ้นอยู่กับผู้ที่ประมูลโครงการได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีความเห็นว่าควรเป็นการกู้เงินในรูปเงินกู้ระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ และกระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกันเพราะเป็นโครงการที่มุ่งหวังผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ ๓. อนุมัติการกู้เงิน การค้ำประกัน และการให้กู้ต่อของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจตามรายการที่ได้บรรจุไว้ในแผนการบริหารความเสี่ยง (แผนงานย่อยที่ ๓) โดยในการกู้เงินเพื่อ Refinance ให้กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจสามารถปรับเปลี่ยนแหล่งเงินกู้จากเงินกู้สกุลเงินต่างประเทศเป็นเงินกู้สกุลเงินบาท (Baht Refinance) ได้ ๔. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการค้ำประกัน การกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยหากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3094 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการขอรับและการจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการขอรับและการจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับรองหลักฐานการมีสิทธิได้นับเวลาทวีคูณสำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน. ซึ่งปฏิบัติงานที่ถือว่าเป็นการกระทำหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ในระหว่างเวลาที่มีการรบหรือการสงคราม หรือการปราบปรามจลาจล ๒. กำหนดแบบบัญชีรายชื่อผู้ได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ สำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน. (แบบ ๕๓๐๔ ก) เพื่อใช้เป็นหลักฐานการมีสิทธิได้นับเวลาทวีคูณสำหรับกำลังพลสังกัด กอ.รมน. และผู้ปฏิบัติงานในสายงาน กอ.รมน.
|
|||||||||||||||||||||||||||
3095 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน | กค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน โดยปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ระบบการจัดเก็บภาษีมีความเป็นกลางไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรงหรือลงทุนผ่านตัวกลาง เช่น กองทุนรวมหรือทรัสต์ หรือให้ภาระภาษีมีความเท่าเทียมกันระหว่างผู้ลงทุนไทยหรือผู้ลงทุนต่างชาติ โดยกำหนดให้แก้ไขปรับปรุงกฎหมายในส่วนของการใช้ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน โดยให้บุคคลธรรมดาที่ลงทุนผ่านทรัสต์เพื่อลงทุนในหุ้นได้รับการยกเว้นภาษีได้สำหรับส่วนแบ่งกำไรที่จ่ายจากเงินปันผลและกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น และให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนผ่านทรัสต์ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะส่วนแบ่งกำไรที่จ่ายจากเงินปันผล สำหรับส่วนแบ่งกำไรที่จ่ายจากผลประโยชน์อื่น ๆ ให้เสียภาษีตามปกติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ก่อตั้งทรัสต์ ทรัสตีและผู้รับประโยชน์ ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน สำหรับเงินได้ รายรับ และการกระทำตราสาร อันเนื่องมาจากการทำสัญญาก่อตั้งทรัสต์ แต่ไม่รวมถึงดอกผลของเงินได้ รายรับ อันเนื่องมาจากการทำสัญญาก่อตั้งทรัสต์ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณากำหนดภาระภาษีสำหรับการลงทุนในตลาดทุนทั้งโดยตรงและผ่านตัวกลางอื่นให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งศึกษาผลกระทบต่อรายได้รัฐ จำนวนผู้ได้รับประโยชน์ และผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ จากการยกเว้นภาษีตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อประเมินความคุ้มค่าจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงระบบภาษีของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3096 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 | กค | 15/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๗๕๓ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๑๑ โครงการ วงเงิน ๑๒,๐๘๐.๕๘ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๙๔๒ โครงการ วงเงิน ๓๓๗,๘๗๙.๘๖ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๗๑๘ โครงการ วงเงิน ๑๕,๑๖๔.๕๐ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๓๑ โครงการ วงเงิน ๔,๔๐๙.๒๕ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๘๗ โครงการ วงเงิน ๑๐,๗๕๕.๒๕ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๒๒๔ โครงการ วงเงิน ๓๒๒,๗๑๕.๓๖ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๒๒๔ โครงการ วงเงิน ๓๑๒,๖๗๑.๖๑ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๗๒๔ โครงการ วงเงิน ๔๙,๖๘๘.๑๔ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๑๒,๕๑๐ โครงการ วงเงิน ๑๒๖,๔๘๑.๖๑ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๔,๙๙๐ โครงการ วงเงิน ๑๓๖,๕๐๑.๘๖ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๕๐๐ โครงการ วงเงิน ๒๖๒,๙๘๓.๔๗ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3097 | ผลกระทบจากโครงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้า และน้ำเย็น จำกัด ที่มีต่อการไฟฟ้านครหลวง | กค | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า การดำเนินโครงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (บริษัท DCAP) ในครั้งนี้ ยังไม่ทำให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เกิดค่าเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจ โดย กฟน. จะได้รับผลกระทบก็ต่อเมื่อมีการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ แล้วเสร็จ ซึ่งก็จะทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (บมจ. ปตท.) ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชดเชยความเสียหายใด ๆ ให้แก่ กฟน. ในขณะนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3098 | แหล่งเงินสนับสนุนแผนการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณภาพเยาวชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | กค | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นำเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (SAL) ส่วนที่เหลือจากการดำเนินโครงการตามแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐ เพื่อสนับสนุนภารกิจของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๔๒๕ ล้านบาท โดยให้ สสค. นำไปใช้เพื่อดำเนินโครงการก่อน และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สสค. ยังมีภารกิจตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย เพื่ออนาคตคนไทยที่เท่าเทียมและเป็นธรรม ด้านการสร้างอนาคตของชาติด้วยการพัฒนาคน เด็กและเยาวชน จึงเห็นควรผนวกภารกิจดังกล่าวไว้ในแผนการดำเนินงานในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ด้วย โดยขอรับการจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจมาสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทยบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายและมีรายได้เกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ก็ให้ สสค. นำรายได้มาชดใช้คืนให้แก่กระทรวงการคลังในโอกาสแรกต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอในทางเลือกที่ ๒ โดยต้องจัดสรรผ่านกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รวมทั้งการดำเนินงานต้องอยู่ภายในกรอบวัตถุประสงค์ของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพอย่างเคร่งครัด และเป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินให้กับกองทุน เงินทุนหมุนเวียน และหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินกู้ SAL อย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3099 | การปรับเปลี่ยนกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ | กค | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับเปลี่ยนกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ๒ ตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เดิม รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็น รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายปรเมธี วิมลศิริ) ๒. เดิม รองอธิบดีกรมบัญชีกลางที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย เป็น ที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3100 | รายงานผลการดำเนินงานในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประจำไตรมาส 4 ปี 2552 | กค | 08/02/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประจำไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๒ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ดังนี้
๑. การบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ บสท. ได้บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจนได้ข้อยุติทั้งสิ้น ๑๕,๒๐๔ ราย มูลค่าทางบัญชีรวม ๗๗๕,๐๒๕ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑.๑ สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่บริหารจัดการจนได้ข้อยุติโดยการปรับโครงสร้างหนี้หรือฟื้นฟูกิจการในศาลล้มละลายกลาง จำนวน ๖,๘๕๗ ราย มูลค่าทางบัญชี ๓๙๙,๕๕๓ ล้านบาท ๑.๒ สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้ข้อยุติโดยการบังคับหลักประกันหรือพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำนวน ๘,๓๔๖ ราย มูลค่าทางบัญชี ๓๗๕,๐๕๑ ล้านบาท ๑.๓ สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ตัดจำหน่ายเป็นหนี้สูญ จำนวน ๑ ราย มูลค่าทางบัญชี ๔๒๑ ล้านบาท ๒. การบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (Non - Performing Asset : NPA) ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ บสท. ได้รับโอนทรัพย์สินรอการขายด้วยมูลค่าตีโอนชำระหนี้และรับโอนตามมาตรา ๗๖ รวมทั้งสิ้น ๑๓๒,๐๔๗ ล้านบาท แบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์มูลค่า ๑๐๙,๘๓๒ ล้านบาท และสังหาริมทรัพย์มูลค่า ๒๒,๒๑๕ ล้านบาท
|
.....