ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 151 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3001 - 3020 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3001 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 พ.ศ. .... | กค | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคาห้าสิบบาท หนึ่งชนิด จัดทำออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงและบัญชีท้ายบรรยายเกี่ยวกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ปรากฏดาราจักรีในพระบรมรูป จึงควรตัดคำว่า “และประดับดาราจักรี” ออก ข้อความที่แก้ไขแล้วเป็น “ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชผินพระพักตร์เบื้องขวา ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศจอมทัพ ทรงฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ทรงเครื่องขัติยราชอิสริยยศอันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และสายสร้อยจุลจอมเกล้า ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3002 | กรอบการเจรจาเพื่อจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน | กค | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบการเจรจาจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน [ASEAN Infrastructure Fund (AIF)] มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการนำแหล่งเงินทุนของอาเซียนมาใช้ในการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในภูมิภาคอาเซียน และสามารถนำเงินออมภายในภูมิภาคมาใช้ให้เกิดประโยชน์ผ่านทางการออกพันธบัตรของกองทุนฯ ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศสามารถถือและนับเป็นส่วนหนึ่งของเงินสำรองระหว่างประเทศได้ (Reserve Eligibility) และนำเสนอกรอบการเจรจาฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเข้าร่วมการเจรจาและสามารถผูกพันวงเงินลงทุนในกองทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียนในส่วนของประเทศไทยได้ตามความเหมาะสม ซึ่งในเบื้องต้นนี้จะเป็นเงินจำนวน ๑๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อกรอบการเจรจาฯ ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างกรอบการเจรจาฯ ควรระบุถึงขอบเขตของการเจรจาให้ชัดเจนว่ามีเนื้อหาสาระครอบคลุมประเด็นหลักในเรื่องใดบ้าง ผลประโยชน์ของไทย และพันธกรณี ตลอดจนผลกระทบและมาตรการที่จำเป็นที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเจรจาจัดทำหนังสือสัญญา โดยส่วนราชการเจ้าของเรื่องจะเป็นผู้พิจารณารูปแบบและสารัตถะของกรอบการเจรจาให้เหมาะสมและครอบคลุมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการเจรจา และเมื่อร่างกรอบการเจรจาฯ ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว หากจะใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพื่อลงทุนในกองทุนฯ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้จัดเตรียมงบประมาณไว้ กระทรวงการคลังจะต้องนำเสนอขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อนการเจรจาหรือทำความตกลงใด ๆ ที่มีผลผูกพันงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3003 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 พ.ศ. .... | กค | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ กำหนดรายละเอียดของลักษณะเหรียญ บุคคลผู้มีสิทธิประดับเหรียญ วิธีการประดับเหรียญ และหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างและการจำหน่ายเหรียญ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ชื่อร่างพระราชกฤษฎีกาควรสอดคล้องกับชื่องานพระราชพิธีที่เป็นทางการ คือ “ร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ พ.ศ. ....” ๒.๒ ในหัวข้อ “เหตุผล” ซึ่งระบุว่า “เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล ...” เห็นว่า “ถวายพระพรชัยมงคล” น่าจะไม่ใช่เหตุผลในการให้มีเหรียญเฉลิมพระเกียรติฯ นี้ โดยมีข้อพิจารณาว่า ตามบทความของศาสตราจารย์จำนง ทองประเสริฐ ราชบัณฑิต สรุปได้ว่า “ถวายพระพรชัยมงคล” จะกระทำโดยการกล่าวถ้อยคำเขียนข้อความ หรือลงนาม ซึ่งเหรียญดังกล่าวมิได้มีข้อความอันเป็นการถวายพระพรชัยมงคลแต่อย่างใด สำหรับเหตุผลในการให้มีเหรียญเพื่อ “ถวายพระพรชัยมงคล” แม้จะเคยปรากฏครั้งหนึ่งในพระราชบัญญัติเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่ในพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาเหรียญอื่น ๆ โดยเฉพาะพระราชบัญญัติเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหามงคลสมัยพระราชพิธีเฉลิมพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พ.ศ. ๒๕๒๙ และพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งประกาศใช้ก่อนและหลังพระราชบัญญัติฯ พ.ศ. ๒๕๔๒ ก็มิได้ปรากฏเหตุผลดังกล่าว นอกจากนี้ ร่างมาตรา ๔ และร่างมาตรา ๕ ใช้คำว่า “เหรียญนี้” แทนชื่อเหรียญซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในร่างมาตรา ๓ แต่ร่างมาตรา ๖ กลับระบุชื่อเหรียญอีก
|
||||||||||||||||||||||||
3004 | มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายเป็นหลักการให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ๒. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์
|
||||||||||||||||||||||||
3005 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง | กค | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไปตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมศุลกากร ๒. นางเบญจา หลุยเจริญ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมสรรพสามิต ๓. นายนริศ ชัยสูตร ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมธนารักษ์ ๔. นายสมชัย สัจจพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ (นักบริหารสูง) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๕. นายประสงค์ พูนธเนศ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ (นักบริหารสูง) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ๖. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
3006 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 6 ราย) | กค | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๖ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ กันยายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ๒. นายจิรเดช วรเพียรกุล เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์) ๓. นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) ๔. นายไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ๕. นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง(รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์) ๖. นายธนาธร โล่ห์สุนทร เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์)
|
||||||||||||||||||||||||
3007 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2554 | กค | 25/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้ามาตรการให้ความช่วยแหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มาตรการด้านการเงิน ได้กำหนดมาตรการด้านการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จำนวน ๘ แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าเดิมของธนาคารในเรื่องการพักชำระหนี้ ขยายระยะเวลาชำระหนี้ และลดดอกเบี้ย รวมทั้งให้เงินกู้ใหม่แก่ลูกค้าเดิมและประชาชนทั่วไปเพื่อฟื้นฟูอาชีพและซ่อมแซมบ้าน/อาคารที่เสียหาย โดยลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าปกติ และลดหย่อนเกณฑ์การพิจารณา ๒. การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรมบัญชีกลางได้ช่วยให้ทางราชการสามารถดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยอนุมัติให้จังหวัดที่ประสบภัยพิบัติรุนแรงและขยายวงเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง ๓. มาตรการด้านภาษี ๓.๑ ผู้ประสบอุทกภัยทั้งบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินชดเชยที่ได้รับจากภาครัฐ ๓.๒ ผู้ประสบอุทกภัยที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้ประกอบการ [มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๕๐(๕) ถึง (๘) แห่งประมวลรัษฎากร] ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนเท่าจำนวนความเสียหายที่ได้รับ ๓.๓ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและได้รับเงินได้ที่เป็นค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัย ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากการประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหายดังกล่าวเฉพาะส่วนที่เกินมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลือจากการหักค่าสึกหรอหรือค่าเสื่อมราคาแล้ว ๓.๔ การบริจาคให้กับผู้ประสบอุทกภัยผ่านหน่วยงานส่วนราชการ องค์การของรัฐบาล องค์การหรือสถานสาธารณกุศล หรือผ่านเอกชนที่เป็นตัวแทนรับบริจาคที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมสรรพากร เพื่อนำไปบริจาคต่อให้กับผู้ประสบอุทกภัย สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายในทางภาษีได้ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ (กรณีผู้บริจาคเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และสามารถบริจาคได้ทั้งเงินและทรัพย์สิน) และไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้สุทธิ (กรณีผู้บริจาคเป็นบุคคลธรรมดาสำหรับการบริจาคเป็นเงินเท่านั้น) ทั้งนี้ ผู้รับบริจาคได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาถือเป็นเงินได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่ามูลค่าความเสียหายที่ได้รับ ๓.๕ การพิจารณาขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีสรรพากรให้กับบางพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยรุนแรงตามความจำเป็นและสมควร
|
||||||||||||||||||||||||
3008 | ความคืบหน้าของมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ประสบอุทกภัยปี 2553 | กค | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าของมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษรตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรณีเกษตรกรลูกค้าเสียชีวิต ธ.ก.ส. ได้จำหน่ายลูกหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ โดย ธ.ก.ส. รับภาระเอง จำนวน ๑๙ ราย รวมต้นเงินกู้และดอกเบี้ยเป็นเงิน จำนวน ๑.๖๗ ล้านบาท ๒. กรณีเกษตรกรลูกค้าประสบภัยอย่างร้ายแรงและไม่เสียชีวิต ประกอบด้วย ๒.๑ หนี้เงินกู้เดิมที่มีอยู่ก่อนประสบภัย โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้เป็นเวลา ๓ ปี และงดคิดดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ปีบัญชี ๒๕๕๓ - ๒๕๕๕ ซึ่ง ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ธ.ก.ส. ได้สำรวจความเสียหายเป็นรายคนพบว่า มีเกษตรกรลูกค้าที่ประสบภัย จำนวน ๕๙ จังหวัด มีจำนวนเกษตรกรลูกค้า ๑๗๘,๘๖๒ ราย รวมมีหนี้เงินกู้เดิมที่มีอยู่ก่อนประสบภัย จำนวน ๒๘,๘๘๖.๙๙ ล้านบาท ๒.๒ การให้เงินกู้ใหม่เพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยให้วงเงินกู้รายละไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราปกติ ร้อยละ ๓ ต่อปี เป็นเวลาไม่เกิน ๓ ปี ซึ่ง ณ วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินกู้ใหม่เพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรไปแล้ว จำนวน ๑๑,๕๖๓ ราย รวมจำนวนเงินกู้ ๖๑๖.๖๕ ล้านบาท ๓. ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการซ่อมบำรุงเครื่องจักรกลหลังน้ำลด โดยร่วมกับบริษัทเอกชนและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์ไฟฟ้าของเกษตรกรที่ชำรุดจากการเกิดอุทกภัย โดยมีพื้นที่ดำเนินการใน ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา กำแพงเพชร ชัยนาท อ่างทอง และสระบุรี มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น ๒,๕๘๙ ราย |
||||||||||||||||||||||||
3009 | ความคืบหน้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร (นโยบายการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่เสียชีวิตพิการหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้) | กค | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร โดยที่ประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ได้กำหนดหลักการในการดำเนินโครงการสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร กรณีให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่เสียชีวิต พิการหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ สรุปได้ ดังนี้
๑. กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับความช่วยเหลือ คือ เกษตรกร ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑.๑ กลุ่มที่ ๑ เกษตรกรที่เสียชีวิต พิการหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) และขึ้นทะเบียนหนี้กับ กฟก. ไว้แล้ว และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) กับสถาบันการเงินหลัก ๔ แห่ง ได้แก่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ไม่เกินรายละ ๒.๕ ล้านบาท ๑.๒ กลุ่มที่ ๒ เกษตรกรที่เสียชีวิต พิการหรือทุพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ที่ไม่เป็นสมาชิก กฟก. หรือเป็นสมาชิก แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนหนี้และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) กับสถาบันการเงินหลัก ๔ แห่ง ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ไม่เกินรายละ ๒.๕ ล้านบาท ๑.๓ กลุ่มที่ ๓ เกษตรกรที่เสียชีวิต พิการหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ของสถาบันการเงินอื่น สหกรณ์ฯ และนิติบุคคลที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรกำหนดและมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) กับสถาบันการเงินหลัก ๔ แห่ง ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ไม่เกินรายละ ๒.๕ ล้านบาท ๒. การจำหน่ายหนี้เงินกู้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ สำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจและสถาบันการเงินที่เป็นรัฐวิสาหกิจให้ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการจำหน่ายทรัพย์สินและหนี้สูญออกจากบัญชีของรัฐวิสาหกิจ กรณีที่เป็นสถาบันการเงินอื่น สหกรณ์ฯ นิติบุคคลที่คณะกรรมการ กฟก. กำหนดให้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมายตามแต่องค์กรนั้น ๆ ถือปฏิบัติ ๓. ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการดำเนินการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐเพื่อให้เกิดความชัดเจนของความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นและอาจส่งผลกระทบถึงความมั่นคงทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น ๆ ๔. ให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธอส. และธนาคารกรุงไทยฯ จัดทำประมาณการจำนวนเกษตรกรกลุ่มลูกหนี้และจำนวนหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามนโยบายนี้ให้กระทรวงการคลังโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
3010 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ประจำไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2553) | กค | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ประจำไตรมาสที่ ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (กรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๓) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า) ประจำไตรมาสที่ ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีมูลค่าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษรวม ๑๕๘,๙๕๔ บาท เป็นมูลค่าสินค้าที่ยกเว้นอากรทั้งหมด (ไม่พบมูลค่าสินค้าที่ลดหย่อนอากร) และมีการนำเข้ารวมลดลงจากการเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๓๒,๐๖๓ บาท ๒. การรายงานครั้งนี้จะเป็นการสิ้นสุดรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางศุลกากร (AISP) เนื่องจากประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราศุลกากรสำหรับของมีถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (ฉบับที่ ๔) ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ และปัจจุบันของที่มีถิ่นกำเนิดจากสมาชิกใหม่อาเซียนจะใช้สิทธิพิเศษการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) แทน
|
||||||||||||||||||||||||
3011 | ขอขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังรับเรื่อง ขอขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คืนไปเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีผลเป็นการสร้างความผูกพันให้คณะรัฐมนตรีชุดต่อไปต้องดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
3012 | ความคืบหน้าการดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2554 | กค | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาให้ความเห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เบิกเงินชดเชยสำหรับเงินที่ทดรองจ่ายไปให้รัฐก่อนตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยดอกเบี้ยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามมาตรา ๑๘๑ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่เนื่องจากโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔ เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบโครงการและแนวทางการเบิกจ่ายเงินไว้แล้วเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ การพิจารณาในครั้งนี้จึงเป็นเพียงการพิจารณาในรายละเอียดที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้ก่อนยุบสภาเท่านั้น กรณีจึงไม่ขัดต่อมาตรา ๑๘๑ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. เบิกเงินชดเชยสำหรับเงินที่ทดรองจ่ายไปให้รัฐก่อน เพื่อดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔ ตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR)+๑% ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ธนาคารกรุงไทย จำกัด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ๒.๒ เห็นชอบแนวทางการปฏิบัติด้านเอกสารของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เกษตรผู้เอาประกันภัยได้รับค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอขั้นตอนการจ่ายเงินชดเชยของภาครัฐ และเพื่อความยั่งยืนของระบบการประกันภัยพืชผล และให้กระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประภัยพิบัติอำเภอจัดส่งสำเนาแบบประมวลรวบรวมการช่วยเหลือรายหมู่บ้าน (กษ ๐๒) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ ให้กับ ธ.ก.ส. ที่ให้บริการในพื้นที่อำเภอนั้นด้วย เพื่อที่ ธ.ก.ส. จะได้จัดส่งให้กับผู้ประกันภัยใช้ประกอบการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมต่อไป และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงแบบประมวลรวบรวมการช่วยเหลือรายหมู่บ้าน (กษ ๐๒) ให้มีการระบุแปลงเพาะปลูกของเกษตรกร ๒.๓ รับทราบความคืบหน้าการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี โดยสมาคมประกันวินาศภัยได้จัดทำร่างกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจะอนุมัติกรมธรรม์ดังกล่าวภายในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นแนวทางการปฏิบัติด้านเอกสารของหน่วยงานภาครัฐ และการดำเนินการเพื่อให้ระบบประกันภัยพืชผลเกิดความยั่งยืน โดยเห็นควรสนับสนุนให้บริษัทเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการ โดยมีการวางระบบการตรวจสอบความเสียหายและเอาประกันให้ชัดเจน มีการเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่จะดำเนินการ และเร่งประชาสัมพันธ์โครงการอย่างต่อเนื่องให้ทั่วถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3013 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 | กค | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ ให้แก่เกษตรกรแล้ว จำนวน ๗๖,๗๙๘ ราย เป็นเงิน ๓๘๖,๒๙๘,๒๓๔.๕๒ บาท แบ่งเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๑) จำนวน ๘,๗๙๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒,๖๓๗,๖๐๖.๑๒ บาท และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๒) จำนวน ๖๘,๐๐๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๗๓,๖๖๐,๖๒๘.๔๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
3014 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง | กค | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. แจ้งเวียนประเด็นการอนุมัติให้มีการทบทวนราคากลางงานก่อสร้างให้เป็นปัจจุบันตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๔ มกราคม ๒๕๕๔) ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐทราบและถือปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๒. กำหนดและประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง จากเดิมร้อยละ ๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๗ ต่อปี พร้อมทั้งจัดทำตาราง Factor F ที่สอดคล้องตามอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงใหม่ ๓. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณค่างานต้นทุน (Direct Cost) ของทั้ง ๓ หลักเกณฑ์ ประกอบด้วย หลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง หลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างทาง สะพาน และท่อเหลี่ยม และหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างชลประทาน ๔. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการงานก่อสร้าง (Indirect Cost) หรือตาราง Factor F และหลักเกณฑ์การใช้ตาราง Factor F ของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้างให้มีความชัดเจน ครบถ้วน และง่ายต่อการนำไปใช้ปฏิบัติ ๕. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการรวมทั้งแบบฟอร์มการคำนวณค่าใช้จ่ายพิเศษตามข้อกำหนดของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้าง ๖. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์รวมทั้งแบบฟอร์มในการนำค่างานต้นทุน (Direct Cost) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้าง (Indirect Cost) และค่าใช้จ่ายพิเศษตามข้อกำหนดมาสรุปรวมกันเป็นราคากลาง และการจัดทำรายงานของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้าง ๗. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงในส่วนของแนวทางและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างให้มีความชัดเจน และสอดคล้องตามกฎหมาย ระเบียบ แนวทาง และวิธีปฏิบัติของทางราชการ |
||||||||||||||||||||||||
3015 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2554 ครั้งที่ 2 | กค | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๓๓,๓๘๐.๑๓ ล้านบาท จากการปรับปรุงแผนครั้งที่ ๑ ซึ่งมีวงเงินรวม ๑,๒๙๑,๕๐๔.๒๗ ล้านบาท เหลือ ๑,๒๕๘,๑๒๔.๑๔ ล้านบาท ๒. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๖,๕๘๗.๙๖ ล้านบาท จากเดิม ๑๓๓,๒๐๕.๒๖ ล้านบาท เป็น ๑๓๙,๗๙๓.๒๒ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
3016 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง ปี 2553 | กค | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยในครึ่งปีหลัง ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ดำเนินการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ๗ ประเภท (ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม - รีสอร์ท นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า) และนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปทาน ด้านอุปสงค์ ด้านราคา และด้านการเงิน โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๕๓ และจัดทำบทวิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์รายเดือนและรายได้ไตรมาส ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยสามารถรวบรวมและจัดทำข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และสามารถนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.reic.or.th รวมทั้งพัฒนาความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้มีการจัดอบรมและสัมมนา เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งผู้ประกอบการและประชาชนได้
|
||||||||||||||||||||||||
3017 | รายงานผลการจัดทำสัญญาชำระคืนเงินยืมระหว่างกระทรวงการคลังกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเพื่อเรียกเก็บเงินยืมจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | กค | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดทำสัญญาชำระคืนเงินยืมระหว่างกระทรวงการคลังกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เพื่อเรียกเก็บเงินยืมจาก กทพ. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กทพ. ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมความปลอดภัยด้านการจราจรของโครงการทางพิเศษสายบางพลี - สุขสวัสดิ์ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๗ (ตอนบางพลี - บางขุนเทียน ช่วงสุขสวัสดิ์ - บางขุนเทียน) ก่อสร้างทางเชื่อมต่อโครงการทางพิเศษสายบางพลี - สุขสวัสดิ์กับทางพิเศษบูรพาวิถี และก่อสร้างทางเชื่อมต่อโครงการทางพิเศษสายบางพลี - สุขสวัสดิ์กับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม รวมวงเงิน ๖,๓๗๒,๐๐๔,๐๐๐.๐๐ บาท คงเหลือวงเงิน ๑,๕๐๐,๔๑๓,๕๔๘.๗๖ บาท ซึ่ง กทพ. จะดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยกระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณและ กทพ. เป็นผู้พิจารณาแหล่งเงินกู้ วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินที่เหมาะสม และกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ เนื่องจากสำนักงบประมาณไม่สามารถจัดสรรงบประมาณให้เป็นเงินยืมให้ กทพ. ได้ ๒. กระทรวงการคลังได้จัดทำสัญญาชำระคืนเงินยืมระหว่างกระทรวงการคลังกับ กทพ. สัญญาเลขที่ ๓๔๒/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ และได้จัดส่งสัญญาดังกล่าวให้ กทพ. ในฐานะผู้กู้เพื่อถือปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยมีสาระสำคัญเป็นไปตามสัญญาชำระคืนเงินยืมที่เป็นสัญญามาตรฐานผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว และเป็นไปตามนัยเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีและกระทรวงการคลังได้อนุมัติไว้
|
||||||||||||||||||||||||
3018 | รายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม 2553) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานประจำครึ่งปี (กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยรายงานดังกล่าว ประกอบด้วย
๑. ส่วนที่ ๑ : สรุปภาวะเศรษฐกิจ ๒. ส่วนที่ ๒ : การดำเนินงานของ ธปท. ประกอบด้วย ๒.๑ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน ๒.๒ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน ได้แก่ ๒.๒.๑ การดำเนินงานด้านนโยบายสถาบันการเงิน ๒.๒.๒ การดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน ๒.๒.๓ ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์และพัฒนาการที่สำคัญ ๒.๒.๔ การดำเนินงานในการเป็นนายธนาคารของสถาบันการเงิน ๒.๓ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน มีดังนี้ ๒.๓.๑ แผลกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ๒๕๕๓ (Payment Systems Roadmap 2010) ๒.๓.๒ แผนงานการพัฒนาระบบ Imaged Cheque Clearing and Archive System (ICAS) ๒.๓.๓ การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
|
||||||||||||||||||||||||
3019 | รายงานผลการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครูและบุคลากรทางการศึกษา) | กค | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครูและบุคลากรทางการศึกษา) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ่ายเงินค่าตอบแทนสำหรับผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษจากคนละ ๒,๕๐๐ บาทต่อเดือน เป็นคนละ ๓,๕๐๐ บาทต่อเดือน กระทรวงศึกษาธิการได้เสนอร่างหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษรายเดือน โดยได้มีหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ฯ และอนุมัติเงินจากงบกลางเพื่อจ่ายค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๖๓๗,๘๖๐,๐๐๐ บาท ๒. การให้ความช่วยเหลือเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึกษา ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ดำเนินโครงการลดภาระหนี้สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าธนาคารกลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษา สำหรับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ในกรอบวงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๕๐๐ ล้านบาท สำหรับธนาคารออมสินได้ประชุมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อพิจารณาเงื่อนไขการให้สินเชื่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำข้อเสนอการให้สินเชื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธนาคารออมสิน และอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างธนาคารและกระทรวงศึกษาธิการในการหักบัญชีเงินเดือนของผู้ขอรับสินเชื่อควบคู่กันไป ๓. การขออัตราลดหย่อนภาษีเงินได้เพิ่มเติมในวงเงินเท่ากับอัตราการประกันชีวิตสำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบด้านอื่น ๆ
|
||||||||||||||||||||||||
3020 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม 2553 - มีนาคม 2554) | กค | 31/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไตรมาสที่ ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไตรมาสที่ ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔) มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๑,๔๓๐,๕๖๓.๕๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๕.๑๓ ของวงเงินจำนวน ๒,๕๙๔,๗๐๑.๘๒ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑ เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๑,๐๗๐,๔๕๓.๙๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๑.๗๑ สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๔๔.๐๐) อยู่ร้อยละ ๗.๓๑ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำจำนวน ๙๓๐,๕๒๖.๓๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๓.๙๔ และรายจ่ายลงทุนจำนวน ๑๓๙,๙๒๗.๕๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๐.๕๖ สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๓๕.๐๐) อยู่ร้อยละ ๕.๕๖ โดยจังหวัดและกลุ่มจังหวัด กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงาน มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำสุด ๑.๒ เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๖ - ๒๕๕๓ สามารถเบิกจ่ายได้จำนวน ๘๘,๗๑๐.๔๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๘.๔๒ ของวงเงินงบประมาณเหลื่อมปีจำนวน ๑๘๓,๒๐๘.๔๐ ล้านบาท ๑.๓ เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว (ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔) จำนวนทั้งสิ้น ๓๔๑,๔๙๓.๔๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๗๑,๓๙๙.๑๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๙.๔๗ ๒. สาเหตุสำคัญที่ทำให้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ล่าช้า เนื่องจากงบประมาณในส่วนของรายจ่ายลงทุนส่วนใหญ่เป็นโครงการใหม่ โดยในไตรมาสที่ ๑ - ๒ อยู่ระหว่างขบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งผลให้การเบิกจ่ายไม่มากนัก ประกอบกับได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำให้การดำเนินงานของหน่วยงานต้องล่าช้าออกไป นอกจากนี้ โครงการผูกพันข้ามปีงบประมาณ หน่วยงานจะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี หลังจากนั้นจึงจะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณปีปัจจุบันผู้รับจ้างประสงค์จะเบิกจ่ายเพียงครั้งเดียวเมื่องานแล้วเสร็จ
|
.....