ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 855 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17081 - 17100 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17081 | การจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยให้มีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐไบเอิร์นและรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเพื่อตอบรับในหลักการ กรณีการขอเปิดสถานกงสุลใหญ่ระหว่างกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักประติบัติต่างตอบแทน ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมิวนิก เมื่อมีการจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ๒. ในส่วนการกำหนดและการเพิ่มอัตรากำลังของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รวมทั้งการดำเนินการด้านบุคลากร และงบประมาณในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการและพิจารณาบุคลากรที่เหมาะสมและไว้วางใจได้ไปปฏิบัติงานที่สถานกงสุลใหญ่ดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
17082 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (จำนวน 8 คน 1. นายประสัณห์ เชื้อพานิช ฯลฯ) | นร12 | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ จำนวน ๘ คน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายประสัณห์ เชื้อพานิช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี ๑.๒ นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตรวจสอบและประเมินผล ๑.๓ ศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑.๔ รองศาสตราจารย์กุลภัทรา สิโรดม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๑.๕ รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๑.๖ นายมนัส แจ่มเวหา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารและการจัดการ การวางแผน ๑.๗ นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑.๘ รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมศาสตร์ ๒. ให้คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการนำหลักการและนโยบายของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติในเรื่องอายุของกรรมการ ไปเพิ่มในการประเมินศักยภาพ ทั้งบุคลากรภาครัฐ และหน่วยงานในทุกระดับด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
17083 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช (จำนวน 12 คน 1. ว่าที่ร้อยตรี ชนะ ไชยชนะ ฯลฯ) | กษ | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ว่าที่ร้อยตรี ชนะ ไชยชนะ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคเหนือ ๒. นายสีนวล ชูเชิด ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคกลาง ๓. นายแสวง ละมัยกลาง ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นายวรพจน์ กุศลสงเคราะห์กุล ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออก ๕. นายณรงค์ มาลัยทอง ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันตก ๖. นายสัญญา ปานสวี ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคใต้ ๗. รองศาสตราจารย์สุรวิช วรรณไกรโรจน์ ผู้แทนนักวิชาการด้านปรับปรุงพันธุ์พืช ๘. รองศาสตราจารย์เสวียน เปรมประสิทธิ์ ผู้แทนนักวิชาการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๙. นายธนรัช ใกล้กลาง ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐. นางดาวัลย์ จันทรหัสดี ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๑๑. นายสุพล ธนูรักษ์ ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปรับปรุง พันธุ์และขยายพันธุ์พืช ๑๒. นางสาวบุญญานาถ นาถวงษ์ ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
||||||||||||||||||||||||
17084 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (จำนวน 5 คน 1. พลเอก พอพล มณีรินทร์ ฯลฯ) | กห | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ รวม ๕ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลเอก พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์ปราโมทย์ เดชะอำไพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ อุตสาหกรรม ป้องกันประเทศ หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๓. นายบุญญรักษ์ ดวงรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล ๔. นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชีและการงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผล และการบริหารความเสี่ยง
|
||||||||||||||||||||||||
17085 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายสุเจตน์ จันทรังษ์ ฯลฯ) | ดศ | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุเจตน์ จันทรังษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๒. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๓. นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๔. นายพลเดช ปิ่นประทีป กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ๕. นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๖. นายเข็มชัย ชุติวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๗. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘. นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาและพัฒนากำลังคน
|
||||||||||||||||||||||||
17086 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (จำนวน 6 คน 1. นายคุรุจิต นาครทรรพ ฯลฯ) | ทส | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวม ๖ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายคุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการ ๒. นายเจน นำชัยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๓. นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นายไชยเจริญ อติแพทย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นางลดาวัลย์ พวงจิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖. นายประสงค์ นรจิตร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||
17087 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์) (จำนวน 4 ราย 1. นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ฯลฯ) | พณ | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางกุลณี อิศดิศัย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ๓. นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ๔. นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
17088 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย) (จำนวน 24 ราย) | มท | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒๑ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งในจำนวนนี้มีรายนายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๓ ราย และให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๒ ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีการเสนอแต่งตั้ง นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ๒. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ที่อนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงทเทรา เป็นการเฉพาะราย และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอให้สำนักงานองคมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๒๐ ราย และเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๔ ราย รวม ๒๔ ราย พ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ต่อไปแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
17089 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ) | วธ | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
17090 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (จำนวน 10 คน 1. นายชยพล ธิติศักดิ์ ฯลฯ) | มท | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวม ๑๐ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายชยพล ธิติศักดิ์ ประธานกรรมการ ๒. นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อ) ๓. นายดนุชา พิชยนันท์ กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อ) ๔. นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อ) ๕. นายยงยุทธ โกเมศ กรรมการอื่น ๖. นายศักดิ์ เสกขุนทด กรรมการอื่น ๗. นางสาวพรรณิกา อภิชาตบุตร กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อ) ๘. เรืออากาศโท กมลนัย ชัยเฉนียน กรรมการอื่น ๙. นายนิกร สุศิริวัฒนนนท์ กรรมการอื่น ๑๐. นายพนิต ธีรภาพวงศ์ กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อ)
|
||||||||||||||||||||||||
17091 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๙๒๓,๐๐๐ ล้านบาท (รวมงบประมาณเพิ่มเติม) เบิกจ่ายแล้ว ๒,๓๒๙,๒๕๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๖๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณ จำนวน ๒,๗๓๓,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๒,๒๔๗,๖๐๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๒๔ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ จำนวน ๒๒๐,๙๘๕ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๒.๐๒ (เป้าหมายภาพรวมร้อยละ ๘๐.๒๒) ๒. มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ๒.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติรวมทั้งสิ้น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๑,๗๑๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๐,๖๗๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๒๑ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๐,๒๘๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๔๒ ๒.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๑,๐๙๖ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๙,๑๗๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๘๓ ล้านบาท และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๗,๙๓๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๘๓ ๓. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๙๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๘๑,๖๕๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๙๘ ๔. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๙ รวมทั้งสิ้น ๒๗๖,๕๒๙ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๓๙,๙๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๗๖ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๘๔,๙๗๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๖.๘๙
|
||||||||||||||||||||||||
17092 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2560) | นร | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๘/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๔๙/๒๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
17093 | ร่างพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
17094 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ
๑. ด้านความมั่นคง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณานำแนวทางการจัดการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security) มาปรับใช้ในการยกระดับให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเป็นหน่วยงานกลางด้านความมั่นคงที่สามารถควบคุมกำกับดูแลการแก้ไขปัญหา/สถานการณ์ในประเทศที่เกิดจากภัยต่าง ๆ ได้อย่างเบ็ดเสร็จและครอบคลุมรอบด้าน เช่น ภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ ภัยธรรมชาติ ตลอดจนภัยที่เกิดจากความขัดแย้งของกลุ่มองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งสามารถประสานการดำเนินงานของหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงต่าง ๆ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้เหมาะสมสอดคล้องต่อไปด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้ทุกส่วนราชการเตรียมแผนการลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชน โดยให้พิจารณาปรับแผนงาน/โครงการ รวมถึงพิจารณาแหล่งเงินงบประมาณที่จะนำไปใช้รองรับในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน/ชุมชนในพื้นที่ โดยควรเป็นแผนงาน/โครงการระยะสั้นที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน ๑ ปี รวมทั้งมีการกำหนดเป้าหมายและสถานที่ดำเนินการอย่างชัดเจนทั่วถึง ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการในเรื่องสำคัญต่าง ๆ ก่อน ดังนี้ ๒.๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการสร้าง/ซ่อมถนนในชุมชนหรือหมู่บ้านในเส้นทางระยะสั้น ๆ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับชุมชนในพื้นที่ โดยอาจพิจารณานำงบประมาณของท้องถิ่นมาร่วมดำเนินการด้วย ๒.๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีแหล่งน้ำทางการเกษตรขนาดเล็กในชุมชน โดยให้พิจารณาเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่เป็นจุดรองรับน้ำตามธรรมชาติอยู่แล้วและมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการ ๒.๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมความเข้มแข็งของสหกรณ์ที่มีศักยภาพ โดยสนับสนุนให้มีเครื่องจักรและเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร เช่น โรงสีขนาดเล็ก คลังเก็บผลผลิตทางการเกษตร รถบรรทุก รถปรับหน้าดิน รถแบคโฮ รถเกลี่ย รถนวด เป็นต้น ทั้งนี้ ในการคัดเลือกสหกรณ์ที่จะเข้าร่วมโครงการให้พิจารณาสหกรณ์ที่ยังขาดแคลนเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นแต่มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพในการใช้และบำรุงรักษาเครื่องมือเครื่องใช้เหล่านั้นได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ๒.๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการในลักษณะธนาคารเมล็ดพันธุ์สำหรับชุมชน โดยอาจพิจารณาให้เกษตรกรนำเมล็ดพันธุ์ดีมาร่วมโครงการนอกเหนือจากเมล็ดพันธุ์ของรัฐ เพื่อให้เกษตรกรรายอื่นสามารถยืมไปเพาะปลูกต่อไป ๒.๑.๕ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีตลาดระดับหมู่บ้านหรือตำบล โดยให้ผู้ผลิตสามารถนำสินค้าประจำหมู่บ้านหรือตำบลไปจำหน่ายได้เองโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ทั้งนี้ ให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสม เช่น พื้นที่ที่อยู่ในบริเวณชุมชนที่มีผู้ซื้อและผู้สัญจรไปมา หรือพื้นที่ริมทางที่ไม่กีดขวางทางจราจร ๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อส่งเสริมแหล่งเงินทุน เพื่อให้คณะกรรมการหมู่บ้านมีบทบาทที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หรือดำเนินโครงการพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของชุมชน ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเร่งพัฒนาปรับปรุงกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นเพื่อลดระยะเวลารอตรวจและลดความแออัดของผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ โดยให้เร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมหากสามารถยกเลิกการใช้เอกสาร ตม. ๖ กับผู้เดินทางเข้า-ออกบางประเภทโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการ ดังนี้ ๒.๓.๑ ให้ท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่งวางระบบการบริหารจัดการกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้มีจำนวนที่เหมาะสมกับปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกในแต่ละช่วงเวลา ทั้งในช่วงเวลาที่เครื่องบินขึ้น-ลงตามกำหนดเวลาปกติและในช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินล่าช้า ทำให้มีเครื่องบินขึ้น-ลงในเวลาใกล้เคียงกันหลายเที่ยวบินและมีปริมาณผู้โดยสารรอรับการตรวจลงตราเอกสารพร้อม ๆ กันเป็นจำนวนมาก โดยให้เร่งดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในท่าอากาศยานนานาชาติที่มีความสำคัญเร่งด่วนก่อน เช่น ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ๒.๓.๒ เร่งรัดการพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการใช้เอกสาร ตม. ๖ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
17095 | การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ | นร | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า โดยที่ปัจจุบันภารกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำมีมากขึ้น และเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน นายกรัฐมนตรีจึงมีดำริให้โอนกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเป็น สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยเป็นส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และให้รวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำเข้ามาด้วยเพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน ทั้งนี้ การดำเนินการในเรื่องนี้อาจมีการโอนบุคลากรที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานอื่น ซึ่งจะได้ประสานให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ ขณะนี้ได้มีร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หากได้มีการจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จะต้องแจ้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบเพื่อจะได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สอดคล้องกัน ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป เมื่อได้มีการจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
17096 | การดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา 266 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตามมาตรา ๒๖๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และนายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบมอบหมายคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้ว จำนวน ๑๒ เรื่อง ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประธานกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เสนอ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
17097 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร05 | 08/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำระเบียบว่าด้วยการอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือกำกับดูแล โดยให้พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
17098 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 35/2560 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 | สลธ.คสช. | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๕/๒๕๖๐ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๙ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
17099 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน 2560 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ ต่อคณะรัฐมนตรี มีหน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลผ่านเว็บไซต์ http://const.oja.go.th จำนวน ๔๖ หน่วยงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๗ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๑๗ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๖ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๑ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๓ ฉบับ โดยยังไม่ได้รับการรายงานผลในกลุ่มกฎหมาย จำนวน ๑ เรื่อง คือ กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีทั้งหมดจำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง โดยยังไม่ได้รับการรายงานผลในกลุ่มการดำเนินการโดยวิธีการอื่นฯ จำนวน ๑ เรื่อง คือ เรื่อง มาตรการคุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมดจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๒๘ เรื่อง โดยยังไม่ได้รับการรายงานผลในกลุ่มมาตรการปฏิรูปประเทศ จำนวน ๑๐ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
17100 | การประกาศเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย - ตุรกี | พณ | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการประกาศเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ระหว่างไทย-ตุรกี การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และการเจรจาจัดทำ FTA ครั้งที่ ๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมลงนามในปฏิญญาร่วมว่าด้วยการประกาศเริ่มการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี (Joint Declaration on the Launch of Negotiations for the Turkey-Thailand Free Trade Agreement) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจตุรกี เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๐ สำหรับการเจรจาจัดทำ FTA ระหว่างไทย-ตุรกี ครั้งที่ ๑ เริ่มต้นหลังจากการประกาศเปิดการเจรจา โดยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและอธิบดีกรมกิจการสหภาพยุโรป กระทรวงเศรษฐกิจตุรกี เป็นประธานร่วม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้กำหนดระยะเวลา แผนงานการเจรจา และแบ่งกลุ่มคณะทำงานเพื่อเร่งสรุปผลการเจรจาในปลายปี ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีสองฝ่ายได้ตกลงไว้ร่วมกัน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจตุรกี โดยประเด็นสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ประกอบด้วย (๑) การใช้จุดแข็งด้านที่ตั้งยุทธศาสตร์เป็นประตูการค้าและการลงทุนระหว่างกัน (๒) เป้าหมายการค้าทวิภาคี (๓) เป้าหมายการเจรจา FTA (เฉพาะการค้าสินค้า) (๔) การรื้อฟื้นกรอบการหารือทวิภาคี (๕) การขยายการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกัน และ (๖) ความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน เช่น อุตสาหกรรมสินค้าและบริการฮาลาล การเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการสนับสนุน/ส่งเสริมเกษตรกรตุรกี รวมทั้งได้หารือกับผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของไทยเพียงบริษัทเดียวในตุรกีในการทำธุรกิจอาหารสัตว์ เพาะพันธุ์ไก่ แปรรูปเนื้อไก่ ไข่ และอาหารสำเร็จรูปครบวงจรในตุรกี
|
.....