ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 863 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17241 - 17260 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17241 | การรับรองร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยการประกาศเริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทย - ตุรกี | พณ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยการประกาศเริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี (Joint Declaration on the Launch of Negotiations for the Turkey-Thailand Free Trade Agreement) มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศคู่เจรจาในการประกาศเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ไทย-ตุรกี และรับรองที่จะดำเนินการตามเอกสารกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการเจรจาความตกลงฯ (Terms of Reference Negotiations Guidelines for Turkey-Thailand FTA) และเอกสารแนวทางการเจรจาบทว่าด้วยการค้าสินค้าในความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี (The Guidelines for Trade in Goods Negotiations for Turkey-Thailand FTA) โดยจะมีการลงนามร่างปฏิญญาฯ ในระหว่างการประชุมเจรจา FTA ไทย-ตุรกี (เฉพาะการค้าสินค้า) รอบที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐตุรกี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ควรให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการกำหนดท่าทีการเจรจาในรายละเอียดของประเด็นความตกลงฯ จากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนบนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17242 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม อำเภอดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ....) | คค | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอย ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า แนวเขตบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามร่างพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับดังกล่าวได้เคยมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๖ และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมระยะเวลาทั้งสิ้นฉบับละ ๔ ปี จึงเห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งรัดการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่มีพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับใหม่ ประกอบกับปัจจุบัน รฟท. มีแผนพัฒนาระบบรถไฟในพื้นที่บริเวณสถานีชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอยหลายโครงการ จึงเห็นควรให้ รฟท. พิจารณากำหนดแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตทางรถไฟในพื้นที่บริเวณชุมทางบ้านภาชีและสถานีชุมทางแก่งคอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่และลดภาระงบประมาณของภาครัฐในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17243 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำเหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพธิ์ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูปที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17244 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2559 | สช | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) น้ำดื่มที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน (๒) การจัดการและพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน และเมืองเพื่อสุขภาวะ (๓) การสร้างเสริมสุขภาวะเด็กปฐมวัยด้วยการบูรณาการอย่างมีส่วนร่วม และ (๔) สานพลังปราบยุงลายโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17245 | การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมระดับจังหวัด (กพยจ.) | ยธ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมระดับจังหวัด (กพยจ.) ที่แต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเป็นกลไกการอำนวยความยุติธรรมและประสานความร่วมมือในระดับจังหวัด ประกอบด้วย อัยการจังหวัด เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ และมีกรรมการในระดับจังหวัด จำนวน ๑๒ คน มียุติธรรมจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่ยุติธรรมจังหวัดมอบหมาย จำนวน ๒ คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอแผนการดำเนินการไปสู่แผนยุทธศาสตร์ของจังหวัด บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน กำหนดแนวทางในการเสริมสร้างให้ประชาชนในจังหวัดเข้าถึงการบริการในกระบวนการยุติธรรม กำหนดแนวทางการป้องกัน เฝ้าระวังปัญหาอาชญากรรม การทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ในจังหวัด รวมถึงการแจ้งเบาะแสข้อมูลการกระทำผิดกฎหมาย เป็นต้น และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้ กพยจ. กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หากการแต่งตั้ง กพยจ. ดังกล่าวเป็นผลให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีภาระงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มขึ้น หรือมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด ก็เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้วแต่กรณี สำหรับงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17246 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าบริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับมาตรฐานบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มผลิตลูกกุ้งขาวแวนนาไมปลอดโรค เพื่อให้ผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานมีหลักเกณฑ์ในการกำหนดค่าบริการตรวจสอบและค่าใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรที่สอดคล้องกัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17247 | การยกเลิกงบลงทุน ประจำปี 2560 รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อก | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกงบลงทุน ประจำปี ๒๕๖๐ รายการค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางปูของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) วงเงินงบประมาณ ๑๓.๗๖๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กนอ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการศึกษาความเป็นไปได้ของรูปแบบเขื่อนป้องกันน้ำท่วมให้มีความเหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ในปัจจุบันโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่โดยรอบ และควรเตรียมความพร้อมในเรื่องการทำคันกั้นน้ำชั่วคราว ชนิดติดตั้งเร็ว และเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์เฉพาะหน้า รวมถึงควรศึกษา ออกแบบ หาแนวทางที่สามารถป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ได้อย่างครบวงจรเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว ตลอดจนควรมีแผนงานและมาตรการรองรับเพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้ประกอบการและท้องถิ่นว่า กนอ. สามารถจะบริหารจัดการได้หากเกิดเหตุฉุกเฉินช่วงระหว่างที่รอผลการศึกษารูปแบบแนวทางการปรับปรุงระบบป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมบางปู สำหรับการดำเนินการปรับปรุงระบบระบายน้ำท่วมขังและการป้องน้ำท่วมในอนาคต เห็นควรใช้เงินลงทุนจากงบประมาณของ กนอ. เป็นลำดับแรกก่อน เพื่อเป็นการลดจำนวนเงินกู้ยืมและภาระหนี้ในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17248 | รัฐบาลสหรัฐอเมริกาแสดงความประสงค์จะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ จังหวัดเชียงใหม่ | กต | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มเติม จำนวน ๑๐ แปลง เนื้อที่ดิน ๑ ไร่ ๒ งาน ๔๗.๓ ตารางวา เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๐ (เรื่อง รัฐบาลสหรัฐอเมริกาแสดงความประสงค์จะซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อก่อสร้างเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ จังหวัดเชียงใหม่) ให้ได้ข้อยุติแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17249 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน | กต | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๕๓ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เพื่อต่ออายุมาตรการลงโทษสาธารณรัฐเซาท์ซูดานออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป ทั้งนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติฯ ดังกล่าว หรือประสงค์ที่จะขอรับความกระจ่างเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อมติฯ ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17250 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา | ยธ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17251 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี และตำบลต้นโพธิ์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี และตำบลต้นโพธิ์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล และควรต้องติดตามดูแลให้เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินสามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่มั่นคง และรักษาที่ดินที่ได้รับเพื่อเป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืนเป็นไปตามเจตนารมณ์และขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และให้ ส.ป.ก. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความรู้กับเกษตรกรด้านการวางแผนการผลิตและส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพองพื้ที่และความต้องการของตลาด และจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ให้มีความพร้อมต่อการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำ รวมทั้งสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาพื้นที่ และการสนับสนุนทางเลือกในการทำเกษตรกรรมยั่งยืนให้กับเกษตรกรที่มีความพร้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17252 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องแบบนักเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ พ.ศ. .... | กห | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องแบบนักเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภท ชนิด และลักษณะของเครื่องแบบนักเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ ประกอบด้วย เครื่องแบบปกติลำลองกากี เครื่องแบบปกติลำลองขาว และเครื่องแบบฝึกงาน ลักษณะและส่วนประกอบของเครื่องแบบ รวมทั้งกำหนดให้มีแพรแถบเหรียญที่ระลึก เครื่องหมายสังกัด เครื่องหมายชั้นปีการศึกษา และเครื่องหมายตำแหน่งหัวหน้านักเรียน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17253 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างโครงการพัฒนารามาธิบดีสู่คณะแพทยศาสตร์ชั้นนำในเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล | ศธ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มหาวิทยาลัยมหิดลเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างโครงการพัฒนารามาธิบดีสู่คณะแพทยศาสตร์ชั้นนำในเอเชีย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จากเดิมจำนวนเงิน ๕,๑๓๐ ล้านบาท เป็นจำนวนเงิน ๕,๔๗๖.๘๐ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว จำนวน ๓๔๖.๘๐ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17254 | ขอความเห็นชอบยุทธศาสตร์พัฒนากำลังคนสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ศ. 2560 - 2564) | ศธ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์พัฒนากำลังคนสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) มีเป้าหมายในการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และรองรับความต้องการกำลังคนในอุตสาหกรรม ๔.๐ และภาคบริการ โดยดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับสถานประกอบการและหน่วยงานในพื้นที่ทุกภาคส่วน ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) จัดการอาชีวศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ (๒) ผลิตและพัฒนากำลังคนระดับอาชีวศึกษา การวิจัย และนวัตกรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (๓) การพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านอาชีวศึกษาทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (๔) การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมกันด้านอาชีวศึกษา (๕) การสอน การแนะนำทั้งในและนอกระบบการศึกษา เพื่อสร้างการเติบโตของคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๖) การขับเคลื่อนธุรกิจ เศรษฐกิจประเทศด้วยงานวิจัยทุกระดับ เพื่อการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการจัดการบริหารจัดการภาครัฐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่มีการบูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรเพิ่มคำสำคัญในวิสัยทัศน์ อาทิ อุตสาหกรรมเป้าหมาย เศรษฐกิจฐานคุณค่า นโยบายประเทศไทย ๔.๐ เพื่อเน้นย้ำเป้าหมายของการพัฒนากำลังคน ควรเน้นการพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและธุรกิจ ควรเพิ่มด้านอุดมศึกษาโดยเฉพาะวิชาชีพที่มีนัยสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ วิศวกร นักวิจัย โปรแกรมเมอร์ นักออกแบบ นักวิเคราะห์ นักบัญชี นักบริหาร ควรให้น้ำหนักเป็นพิเศษในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ไทยยังขาดแคลนเทคโนโลยี องค์ความรู้ และบุคลากร ควรสร้างเครือข่ายบุคลากรผู้เชี่ยวชาญระหว่างสถานประกอบการต่าง ๆ และเชื่อมโยงกับสถานศึกษา ควรมีกลไกสนับสนุนและพัฒนากำลังคนที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน และควรให้ความสำคัญกับลักษณะของบุคลากรในอนาคต นอกจากนี้ ควรเพิ่มความชัดเจนในการส่งเสริมพัฒนากำลังคนเพื่อสนับสนุนและรองรับการท่องเที่ยวสุขภาพ ควรจัดทำมาตรฐานของหลักสูตรสำหรับอุตสาหกรรม New S curve ให้ครอบคลุม มีระบบทดสอบและรับรองมาตรฐาน และร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดให้มีห้องทดลองกลาง (Central lab) ที่เน้นเฉพาะอุตสาหกรรม New S curve ควรเพิ่มเติมให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของยุทธศาสตร์ และแผนงาน/โครงการภายใต้ยุทธศาสตร์พัฒนากำลังคนฯ กับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี โดยเฉพาะความเชื่อมโยงกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาของแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) รวมถึงกลไกการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ และควรมีการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามยุทธศาสตร์พัฒนากำลังคนฯ เป็นระยะ ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งยุทธศาสตร์พัฒนากำลังคนสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17255 | การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ (การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์) | กษ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ปรับปรุงประธานกรรมการ จากเดิม นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็น รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ที่กำกับการบริหารราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. ปรับปรุงกรรมการในลำดับที่ ๘ จากเดิม ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๓ เป็น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๑๘ และลำดับที่ ๙ จากเดิม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต ๓ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต ๑๘ ๓. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ จากเดิม ๕ ข้อ เป็น ๓ ข้อ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17256 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (ฉบับที่ 1) และ (ฉบับที่ 2) | นร12 | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (ฉบับที่ ๑) และ (ฉบับที่ ๒) ซึ่งเป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ โครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) การดำเนินงานภายใต้นโยบายยุทธศาสตร์กระทรวงและจังหวัด การดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่สำคัญตามแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และแผนงานบูรณาการด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยพบว่า ทุกโครงการมีการดำเนินงานในภาพรวมบรรลุวัตถุประสงค์ ๑.๒ ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) เป็นการเสนอการแก้ไขประเด็นปัญหาด้านต่าง ๆ ได้แก่ การดำเนินโครงการในความรับผิดชอบของจังหวัด การดำเนินโครงการในพื้นที่ การขอใช้พื้นที่สาธารณะ การดำเนินโครงการตามแผนงานบูรณาการ การรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลของแต่ละงานให้ครบถ้วน โครงการตามแผนงานบูรณาการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๒. มอบหมายส่วนราชการที่มีประเด็นสมควรปรับปรุงแก้ไขดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ ค.ต.ป. พร้อมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17257 | เอกสาร Ministerial Declaration of the High-Level Political Forum on Sustainable Development and the ECOSOC High-Level Segment | กต | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) เอกสาร Ministerial Declaration of the High-Level Political Forum on Sustainable Development and the ECOSOC High-Level Segment เป็นปฏิญญาระหว่างรัฐบาลซึ่งได้รับการยกร่างล่วงหน้าผ่านกระบวนการเตรียมการและปรึกษาหารือโดยคณะผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก และจะนำเข้าสู่เวทีหารือการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) เพื่อรับรอง โดยมีการปรับเนื้อหาและถ้อยคำให้สะท้อนความเห็นของกลุ่มและประเทศต่าง ๆ ในภาพรวม และเป็นเพียงกรอบกว้าง ๆ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขจัดความยากจนและการส่งเสริมให้เกิดความเจริญในทุกสังคมโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) เอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17258 | การขออุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2560 (ส่วนที่เหลือ) | นร07 | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายการขออุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว จำนวน ๔๓ หน่วยงาน ๑๑,๓๘๖ รายการ วงเงิน ๓,๖๑๘.๗๓๔๓ ล้านบาท ๑.๒ แนวทางในการดำเนินการต่อไป สำหรับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่มีรายการตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว แต่ยังไม่มีผลการจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ หากหน่วยงานพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นรายการที่มีลำดับความสำคัญสูงและมีความจำเป็นต้องดำเนินการ ก็ให้ดำเนินการขอรับจัดสรรงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17259 | ขออนุมัติเอกสารขอบเขตอำนาจหน้าที่สำหรับคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง | พณ | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ (Terms of Reference : TOR) สำหรับคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมในการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนตามที่กำหนดไว้ในปฏิญญาซานย่าในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ และสร้างกลไกการหารือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation : MLC) โดยคณะทำงานดังกล่าวมีหน้าที่ส่งเสริมการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก ส่งเสริมความร่วมมือโดยครอบคลุมประเด็นด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ อาทิ การลงทุน ความเชื่อมโยง (กายภาพและกฎระเบียบ) โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาอุทยานอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความร่วมมือทางการเงิน และด้านอื่น ๆ ที่ประเทศสมาชิกเห็นชอบร่วมกัน โดยร่างเอกสารดังกล่าวจะมีการลงนามในการประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของการดำเนินงานต่อไป เห็นควรมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างดำเนินการต่อยอดและบูรณาการกับแผนงาน/โครงการภายใต้แผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ซึ่งจีนเป็นสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรร่วมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะหน่วยประสานงานหลักระดับประเทศแผนงาน GMS เพื่อมุ่งให้การดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-ล้านช้าง สามารถบูรณาการร่วมกับแผนงาน GMS ได้อย่างมีเอกภาพและส่งเสริมซึ่งกันและกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17260 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 คน 1. พลเอก วิวรรธน์ สุชาติ ฯลฯ) | คค | 18/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลเอก วิวรรธน์ สุชาติ ประธานกรรมการ ๒. พลอากาศเอก ยุทธนา สุกุมลจันทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายเจษฎา พรหมจาต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจฯ) ๔. นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจฯ)
|
.....