ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 159 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3161 - 3180 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3161 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2553 | กค | 07/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๓๔๑ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๓๙๓ โครงการ วงเงิน ๑๙, ๔๒๙.๗๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๙๔๘ โครงการ วงเงิน ๓๓๐,๕๓๐.๗๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๒๓๕ โครงการ วงเงิน ๑๗,๒๙๓.๐๖ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๖๕๘ โครงการ วงเงิน ๙,๔๘๐.๕๕ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๕๗๗ โครงการ วงเงิน ๗,๘๑๒.๕๑ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๗,๗๑๓ โครงการ วงเงิน ๓๑๓,๖๒๕.๘๕ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๗,๗๑๓ โครงการ วงเงิน ๓๐๔,๖๒๕.๘๕ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๘๘๗ โครงการ วงเงิน ๕๖,๘๘๙.๔๘ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๖๒๔ โครงการ วงเงิน ๒๐๖,๒๐๖.๗๕ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๒๐๒ โครงการ วงเงิน ๔๑,๕๒๙.๖๒ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๘๒๖ โครงการ วงเงิน ๒๔๗,๗๓๖.๓๗ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3162 | โครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย | กค | 07/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการ อนุมัติ และเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบหลักการในการจัดตั้งบริษัทในเครือของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เพื่อดำเนิน โครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย โดยมีหลักการสำคัญในการจัดตั้งบริษัท ดังนี้ ๑.๑.๑ รูปแบบโครงการ ในเบื้องต้นให้ ปณท จัดตั้งบริษัทในเครือโดยถือหุ้นร้อยละ ๑๐๐ และถือ ปฏิบัติตามแนวทางการจัดตั้งบริษัทในเครือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ รวมถึงการดำเนิน การตามขั้นตอนของกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งบริษัท ตลอดจนการดำเนินธุรกิจในการให้สินเชื่อส่วน บุคคล ๑.๑.๒ รูปแบบผลิตภัณฑ์เป็นการให้สินเชื่อตามประเภทกลุ่มเป้าหมายโดยวงเงินกู้และอัตราดอก เบี้ยจะขึ้นอยู่กับการพิจารณารูปแบบของผลิตภัณฑ์ ซึ่งควรมีความหลากหลายเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย สำหรับ การชำระคืนเงินกู้ อาจพิจารณาให้ชำระเป็นรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ส่วนหลักประกันในการกู้เงินอาจจะ มีรูปแบบที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ หรือประเภทของผลิตภัณฑ์ ๑.๑.๓ เขตพื้นที่การให้บริการในเบื้องต้นจะดำเนินการในลักษณะนำร่องให้ทั่วทุกภาคของประเทศ ไทยประมาณ ๑๐ สาขา (กรุงเทพฯ ภาคเหนือ กลาง ใต้ ตะวันออก ตะวันตก และตะวันออกเฉียงเหนือ) โดยให้ บริษัทในเครือของ ปณท มีสิทธิในการใช้สถานที่และเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ของ ปณท ได้ ๑.๑.๔ งบประมาณดำเนินการ ประกอบด้วย ทุนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ๕๐ ล้านบาท ของ ปณท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาจัดหาเงินทุนหมุนเวียนสำหรับดำเนินโครงการฯ ตามความเหมาะสม ๑.๒ อนุมัติร่างบันทึกข้อตกลงร่วมระหว่างกระทรวงการคลัง และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมและบริหารงานบริษัทในครือของ ปณท ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงการไปรษณีย์ เพื่อสินเชื่อรายย่อย ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับ ปณท รับไปดำเนินการในการ จัดตั้งบริษัทในเครือและดำเนินการจัดทำรายละเอียดแผนธุรกิจโครงการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง และ ปณท ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนัก งานอัยการสูงสุด และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรจัดทำแผนธุรกิจที่สอดรับกับแผนบริหารความเสี่ยงอย่างรัด กุมก่อนขยายผลเมื่อมีพันธมิตรร่วมลงทุน และควรประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ในพื้นที่นำร่องอย่างใกล้ชิด หาก ประสบปัญหาในทางปฏิบัติทั้งในส่วนของการอนุมัติสินเชื่อและการติดตามหนี้ หรือแนวโน้มที่จะเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิด รายได้ และปรับรูปแบบการดำเนินโครงการโดยเร็ว โดยอาจพิจารณาทางเลือกในการให้ธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัท เอกชนเข้าร่วมดำเนินการในบริษัทในเครือของ ปณท เพื่อลดผลกระทบต่อฐานะการเงินในภาพรวมของ ปณท ต่อไป นอกจากนี้ ในการจัดตั้งบริษัทในเครือตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นกรณีที่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของ ปณท ที่ได้จดทะเบียนไว้ |
||||||||||||||||||||||||
3163 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 120 ปี กรมบัญชีกลาง พ.ศ. .... | กค | 07/12/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๒๐ ปี
กรมบัญชีกลาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๒๐ ปี กรมบัญชี กลาง ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของ เหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3164 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2553 | กค | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๔๒๙ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๕๕๙ โครงการ วงเงิน ๒๒,๘๙๐.๖๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๘๗๐ โครงการ วงเงิน ๓๒๗,๐๖๙.๘๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๕๐๗ โครงการ วงเงิน ๑๔,๘๘๒.๘๓ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๕๘๓ โครงการ วงเงิน ๖,๐๙๖.๙๖ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๙๒๔ โครงการ วงเงิน ๘,๗๘๖.๑๔ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๗,๓๖๓ โครงการ วงเงิน ๓๑๒,๑๘๖.๙๙ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๗,๓๖๓ โครงการ วงเงิน ๓๐๓,๙๑๐.๘๖ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๖๘๐ โครงการ วงเงิน ๕๙,๒๖๕.๗๓ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๕๑๓ โครงการ วงเงิน ๒๐๓,๒๒๖.๐๓ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๑๗๐ โครงการ วงเงิน ๔๑,๔๑๙.๑๐ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๖๘๓ โครงการ วงเงิน ๒๔๔,๖๔๕.๑๓ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3165 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2553) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 30/11/2553 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
3166 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 25/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบวงเงินเหลือจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๔,๑๔๘.๖๘ ล้านบาท ๒. อนุมัติให้ดำเนินโครงการจัดมหกรรมเศรษฐกิจนานาชาติ (Thailand International Creative Economy Forum : TICEF) ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอนุมัติการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้แก่โครงการดังกล่าว วงเงิน ๑๒.๑๘ ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย สำหรับวงเงินส่วนที่เหลือให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาปรับแผนการใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ งบรายจ่ายอื่น โครงการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณในวงเงิน ๗๗.๒๙ ล้านบาท โดยให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดค่าใช้จ่าย ตลอดจนเรื่องเป้าหมายตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓. อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญาตามที่หน่วยงานเสนอ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน เห็นควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป ๔. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และจัดสรรวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๒๗๑,๙๘๕.๐๖ บาท สำหรับโครงการจัดหาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
3167 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2553 | กค | 25/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๖ แผนย่อย คือ การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาล การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ การก่อหนี้จากต่างประเทศ และการบริหารหนี้ต่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังแก้ไขการอ้างข้อกฎหมายตามมาตรา ๑๗ ฯ โดยตัดความว่า “และที่แก้ไขเพิ่มเติม” ในรายงานผลการดำเนินการฯ ออก ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3168 | รายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 25/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3169 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2553 | กค | 25/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๔๓๑ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๘๓๖ โครงการ วงเงิน ๒๑,๒๙๒.๗๔ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๕๙๕ โครงการ วงเงิน ๓๒๘,๖๖๗.๗๐ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๖๒๗ โครงการ วงเงิน ๑๔,๘๗๗.๕๖ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒๙๒ โครงการ วงเงิน ๕,๕๑๖.๖๐ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๓,๓๓๕ โครงการ วงเงิน ๙,๓๖๐.๙๖ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๖,๙๖๘ โครงการ วงเงิน ๓๑๓,๗๙๐.๑๔ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๖,๙๖๘ โครงการ วงเงิน ๓๐๓,๑๑๙.๔๑ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๔๑๗ โครงการ วงเงิน ๕๙,๗๓๖.๒๑ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๘๖๗ โครงการ วงเงิน ๒๐๔,๘๔๐.๗๐ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๓,๖๘๔ โครงการ วงเงิน ๓๘,๕๔๒.๕๐ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๕๕๑ โครงการ วงเงิน ๒๔๓,๓๘๓.๒๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3170 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 6 เดือน ปี 2553 | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญรอบ ๖ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ดังนี้
๑. เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรอบ ๖ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ ๑๔.๑๒ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน ๑๙๖,๘๙๙ ล้านบาท สำหรับธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับโดยตรง จำนวน ๑๓๗,๔๒๘ ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวร้อยละ ๑๕.๓๔ และธุรกิจประกันวินาศภัยมีเบี้ยประกันรับโดยตรง จำนวน ๕๙,๔๗๑ ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวร้อยละ ๑๑.๔๒ ๒. ดำเนินการยกร่างและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่มีความสำคัญในการกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงินของบริษัท เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและความมั่นคงของบริษัทประกันภัย ให้กฎหมายมีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้มากขึ้น รวมทั้งพัฒนาบริษัทประกันภัยไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันและขยายโอกาสการเข้าถึงระบบประกันภัยของประชาชน ตลอดจนพัฒนากฎระเบียบในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัยในการได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยและกำกับพฤติกรรมทางการตลาดของบริษัทประกันภัย ๓. พัฒนาปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการด้านสินไหมทดแทนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยตั้งศูนย์บริการด้านการประกันภัย หรือ Insurance Service Center (ISC) ทางด่วนข้อพิพาทประกันภัย และนำระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนผ่านทาง E-mail : [email protected] และ ๔. กำหนดให้บริษัทประกันภัยทุกบริษัทดำเนินการทดสอบการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Parallel Test Run) ๕. สร้างเครือข่ายความรู้ประกันภัยผ่านหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการจัดทำบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งจัดกิจกรรมด้านการประกันภัยเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านการประกันภัยให้กับประชาชนทั่วประเทศ ๖. จัดตั้งคณะทำงานเพื่อการเข้าร่วมเป็นภาคีของ IAIS MMoU ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณาดำเนินการในการเข้าร่วมเป็นภาคีของ IAIS MMoU ดังกล่าว และปรับปรุงผลการประเมินการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยตามมาตรฐานการกำกับดูแลของสมาคมผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยนานาชาติ (IAIS Insurance Core Principles Self-Assessment) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ (ค.ศ. ๒๐๐๙) เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และพัฒนาการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของไทยให้เข้าสู่มาตรฐานสากล ๗. พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกันภัยสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อย
|
||||||||||||||||||||||||
3171 | มาตรการภาษีเพื่อการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย โดยให้เจ้าของเรือไทยที่ให้บริการขน ส่งทางทะเลภายในประเทศ (เรือค้าชายฝั่ง) สามารถนำภาษีซื้อที่ถูกจัดเก็บจากการซื้อสินค้า หรือรับบริการ จากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้ประโยชน์ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ เพื่อให้เจ้าของเรือ ไทยสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสด (Cash Flow Management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดให้กิจ การที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้กิจการ ให้บริการขนส่งในราชอาณาจักรโดยเรือเดินทะเลที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3172 | ขอยกเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือ หุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. ๒๕๐๔ โดยให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจอนุมัติการผ่อนผันให้ส่วน ราชการหรือรัฐวิสาหกิจได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ โดยเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ยกร่างขึ้นตามแนวทางที่กระทรวงการคลังเสนอดังกล่าว และให้ส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เมื่อระเบียบตามข้อ ๑ มีผลใช้บังคับแล้ว ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่ง ประเทศไทย และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. ๒๕๐๔ (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) เว้นแต่ในกรณีการจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นที่ได้มาตามนโยบายของรัฐบาล หรือหุ้นในกิจการที่กระทรวงการคลังถือ ครองร่วมอยู่ด้วย จะต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังก่อนจึงจะดำเนินการได้
|
||||||||||||||||||||||||
3173 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน พ.ศ. .... | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการนำสิทธิ
ในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้รับบำนาญต้องยิน ยอมให้กรมบัญชีกลางหักบำนาญรายเดือนเพื่อชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน และให้การหักบำนาญรายเดือน เพื่อชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงินเป็นการชำระเงินให้แก่ทางราชการในลำดับแรก ถัดจากหนี้ภาษีอากรและ หนี้สหกรณ์รวมทั้งกำหนดวิธีปฏิบัติและเงื่อนไขเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองต่อส่วนราชการผู้เบิกเบี้ย หวัดบำนาญ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3174 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือคนพิการ | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือคนพิการ เพื่อช่วยบรรเทาภาระภาษีให้แก่คนพิการ ทำ ให้คุณภาพชีวิตของคนพิการดีขึ้น และช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนพิการ ตลอดจน ช่วยบรรเทาภาระภาษีให้แก่นายจ้างหรือสถานประกอบการที่ได้มีการจ้างคนพิการ และช่วยลดรายจ่าย ของภาครัฐสำหรับการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือคนพิการ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ขององค์กร เอกชนที่จัดให้คนพิการได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพ ชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้คนพิการ ได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับ โครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้วต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหัก ค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนดังกล่าว และหรือรายจ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวน สาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไป โดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ หรือ สนามเด็กเล่นสวนสาธารณะ หรือสถานกีฬาของทางราชการแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อน หักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ๑.๑.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้ของนาย จ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งรับคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่ง เสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเข้าทำงาน ที่จ้างคนพิการเข้าทำงานมากกว่าร้อยละหกสิบของลูกจ้าง ในสถานประกอบการนั้น ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยก เว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ผู้มีเงินได้เป็นคน พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการซึ่งเป็นผู้ อยู่ในประเทศไทยและมีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีภาษีที่ได้รับเฉพาะส่วนที่ไม่เกินหนึ่งแสนเก้าหมื่น บาทในปีภาษีนั้น ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอเรื่องนี้ต่อคณะกรรม การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติเพื่อพิจารณาเสนอความเห็น แล้วส่งผลการพิจารณาให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง ดังกล่าวต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3175 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2553 | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๔๒๖ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๒,๐๑๙ โครงการ วงเงิน ๒๑,๗๖๙.๕๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๐,๔๐๗ โครงการ วงเงิน ๓๒๘,๑๙๐.๙๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๓,๖๐๑ โครงการ วงเงิน ๑๔,๗๙๑.๔๔ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๙๖๐ โครงการ วงเงิน ๕,๘๒๐.๔๘ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๖๔๑ โครงการ วงเงิน ๘,๙๗๐.๙๖ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๖,๘๐๖ โครงการ วงเงิน ๓๑๓,๓๙๙.๔๘ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๖,๘๐๖ โครงการ วงเงิน ๓๐๑,๒๐๔.๐๘ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๔๐๗ โครงการ วงเงิน ๕๙,๒๐๖.๐๓ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๑,๗๕๐ โครงการ วงเงิน ๒๐๓,๙๘๘.๘๗ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๓,๖๔๙ โครงการ วงเงิน ๓๘,๐๐๙.๑๘ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๕,๓๙๙ โครงการ วงเงิน ๒๔๑,๙๙๘.๐๕ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3176 | ความคืบหน้าโครงการ "เร่งรัฐปฏิบัติการด่วน (เพื่อคนไทย)" | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการ “เร่งรัฐปฏิบัติการด่วน (เพื่อคนไทย” สรุปได้ดังนี้
๑. การจ้างที่ปรึกษาฯ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ดำเนินการคัดเลือกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุฯ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีตกลง เพื่อคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาที่เหมาะสมกับโครงการนี้ และคณะกรรมการฯ ได้เลือกบริษัท แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และผลงานการดำเนินโครงการตรงกับเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของการจ้างที่ปรึกษา และอยู่ในวงเงินที่เหมาะสม ๒. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมการดำเนินการโครงการและอำนวยการโครงการเร่งรัฐปฏิบัติการด่วน (เพื่อคนไทย) เพื่ออำนวยการโครงการภายหลังลงนามสัญญาจ้างกับบริษัทที่ปรึกษาเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จลุล่วงตามนโยบายของรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||
3177 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายเฉลิมพร พิรุณสาร และ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ) | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อ
การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓) ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายเฉลิมพร พิรุณสาร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น รองประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนนายยุคล ลิ้มแหลม ทอง ๒. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ผู้แทนสำนักงาน การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนนายเฉลิมพร พิรุณสาร
|
||||||||||||||||||||||||
3178 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2552) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
3179 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ | กค | 16/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้แก่
๑. ร่างพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. และร่างพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||
3180 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 09/11/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ เพิ่มเติมหมวด ๓/๒ บำเหน็จตกทอด กำหนดให้กรณีที่ผู้รับบำเหน็จรายเดือน หรือผู้รับบำเหน็จพิเศษ รายเดือนถึงแก่ความตาย ให้จ่ายบำเหน็จตกทอดเป็นจำนวนสิบห้าเท่าของบำเหน็จรายเดือน หรือบำเหน็จพิเศษ รายเดือนแล้วแต่กรณีให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของผู้รับบำเหน็จราย เดือน หรือผู้รับบำเหน็จพิเศษรายเดือน โดยแบ่งจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิตามสัดส่วนของเงินมรดก โดยมิต้องกันส่วนเป็น สินสมรสก่อนแบ่ง เนื่องจากเงินดังกล่าวไม่ถือเป็นสินสมรส และกำหนดให้นำวิธีการในการยื่นเรื่องราวขอรับบำ เหน็จลูกจ้างตามข้อ ๒๐ มาใช้กับการยื่นเรื่องราวขอรับบำเหน็จตกทอด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่ง คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ได้ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อรองรับการปรับปรุงสิทธิให้แก่ทายาทรับบำเหน็จตกทอดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบ กลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ที่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้แล้ว จำนวน ๙๖,๑๐๓ ล้านบาท ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....