ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 141 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 2801 - 2820 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2801 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) | กค | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ รับทราบการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (เรื่อง การบริหารโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ และโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) เกี่ยวกับข้อมูลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และผลการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ไม่สามารถดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ๑.๒ พิจารณาแนวทางการบริหารโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังนี้ ๑.๒.๑ เห็นชอบแนวทางการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ สำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ โดยให้สามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงินภายใต้พระราชกำหนดฯ ได้จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ แต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ไม่สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ชี้แจงเหตุผล ความจำเป็น และประมาณการเบิกจ่ายรายเดือน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เพื่อพิจารณาอนุมัติและรายงานผลการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ๑.๒.๒ รับทราบการขอขยายระยะเวลาเบิกจ่ายเงินของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และสภากาชาดไทย ๑.๒.๓ อนุมัติขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินสำรองจ่ายให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๒.๔ อนุมัติการขยายเวลาลงนามในสัญญา จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการเพิ่มศักยภาพโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและอาคารเรียน) ของจังหวัดนครสวรรค์ วงเงิน ๔.๕๔๘ ล้านบาท และโครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาท้องถิ่น (ก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและอาคารเรียน) ของจังหวัดนครสวรรค์ วงเงิน ๓.๑๖๓ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือนนับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ๑.๒.๕ ให้สัตยาบันการลงนามในสัญญาก่อนคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาของโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน ณ โครงการพัฒนาที่ดิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๒ รายการ วงเงินรวม ๑,๓๙๐,๒๖๐ บาท ได้แก่ เครื่องวัดการเปล่งแสงฟลูออเรสเซนซ์ วงเงิน ๑,๓๗๑,๐๐๐ บาท และเตาให้ความร้อนพร้อมชุดกวนสารละลาย วงเงิน ๑๙,๒๖๐ บาท ๑.๒.๖ อนุมัติการยกเลิกโครงการตามที่หน่วยงานเสนอ วงเงินรวม ๕๓๓.๓๒๐ ล้านบาท ได้แก่ กรมทางหลวง จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๑.๐๒๗ ล้านบาท กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๔.๘๘๕ ล้านบาท จังหวัดพัทลุง จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๔.๘๗๐ ล้านบาท และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๕๑๒.๕๓๘ ล้านบาท และให้นำวงเงินดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายภายใต้สาขาเศรษฐกิจนั้นต่อไป ๑.๒.๗ อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้แก่กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน ๑๙,๘๖๖,๕๒๘.๗๘ บาท และกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง วงเงิน ๓๒,๕๒๓.๐๐ บาท วงเงินรวม ๑๙,๘๙๙,๐๕๑.๗๘ บาท ๑.๒.๘ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันทำการ ๑.๓ พิจารณาแนวทางการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ดังนี้ ๑.๓.๑ อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมให้กับสภากาชาดไทย เป็นวงเงิน ๘๓๖.๓๒๘๒ ล้านบาท โดยจัดสรรจากเงินกู้ DPL สำหรับการจัดหาครุภัณฑ์ วงเงิน ๗๘๙.๕๐๑๑ ล้านบาท และสภากาชาดไทยรับภาระค่าใช้จ่ายของภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นเอง วงเงิน ๔๖.๘๒๗๑ ล้านบาท ๑.๓.๒ อนุมัติการยกเลิกรายการครุภัณฑ์โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วงเงิน ๒.๓๖๖๔ ล้านบาท ๑.๓.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาทบทวนและแจ้งยืนยันโครงการเงินกู้ DPL มายังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาภายในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๒. ยกเว้นในส่วนของโครงการเงินกู้ DPL ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๔ โครงการ วงเงิน ๓,๔๒๖.๓๕ ล้านบาท มอบให้คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รับไปพิจารณาในรายละเอียด รวมทั้งความเหมาะสมสอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลก่อน โดยให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีฯ ด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||
2802 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน | กค | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการประเมินผลการดำเนินงานเงินนอกงบประมาณประเภททุนหมุนเวียน ซึ่งกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ได้ดำเนินการระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนตั้งแต่ปีบัญชี ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นลักษณะนำร่อง จำนวน ๑๐ ทุนฯ และขยายจำนวนทุนฯ ในระบบฯ ตั้งแต่ปีบัญชี ๒๕๔๘ จนครอบคลุมจำนวนทุนฯ ทั้งหมดในปีบัญชี ๒๕๕๓ สามารถสรุปผลการดำเนินงานของระบบฯ เป็น ๒ ระยะ ดังนี้ ๑.๑.๑ ระยะที่ ๑ ปีบัญชี ๒๕๔๗ เป็นปีแรกที่เริ่มใช้ระบบฯ ในเบื้องต้น จำนวน ๑๐ ทุนฯ ซึ่งมีรูปแบบและวิธีการประเมินโดยเปรียบเทียบกับแผนการดำเนินงานของทุนฯ ว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เพียงใด ผลการประเมินสรุปได้ว่า ในปีบัญชี ๒๕๔๗ ส่วนใหญ่ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย กล่าวคือ มีการกำหนดตัวชี้วัดทั้งหมด ๔ ด้าน รวมจำนวน ๘๓ ตัวชี้วัด เช่น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงาน อัตราสูญเสียของผลผลิต (Loss Ratio) การจัดทำแผนการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า และระบบรับเรื่องร้องเรียน แผนการจัดระบบสถิติผลการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ การจัดทำแผนประจำปี เป็นต้น โดยมีตัวชี้วัดผลการดำเนินงานผ่านเกณฑ์ปกติ คือ เป็นไปตามเป้าหมายและสูงกว่าเป้าหมาย จำนวน ๖๘ ตัวชี้วัด และมีตัวชี้วัดต่ำกว่าเป้าหมาย จำนวน ๑๕ ตัวชี้วัด ๑.๑.๒ ระยะที่ ๒ ปีบัญชี ๒๕๔๘ - ๒๕๕๓ ได้มีการประเมินผลการดำเนินงานเต็มรูปแบบโดยมีเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานทั้ง ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการเงิน ด้านปฏิบัติการ การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน และมีการประเมินผลงานออกเป็น ๕ ระดับ จาก ๑ - ๕ คือ จากการปรับปรุงไปถึงดีมาก ๑.๑.๓ สำหรับในปีบัญชี ๒๕๕๔ มีทุนฯ เข้าสู่ระบบประเมินผลฯ จำนวน ๘๑ ทุนฯ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานเจ้าสังกัดทุนฯ ส่วนในปีบัญชี ๒๕๕๕ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง มีแผนประเมินผลทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบประเมินผลฯ ที่เหลือทั้งหมด ซึ่งมีทุนฯ ที่ไม่เข้าระบบประเมินผลของกระทรวงการคลัง จำนวน ๔ ทุนฯ ได้แก่ กองทุนการพัฒนาพรรคการเมือง กองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง กองทุนเพื่อการพัฒนาและเผยแพร่ประชาธิปไตย และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑๒) ได้วินิจฉัยว่า อาจไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนฯ หรือปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดในประเด็นดังกล่าวอีก ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน เพื่อกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลางจะได้ดำเนินการและแจ้งให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าสังกัดของทุนหมุนเวียนดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน โดยเฉพาะทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้รับการประเมิน และให้เสนอรายงานผลการประเมินดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุนหมุนเวียน โดยการรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียนที่มีคะแนนประเมินต่ำกว่า ๓.๐ คะแนน ติดต่อกัน ๓ ปี จะเกิดผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายที่มาขอรับบริการจากกองทุนหรือไม่ โดยเฉพาะในทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งเพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริมการผลิตของเกษตรกร ส่วนข้อเสนอแนะในการจัดทำบัญชีต้นทุนที่แท้จริง โดยปันส่วนค่าใช้จ่ายในส่วนเงินเดือนของข้าราชการที่ปฏิบัติงานให้ทุนหมุนเวียน เพื่อให้เห็นถึงต้นทุนการดำเนินงานที่แท้จริง ควรมีการจัดทำเกณฑ์การปันส่วนที่ชัดเจน และกำหนดให้ทุกทุนหมุนเวียนถือปฏิบัติ รวมทั้งพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียนประกอบในการตัดสินใจของผู้บริหารด้วย สำหรับข้อเสนอให้นำหลักการ Balanced Scorecard (BSC) ไปใช้กับทุนหมุนเวียนที่มีกฎหมายเฉพาะที่จัดตั้งขึ้น รวมถึงการรายงานผลให้กระทรวงการคลังทราบ จะก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติแก่ทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ เนื่องจากกฎหมายเฉพาะนั้นได้มีการกำหนดบทบัญญัติในเรื่องการติดตามประเมินผลหรือการตรวจสอบการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนไว้เป็นการเฉพาะแล้ว นอกจากนี้ การจัดตั้งทุนหมุนเวียนใหม่ที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะของหน่วยงานของรัฐ ควรถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๑ และวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียนและกรอบคู่มือการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของทางราชการ) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังรับไปเร่งรัดดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ การกำกับดูแล ตรวจสอบ และประเมินผลกรณีที่หน่วยงานมีทุนหมุนเวียนที่มีรายได้ โดยไม่ต้องนำรายได้ส่งคลัง เพื่อให้รายได้ดังกล่าวนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) ร่วมหารือในการดำเนินการดังกล่าวกับกระทรวงการคลังด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2803 | ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับไต้หวัน | กค | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารแห่งความตกลงระหว่างสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยประจำไทเป และสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าไทเปประจำประเทศไทย เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ มีสาระสำคัญเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ และป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีระหว่างกันและจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการขจัดภาษีซ้อนระหว่างอาณาเขตการบริหารกฎหมายภาษีอากรของทั้งสอง เสริมสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศการลงทุนในไทย รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนไต้หวันที่เข้ามาลงทุนในไทย และในทางกลับกันก็สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในไต้หวัน ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจในสถานะและข้อสงวนของความตกลงฯ ที่มีผลบังคับใช้ให้กับผู้ประกอบการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติในการบริหารการจัดเก็บภาษี เสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน และส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเทคโนโลยีระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
2804 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ (จำนวน 3 คน 1. นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ฯลฯ) | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การคลัง การบริหารหนี้สาธารณะ และการงบประมาณ ๒. นายอัญญา ขันธวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การคลัง การบริหารหนี้สาธารณะ และการงบประมาณ ๓. นายเกษม มกราภิรมย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2805 | การขออนุมัติค่าใช้จ่ายการระบายข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติค่าใช้จ่ายในการขนย้ายข้าวเปลือกจากยุ้งฉางเกษตรกรถึงจุดรับมอบข้าวเปลือกให้เกษตรกร จำนวน ๑๗๖,๙๑๐.๐๔ ตัน ในอัตราไม่เกินตันละ ๓๐๐ บาท เป็นเงินทั้งสิ้น ๕๓.๐๗ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายในกรอบวงเงินและปริมาณตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ได้รับจัดสรรภายใต้โครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับจำนำผลผลิตการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ซึ่งค่าใช้จ่ายรายการดังกล่าวได้ครอบคลุมถึงการดำเนินการตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการรับมอบข้าวเปลือกที่หลุดจำนำยุ้งฉางเกษตรกร การจัดหาโรงสีเพื่อสีแปรสภาพเป็นข้าวสารส่งมอบเข้าโกดังกลางตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และการตรวจสอบสภาพข้าวเปลือกที่ขนย้ายมายังจุดรวบรวม/รับมอบ รวมทั้งประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือให้เกษตรกรดำเนินการคัดแยกข้าวเปลือกที่ได้คุณภาพ และสีแปรสภาพเป็นข้าวสารเข้าคลังกลางตามหลักเกณฑ์ นอกจากนี้ เห็นควรตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนการเบิกจ่ายเงิน รวมถึงต้องเข้มงวดในการตรวจสอบความถูกต้องของชนิดและปริมาณข้าวเปลือกที่จะขนย้ายมายังจุดรวบรวม และเตรียมแผนในการเร่งระบายข้าวที่รับมอบโดยเร็ว เพื่อลดภาระด้านค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและป้องกันไม่ให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2806 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 120 ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พ.ศ. .... | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๒๐ ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๒๐ ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก รวม ๒ ชนิดราคา ดังนี้ ๑.๑ ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท ประเภทขัดเงา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ เหรียญ) ๑.๒ ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ เหรียญ) และประเภทขัดเงา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ เหรียญ) ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับคำบรรยายรูปแบบเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกดังกล่าว โดยคำบรรยายที่ว่า ภายใต้พระมหามงกุฎมีรูปจักรีและตรีศูลขัดกันประกอบอยู่ด้วย เมื่ออธิบายว่า กลางเหรียญมีอักษรพระนามาภิไธย “ม” ภายใต้พระมหามงกุฎจึงควรเพิ่มข้อความคำบรรยายให้ครบถ้วนเป็น “กลางเหรียญมีอักษรพระนามาภิไธย “ม” ภายใต้รูปจักรและตรีศูลขัดกันและพระมหามงกุฎ” และข้อความ “ครบ ๑๒๐ ปี วันพระราชสมภพ” ในร่างกฎกระทรวงไม่มีคำว่า “ครบ” ซึ่งเป็นไปตามชื่อเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวงการคลังจัดทำ จึงเห็นว่าในโอกาสต่อไป ควรดำเนินการจัดทำรายละเอียดของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกที่จะจัดทำให้สอดคล้องกันทั้งในรายละเอียดของโครงการ รูปแบบของเหรียญและคำอธิบาย และร่างกฎกระทรวง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2807 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในโอกาสที่วันประสูติครบ 150 ปี พ.ศ. .... | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี ราคาสิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับแก้ไขข้อความในบัญชีท้ายกฎกระทรวงฯ คำบรรยายรูปแบบของเหรียญและรายละเอียดโครงการ เป็น “ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า และตรารัตนวราภรณ์” ส่วนคำบรรยายรูปแบบของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ ไม่สอดคล้องกับชื่อร่างกฎกระทรวง เนื่องจากในร่างกฎกระทรวงใช้ข้อความว่า “ในโอกาสที่วันประสูติครบ ๑๕๐ ปี พ.ศ. .... ซึ่งเป็นไปตามชื่อเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กระทรวงการคลังจัดทำ แต่คำบรรยายรูปแบบของเหรียญเป็น “ครบ ๑๕๐ ปี วันประสูติ จึงเห็นว่าในโอกาสต่อไป กระทรวงการคลังควรจัดทำรายละเอียดของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกที่จะจัดทำให้สอดคล้องกันทั้งในรายละเอียดของโครงการ รูปแบบของเหรียญและคำอธิบาย และร่างกฎกระทรวง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2808 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย ๑.๒ กำหนดให้การให้บริการแก่ผู้รับบัตรจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต เช่น การให้บริการแก่ผู้รับบัตร การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและการให้บริการแก่ผู้รับบัตร และหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและการคุ้มครองผู้ถือบัตร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ (Rollout Plan) โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนระบบการรับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมภายในประเทศ (Local Switching) เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และผู้ให้บริการแก่ผู้รับบัตรสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที และการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการของผู้บริโภคให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่ลดลงภายหลังจากมีการใช้ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมภายในประเทศ (Local Switching) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2809 | การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบ | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการศึกษาและทบทวนการยกเว้นประมวลรัษฎากรในช่วงที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางการยกเลิกรายการการยกเว้นต่าง ๆ ในประมวลรัษฎากรในส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับภาครัฐมากขึ้น และควรให้กรมบัญชีกลางมีหน้าที่ติดตามประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนต่าง ๆ กำกับดูแลการดำเนินงานกองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับทุนหมุนเวียนอื่น ๆ เพื่อให้กองทุนฯ ดำเนินการได้โดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
2810 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้าและบริการ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้าและบริการ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้าและบริการ และการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการจัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้า โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้อีกเป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อย ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าก่อสร้างสถานที่จัดแสดง ค่าประกันภัย ค่าระวาง หรือค่าขนส่งสินค้าและอุปกรณ์ ที่ใช้ในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ทราบ |
|||||||||||||||||||||||||||
2811 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เพื่อให้การดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕ มีแนวทางและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรทั้งในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการและไม่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาล จึงมอบให้คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕ จากแหล่งเงินทุนอื่น เช่น กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ภายใต้พระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเพิ่มเติมขอบเขตการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติให้ครอบคลุมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี และพิจารณาทบทวนอัตราเบี้ยประกันที่ปรับเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมระหว่างการจ่ายสมทบของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งได้รับความคุ้มครองภัยจากศัตรูพืชเพิ่มขึ้นจากเดิม กับการจ่ายสมทบของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยให้เกษตรกรจ่ายสมทบเพิ่มขึ้นจากอัตราเดิมที่กำหนด ๖๐ บาทต่อไร่ โดยไม่ผลักภาระให้ภาครัฐจ่ายสมทบทั้งหมดในส่วนที่เพิ่มขึ้นฝ่ายเดียว รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจโครงการฯ อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญและผลประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ ในระยะต่อไป รัฐควรขยายโครงการประกันภัยพืชผลให้ครอบคลุมพืชมากชนิดขึ้น และพิจารณาแนวทางการลดความซ้ำซ้อนในการให้ความช่วยเหลือของรัฐในลักษณะเดียวกันในระยะต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณของภาครัฐที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นในระยะยาว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
2812 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์คันแรก) | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้เงินได้ที่ได้รับจากรัฐ สำหรับการซื้อรถยนต์คันแรกเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ เป็นจำนวนเท่ากับภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ที่ซื้อแต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ เฉพาะรถยนต์คันแรกที่ซื้อระหว่างวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ กำหนดให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๒. ให้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีบริษัทผลิตรถยนต์อาจไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกได้ทันภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยให้ผู้ซื้อรถยนต์ตามมาตรการภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์คันแรกสามารถขอคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรกได้ด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2813 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม 2554 - มีนาคม 2555) | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไตรมาสที่ ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๔ - มีนาคม ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๑๗๐,๙๑๖.๐๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๙.๒๐ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๓๘๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๔๒.๐๐) อยู่ร้อยละ ๗.๒๐ เมื่อเปรียบเทียบกับแผนการใช้จ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) สะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๑๒๘,๐๒๔.๗๒ ล้านบาท พบว่าการเบิกจ่ายเงินสูงกว่าแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๔๒,๘๙๑.๒๘ ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายในส่วนของรายจ่ายประจำ จำนวน ๑,๐๕๑,๐๔๐.๖๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๓.๒๕ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๑,๙๗๓,๘๑๐.๘๓ ล้านบาท และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๑๙,๘๗๕.๓๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๕๑ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๔๐๖,๑๘๙.๑๗ ล้านบาท สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางรายการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๑๑๖,๑๓๙.๓๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๔๑,๙๕๔.๒๑ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๖.๑๒ ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๕๔ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๑๕,๗๑๕.๙๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๙๘,๔๐๑.๕๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๕.๖๒ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวนทั้งสิ้น ๓๔๓,๔๗๗.๔๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๐๗,๑๙๗.๐๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๔๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
2814 | การกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2554 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี ๒๕๕๔ วงเงินไม่เกิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดการกู้เงินดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีกระบวนการตรวจสอบว่ากลุ่มผู้ที่จะได้รับเงินกู้เป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในปี ๒๕๕๔ อย่างแท้จริง การกำหนดมาตรการในการติดตามการปล่อยกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเร่งดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยโดยเร็ว และให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของสถาบันการเงินเฉพาะกิจและการปล่อยสินเชื่อโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน Soft Loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจำแนกเป็นรายธนาคารให้คณะรัฐมนตรีรับทราบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินการและสามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
2815 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อกำหนดเขตศุลกากร ทางอนุมัติและด่านพรมแดนของด่านศุลกากรเชียงแสนเพิ่มเติม และกำหนดท่าหรือที่ เขตศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน ของด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และด่านศุลกากรมุกดาหาร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2816 | รายงานความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2554 | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของสถาบันการเงินเฉพาะกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ มีการอนุมัติการให้ความช่วยเหลือ ๗๑,๑๐๒ ราย วงเงิน ๒๒,๕๘๙.๔๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘.๑๖ ของวงเงินสินเชื่อรวม และเบิกจ่ายแล้ว ๗๑,๐๔๙ ราย วงเงิน ๒๒,๕๖๔.๖๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘.๑๕ ของวงเงินสินเชื่อรวม ส่วนการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ได้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว ๒,๔๙๘,๕๗๘ ราย วงเงิน ๑๒,๔๙๒.๘๙ ล้านบาท ๒. สาเหตุที่ผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยยังอยู่ในระดับต่ำ ๒.๑ สถาบันการเงินส่วนใหญ่มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอยู่แล้วหลายมาตรการ เช่น การผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้สินเชื่อ ทั้งการขยายระยะเวลา ลดยอดผ่อนชำระรายเดือน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งลูกค้านำรายจ่ายที่ลดลงดังกล่าวรวมถึงนำเงินที่เก็บออมไว้มาใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมความเสียหายเล็กน้อยตามความจำเป็นเท่านั้น ๒.๒ รัฐบาลมีมาตรการให้เงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ซี่งช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ประสบอุทกภัยไปส่วนหนึ่ง ๒.๓ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) วงเงินรวม ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับสถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี ซึ่งเป็นการสมทบเงินระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยกับสถาบันการเงินในอัตราร้อยละ ๗๐ : ๓๐ เป็นระยะเวลา ๕ ปี และให้สถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมกับลูกค้าไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี ๒.๔ ผู้ประสบอุทกภัยส่วนใหญ่ต้องการดูความชัดเจนในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||
2817 | มาตรการภาษีเพื่อการสนับสนุนการประกอบกิจการของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อการสนับสนุนการประกอบกิจการของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) โดยยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการของศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ซึ่งได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ เป็นต้นไป และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
2818 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเกี่ยวกับการเสนอแนะนโยบายและมาตรการ ตรวจสอบ และติดตามการกระทำความผิดเกี่ยวกับธุรกิจการเงินนอกระบบ และเป็นศูนย์ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องปรามการกระทำความผิดอันเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจการเงิน ๑.๒ กำหนดให้มีสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน (สพช.) ในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๑.๓ กำหนดอำนาจหน้าที่ของ สพช. ๑.๔ ยกเลิก (๗) ของข้อ ๑๓ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ ยกเลิก (๘) ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๒ กำหนดให้มีกลุ่มงานด้านวิชาการ ขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวงการคลัง และกำหนดอำนาจหน้าที่ของกลุ่มงานด้านวิชาการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
2819 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมในการดำเนินพิธีการทางศุลกากร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมในการดำเนินพิธีการทางศุลกากร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับกรณี ดังนี้
๑. ใบขนสินค้าขาเข้าหรือใบขนสินค้าขาออกสำหรับของที่ขนย้ายหรือโอนระหว่างผู้ประกอบการภายในประเทศที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรภายในประเทศ ๒. ใบขนสินค้าที่นำของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน เขตปลอดอากร เขตประกอบการเสรี โดยผู้มีสิทธิได้รับยกเว้นอากรตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ภาค ๔ หรือกฎหมายอื่น ๓. ใบขนสินค้าขาเข้าที่นำของซึ่งผลิต ผสม ประกอบ หรือบรรจุ ตามมาตรา ๑๙ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พุทธศักราช ๒๔๘๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๔๓ จำหน่ายให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับยกเว้นอากรตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ภาค ๔ หรือกฎหมายอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
2820 | การซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการตรวจรับงานโครงการขุดลอกคูคลอง | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการตรวจรับงานโครงการขุดลอกคูคลองตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนการบริหารการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (กบภ.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลาง (คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการตรวจรับงานเพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติ ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ซึ่งกระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ พิจารณาเห็นว่า ส่วนราชการที่รับผิดชอบโครงการขุดลอกคูคลอง ควรมีการซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการตรวจรับงานของโครงการขุดลอกคูคลอง ดังนี้ ๑.๑.๑ ก่อนการขุดลอก ขอให้ดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบสถานที่ดำเนินการ เช่น สภาพภูมิประเทศและความลึกของท้องน้ำ ค่าระดับท้องคลอง เป็นต้น ๑.๑.๒ ประมาณการปริมาณดินก่อนขุดลอก รวมถึงแบบรูปรายการละเอียดของงานในแต่ละงาน โครงการ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตรงตามมาตรฐานของงานของแต่ละส่วนราชการ เพื่อประกอบการจัดจ้าง ๑.๑.๓ ตรวจสอบปริมาณดินหลังขุดลอก โดยตรวจสอบปริมาณงานดินที่ขุดได้ และเปรียบเทียบกับปริมาณงานที่กำหนดไว้ในรายการ หรือสัญญา ตามวิธีการที่เป็นมาตรฐานที่ส่วนราชการกำหนด โดยที่ผู้รับผิดชอบลงนาม ตรวจสอบ ก่อนการดำเนินงานระหว่างการดำเนินงาน และเมื่อดำเนินงานแล้วเสร็จ เพื่อประโยชน์ในการตรวจรับงานและการเบิกจ่ายเงิน ๑.๑.๔ ขอให้มีการถ่ายรูปสถานที่ก่อสร้างการดำเนินงาน ระหว่างการดำเนินงาน และเมื่อดำเนินงานแล้วเสร็จ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและจัดทำรายงานการตรวจรับงานเสนอต่อหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งนี้ หากส่วนราชการใดไม่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวได้ อาจขอความร่วมมือจากส่วนราชการอื่นที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญในเรื่องดังกล่าวได้ ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยนำหลักเกณฑ์และมาตรฐานการตรวจรับงานโครงการขุดลอกคูคลอง ไปใช้บังคับกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบเกี่ยวกับการดำเนินโครงการขุดลอกคูคลอง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
.....