ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 869 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17361 - 17380 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17361 | ขออนุมัติการดำเนินงานโครงการพัฒนาด้านการเกษตร "โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน" | กษ | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการพัฒนาด้านการเกษตร "โครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” โดยมีหลักการสำคัญคือ ให้ชุมชนเป็นผู้กำหนดโครงการพัฒนาโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และบริหารจัดการโครงการด้วยตนเอง ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ และนำไปปฏิบัติจริง เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่นและชุมชน รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงว่างก่อนเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนในชุมชน ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรควบคุมการบริหารการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้สามารถกระจายงบประมาณสู่เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง โดยนำประสบการณ์การดำเนินโครงการในระดับพื้นที่ที่ผ่านมาใช้เป็นบทเรียนในการทำงาน รวมทั้งเตรียมความพร้อมด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เป็นต้นแบบ เพื่อรองรับการพิจารณาจัดทำแผนงานโครงการของแต่ละชุมชนหรือเป็นทางเลือกให้กับชุมชนประกอบการตัดสินใจ โดยใช้ประโยชน์ได้จากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล และศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน ที่มีองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น เกษตรกรต้นแบบ Smart Farmer และ Young Smart Farmer ที่สามารถให้ความรู้และเทคโนโลยีในการพัฒนาด้านการเกษตร ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒๒,๘๙๕,๓๖๓,๖๐๐ บาท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสนับสนุนชุมชนเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย วงเงิน ๒๒,๗๕๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการของคณะกรรมการระดับชุมชน อำเภอ จังหวัด และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง วงเงิน ๑๔๒,๘๖๓,๖๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการทุกโครงการ/กิจกรรมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้เบิกจ่ายเงินค่าจ้างแรงงานให้แก่เกษตรกร ในระยะที่ ๑ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ และในระยะที่ ๒ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้เบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๔. ให้กระทรวงการคลัง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรผ่านบัญชี ธ.ก.ส. โดยไม่หักเงินที่เกษตรกรพึงได้รับจากโครงการนี้ไปใช้เพื่อการอื่นก่อน เช่น การชำระหนี้ที่เกษตรกรมีอยู่กับ ธ.ก.ส. เป็นต้น ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17362 | รายงานการเข้าร่วมงาน International Luxury Travel Market Asia (IL TM Asia 2017) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเข้าร่วมงาน International Luxury Travel Market Asia (IL TM Asia 2017) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๖-๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมงาน ILTM Asia 2017 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เช่าพื้นที่ขนาด ๑๐๘ ตารางเมตร สำหรับก่อสร้างคูหาประเทศไทย และได้จัดสรรให้แก่ธุรกิจเอกชนไทยที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายและเสนอขาย Luxury Product เข้าร่วมใช้พื้นที่ จำนวน ๑๘ หน่วยงาน ประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม ๑๕ ราย บริษัทนำเที่ยว ๒ ราย และโรงเรียนสอนทำอาหาร ๑ ราย โดยธุรกิจเอกชนไทยจะได้พบผู้ซื้อ ๑๔-๒๐ราย/วัน หรือตลอดทั้งงานระหว่างวันที่ ๕-๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ จะได้พบผู้ซื้อ ๔๒-๖๐ ราย ๒. การหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสายการบินจีน เพื่อแนะนำแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ ๆ ของไทย รวมถึงรับฟังข้อมูลความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยผลการหารือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเร่งพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวของไทย (Tour Operator) ให้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นการท่องเที่ยวท้องถิ่นแบบสร้างประสบการณ์ (Local Unique Experience) และสร้างมัคคุเทศก์ภาษาจีนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมเดินทางด้วยตนเอง (Free Individual Traveler : FIT) ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17363 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงวงเงินการก่อหนี้ผูกพันโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ 1 ลำ ขออนุมัติยกเลิกการดำเนินการรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการ อาคารลานจอดรถ และคลังรวมสำนักงานส่งกำลังบำรุง และขออนุมัติยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี | ตช | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เปลี่ยนแปลงรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จากโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ ลำ วงเงิน ๔๗๔,๖๐๐,๐๐๐ บาท และรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการ อาคารจอดรถ และคลังรวม ของสำนักงานส่งกำลังบำรุง วงเงิน ๕๓๖,๓๙๖,๕๐๐ บาท เป็นโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ ลำ วงเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ต่อไป ๒. อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) กรณีไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการจัดสรรงบประมาณในปีแรกต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น เพื่อให้สามารถก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ ๓. อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) เนื่องจากไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันโครงการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ จำนวน ๑ ลำ วงเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ได้ทันภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันภายในไตรมาส ๔ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๔. การดำเนินโครงการดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับ รวมทั้งต่อรองราคาให้ได้ต่ำสุด และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบอีกครั้ง ตลอดจนจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17364 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และผูกพันงบประมาณ | กค | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ภายในกรอบวงเงิน ๑๒๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๗๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ค่าจัดส่งบัตร พัฒนาระบบจ่ายตรง ระบบตรวจสอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล จัดตั้ง call center และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้กรมบัญชีกลางเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ สำหรับกรณีโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ๒๕๖๐ จำนวน ๑,๕๘๑,๗๗๖,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าตัวบัตรและค่าจัดการบัตรในปีที่ ๑ นั้น เนื่องจากสำนักงานสถิติแห่งชาติกำลังตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนบุคคล ดังนั้น หากกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณงบกลางที่จะขอรับการจัดสรร และรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่าย รวมทั้งได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีกิจกรรมร่วมกันได้ในบัตรใบเดียว โดยให้มีคณะกรรมการบริหารเรื่องการใช้บัตรดังกล่าว เช่น เรื่องสวัสดิการ รถเมล์รถไฟฟรี ฯลฯ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีแล้ว สำนักงบประมาณก็ไม่ขัดข้องที่กระทรวงการคลังจะดำเนินโครงการดังกล่าว ส่วนแหล่งเงินที่จะใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาบูรณาการข้อมูลการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ๒๕๖๐ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่า สามารถเชื่อมโยงการใช้ประโยชน์ข้อมูลในการจัดสวัสดิการภาครัฐร่วมกันได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ข้าราชการและประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้บัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึงต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17365 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (จำนวน 11 คน 1. นายดุสิต เวชกิจ ฯลฯ) | ทส | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จำนวน ๑๑ คน แทนกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายดุสิต เวชกิจ ๒. พลเอก สุรัตน์ วรรักษ์ ๓. นางสาวดรรชนี เอมพันธุ์ ๔. นายยงยุทธ ไตรสุรัตน์ ๕. นายนิยม แหลมสัก ๖. นางสาวธำรงลักษณ์ ลาพินี ๗. นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ๘. นายสุระ พัฒนเกียรติ ๙. นายธรรมศักดิ์ ยีมิน ๑๐. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ๑๑. นายศศิน เฉลิมลาภ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17366 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (นายสมชาย ศิริสมฤทัย) | อื่นๆ | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย ศิริสมฤทัย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินเพิ่มเติม ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17367 | การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับตำรวจตามมาตรา 258 (ง) (4) และมาตรา 260 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ) | นร | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ตามมาตรา ๒๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จำนวน ๓๖ คน และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) มีหน้าที่และอำนาจ รวมจำนวน ๕ ข้อ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามร่างประกาศที่เสนอ โดยให้แก้ไขรายชื่อของกรรมการฝ่ายตำรวจ ลำดับที่ ๒๐ จาก “พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันท์” เป็น “พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์” และกรรมการฝ่ายผู้ทรงคุณวุฒิ ลำดับที่ ๒๔ จาก “นายภาณุ อุทัยรัตน์” เป็น “นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17368 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 04/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๙๒๓,๐๐๐ ล้านบาท (รวมงบประมาณเพิ่มเติม) เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒,๐๗๗,๕๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๑.๐๘ ดังนี้
๑. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณ จำนวน ๒,๗๓๓,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒,๐๒๖,๖๑๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๔.๑๕ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๒๐๘,๖๒๑ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๐.๙๕ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๗๓.๒๐) ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๘๔,๑๒๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๗๕๕,๑๔๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๐.๓๖ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๘,๘๗๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๗๓,๐๕๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๗.๙๗ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๗๑,๔๗๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๔๖ ๒. มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ๒.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางการปฏิรูป กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๑,๗๑๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๐,๖๘๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๒๕ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๙,๕๙๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๒๔ ๒.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๑,๑๕๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๘,๘๖๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๖๕ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๖๗ ๓. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๙๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๕๐,๙๑๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๘๐ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๑๐๕,๒๙๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๔๗,๘๖๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๔๖ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๘๔,๗๐๗ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๗,๘๘๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๒.๙๑ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓,๐๕๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓.๖๐ ๔. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๒๗๖,๓๗๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๓๙,๐๒๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๔๘ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๗๙,๙๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๑๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17369 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. ....) | กก | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการข้อผูกพันที่มีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง กำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และกำหนดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางเงินหลักประกันต่อนายทะเบียน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทใบอนุญาต การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลา ในการดำเนินการตามข้อผูกพันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... ๒. รับทราบการรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีที่ไม่สามารถออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม ๖ ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามที่เสนอ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ให้ชัดเจนแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและกลุ่มวิชาชีพมัคคุเทศก์ทั่วประเทศ และควรสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจและกลุ่มมัคคุเทศก์เข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการและคุณภาพวิชาชีพ รวมทั้งควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการรายได้ที่มาจากการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมค่าระวางโทษปรับตามร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวที่ชัดเจน ครอบคลุม โดยเฉพาะกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้จากกองทุนฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17370 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. ....) | กก | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเที่ยว กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการข้อผูกพันที่มีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง กำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และกำหนดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะต้องวางเงินหลักประกันต่อนายทะเบียน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทใบอนุญาต การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนผู้นำเที่ยว พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลา ในการดำเนินการตามข้อผูกพันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีอยู่กับนักท่องเที่ยวก่อนวันที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุดลง พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... ๒. รับทราบการรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรณีที่ไม่สามารถออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม ๖ ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามที่เสนอ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์และชี้แจงหลักเกณฑ์ ข้อกำหนด ตลอดจนกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ให้ชัดเจนแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและกลุ่มวิชาชีพมัคคุเทศก์ทั่วประเทศ และควรสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจและกลุ่มมัคคุเทศก์เข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐ ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการให้บริการและคุณภาพวิชาชีพ รวมทั้งควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการรายได้ที่มาจากการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมค่าระวางโทษปรับตามร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวที่ชัดเจน ครอบคลุม โดยเฉพาะกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้จากกองทุนฯ ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17371 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน 2560 | พณ | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมการส่งออก เดือนเมษายน ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๘.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า ๑๖,๘๖๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยการส่งออกขยายตัวในเกือบทุกตลาด (ยกเว้นสหภาพยุโรปและตะวันออกกลาง) และในทุกกลุ่มสินค้า ๒. มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนเมษายน ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๕๘๑,๗๑๗ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๗.๘ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๕๘๖,๘๙๓ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๑๒.๖ ส่งผลให้การค้าขาดดุล ๕,๑๗๖ ล้านบาท สำหรับมูลค่าการค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนเมษายน ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๑๖,๘๖๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๘.๕ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๑๖,๘๐๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๔ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๕๖.๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๓. การส่งออกรายสินค้า เดือนเมษายน ๒๕๖๐ มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวร้อยละ ๑๑.๙ (YoY) โดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวดี ได้แก่ ยางพารา น้ำตาลทราย ข้าว และอาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๗.๙ (YoY) โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป ทองคำ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ๔. การส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนตลาดที่ขยายตัวคิดเป็นร้อยละ ๘๕.๔ ของตลาดทั้งหมด ๕. แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี ๒๕๖๐ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ร้อยละ ๕.๐ โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันมีราคาเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าสำคัญล้วนมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17372 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 50 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 20 | กค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ ๕๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๐ ระหว่างวันที่ ๖-๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ นครโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นการประชุมหารือเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของอาเซียน+๓ และการพัฒนาความร่วมมือระหว่าง ADB และไทย เช่น การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบผสมผสาน การสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลาง ADB ประจำภูมิภาค และการวางแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ของ ADB ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยในอนาคต รวมทั้งกำหนดวันและสถานที่สำหรับการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ในปี ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐฟิจิ ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17373 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2559 | อก | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๙ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ แล้วมีความเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป โดยฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวดปีบัญชี ๒๕๕๙ กนอ. มีสินทรัพย์รวม ๒๓,๖๑๕.๖๐ ล้านบาท หนี้สินรวม ๑๑,๙๖๗.๕๑ ล้านบาท และส่วนของกองทุน จำนวน ๑๑,๖๔๘.๐๘ ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน ๒,๐๖๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17374 | สรุปผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม-๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ โดยสาระสำคัญของการเยือน ได้แก่ (๑) การลงนามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม [Illegal, Unreported and Unregulated (IUU) Fishing] ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงแห่งประเทศญี่ปุ่นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (๒) การประชุมหารือความร่วมมือด้านการเกษตรกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น ในประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือและสนับสนุนการต่อต้านการทำประมง IUU ระหว่างกัน การสนับสนุนและผลักดันการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการเกษตรของทั้งสองประเทศ และการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑๗ ในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ (๓) การประชุมหารือความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ และ (๔) การประชุมหารือความร่วมมือด้านสหกรณ์กับผู้บริหารของสหกรณ์การเกษตรฟุเอะฟุกิ ณ จังหวัดยามานาชิ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการสหกรณ์การเกษตรของญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17375 | รายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศเดนมาร์กและนอร์เวย์ | พน | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศเดนมาร์กและนอร์เวย์ ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะ สรุปได้ ดังนี้
๑. การศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศเดนมาร์ก คณะศึกษาดูงานฯ ได้เยี่ยมชมบริษัท Ramboll ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการวางแผนพลังงานทดแทนให้แก่ระบบพลังงานในหมู่บ้านเล็ก ๆ จนถึงเครือข่ายไฟฟ้าของเมืองขนาดใหญ่กว่า ๒๐๐ แห่งทั่วโลก และเกาะ Samso ซึ่งเป็นเกาะพลังงานสะอาดเนื่องจากสามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานความร้อนจากฟาง พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้เกือบร้อยละ ๑๐๐ สำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานฯ สามารถนำแนวทางการพัฒนาด้านพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบมาปรับใช้กับการบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศไทย ๒. การศึกษาดูงานด้านพลังงาน ณ ประเทศนอร์เวย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้หารือข้อราชการกับปลัดกระทรวงปิโตรเลียมและพลังงานนอร์เวย์เพื่อรับทราบแนวทางบริหารจัดการประโยชน์ด้านปิโตรเลียมของนอร์เวย์ เช่น การบริหารจัดการระบบสัมปทานและเงื่อนไขการให้สัมปทานด้านพลังงานในรูปแบบผ่อนปรนเพื่อจูงใจนักลงทุน สำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากการดูงานฯ สามารถนำความรู้ดังกล่าวมาประกอบการจัดทำนโยบายและแผนงานด้านปิโตรเลียมของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17376 | การปรับรูปแบบและถ้อยคำของหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตเพื่อขยายอายุความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยสถานีวิทยุกระจายเสียง 1,000 กิโลวัตต์ ของสถานีวิทยุเสียงอเมริกา | กต | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐) อนุมัติการขยายอายุความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่าด้วยสถานีวิทยุกระจายเสียง ๑,๐๐๐ กิโลวัตต์ ของสถานีวิทยุเสียงอเมริกา และเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทยที่ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น โดยที่ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่หนังสือของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมีรูปแบบเป็นหนังสือกลางไม่มีการลงนามจึงมีสถานะไม่เท่าเทียมกับหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยจึงได้ปรับรูปแบบและถ้อยคำของหนังสือดังกล่าวให้เป็นหนังสือที่ลงนามโดยเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้มีสถานะที่เหมาะสมและเท่าเทียมกับหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนในส่วนของเนื้อหาและสาระสำคัญของการขยายอายุความตกลงฯ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงนามหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ (ค.ศ. ๒๐๑๗) ตอบรับข้อเสนอของฝ่ายสหรัฐอเมริกาแล้ว ส่งผลให้การขยายอายุความตกลงฯ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17377 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร11 | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) โดยเพิ่มปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นกรรมการใน กพย. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ขอเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของ กพย. ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๕๖ ในข้อ ๙ โดยเพิ่มข้อย่อย ดังนี้ “(๑๒) กำหนดแนวทางและดำเนินการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) ตลอดจนกำกับและผลักดันหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนพัฒนาต่าง ๆ ของประเทศไทย ให้ทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ เพื่อประกอบการกำหนดหรือจัดทำแผน ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17378 | ขอยกเว้นให้โครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 3275 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล | กค | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเว้นให้โครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๓๒๗๕ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโครงการตามนโยบายรัฐบาลในการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการทำคุณงามความดีและรำลึกถึง "ศาสตร์แห่งพระราชา" ให้สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูลตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการที่มีวงเงินมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนดในมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๒๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยกำหนดเงื่อนไขให้เอกชนต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดทำแผนบริหารจัดการจราจรและการสัญจร การรักษาสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชนในบริเวณดังกล่าวเสนอกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังพิจารณา รวมทั้งให้นำรายได้ที่เหลือจากการดำเนินโครงการฯ หลังหักค่าใช้จ่ายไปดำเนินการเชิงสังคมโดยมิให้นำมาแบ่งปันกัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรคำนึงถึงการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกำกับดูแลให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐอย่างเข้มงวด และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) วางแผนการบริหารจัดการโครงการฯ ภายหลังจากสัญญาที่ให้เอกชนร่วมลงทุนสิ้นสุดลง เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้หอชมเมืองกรุงเทพมหานครเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17379 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฮุน ซาเรือน (Mr. Hun Saroeun)] | กต | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮุน ซาเรือน (Mr. Hun Saroeun) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสระแก้ว บุรีรัมย์ จันทบุรี ปราจีนบุรี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ตราด และอุบลราชธานี สืบแทน นายบุน สกวิบล (Mr. Bun Sokvibol) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17380 | การแต่งตั้งข้าราชการ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์) | นร | 27/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ
|
.....