ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 867 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17321 - 17340 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17321 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์) | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17322 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 4 ราย) (นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์) | สธ | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนทร ชินประสาทศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๐ ๒. นายพิสิฐ อินทรวงษ์โชติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ๓. นางกุลฤดี วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ๔. นายวินัย ลีสมิทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17323 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 5 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่..) พ.ศ. ....] | มท | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ (Zoning) ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดตราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเพื่อให้การควบคุมดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนในท้องที่ตามที่กำหนดในร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดเชียงราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตราด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เห็นควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17324 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. ....) | มท | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดระนอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ทั้ง ๓ ฉบับ ประกาศใช้แล้ว กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17325 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ....) | มท | 11/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดระนอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ทั้ง ๓ ฉบับ ประกาศใช้แล้ว กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17326 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการที่มีความต้องการใช้ยางพารา เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข สำรวจปริมาณความต้องการใช้ยางพาราสำหรับแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หรือใช้เป็นส่วนผสมต่าง ๆ ภายในหน่วยงานให้ชัดเจน เพื่อจัดทำแผนสำหรับการเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อยางพารา ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการโดยด่วน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยางพาราภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น นั้น ขอให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วและมีการนำยางพาราไปใช้ได้จริงภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการจูงใจภาคเอกชนในการสนับสนุนการเพาะปลูกของเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด เช่น การกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะตอบแทนให้แก่ภาคเอกชน การกำหนดส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากผลผลิตในพื้นที่ระหว่างเกษตรกรและภาคเอกชน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดดำเนินการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในปัจจุบันให้มีการพัฒนาคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกพืชของเกษตรกรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชสมุนไพรให้มากยิ่งขึ้นเพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรต่อไป นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งพัฒนาพืชสมุนไพรให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพรไทย รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมและขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชสมุนไพรไปยังจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างเหมาะสมด้วย ๑.๔ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เพื่อกำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งระบบ โดยให้เร่งดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำกับติดตามการดำเนินการของส่วนราชการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเฉพาะในส่วนงานบริการประชาชนทั้งในด้านการลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดการใช้เอกสาร การลดการใช้ทรัพยากร รวมทั้งให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้แทน ทั้งนี้ ให้กำหนดตัวชี้วัดที่สามารถแสดงผลการดำเนินการของส่วนราชการตามพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ชัดเจน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะด้วย นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) แต่งตั้งคณะทำงานขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนสำนักงาน ก.พ.ร. ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่เร่งรัดการปรับปรุงประสิทธิภาพของงานให้บริการประชาชนของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยให้มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อลดภาระของประชาชนในการที่ต้องนำสำเนาเอกสารมาติดต่อราชการ และพิจารณาแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับการติดต่อราชการผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ ให้นำเสนอแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนต่อนายกรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำ ทำทางระบายน้ำ หรือพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับใช้ประโยชนร่วมกันในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยให้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าวกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทั้งนี้ ให้เตรียมการเพื่อให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป นั้น ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำแผนการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในรูปแบบของโครงการจิตอาสาในพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม แล้วให้เสนอแผนดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การคุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ (ฉบับที่ ๑) (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่ถูกร้องเรียนในแต่ละประเภทกิจการให้เชื่อมต่อไปยังหน่วยงานผู้ออกใบอนุญาตเพื่อนำข้อมูลไปใช้ประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการได้ รวมทั้งให้นำข้อมูลการออกใบอนุญาตมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการติดตามการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไปด้วย นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายออมสิน ชีวะพฤกษ์) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปราบปรามการประกอบธุรกิจค้าขายออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ รวมทั้งการค้าขายสินค้าผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย และให้รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดทำ Application การสอนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ และต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำ Application การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารระดับพื้นฐานสำหรับประชาชนทั่วไปเสร็จเรียบร้อยแล้วในชื่อ “Echo English” โดยเน้นการฝึกฝนทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนจากสถานการณ์จำลองต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกที่ทุกเวลา นั้น ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดติดตั้ง (download) และใช้ประโยชน์จาก Application ดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของบุคลากรทุกระดับให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17327 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2560) | นร | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17328 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. ....) | มท | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดอ่างทอง เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17329 | มาตรการเพิ่อเตรียมการรองรับการตรากฎหมาย | นร | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่าเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง จึงมีมติให้ทุกส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการเผยแพร่ร่างกฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเป็นการล่วงหน้าอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบสาระสำคัญของร่างกฎหมาย วันที่มีผลบังคับใช้/ห้วงระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมาย และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกฎหมาย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของประชาชนก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับและป้องกันผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นจากการไม่ทราบข่าวสารเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งให้ทุกส่วนราชการซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของร่างกฎหมายเตรียมดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองหรือกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับเมื่อกฎหมายแม่บทมีผลใช้บังคับและเพื่อให้กฎหมายนั้นสามารถนำไปใช้บังคับให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ๒. ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ออกคำสั่งเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ของรัฐในเรื่องใด ๆ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ตรากฎหมายลำดับรอง หรือกำหนดมาตรการต่าง ๆ ตามแต่กรณี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะยาวแทนการใช้คำสั่งดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17330 | ความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการปฏิรูปประเทศระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2560 | นร | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการปฏิรูปประเทศระหว่างวันที่ ๒๗ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประธานกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๐ เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ [รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ เรื่อง การปฏิรูปการมีส่วนร่วมด้านการท่องเที่ยวทั้งระบบเพื่อความยั่งยืน (Inclusive Tourism) และรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เรื่อง การปฏิรูปการปฏิบัติงานในรัฐสภา] ๒. สรุปผลการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ ๒๖/๒๕๖๐ เมื่อวันจันทร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เรื่อง การปฏิรูปการปฏิบัติงานในรัฐสภา รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เรื่อง ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะการปฏิรูปการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media) และรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เรื่อง ดิจิทัล เพื่อการเฝ้าระวังทางสังคมเสริมสร้างวินัยและความเข้มแข็งของชุมชนสังคม (Digital Community Watch Dog)] ๓. สรุปสถานะข้อเสนอประเด็นปฏิรูปตามแผนการปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐) รวม ๑๖๖ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17331 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมทั้งควรกำหนดให้ข้าราชการตุลาการซึ่งมีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ต้องเข้ารับการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ และการประเมินสมรรถภาพควรที่จะมีการประเมินทั้งทางร่างกายซึ่งนอกจากการตรวจร่างกายโดยทั่วไปแล้ว ควรมีการตรวจความสามารถด้านการฟังและสายตา และการตรวจประเมินด้านสุขภาพจิตโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17332 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวมทั้งควรกำหนดให้ข้าราชการอัยการซึ่งมีอายุครบ ๖๕ ปี ต้องเข้ารับการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ และการประเมินสมรรถภาพควรที่จะมีการประเมินทั้งทางร่างกาย ซึ่งนอกจากการตรวจร่างกายโดยทั่วไปแล้ว ควรมีการตรวจความสามารถด้านการฟังและสายตา และการตรวจประเมินด้านสุขภาพจิตโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการเลือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ ควรกำหนดให้มีหลักเกณฑ์ว่าการกระทำใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการหาเสียงเพื่อให้ข้าราชการอัยการลงคะแนนหรืองดเว้นลงคะแนนเลือกบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการฝ่ายอัยการ โดยในระหว่างที่ยังไม่ได้แก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ สำนักงานอัยการสูงสุดควรออกหลักเกณฑ์ในลักษณะดังกล่าวเพื่อใช้บังคับไปพลางก่อน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17333 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกับทุกภาคส่วน และจัดทำร่างคู่มือการปราบปรามการค้ามนุษย์และคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้เรื่องกฎหมาย แนวทางปฏิบัติ และแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ ได้มีหนังสือแจ้งกระทรวงแรงงานเพื่อรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ และนำไปชี้แจงทำความเข้าใจกับสถานประกอบการหรือโรงงาน และหนังสือเวียนแจ้งประกาศคณะกรรมการป้องกันเจ้าหน้าที่จองรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เพื่อเป็นการเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17334 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงพาณิชย์) (นางสาวเรวดี วีระวุฒิพล) | พณ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งเรวดี วีรวุฒิพล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17335 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช) | กค | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17336 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางประเภทในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา พ.ศ. ....) | มท | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดอ่างทอง เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการขออนุญาตและการก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17337 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | ปง | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รวม ๖ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการฟอกเงิน (๒) ผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันการฟอกเงิน (๓) ผลการดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน (๔) ผลการปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๕) ผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ๔ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการ ปปง. คณะกรรมการธุรกรรม คณะอนุกรรมการในคณะกรรมการ ปปง. และคณะกรรมการเปรียบเทียบ และ (๖) ผลการปฏิบัติงานด้านการแก้ไขกฎหมายและออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน ตามที่สำนักงาน ปปง. เสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ได้แก่ ปัญหาฯ ด้านการขอใช้ที่ราชพัสดุในการก่อสร้างสำนักงาน ปปง. แห่งใหม่ เห็นว่าสามารถแจ้งขอรับการสนับสนุนจากกรมธนารักษ์ได้โดยตรง ส่วนปัญหาฯ ด้านกรอบกฎหมายในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เห็นว่าปัจจุบันกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลดังกล่าวนั้น ได้มีผลใช้บังคับแล้ว เช่น พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องด้วย สำหรับปัญหฯ ด้านการปรับปรุงจัดเก็บข้อมูลสถิติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปและแนวทางการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมต่อไป และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17338 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | กษ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิก จังหวัดพิจิตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงราคาค่าทดแทนให้กับเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนอย่างเหมาะสม ทันสมัย และเป็นธรรม โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อส่วนรวมของโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมกับประชาชน/ชุมชนในพื้นที่โครงการตั้งแต่ก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และหลังโครงการแล้วเสร็จอย่างจริงจัง โดยชี้ให้เห็นความจำเป็นของโครงการ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ สร้างการยอมรับของประชาชนในพื้นที่ต่อโครงการ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17339 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ขวาของแม่น้ำน้อย - แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวาของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวาของแม่น้ำน้อย-แม่น้ำผักไห่ ในท้องที่ตำบลองครักษ์ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ถึงในท้องที่ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำสำหรับกิจการโรงงานการประปา หรือกิจการอื่นที่มิใช่การเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17340 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต พ.ศ. .... | นร12 | 04/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืช กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานสินค้าเกษตร แทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับกรณีที่พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม มี ๖ หน่วยงานรับผิดชอบในการกำกับดูแลตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๕๖ และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมธุรกิจพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงต้องมีการระบุขอบข่ายการดำเนินการให้ชัดเจนว่าพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับดังกล่าวใช้บังคับกับหน่วยงานใด ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วหากสภานิติบัญญัติแห่งชาติมิได้มีมติทักท้วง ให้นำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
.....