ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 153 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3041 - 3060 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3041 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยแทนกรรมการชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๓ ปี จำนวน ๖ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายวัฒนา รัตนวิจิตร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นายดุสิต นนทะนาคร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๓. ศาสตราจารย์พิเศษชูเกียรติ ประมูลผล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกันภัย ๔. นายการุณ กิตติสถาพร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกันภัย ๕. นายโกวิทย์ โปษยานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๖. นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3042 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน พ.ศ. .... | กค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้กรมบัญชีกลางมีอำนาจในการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถาบันการเงินเพื่อให้ผู้รับบำนาญนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน ๒. กำหนดให้ผู้รับบำนาญที่ประสงค์จะขอกู้เงินยื่นคำร้องขอรับหนังสือรับรองสิทธิบำเหน็จตกทอดเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงินต่อส่วนราชการผู้เบิกเบี้ยหวัดบำนาญ ๓. กำหนดให้ส่วนราชการผู้เบิกเบี้ยหวัดบำนาญตรวจสอบความถูกต้องและรับรองความถูกต้องและความครบถ้วนของข้อมูลในคำร้องขอรับหนังสือรับรอง แล้วส่งไปยังกรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด เมื่อกรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัดได้รับคำร้องขอรับหนังสือรับรองแล้วให้ออกหนังสือรับรองแก่ผู้รับบำนาญ ๔. กำหนดให้ผู้รับบำนาญสามารถนำหนังสือรับรองไปใช้เป็นหลักทรัพย์ขอกู้เงินกับสถาบันการเงินได้ โดยผู้รับบำนาญจะต้องแจ้งให้บุคคลผู้มีสิทธิจะได้รับบำเหน็จตกทอดในอนาคตทราบถึงการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงินด้วย ๕. กำหนดกรณีหากเมื่อสถาบันการเงินและผู้รับบำนาญได้ทำสัญญากู้เงินกันแล้ว ให้สถาบันการเงินจ่ายเงินให้แก่ผู้รับบำนาญ และแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อดำเนินการหักบำนาญรายเดือนตามสัญญากู้เงินต่อไป ๖. กำหนดให้ผู้รับบำนาญจะต้องยินยอมให้ส่วนราชการผู้เบิกเบี้ยหวัดบำนาญหักบำนาญรายเดือน เพื่อชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงินตามสัญญากู้เงิน และกำหนดให้เงินที่ต้องชำระคืนให้แก่สถาบันการเงินดังกล่าว เป็นหนี้อันมีบุริมสิทธิลำดับต่อจากหนี้ภาษีอากรและหนี้สหกรณ์ ๗. กำหนดวิธีปฏิบัติของกรมบัญชีกลางและสถาบันการเงิน กรณีที่ผู้รับบำนาญไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญากู้เงินได้ทั้งกรณีผิดสัญญากู้เงินและถึงแก่ความตาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3043 | ร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... | กค | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสรุปผลการพิจารณาร่วมระหว่างหน่วยงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ซึ่งมีความเห็นร่วมกันในหลักการว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่จะทำให้การลงทุนในกิจการของรัฐมีความคล่องตัวและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายโดยเฉพาะการลงทุนในกิจการของรัฐที่มีความสมดุลมากยิ่งขึ้นในขณะที่ยังคงรักษาและส่งเสริมระบบวินัยการเงินการคลังของรัฐ ตลอดจนความโปร่งใสในการทำสัญญากับเอกชน เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงถ้อยคำในมาตรา ๘ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยกำหนดให้โครงการเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐดำเนินการตามขั้นตอนตามร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... เพียงฉบับเดียว เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ควรแก้ไขความในมาตรา ๔๕ (๑) จาก “เงินประเดิม หรือเงินที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน” เป็น “เงินประดิมที่ได้รับจากงบประมาณแผ่นดิน” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๓. ในระหว่างที่ร่างพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้กระทรวงการคลังศึกษาและจัดทำแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐและกฎหมายลำดับรองที่จำเป็นเพื่อรองรับการประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ โดยให้สามารถแต่งตั้งคณะทำงานต่าง ๆ และหรือว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการดังกล่าวได้อย่างเป็นระบบ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3044 | โครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ตามผลการศึกษาของกรมธนารักษ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามมาตรา ๙ (๒) เพื่อกรมธนารักษ์จะได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ เพื่อดำเนินการพิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมงานโครงการนี้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ๑.๒ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา โดยเฉพาะกรมเจ้าท่าให้ขอตั้งงบประมาณทุกปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขุดลอกและรักษาความลึกของร่องน้ำสงขลาให้อยู่ที่ระดับ ๙ เมตร ตลอดเวลา และให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง และเป็นไปตามขั้นตอนของข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการกิจการของรัฐ และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงคมนาคม จัดเตรียมข้อมูลในประเด็นสำคัญที่จำเป็นต้องสร้างความชัดเจนก่อนการดำเนินโครงการฯ ได้แก่ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยาของทะเลสาบสงขลา การกัดเซาะพื้นชายฝั่งจากการขุดลอกร่องน้ำ บทบาทของท่าเรือสงขลาการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงกับท่าเรือ ความเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือสงขลาและท่าเรือในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งระบบโลจิสติกส์ของประเทศโดยรวม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ค่าใช้จ่ายในการขุดลอกและรักษาความลึกของร่องน้ำสงขลาให้อยู่ที่ระดับ ๙ เมตร ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) จัดทำรายละเอียดตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่สำนักงบประมาณกำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3045 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัดการ และบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการ กนร. เสนอ โดยที่ประชุม กนร. ได้มีมติเห็นชอบตามคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการปฏิรูปองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ดังนี้ ๑.๑ ไม่สมควรนำโครงการรถโดยสารประจำทางฟรีเข้าสู่ระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation : PSO) หากรัฐบาลประสงค์จะดำเนินบริการรถโดยสารประจำทางฟรีเป็นนโยบายระยะยาวอาจพิจารณานำระบบคูปองรถโดยสารที่สามารถใช้ได้ในทุกเส้นทางทั้งเส้นทางของ ขสมก. และเส้นทางของเอกชนมาใช้ทดแทน ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการให้บริการของ ขสมก. โดยการจัดหารถโดยสารใหม่ทดแทนรถโดยสารเก่าที่ปลดระวาง เสียหาย ซ่อมบำรุงไม่ได้ และมีอายุการใช้งานเกิน ๑๗ ปี ขึ้นไป ในจำนวนไม่เกิน ๑,๙๕๗ คัน ประกอบด้วย รถธรรมดา ๑,๕๗๙ คัน และรถปรับอากาศ ๓๗๘ คัน ทั้งนี้ ให้ใช้บริการอุตสาหกรรมการต่อรถและซ่อมบำรุงรถในประเทศเป็นสำคัญ เพื่อส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศสำหรับในส่วนของเครื่องยนต์แชสซีส์ (Chassis) ให้ดำเนินการโดยจัดประมูลเป็นการทั่วไป เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในกระบวนการสรรหา ๑.๓ เห็นชอบการปรับบทบาทการกำกับดูแลระบบขนส่งมวลชนของ ขสมก. โดยให้กระทรวงคมนาคมทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๖ (เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร) พร้อมทั้งจัดทำแนวทางการปรับบทบาทการกำกับดูแลและการดำเนินงานระบบการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และนำเสนอ กนร. ในคราวต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงการคลังรับข้อเสนอขอความอนุเคราะห์ยกเว้นภาษีอากรขาเข้าของบริษัท เอส วี ลิสซิ่ง ไชน่ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไปพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาระบบขนส่งมวลชนและการปฏิรูปองค์กร ขสมก. ทั้งระบบ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดหารถโดยสารทดแทนดังกล่าวควรอยู่บนหลักการของการแข่งขันด้านราคาที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม และส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อรถโดยสารในประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งเร่งศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างการดำเนินงานระบบการเดินรถโดยสารประจำทางและการกำกับดูแลการให้บริการรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วย สำหรับกรณีที่ กนร. เห็นว่าไม่สมควรนำโครงการรถโดยสารประจำทางฟรีเข้าสู่ระบบ PSO นั้น ให้กระทรวงการคลังประสานกับกระทรวงคมนาคมดำเนินการศึกษาความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการดำเนินการตามมติ กนร. โดยเฉพาะความครอบคลุมประชาชนที่ได้รับบริการและภาระทางการเงินของภาครัฐเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการในปัจจุบันและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3046 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ) | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3047 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 15 เมษายน 2554 | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๓,๓๑๕ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๗๓ โครงการ วงเงิน ๘,๓๗๖.๗๐ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๒,๔๔๒ โครงการ วงเงิน ๓๔๑,๕๘๓.๗๔ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๖๔๑ โครงการ วงเงิน ๑๑,๗๖๔.๒๗ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒๐๓ โครงการ วงเงิน ๔,๖๒๓.๔๒ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๔๓๘ โครงการ วงเงิน ๗,๑๔๐.๘๕ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๘๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๒๙,๘๑๙.๔๗ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๘๐๑ โครงการ วงเงิน ๓๒๐,๓๘๗.๒๙ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๑๕๔ โครงการ วงเงิน ๔๖,๘๙๒.๒๑ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน ๑๒,๘๒๘ โครงการ วงเงิน ๑๓๓,๔๔๕.๕๙ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๒๕,๘๑๙ โครงการ วงเงิน ๑๔๐,๐๔๙.๔๙ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๘,๖๔๗ โครงการ วงเงิน ๒๗๓,๔๙๕.๐๘ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3048 | กรอบการเจรจาอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน และอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ที่ยังไม่มีผลใช้บังคับ จำนวน 8 ฉบับ | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบการเจรจาอนุสัญญาหรือความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน สำหรับการนำไปเจรจาอนุสัญญาหรือความตกลงฯ กับกลุ่มประเทศคู่เจรจาของไทย ได้แก่ ประเทศที่จะขอเปิดเจรจาฯ ใหม่ และที่จะขอเปิดเจรจาฯ แก้ไข (ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีไว้แล้ว) ประเทศที่เจรจาฯ แล้ว แต่ยังมีประเด็นติดค้าง (ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีไว้แล้ว) และประเทศที่จะทำการเจรจาฯ ในอนาคต และเห็นชอบอนุสัญญาหรือความตกลงฯ ที่ยังไม่มีผลใช้บังคับ จำนวน ๘ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาอีกครั้ง ดังนี้
๑. ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งซิมบับเวและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และผลได้จากทุน ๒. ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐเอกราชปาปัวนิวกีนี เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๓. อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรโมร็อกโก เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๔. ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสุลต่านบรูไนดารุสซาลามและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๕. อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐทาจิกิสถาน เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๖. อนุสัญญาระห่วางรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเคนยา เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ ๗. อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งไอร์แลนด์ เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และผลได้จากทุน ๘. อนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐลิทัวเนียและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3049 | การปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือน และปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๑.๒ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการตามแนวทางการปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรโดยเคร่งครัด เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อมิให้กระทบต่อฐานะการเงินของ ธ.ก.ส. ในระยะยาว รวมทั้งต้องมีการประเมินวัดผลงานรายบุคคลให้สอดคล้องกับการประเมินผลงานทั้งองค์กร และรายงานให้กระทรวงการคลังทราบความคืบหน้าของการดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังมีการพิจารณาปรับบัญชีโครงสร้างเงินเดือน และปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่อยู่ในการกำกับดูแลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้เป็นไปตามที่ ธ.ก.ส. ได้ตั้งเป้าหมาย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาระบบสินเชื่อ นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ควรให้ความสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้มีรายได้น้อยและการลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3050 | การออกสลากการกุศลงวดพิเศษ | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การออกสลากการกุศลงวดพิเศษสำหรับโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต สุขภาพ และการศึกษาของประชาชน จำนวน ๘ หน่วยงาน วงเงินรวม ๖,๙๙๙ ล้านบาท ประกอบด้วยการออกสลากการกุศลงวดพิเศษของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์, คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, มูลนิธิวชิรพยาบาล ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี, กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๑.๒ ไม่สนับสนุนการออกการกุศลงวดพิเศษ จำนวน ๖ หน่วยงาน วงเงินจำนวน ๑๗,๐๕๖ ล้านบาท ประกอบด้วยการออกสลากการกุศลงวดพิเศษของมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, มูลนิธิพระรัตนตรัย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร, มูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมูลนิธิส่งเสริมการพัฒนาบุคคล ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ๑.๓ ยุติการพิจารณาการออกสลากการกุศลไว้ก่อน จนกว่าจะดำเนินการออกสลากการกุศลตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้วเสร็จ ๑.๔ การออกสลากการกุศลตามข้อ ๑.๑ ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่ายและจ่ายรางวัล ทั้งนี้ ในการจัดจำหน่าย สำนักงานสลากฯ ควรพิจารณาแนวทางการจำหน่ายสลากการกุศลในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย ๒. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๑ (เรื่อง การออกสลากการกุศลงวดพิเศษ) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ หากในระยะต่อไปมีการพิจารณาการออกสลากการกุศลงวดพิเศษเพิ่มเติมอีก ให้กระทรวงการคลังนำเรื่องเกี่ยวกับการออกสลากการกุศลเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการของกระทรวงศึกษาธิการที่ได้เสนอไปที่กระทรวงการคลังแล้ว มาพิจารณาในโอกาสแรก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3051 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2554 | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธาน กนร. เสนอ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการกำกับและพัฒนานโยบายรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... และให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำความเห็นของ กนร. เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานตามร่างกฎหมายฉบับนี้ ควรมีอำนาจอย่างเหมาะสมในการกำกับดูแลและแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่เพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ ไปประกอบการพิจารณาในการร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวต่อไป ๑.๒ รับทราบการติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินขององค์การตลาด องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การสะพานปลา และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ๑.๓ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาผลขาดทุนของบริษัท ไม้อัดไทย จำกัด (มอท.) โดยพิจารณาแนวทางการจัดการสินทรัพย์ หนี้สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพนักงานของ มอท. ที่เหมาะสม ทั้งนี้ ให้นำนัยของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๔ (๑) พิจารณาประกอบด้วย และให้นำเสนอ กนร. พิจารณาภายใน ๓ เดือน ๑.๔ เห็นชอบผลการศึกษาของฝ่ายเลขานุการฯ ในเรื่องอัตราส่วนลด (Discount Rate) ในการคำนวณมูลค่าผลตอบแทนปัจจุบัน (Present Value) ของโครงการในอัตราร้อยละ ๑๐ ว่าเป็นอัตราที่ยอมรับได้ และความสามารถในการรับตู้สินค้า (Capacity) ของท่าเรือแหลมฉบังว่ายังคงมีปริมาณส่วนเกิน (Excess Capacity) แม้จะมีการขยายระยะเวลาก่อสร้างท่าเทียบเรือชุด D (D1 D2 และ D3) จากเดิมที่จะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ การแก้ไขสัญญาจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๕ ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดังนี้ ๑.๕.๑ เห็นชอบแผนพลิกฟื้นของ กคช. โดยให้คงธุรกรรมโครงการบ้านเอื้ออาทรไว้กับ กคช. และเห็นชอบในหลักการสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ โดยให้ กคช. เสนอหลักเกณฑ์รายละเอียดและกรอบการลงทุนตามขั้นตอน รวมทั้งระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๕.๒ เห็นชอบมาตรการอุดหนุนหรือชดเชยเพิ่มเติมจากรัฐ สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ยังคงไว้ที่ กคช. โดยขยายวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากสถาบันการเงินเพิ่มเติมจากเดิม ๗๘๐ ล้านบาท เป็น ๒,๒๔๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้ออาคารคืนจากสถาบันการเงินและนำกลับมาขายใหม่ในกรณีผู้ซื้อที่ขาดการชำระติดต่อกัน ๓ เดือน และการอุดหนุนเงินชดเชยดอกเบี้ยเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นสำหรับหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ยังไม่สามารถขายได้ และที่ยังไม่เคยได้รับการอุดหนุนตามจำนวนดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริง จำนวน ๒๙๗ ล้านบาท และการอุดหนุนชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสินทรัพย์รอการพัฒนาในลักษณะเงินยืมไม่เกิน ๒ ปี เพื่อให้ กคช. นำทรัพย์สินดังกล่าวมาจำหนายให้เกิดรายได้โดยเร็ว ๑.๕.๓ สำหรับการขอเสนอขายโครงการในลักษณะยกอาคารหรือยกขายทั้งโครงการโดยสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่า ๓๙๐,๐๐๐ บาท แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินโดยบริษัทกลาง ๒. สำหรับเรื่องการดำเนินการของคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการปฏิรูปองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3052 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๓๕ โดยน้ำหนัก จากอัตราภาษี ๕.๓๑๐ บาทต่อลิตร ลดลงเหลืออัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ จากอัตราภาษี ๕.๐๔๐ บาทต่อลิตร ลดลงเหลืออัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3053 | การออกสลากการกุศลงวดพิเศษ | กค | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สนับสนุนการออกสลากการกุศลงวดพิเศษ จำนวน ๓ หน่วยงาน ดังนี้ ๑.๑.๑ โครงการจัดหารายได้สมทบทุนมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ วงเงินจำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ๑.๑.๒ โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร วงเงินจำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ของมูลินิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ๑.๑.๓ โครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วงเงินจำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย ๑.๒ ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย และจ่ายรางวัลสลากการกุศลงวดพิเศษดังกล่าว ทั้งนี้ ในการจัดจำหน่าย ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพิจารณาแนวทางการจำหน่ายสลากการกุศลในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย ๒. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๑ (เรื่อง การออกสลากการกุศลงวดพิเศษ) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หน่วยงานใดที่ได้รับรายได้จากการออกสลากการกุศลงวดพิเศษเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการใด ๆ แล้ว ไม่ควรเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในโครงการเดียวกันอีก โดยให้แจ้งข้อมูลการได้รับรายได้ดังกล่าวให้สำนักงบประมาณทราบ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาและตรวจสอบความซ้ำซ้อนของการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3054 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน | กค | 20/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยขยายระยะเวลาของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานออกไปอีก ๒ ปี ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๒.๑ กำหนดให้ยกเว้นเงินได้ สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักร ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน แต่ไม่รวมถึงยานพาหนะและวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรที่ใช้กับยานพาหนะ เป็นจำนวนร้อยละยี่สิบห้าของค่าใช้จ่ายนั้น ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวต้องจ่ายไปตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ๑.๒.๒ กำหนดให้ทรัพย์สินประเภทวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรที่มีผลต่อการประหยัดพลังงานตามมาตรา ๓ ต้องเป็นทรัพย์สินที่ไม่เคยผ่านการใช้งาน ซึ่งได้ซื้อมาและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ตามประสงค์ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานว่าเป็นวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกานี้ ทั้งนี้ ต้องหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่ทรัพย์สินนั้นอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้ตามประสงค์ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ ข้อมูลและรายละเอียดของมาตรการภาษีดังกล่าว โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และบริษัทเอกชนผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวมากยิ่งขึ้น และเห็นควรส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยให้มีการจัดทำฉลากติดบนวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักร ที่ผลิตออกจำหน่ายเพื่อแสดงว่าเป็นวัสดุ อุปกรณ์ หรือเครื่องจักรที่ประหยัดพลังงานและได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ในลักษณะเดียวกับการติดฉลากเบอร์ ๕ เพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้มาตรการภาษีส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3055 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในประเทศไทย) | กค | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศ และได้รับเงินได้พึงประเมินจากการแสดงภาพยนตร์ในราชอาณาจักรโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้เป็นนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศและได้รับเงินได้พึงประเมินจากการแสดงภาพยนตร์ในราชอาณาจักรไทยโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ทั้งนี้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าวให้ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์และนักลงทุนต่างประเทศได้รับทราบอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการ เมื่อร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว ๔. ให้กระทรวงการคลังรับข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เห็นควรให้มีมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เนื่องจากจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และเป็นการส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยในการแข่งขันกับต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3056 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2553) ปีงบประมาณ 2554 | กค | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓) ปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ในช่วงไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๔ (ต.ค. - ธ.ค. ๕๓) สินค้าฟุ่มเฟือย ๑๗ กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม ๕๗๔.๙๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ๒๕๕๓ (ต.ค. - ธ.ค. ๕๒) ๑๐๒.๘๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๒๑.๗๗ ๒. มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๔ แล้ว (๔๘,๓๕๒.๔๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๑.๑๙ ของมูลค่านำเข้ารวม ๓. เมื่อเปรียบเทียบมูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๔ กับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ปรากฏว่ามีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน ๑๕ กลุ่ม ตั้งแต่ร้อยละ ๐.๓๔ ถึง ๑๗๑.๙๐ และมี ๒ กลุ่ม ที่มีมูลค่านำเข้าลดลงร้อยละ ๒.๐๗ และ ๑๑.๐๐ ๔. สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ ๔.๑ ผลไม้ มีมูลค่านำเข้า ๑๐๓.๘๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๐.๓๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๐.๓๔ ๔.๒ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มีมูลค่านำเข้า ๙๐.๒๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๑๔.๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๘.๗๒ ๔.๓ นาฬิกาและอุปกรณ์ มีมูลค่านำเข้า ๖๔.๑๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๓.๓๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๕.๔๗ ๕. สินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๔ (ต.ค. - ธ.ค. ๕๓) มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๕ กลุ่ม เมื่อเปรียบเทียบ (ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) กับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ๒๕๕๓ (ต.ค. - ธ.ค. ๕๒) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด ๕ อันดับแรก ได้แก่ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ เลนซ์ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ดอกไม้ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๗๑.๙๐, ๕๖.๐๘, ๔๙.๔๐, ๔๑.๙๖ และ ๔๑.๓๔ ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3057 | รายงานผลการลงนามในสัญญาเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เงินกู้ Capital Market Development Program : CMDP) | กค | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในสัญญาเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เงินกู้ Capital Market Development Program : CMDP) โดยเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ เลขที่ 2665 - THA สำหรับเงินกู้ CMDP วงเงิน ๓๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทย และ Mr. Kunio Senga, Director General, Southeast Asia Department เป็นผู้ลงนามในนามธนาคารพัฒนาเอเชีย โดยมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3058 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายนรินทร์ กัลยาณมิตร) | กค | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3059 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี กรมศิลปากร พ.ศ. .... | กค | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี กรมศิลปากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี กรมศิลปากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3060 | ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 และปรับปรุงกฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าแสตมป์ยาสูบ | กค | 12/04/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อเพิ่มเติมบทนิยามกำหนดฐานเพื่อใช้ในการคำนวณค่าแสตมป์ยาสูบสำหรับยาเส้นและยาสูบ กำหนดจุดความรับผิดในอันจะต้องเสียค่าแสตมป์ยาสูบ การคืนค่าแสตมป์ยาสูบ การประเมินค่าแสตมป์ยาสูบ รวมทั้งกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยการจัดเก็บค่าแสตมป์ยาสูบ และปรับปรุงหน่วยจัดเก็บค่าแสตมป์ยาสูบตามปริมาณให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|