ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 854 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17061 - 17080 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17061 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนมิถุนายน 2560 | นร02 | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ มีประเด็นการประชาสัมพันธ์ที่สำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ผลงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ (๑) เดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน ๒๕๖๐) ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การส่งเสริมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศ การบริหารจัดการน้ำและการแก้ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติ และ (๒) เดือนต่อไป (สิงหาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การวางระบบบริหารราชการแบบบูรณาการ และการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ ๑.๒ ผลงานตามประเด็นการปฏิรูป (๑) เดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน ๒๕๖๐) ได้แก่ การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล การปฏิรูปประเทศ การจัดระเบียบสังคม พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ลดปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน และ (๒) เดือนต่อไป (สิงหาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การปฏิรูปกลไกการบริหารประเทศและพัฒนาความมั่นคง การรักษาความมั่นคงภายในและความสงบเรียบร้อยภายใน และการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพการผนึกกำลังป้องกันประเทศ ๑.๓ ผลงานการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน (๑) เดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน ๒๕๖๐) ได้แก่ การกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ การลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในไทยอย่างผิดกฎหมาย มาตรการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรและการบรรเทาสาธารณภัย และ (๒) เดือนต่อไป (สิงหาคม ๒๕๖๐) ได้แก่ การส่งเสริมผู้ประกอบการยางพารา การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การป้องกันและปราบปรามขบวนการตัดไม้ทำลายป่า และการบุกรุกพื้นที่ป่าและที่ดินของรัฐ ๒. มอบหมายให้โฆษกกระทรวงแถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ เพื่อป้องกันการสื่อสารที่อาจสร้างความสับสนต่อการดำเนินงานของรัฐให้แก่ประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17062 | ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการ พัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2558 | พม | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ ตามสัดส่วนของแหล่งเงิน โดยใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล วงเงิน ๘๙๓,๓๒๔,๙๐๐ บาท หรือร้อยละ ๑๖.๒๙ ซึ่งได้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ ไปดำเนินการแล้ว จำนวน ๙๗,๒๑๑,๐๐๐ บาท และให้การเคหะแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๑๒,๓๒๕,๑๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๘ โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน รายการค่าก่อสร้างที่อยู่อาศัย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง สำหรับวงเงินที่เหลือ จำนวน ๕๘๓,๗๘๘,๘๐๐ บาท ให้การเคหะแห่งชาติเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การเคหะแห่งชาติควรมีแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับแผนดำเนินงานในโครงการดังกล่าว และควรเร่งดำเนินการลงทุนโครงการที่ได้รับอนุมัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นไปตามเป้าหมายและสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้ตามสัญญา รวมทั้งเพิ่มมาตรการด้านการตลาดและส่งเสริมการขาย เพื่อลดความเสี่ยงจากอาคารคงเหลือ และผลกระทบต่อฐานะการเงินขององค์กร ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17063 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อนำไปชำระค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมของรถปรับอากาศ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อนำไปชำระค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมของรถปรับอากาศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๘๓๓.๐๘๔ ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าเชื้อเพลิง จำนวน ๑,๙๐๕.๕๔๓ ล้านบาท และค่าเหมาซ่อม จำนวน ๙๒๗.๕๔๑ ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า นอกจากค่าเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมของรถปรับอากาศแล้ว ขสมก. ยังมีภาระหนี้ค้างชำระกับบริษัท ปตท. (จำกัด) มหาชน คือ ค่าเชื้อเพลิงรถเมล์ธรรมดาในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดย ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ มีหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนเงิน ๖๘๔.๒๖๖ ล้านบาท จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาให้ ขสมก. ชำระหนี้จำนวนดังกล่าวพร้อมกันในครั้งนี้ด้วย และเห็นควรให้ ขสมก. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินจำนวนดังกล่าวไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาตรวจสอบและกำกับให้ ขสมก. จัดทำกรอบวงเงินตามความจำเป็นและเหมาะสมที่เกิดขึ้นจริงอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17064 | ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรโครงการสนับสนุนปัจจัยการผลิตปศุสัตว์ "โคบาลบูรพา" | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมปศุสัตว์ สำหรับดำเนินการตามโครงการสนับสนุนปัจจัยการผลิตปศุสัตว์ “โคบาลบูรพา” โดยมีกำหนดชำระคืนสำหรับกิจกรรมส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโคเนื้อภายใน ๖ ปี และกิจกรรมส่งเสริมอาชีพเลี้ยงแพะภายใน ๕ ปี ระยะเวลาโครงการ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ โดยอนุมัติวงเงินยืม (เงินหมุนเวียน) จำนวน ๓๕๘,๘๐๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐ ต่อปี ระยะเวลาปลอดการชำระหนี้สำหรับกิจกรรมส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโคเนื้อใน ๓ ปีแรก และกิจกรรมส่งเสริมอาชีพเลี้ยงแพะใน ๒ ปีแรก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการสนับสนุนเงินยืมจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับการก่อสร้างโรงเรือนและการจัดหาแหล่งน้ำให้ถึงมือเกษตรกรโดยเร็ว เพื่อให้สอดรับกับการอุดหนุนพันธุ์แม่โคเนื้อและพันธุ์แพะเนื้อให้แก่เกษตรกร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ (เรื่อง ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อดำเนินงานโครงการโคบาลบูรพา) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการกำกับดูแลและติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ และควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และอบรมให้ความรู้/ถ่ายทอดเทคโนโลยี การให้ความรู้และสนับสนุนการดำเนินงานให้กับสหกรณ์ที่จะจัดตั้งใหม่ การป้องกันการหมุนเวียนโคเข้าโครงการของรัฐซ้ำซ้อน และการตรวจเยี่ยมติดตามและประเมินผลโครงการฯ อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำกับดูแลการดำเนินงานของกรมปศุสัตว์และหน่วยงานสนับสนุนให้มีการบูรณาการกันอย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตลอดจนกำกับดูแลการชำระคืนเงินจากเกษตรกรให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17065 | มาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ | กค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยในภาคใต้ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุพิจารณาแล้วในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยนำมาตรการนี้ไปใช้บังคับในการจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยอนุโลมด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องตามสถานการณ์ โดยคำนึงถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และเกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุเร่งพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วและเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17066 | บันทึกความเข้าใจความร่วมมือในการอนุรักษ์และจัดการกลุ่มป่าพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์กรระหว่างประเทศ | ทส | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในการอนุรักษ์และจัดการกลุ่มป่าพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์กรระหว่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคีทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า และการจัดการพื้นที่คุ้มครอง เพื่อการปกป้อง คุ้มครอง และสงวนทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติและพื้นที่นำเสนอเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ๑.๒ ให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17067 | การสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) | ดศ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ประเทศไทยสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) อีกวาระหนึ่ง (ปี ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๒) ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียง/แลกเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของ ITU ในการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17068 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการรับผิดชอบกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ อยู่ในฐานะผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker) และแบ่งโครงสร้างการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (Regulator) ออกเป็น ๒ ส่วน คือ (๑) ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะ และรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ และ (๒) ให้จัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เจ้าของรัฐวิสาหกิจ (Owner) โดยมีฐานะเป็นนิติบุคคล เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการ ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจในฐานะผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัท (จำนวน ๑๑ บริษัท) โดยมีเป้าหมายในการบริหารรัฐวิสาหกิจในกลุ่มนี้ให้มีการลงทุนในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับรัฐให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในทางเศรษฐกิจ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบสาระสำคัญและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขออนุมัติโครงการลงทุนที่มีความต้องการใช้เงินกู้ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหนี้สาธารณะ และคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการโอนหุ้นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ การพิจารณาสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติชุดแรก และแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกับหลักการของร่างพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๓.๑ ร่างพระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดมาตรการในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจรูปแบบใหม่ขึ้น โดยเพิ่มบทบาทอำนาจหน้าที่ของ คนร. ในปัจจุบันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๗ ดังนั้น สคร. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักจะต้องมีความพร้อมในการทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของ คนร. เพื่อให้สอดรับกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นด้วย ๓.๒ โดยที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) อยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ที่กำหนดให้ คนร. สั่งการให้กระทรวงการคลังโอนหุ้นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้องค์กรทั้งสองอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนพื้นฟูกิจการที่ให้มีการปรับโครงสร้างองค์กรและจัดตั้งบริษัทเพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและบูรณาการดำเนินธุรกิจที่ทับซ้อนกัน เห็นควรให้กระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนให้ทั่วถึงและถูกต้องตรงกันให้แก่พนักงานและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้งสองบริษัทด้วย ๓.๓ กรณีของรัฐวิสาหกิจที่จะโอนหุ้นไปยังบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติต้องปฏิบัติหลักเกณฑ์ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย และเพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการโอนของรัฐวิสาหกิจอื่นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ กระทรวงการคลังควรมีแผนการดำเนินการเกี่ยวกับการโอนหุ้นของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว ๓.๔ ในอนาคตหาก คนร. เห็นควรให้ธนาคารกรุงไทยไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ จะมีข้อพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนที่จะให้กระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคารฯ แทนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า อำนาจหน้าที่ในการชำระคืนต้นเงินกู้และการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่กำหนดให้เป็นของกองทุนฯ ตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๕ จะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร รวมทั้งแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17069 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินราคาค่าก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงราย และขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | ลต | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๒ รายการ ตามนัยของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีเฉพาะราย ดังนี้
๑. ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเพิ่มวงเงินจากเดิม ๓๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) เป็น ๓๓,๔๓๙,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ๒. ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยเพิ่มวงเงินจากเดิม ๓๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) เป็น ๓๔,๒๐๑,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ทั้งนี้ การใช้จ่ายและเบิกจ่ายค่าก่อสร้างทั้ง ๒ รายการดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17070 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/2560 | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๒ ปี (ปีละ ๗๖๗.๙๐๘ ล้านบาท) กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๑,๕๓๕.๘๑๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบความซ้ำซ้อนในส่วนของลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกับสมาชิกของสหกรณ์และสมาชิกของกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งความซ้ำซ้อนในการได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการหรือโครงการในลักษณะเดียวกันของภาครัฐด้วย โดยยึดหลักการให้ความช่วยเหลือ ๑ สัญญา ๑ ครัวเรือน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือระดับครัวเรือนอย่างแท้จริง และควรให้ความสำคัญกับการติดตามและปรับปรุงระบบข้อมูลของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีความทันสมัย และมีการบูรณาการข้อมูลและเป้าหมายการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17071 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม [ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงและการดูแลรักษาพื้นที่สงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. 2481 ของกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ 17)] | กห | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๑๓,๐๑๗,๔๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการด้านการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงและการดูแลรักษาพื้นที่สงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. ๒๔๘๑ ของกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ ๑๗) ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17072 | การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพูราชอาณาจักรภูฏาน) | มท | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน และอนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจการสถาปนาความสัมพันธ์ดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศที่ขอปรับแก้ถ้อยคำในบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของไทยในการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องฉบับมาตรฐาน และความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการพิจารณาให้จังหวัดของไทยสามารถดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับจังหวัด/เมือง/มณฑล ของทุกประเทศได้ หากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการศึกษา อันสอดคล้องกับบริบทด้านการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศในปัจจุบันนั้น แต่ขอให้คำนึงถึงความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนชาวไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการให้จังหวัดของไทยสามารถดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ในระดับจังหวัดของไทยกับจังหวัด/เมือง/มณฑลของทุกประเทศได้ โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติในการดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ฯ และสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝดระหว่างจังหวัดนครพนมกับจังหวัดฮาติงห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๙ [เรื่อง การกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ [เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City) ระหว่างแม่สอดและเมียวดีเพื่อผลักดันการค้าขายชายแดนไทย-เมียนมา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก] ในเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ในการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับประเทศต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการกำหนดกลไกในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในระดับพื้นที่เมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ระหว่างกันขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17073 | การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ | นร04 | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นลำดับแรกก่อน โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักบประมาณ ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17074 | การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและพายุเซินกา | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและพายุเซินกา และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑,๖๘๕ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและพายุเซินกา ครัวเรือนละ ๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ คำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ถือว่าเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันทำการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด โดยไม่ให้ ธ.ก.ส. หักเงินช่วยเหลือดังกล่าวจากเกษตรกรเพื่อนำไปชำระหนี้เดิมที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. ก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดนครราชสีมา ในวันอังคารที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดทุกขั้นตอน และเห็นควรพิจารณานำเสนอมาตรการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาฯ ให้ครอบคลุมด้านการพักชำระหนี้สิน และการฟื้นฟูอาชีพ สนับสนุนปัจจัยการผลิต และองค์ความรู้เพื่อการปรับตัวต่อภัยพิบัติ นอกจากนี้ เห็นควรกำหนดเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ชัดเจนสำหรับการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมนอกเหนือจากระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างเหมาะสม ทันกับสถานการณ์ เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบภายใต้ระเบียบของทางราชการ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบเตือนภัยทางธรรมชาติที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลในการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดความเสียหายร่วมกับทางราชการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17075 | การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือ BIMSTEC ครั้งที่ 15 | กต | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑๕ (Draft Joint Statement of the Fifteenth BIMSTEC Ministerial Meeting) เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกเกี่ยวกับความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ทั้งหมด ๑๔ สาขา ภายใต้กรอบความร่วมมือ BIMSTEC ได้แก่ การค้าและการลงทุน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน การเกษตร สาธารณสุข การคมนาคมและความเชื่อมโยง เทคโนโลยี การลดความยากจน การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน การประมง การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ และวัฒนธรรม โดยจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative or Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ครั้งที่ ๑๕ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือ BIMSTEC เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17076 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๓ แผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17077 | การส่งเสริมให้ปี 2561 เป็น "ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน" หรือ "Amazing Thailand Tourism Year 2018" | กก | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการส่งเสริมให้ปี ๒๕๖๑ เป็น “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” หรือ “Amazing Thailand Tourism Year 2018” มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและความพร้อมบนพื้นฐานความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของไทย รวมทั้งมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนของนักท่องเที่ยวคุณภาพและรักษาฐานตลาดเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม กำหนดดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐-เมษายน ๒๕๖๑ โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงอาหาร การท่องเที่ยวทางน้ำ การท่องเที่ยวเพื่อการแต่งงานและฮันนีมูน การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยวโดยชุมชน และการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17078 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ) | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17079 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (จำนวน 4 ราย 1. นางสาวจริยา สุทธิไชยา ฯลฯ) | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างและทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางสาวจริยา สุทธิไชยา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรจิตต์ อินทรชิต ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ๔. นายโอภาส ทองยงค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17080 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์) | พณ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....