ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 866 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17301 - 17320 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17301 | รายงานผลความคืบหน้าในการกำหนดมาตรการแนวทางแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรงที่ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว | ศธ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าในการกำหนดมาตรการแนวทางแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรงที่ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการตามแนวทางแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สป ๖๑๑/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๒. กำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรงที่ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และรายงานถึงสาเหตุและวิธีการที่ดำเนินการแล้วส่งผลให้สถิติก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรงมีแนวโน้มลดลง ประกอบด้วย ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการสร้างภูมิคุ้มกัน (๒) มาตรการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง (๓) มาตรการสร้างความตระหนัก และ ๖ สาเหตุ ได้แก่ (๑) หน่วยงานมีมาตรการการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษา (๒) รัฐบาลให้ความสำคัญและจริงจังกับปัญหาพฤติกรรมนักเรียนนักศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรง (๓) การบูรณาการการทำงานของสถานีตำรวจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จุดเสี่ยงอย่างจริงจัง (๔) การเพิ่มจำนวนพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (๕) กระทรวงศึกษาธิการมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง เช่น ประกาศจัดตั้งศูนย์เสมารักษ์เพื่อทำหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแลความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา และ (๖) หน่วยงาน/สถานศึกษา มีระบบป้องกัน เฝ้าระวัง และคุ้มครองนักเรียนและนักศึกษาอย่างชัดเจน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17302 | ผลการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation) | กต | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation : BRF) เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีประเด็นความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความเชื่อมโยงด้านนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนา ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเชื่อมโยงด้านการค้า ความเชื่อมโยงด้านการเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรผลักดันและสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรอบสายแถบและเส้นทางให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาพัฒนาประเทศไทยตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ รวมทั้งควรสร้างความเชื่อมโยง Belt and Road Initiative กับนโยบายการพัฒนาที่สำคัญของประเทศไทย อาทิ นโยบายประเทศไทย ๔.๐ การพัฒนา ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดและผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดังกล่าวให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17303 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นายวินัย ลีสมิทธิ์) | สธ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17304 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางสุกัญญา งามบรรจง) | ศธ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุกัญญา งามบรรจง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกระบวนการเรียนรู้ (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17305 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) และตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายนริสชัย ป้อมเสือ และนางนันทิกาญจน์ สวัสดิ์ภักดี) | นร | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายนริสชัย ป้อมเสือ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านการประสานกิจการภายในประเทศ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๒. นางนันทิกาญจน์ สวัสดิ์ภักดี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17306 | ขออนุมัติเปิดสถานกงสุลสหพันธรัฐรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลสหพันธรัฐรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สงขลา ตรัง และยะลา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17307 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "ระบบสารสนเทศด้านมาตรฐานและข้อมูลการแพทย์" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สธ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “ระบบสารสนเทศด้านมาตรฐานและข้อมูลการแพทย์” โดยกระทรวงสาธารณสุขเห็นด้วยกับหลักการให้มีมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับข้อมูลทางการแพทย์และกฎเกณฑ์การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบสารสนเทศเพื่อส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยหรือมาตรฐานอื่น ๆ และให้มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นกฎหมายเฉพาะทางอีกฉบับหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับงานบริการสาธารณสุข โดยต้องไม่ขัดกับกฎหมายกลาง และควรให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานกลางในการกำหนดมาตรฐานที่ใช้ตามหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นที่ยอมรับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17308 | ขออนุมัติดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) | คค | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อโครงการ จาก “โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟไทย-จีน ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา” เป็น “โครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา)” และให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การลงนามกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕) ในข้อ ๔.๑ เป็น “ให้เสนอผลการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อรับทราบต่อไป” ๒. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่สำคัญ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งสาขาทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้งการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้า คน ฐานความรู้ และเงินทุนแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal) ทั้งภายในประเทศและการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคให้ชัดเจน และจัดทำแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย การลำดับความสำคัญของการพัฒนา ภาระด้านการคลัง และกลไกที่จะให้ภาคเอกชนดำเนินการหรือร่วมดำเนินการให้ชัดเจน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกำหนดเป็นเป้าหมายสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้แจงภาพรวมผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์จากการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งในระดับภูมิภาคผ่านการดำเนินโครงการนี้และโครงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการเสียโอกาสผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ หากไม่ดำเนินโครงการฯ รวมถึงการจัดทำข้อมูลค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ทั้งโครงการไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคมกำหนดให้การจัดซื้อจัดจ้างของโครงการอยู่ภายใต้ระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ ๒.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิรูปกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศที่เน้นการเจริญเติบโตจากเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพและขยายฐานภาคการค้าและบริการ เพื่อสนับสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยงภูมิภาค และยกระดับรายได้ของประชาชนในภาคชนบท เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผังเมือง กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณ ๒ ข้างทาง ตามแนวเส้นทางการพัฒนาระบบราง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เป็นต้น ๒.๔ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการงานวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อดำเนินงานพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และพัฒนาบุคลากรทั้งระดับวิศวกรและช่างเทคนิคสำหรับรองรับการพัฒนาระบบขนส่งทางรางต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาแนวทางการจัดตั้งองค์กรพิเศษที่เป็นอิสระจากการกำกับกิจการของ รฟท. เพื่อกำกับการดำเนินงานโครงการให้มีประสิทธิภาพ โดยให้มีโครงสร้างองค์กรที่มีความคล่องตัวและเหมาะสมสำหรับดำเนินกิจการระบบรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งกำหนดมาตรการหรือแนวทางในการสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณและบุคลากรให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ การจัดตั้งองค์กรพิเศษดังกล่าวต้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๖ ให้กระทรวงคมนาคมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสม การวิเคราะห์ผลตอบแทนของโครงการ และการเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการในช่วงที่เหลือ (ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) เพื่อให้การดำเนินโครงการในช่วงดังกล่าวมีความพร้อมที่จะดำเนินได้โดยเร็ว โดยคำนึงถึงช่วงเวลาที่สอดรับกับการเปิดให้บริการโครงการรถไฟความเร็วสูงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) รวมทั้งให้ดำเนินการเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สปป.ลาว เพื่อหารือถึงแนวทางการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทางรางของทั้ง ๓ ประเทศด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ได้วางแผนไว้ ๔. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ โดยเห็นชอบให้ รฟท. กู้เงินได้ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) ในกรณีที่ใช้เงินกู้ดำเนินการ ๕. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ตลอดจนการฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางและอุตสาหกรรมอื่น เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ โดยการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17309 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2560 | ดศ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินงาน จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การจัดทำยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ (๒) การดำเนินโครงการระบบดาวเทียมเพื่อการสำรวจ (THEOS-2) และ (๓) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐเพื่อความมั่นคง ๒. พิจารณาประเด็นต่าง ๆ ตามผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียม และการให้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมของประเทศ โดย ๒.๑ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ ศึกษาและทบทวนการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรักษาสิทธิในการใช้คลื่นความถี่และตำแหน่งวงโคจรของประเทศตามรัฐธรรมนูญฯ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ๒.๒ กำหนดแนวทางการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารของประเทศ กรณีดาวเทียมไทยคม ๗ และไทยคม ๘ รับทราบการเร่งรัดคู่สัญญาให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาให้ครบถ้วน โดยดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ ศึกษาและทบทวนการกำหนดเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17310 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๙ เกี่ยวกับการชักและการประดับธงชาติในโอกาสหรือวันพิธีสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17311 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 5 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตราด (ฉบับที่..) พ.ศ. ....] | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ (Zoning) ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดตราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเพื่อให้การควบคุมดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนในท้องที่ตามที่กำหนดในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดเชียงราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตราด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17312 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 5 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ....] | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ (Zoning) ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดตราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเพื่อให้การควบคุมดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนในท้องที่ตามที่กำหนดในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดเชียงราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตราด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17313 | ความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการปฏิรูปประเทศ ระหว่างวันที่ 4 -10 กรกฎาคม 2560 | นร | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการปฏิรูปประเทศ ระหว่างวันที่ ๔-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประธานกรรมการประสานงาน รวม ๓ สาย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒๗/๒๕๖๐ เมื่อวันอังคารที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. สรุปผลการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒๘/๒๕๖๐ เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ รวม ๒ เรื่อง (๑) การส่งเสริมกิจการไฟฟ้าเสรีที่ใช้พลังงานทดแทนในระดับชุมชน และ (๒) การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยภาคอุตสาหกรรมและกิจการพลังงาน ๓. สรุปสถานะข้อเสนอประเด็นปฏิรูปตามแผนการปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐) รวม ๑๖๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17314 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 3 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชุมช้าง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๓ ฉบับ เพื่อให้สามารถนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินมาใช้เพื่อการจัดรูปที่ดินได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชุมช้าง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลกระสัง และตำบลสองชั้น อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุน ส่งเสริมให้พื้นที่ที่ได้มีการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ ทำการเกษตรแผนใหม่แบบครบวงจร เพื่อช่วยให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น และเป็นพื้นที่เกษตรกรรมนำร่องสู่ “เกษตรกรรม ๔.๐” หรือ “Smart Farmer” ของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17315 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 3 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลกระสัง และตำบลสองชั้น อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๓ ฉบับ เพื่อให้สามารถนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินมาใช้เพื่อการจัดรูปที่ดินได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชุมช้าง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลกระสัง และตำบลสองชั้น อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุน ส่งเสริมให้พื้นที่ที่ได้มีการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ ทำการเกษตรแผนใหม่แบบครบวงจร เพื่อช่วยให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น และเป็นพื้นที่เกษตรกรรมนำร่องสู่ “เกษตรกรรม ๔.๐” หรือ “Smart Farmer” ของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17316 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 5 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่..) พ.ศ. ....] | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ (Zoning) ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดตราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเพื่อให้การควบคุมดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนในท้องที่ตามที่กำหนดในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดเชียงราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตราด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17317 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ....) | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพะเยา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ประกาศใช้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17318 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคำสั่งที่ ๓๓/๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการชั่วคราวเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ กำหนดมาตรการชั่วคราวเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านการใช้บังคับกฎหมาย โดยตามข้อ ๒ ของคำสั่งดังกล่าวได้กำหนดให้นายจ้างและคนต่างด้าวเร่งดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามพระราชกำหนดดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ และต่อมากระทรวงแรงงานได้ออกประกาศกระทรวงแรงงานเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตทำงานและการอนุญาตให้ทำงานตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยข้อ ๖ ของประกาศดังกล่าวกำหนดให้จัดตั้ง “ศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว” เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับแจ้งการทำงานตามประกาศนี้ โดยให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจัดเจ้าหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงแรงงาน นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดย ๑.๑ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อให้นายจ้างยื่นขอจ้างคนต่างด้าวได้ตามกำหนดเวลาในประกาศกระทรวงแรงงานดังกล่าว ๑.๒ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้นายจ้างหรือคนต่างด้าวที่ดำเนินการตามเงื่อนไขของประกาศกระทรวงแรงงานได้รับความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด ทั้งนี้ ให้พิจารณานำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานด้วย เช่น การจัดเก็บข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ๒. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดแนวทางการลดพื้นที่ปลูกยางพารา โดยในระยะแรกให้เริ่มดำเนินการในพื้นที่ซึ่งชาวสวนยางได้บุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเพาะปลูก พร้อมทั้งพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือชาวสวนยางกลุ่มดังกล่าวด้วย นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกยางพารา ลดการบุกรุกพื้นที่ป่า โดยส่งเสริมให้มีการทำเกษตรกรรมทางเลือกชนิดอื่นที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การเลือกเพาะปลูกพืชที่ผลผลิตมีราคาสูงและมีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงผู้รับจ้างกรีดยางด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดดำเนินการกำกับดูแลและตรวจสอบผู้ประกอบการหรือสถานบริการที่มีการขายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในบริเวณรอบสถานศึกษา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการบรรเทาผลกระทบจากการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ โดยเฉพาะการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ (Zoning) ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบสถานบริการ เช่น การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประกอบกิจการให้เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17319 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ในท้องที่จังหวัดแพร่) | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17320 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ) | สธ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
.....