ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 865 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17281 - 17300 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17281 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง) พ.ศ. .... | กก | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เขตท้องที่เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเขตพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรคำนึงถึงการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมของแหล่งธรรมชาติแต่ละประเภทที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ที่อยู่บนเกาะต่าง ๆ ให้สอดคล้องตามเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ประเภทภูเขา น้ำตก ธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา และควรพิจารณาความสามารถในการรองรับ (Carrying Capacity) ในด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งควรมีมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหามลพิษที่จะเกิดจากการขยายตัวของการท่องเที่ยวอย่างรัดกุม โดยเฉพาะปัญหาน้ำเสียและขยะมูลฝอย ตลอดจนมีมาตรการป้องกันและฟื้นฟูที่มีความชัดเจนทั้งวิธีและการดำเนินการ และเห็นควรพิจารณาแต่งตั้งผู้แทนของกระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ร่วมเป็นคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในส่วนกลางและชุมชนในพื้นที่ เพื่อเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยวภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งควรพิจารณาวางกรอบระบบติดตามประเมินผลก่อนการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว (Pre-Evaluation) ที่ชี้ให้เห็นถึงผลผลิต (Output) ผลลัพธ์ (Outcome) และผลกระทบ (Impact) ของการกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยว โดยให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ตลอดจนจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17282 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน สามารถเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำฝั่งขวาพร้อมอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17283 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดทำร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การจัดทำร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเห็นด้วยในหลักการของร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่ให้มีคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ แต่ต้องปรับปรุงรายละเอียดอำนาจหน้าที่ที่ทับซ้อนกับหน่วยงานหลัก และการกระจายอำนาจ ในการนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ยกร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งได้จัดทำประชาพิจารณ์แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วย โดยเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17284 | ความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน | กษ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ๑.๑ การศึกษาความเป็นนิติบุคคลและความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชน ได้มีการจัดทำยกร่างเพื่อปรับปรุงแก้ไขในเรื่องที่กำหนด รวมทั้งจัดทำ (ร่าง) แบบสอบถามเพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย โดยจะจัดส่งให้ดำเนินการในระดับจังหวัด และนำขึ้นสู่เว็บไซต์รับฟังความคิดเห็นด้านกฎหมายไทยต่อไป ๑.๒ ปรับปรุงประกาศแนบท้ายระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนว่าด้วยการรับจดทะเบียนและการเพิกถอนทะเบียนวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนได้ลงนามในประกาศฯ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป ๑.๓ รวบรวมแผนงาน/โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ โดยคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนรับทราบภาพรวมแผนงาน/โครงการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และเห็นชอบองค์ประกอบและบทบาทหน้าที่คณะทำงานจัดทำยุทธศาสตร์ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เพื่อฝ่ายเลขานุการจะได้เสนอประธานกรรมการฯ ลงนามแต่งตั้งต่อไป ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ ได้แก่ (๑) จัดทำระบบทะเบียนและสารสนเทศวิสาหกิจชุมชน (๒) ส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนจัดทำแผนพัฒนากิจการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ (๓) สนับสนุนการเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจชุมชน (๔) ส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (๕) ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และ (๖) ส่งเสริมการตลาดวิสาหกิจชุมชน ผ่าน e-catalogue ภายใต้ระบบสารสนเทศวิสาหกิจชุมชน ๓. ปัญหาในการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชน เช่น (๑) วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพระดับปานกลาง และยังต้องปรับปรุง ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงการสนับสนุนของหน่วยงานต่าง ๆ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือกองทุนต่าง ๆ ซึ่งมีเงื่อนไขเฉพาะ (๒) การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนยังไม่สามารถดำเนินการตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และแนวทางการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ เนื่องจากไม่มีภาระผูกพันงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมได้ตามบทบาทภารกิจ และ (๓) โครงสร้างองค์กรที่ทำหน้าที่บริหารงานในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการและทำหน้าที่ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ยังอยู่ระหว่างการจัดตั้งให้เป็นหน่วยงานที่เป็นทางการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17285 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ) | สลธ.คสช. | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๒/๒๕๖๐ เรื่อง การบรรเทาความเสียหายให้แก่ประชาชนในกรณีปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำแม่น้ำ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๓/๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการชั่วคราวเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17286 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ทส | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Memorandum of Understanding on Natural Resources and Environment of Cooperation between the Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Natural Resources and Environment of the Lao People’s Democratic Republic) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตของความร่วมมือ เช่น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การป้องกันและควบคุมมลพิษ และการจัดการสารเคมีและของเสียอันตราย การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การป้องกันและการแก้ไขข้อขัดแย้งเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เป็นต้น สำหรับรูปแบบความร่วมมือ เช่น การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีในด้านต่าง ๆ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ การจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ คำว่า “Parties” เป็น “Participants” และคำว่า “Article” เป็น “Paragraph” ในทุกแห่งที่ปรากฏ ซึ่งหากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ายอมรับได้ กระทรวงการต่างประเทศก็ไม่มีข้อขัดข้อง และเนื่องจากขอบเขตความร่วมมืออาจเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนควรจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ เพื่อให้การดำเนินการต่อไปได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17287 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบรายการบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม. ๖) ให้ครอบคลุมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเดินทางและการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17288 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร) | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17289 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพะเยา พ.ศ. ....) | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพะเยา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17290 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบียเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบียเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Memorandum of Understanding between the Ministry of Natural Resources and Environment the Kingdom of Thailand and the Ministry of Environment and Sustainable Development of the Republic of Colombia on the Cooperation in the Field of Natural Resources and Environment) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบียในสาขาต่าง ๆ เช่น การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ การปกป้องคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการจัดการมลพิษ การรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลและการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่ง การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางธรรมชาติซึ่งมีเอกลักษณ์พิเศษโดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำ การปกป้อง การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูถิ่นที่อยู่และประชากรสัตว์และพืชสายพันธุ์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับความไม่สอดคล้องกันของชื่อข้อบทกับเนื้อความของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในข้อบทที่ ๔ ถึงข้อบทที่ ๑๐ เห็นควรตรวจสอบความถูกต้องของร่างบันทึกความเข้าใจฯ อีกครั้งหนึ่ง สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17291 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข) | นร12 | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17292 | ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้ลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยอิงกับบันทึกข้อตกลง เรื่อง การเสียภาษีของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในช่วงปีภาษี ๒๕๕๒-๒๕๕๔ โดยอาศัยอำนาจตามนัยมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เฉพาะในส่วนของพื้นที่ที่ ทอท. ใช้ประโยชน์เองและพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่ง ทอท. จะเป็นผู้รับภาระภาษีในส่วนนี้เองทั้งหมด จากค่ารายปีที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ราชาเทวะประเมิน จำนวนเงิน ๓๗๖,๐๔๑,๑๖๘ บาท คำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำนวน ๔๗,๐๐๕,๑๔๖ บาท ลดลงเหลือเป็นค่ารายปี จำนวนเงิน ๑๙๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท คำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน จำนวน ๒๔,๓๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้ อบต. ราชาเทวะคืนเงินค่าภาษีให้กับ ทอท. ซึ่งเป็นผลจากการลดหย่อนค่ารายปี (ตามข้อ ๑) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๒๒,๗๐๕,๑๔๖ บาท จากที่ ทอท. เสนอคณะรัฐมนตรีขอคืนเงินค่าภาษีจาก อบต. ราชาเทวะ ในปีภาษี ๒๕๕๒-๒๕๕๔ เป็นจำนวนเงิน ๑๐๓,๑๑๑,๖๔๖ บาท ๓. สำหรับในช่วงปีภาษี ๒๕๕๗-๒๕๕๙ เห็นควรให้การประเมินค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินของ ทอท. เป็นไปตามที่ อบต. ราชาเทวะประเมิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17293 | ร่างกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหประชาชาติ ฉบับปี ค.ศ. 2017 - 2021 | กต | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหประชาชาติ (United Nations Partnership Framework : UNPAF) ฉบับปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับหน่วยงานสหประชาชาติในประเทศไทยสำหรับช่วงระยะเวลา ๕ ปีข้างหน้า (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยมียุทธศาสตร์เกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกระบวนการ (process-oriented) ได้แก่ (๑) การกำหนดและบังคับใช้นโยบาย (๒) การส่งเสริมบทบาทของภาคประชาสังคม (๓) การให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในฐานะหุ้นส่วนในการพัฒนา และ (๔) การขยายการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ๑.๒ ให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในร่าง UNPAF ฉบับปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นว่า หากมีการเพิ่มเติมเรื่องความร่วมมือในการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมในยุทธศาสตร์ผลลัพธ์ที่ ๓ ก็จะแสดงให้เห็นถึงการนำแนวปฏิบัติด้านการดำเนินธุรกิจ และการลงทุน ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนและยั่งยืนมาใช้ด้วย นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ ที่มุ่งเน้นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม อาจจะเพิ่มประเด็นเรื่องการขยายการแลกเปลี่ยนด้านนวัตกรรมในยุทธศาสตร์ผลลัพธ์ที่ ๔ ด้วย และในยุทธศาสตร์ผลลัพธ์ที่ ๔ อาจพิจารณานำประเด็นด้านอุบัติภัยบนท้องถนนและความเสี่ยงจากการขนส่งสารเคมีอันตรายเข้าสู่เวทีระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Logistics ของอาเซียนมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนถึงขั้นเสียชีวิตอยู่ในอันดับสูงของโลก หากนำประเด็นเหล่านี้เข้าสู่ระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการในการดำเนินการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17294 | ข้อตกลงยอมรับร่วมสำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement for Bioequivalence Study Reports of Generic Medicinal Products: ASEAN BE MRA) | สธ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การลงนามข้อตกลงยอมรับร่วมสำหรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลของผลิตภัณฑ์ยาสามัญของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement for Bioequivalence Study Reports of Generic Medicinal Products : ASEAN BE MRA) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ประเทศสมาชิกจะต้องยอมรับพิจารณารายงานการศึกษาชีวสมมูลที่จัดทำโดยศูนย์การศึกษาชีวสมมูลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและขึ้นบัญชีของอาเซียน (ASEAN Listed BE centre) ซึ่งจะมีการแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญ (Panel of Experts) เพื่อตรวจสอบศูนย์การศึกษาชีวสมมูลของประเทศสมาชิกที่จะขอสมัครเพื่อขึ้นบัญชีของอาเซียน โดยทุกประเทศมีเวลาไม่เกิน ๕ ปี หลังการลงนามในการที่จะยอมรับรายงานการศึกษาชีวสมมูลที่ทำขึ้นโดยศูนย์การศึกษาชีวสมมูลที่ได้ขึ้นบัญชีแล้วมาเพื่อพิจารณา ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามข้อตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนรองรับการดำเนินการตามข้อตกลงฯ ที่เหมาะสม โดยให้ครอบคลุมถึงมาตรการรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในด้านต่าง ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยาในประเทศ และการเข้าถึงยาของประชาชนทั้งในด้านคุณภาพและราคา ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบภายใน ๖ เดือน ๔. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นในการลงนามในข้อตกลงฯ ผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ และมาตรการรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ถูกต้อง ทั่วถึงด้วย ๕. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการขึ้นทะเบียนยาทั้งระบบ ให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศต่อไป ๖. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณารวมมาตรการเยียวยาต่อข้อเสนอของภาคเอกชนภายใต้การดำเนินการของอนุกรรมการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้จัดตั้งขึ้นด้วย และควรพิจารณาดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยาในประเทศและเอกชนไทยให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาชาติ เพื่อลดการสูญเสียเงินตราในการนำเข้า/สั่งยาจากต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17295 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 5 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดเชียงราย (ฉบับที่..) พ.ศ. ....] | มท | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ (Zoning) ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดตราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเพื่อให้การควบคุมดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนในท้องที่ตามที่กำหนดในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดเชียงราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตราด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17296 | โครงการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าวภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 (ด้านการผลิต) | กษ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าว ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวสารครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการปลูกพืชอาหารสัตว์ทดแทนนาข้าว ดำเนินการโดยกรมปศุสัตว์ (๒) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการเกษตร และ (๓) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ ดำเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ปรับชื่อโครงการให้เหมาะสมและชัดเจน จาก “โครงการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าว ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต)” เป็น “โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกพืชให้เหมาะสม ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต)” ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเพื่อให้ทราบถึงปัญหา อุปสรรค และความคุ้มค่าของโครงการ ตลอดจนมิให้เกิดปัญหาต่อการดำเนินงานและภาระงบประมาณในอนาคต การส่งเสริมความรู้ทางวิชาการด้านการเกษตรผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และให้เกษตรกรเป็นผู้มีส่วนร่วมลงทุนในการดำเนินการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอาชีพการเกษตรอย่างยั่งยืน การเร่งรัดประชาสัมพันธ์รายละเอียดโครงการและสร้างองค์ความรู้ในเรื่องที่จะปรับเปลี่ยนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในระดับพื้นที่และเกษตรกรให้ทราบอย่างทั่วถึงและครบถ้วน การกำหนดมาตรการส่งเสริมระยะยาวเพื่อให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรผสมผสานหรือเกษตรทฤษฎีใหม่ร่วมกับการปรับพื้นที่นาและลดรอบการปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โครงการรวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจในรายละเอียดและเงื่อนไขของโครงการให้เกษตรกรรับทราบ และกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานของโครงการด้วย ๒.๒ ติดตามการดำเนินการเพาะปลูกพืชทดแทนการปลูกข้าวของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้คำแนะนำเกษตรกรให้ปลูกพืชที่มีตลาดรองรับและมีปัญหาด้านราคาน้อย และพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบด้านราคา เช่น การทำสัญญาซื้อขายผลผลิตกับผู้รับซื้อล่วงหน้า เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรเพื่อนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของโครงการโดยไม่หักเงินที่เกษตรกรพึงได้รับจากโครงการไปใช้เพื่อการอื่นก่อน เช่น การชำระหนี้ที่เกษตรกรมีอยู่กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17297 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 3 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๓ ฉบับ เพื่อให้สามารถนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินมาใช้เพื่อการจัดรูปที่ดินได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชุมช้าง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลกระสัง และตำบลสองชั้น อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุน ส่งเสริมให้พื้นที่ที่ได้มีการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ ทำการเกษตรแผนใหม่แบบครบวงจร เพื่อช่วยให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น และเป็นพื้นที่เกษตรกรรมนำร่องสู่ “เกษตรกรรม ๔.๐” หรือ “Smart Farmer” ของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17298 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อและรายละเอียดของโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ให้รองรับซอฟต์แวร์ SAP ECC ๖.๐ เป็นโครงการจัดทำระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ (New GFMIS Thai) วงเงิน ๘๒๓.๐๐ ล้านบาท ของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังดำเนินการให้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ (๑) พิจารณาออกแบบสถาปัตยกรรมระบบ โดยจำเป็นต้องมี Code Based Management ของกระทรวงการคลัง (๒) จัดทำขั้นตอนการออกแบบระบบโดยแบ่งออกเป็นระยะต่าง ๆ เช่น การสร้างแนวความคิดหลัก (Conceptual Design) การออกแบบรายละเอียด (Detail Design) และการออกแบบการจัดทำระบบ (Implementation Design) เป็นต้น และ (๓) ภายหลังการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ ควรมีการจัดทำระบบดังกล่าวให้เป็น Open Source Software เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) ได้มีโอกาสพัฒนาโปรแกรมร่วมกัน ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการอีกครั้ง ในขั้นตอนการอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ทั้งนี้ ในกรณีโครงการต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาและดูแล บำรุงรักษาระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐ โดย ๒.๑ ดูแลและบำรุงรักษาระบบ GFMIS ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเจ้าของระบบแล้ว ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกว่าระบบ New GFMIS Thai จะได้รับการปรับปรุงและพัฒนาจนสามารถรองรับการทำงานทดแทนระบบ GFMIS เดิมได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อป้องกันการขาดเสถียรภาพของระบบ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสูญหายของข้อมูล หรือเกิดผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของประเทศในภาพรวม ๒.๒ เร่งรัดพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและดูแลบำรุงรักษาระบบ New GFMIS Thai ให้มีความสามารถในการดูแล บำรุงรักษาระบบให้มีเสถียรภาพ ตลอดจนสามารถพัฒนาระบบดังกล่าวให้สามารถรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณในรูปแบบใหม่ ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๓ ดำเนินการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรของทุกหน่วยงานที่ใช้งานระบบ GFMIS ให้ทั่วถึงเพื่อให้ผู้ใช้งานมีความรู้ ความเข้าใจ ในการดำเนินงานด้วยระบบ New GFMIS Thai ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานระบบดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำปัญหาอุปสรรคในการใช้งาน ตลอดจนข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งานไปปรับปรุงระบบ New GFMIS Thai ให้สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังกำกับติดตามการดำเนินงานของโครงการเงินกู้ DPL ในส่วนที่ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ๓.๑ เร่งรัดให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการซึ่งได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว แต่ยังดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณไม่แล้วเสร็จ จำนวน ๑๑ โครงการ ดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณ วงเงิน ๘๘๑.๘๑ ล้านบาท ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓.๒ พิจารณาถึงความจำเป็น ความเหมาะสม และความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการภายใต้โครงการเงินกู้ DPL ที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินโครงการ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพิจารณาเร่งรัดหรือยุติการดำเนินโครงการ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบภายใน ๒ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17299 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางศรีรัตน์ วัฒนล้ำเลิศ) | กค | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางศรีรัตน์ วัฒนล้ำเลิศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17300 | ผลการดำเนินการตามมาตรา 5/8 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 | นร12 | 11/07/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติผลการดำเนินการตามมาตรา ๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ๒๕๕๙ ของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน จำนวน ๔ เรื่อง ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษตามผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่องค์การมหาชน ๑.๒ หลักเกณฑ์การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชน และผู้อำนวยการองค์การมหาชน ๑.๓ หลักเกณฑ์การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบองค์การมหาชน ๑.๔ ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นองค์การมหาชนในกลุ่มที่ ๑ พัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐเฉพาะด้าน (อัตราเงินเดือนของผู้อำนวยการ อยู่ระหว่าง ๑๐๐,๐๐๐-๓๐๐,๐๐๐ บาท) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดแนวทางและรายละเอียดของแต่ละหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้เป็นมาตรฐานและแนวทางเดียวกัน รวมทั้งกำหนดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักสมรรถนะแบบเข้มข้นไว้ในหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษตามผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนเสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....