ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 857 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17121 - 17140 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17121 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการโรคหัวใจ มะเร็งและวินิจฉัยรักษาเป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 22,000 ตารางเมตร โรงพยาบาลสระบุรี ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี | สธ | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการโรคหัวใจ มะเร็งและวินิจฉัยรักษา เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒๒,๐๐๐ ตารางเมตร โรงพยาบาลสระบุรี ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี จากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ วงเงิน ๔๓๗,๘๕๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๕๖,๔๔๓,๕๘๐.๘๘ บาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อเป็นค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินการก่อสร้างและการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐนมตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาการปรับแก้ไขแบบอาคาร ซึ่งทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ตามแผนเดิม และกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนเนื่องจากต้องเลื่อนกำหนดการเปิดให้บริการอาคารดังกล่าวออกไปจากเดิม โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.๒ ให้กำกับดูแลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17122 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รวม 7 ฉบับ | กค | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวม ๗ ฉบับ เพื่อให้มีแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างที่ชัดเจน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้หน่วยงานอื่นเป็นหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง การไม่ทำข้อตกลงเป็นหนังสือ และการแต่งตั้งผู้ตรวจรับพัสดุ พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษา พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเรื่องที่อุทธรณ์ไม่ได้ พ.ศ. .... ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเร็ว เพื่อให้การบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กรมบัญชีกลางควรกำกับดูแลการบังคับใช้ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17123 | ร่างประกาศคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เรื่อง มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ | คค | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เรื่อง มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพลังงาน และกรุงเทพมหานคร ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง โดยการติดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงป้ายให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่กำหนด โดยให้ดำเนินการเมื่อถึงวงรอบของการปรับปรุงหรือติดตั้งป้ายใหม่ ซึ่งจะต้องไม่กระทบกับงบประมาณปกติของหน่วยงาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ควรปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและคนชรา พ.ศ. ๒๕๔๘ ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่แก้ไขเพิ่มเติมของกระทรวงมหาดไทย และกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่น เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. ๒๕๕๕ ออกตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17124 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. .... | กค | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการในการใช้สิทธิขอรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในกรณีการเปลี่ยนแปลงผู้ใช้สิทธิเบิกเงินสวัสดิการ วิธีการใช้สิทธิขอรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร เพิ่มเติมระยะเวลาการยื่นใบเบิกเงินสวัสดิการ และเพิ่มเติมผู้มีอำนาจอนุมัติให้เบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17125 | การปรับและกำหนดเขตอาณาและเขตกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. กำหนดเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต โดยให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโกซิตี สหรัฐเม็กซิโก มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐเฮติ และให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสหรัฐเม็กซิโก ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐเฮติ อีกตำแหน่งหนึ่ง โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเม็กซิโกซิตี สหรัฐเม็กซิโก ๒. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๕ โดยให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ มีเขตอาณาครอบคลุมยูเครน และให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐโปแลนด์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำยูเครน อีกตำแหน่งหนึ่ง โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17126 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงโบโกตา สาธารณรัฐโคลอมเบีย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางมาร์การิตา ปาญินี เฟร์นันเดซ (Mrs. Margarita Pallini Fernandez)] | กต | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางมาร์การิตา ปาญินี เฟร์นันเดซ (Mrs. Margarita Pallini Fernandez) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงโบโกตา สาธารณรัฐโคลอมเบีย โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐโคลอมเบีย สืบแทน นางเซซิเลีย แฟร์นันเดซ เด ปาญินี (Mrs. Cecilia Fernandez de Pallini) ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากสูงอายุ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17127 | ขออนุมัติจ่ายเงินตามโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 เพิ่มเติม | กค | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรกลุ่มที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเนื่องจากเกิดความคลาดเคลื่อนในกระบวนการดำเนินงาน จำนวน ๔๐,๙๘๕ ราย คิดเป็นวงเงินไม่เกิน ๔๐๙.๘๕ ล้านบาท โดยให้ดำเนินการภายในระยะเวลา ๙๐ วัน นับถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกร โดยผ่านบัญชีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยจะต้องไม่มีการหักเงินที่เกษตรกรพึงได้รับจากโครงการไปใช้เพื่อการอื่นก่อน เช่น การชำระหนี้ที่เกษตรกรมีอยู่กับ ธ.ก.ส. เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17128 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง | กต | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างเอกสารจำนวน ๓ ฉบับ ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (ข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๐ กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๐ และกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา) ในวันที่ ๖-๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ดังนี้ ๑.๑.๑ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๐ (Tenth Ministerial Meeting of the Lower Mekong Initiative : Joint Statement) เป็นการยืนยันความมุ่งมั่นที่จะให้มีความคืบหน้าในการพัฒนาและการรวมตัวกันในระดับภูมิภาคของประเทศสมาชิกข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขง เพื่อระเบียบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มั่นคงและมั่งคั่ง รวมถึงให้ยึดมั่นดำเนินโครงการตามข้อเสนอภายใต้สาขาความร่วมมือด้านต่าง ๆ เพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในภูมิภาค ความร่วมมือข้ามพรมแดน และประชาคมอาเซียน ๑.๑.๒ ร่างถ้อยแถลงประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๐ (Draft Chair’s Statement of the 10th Mekong-Japan Foreign Ministers’ Meeting) เป็นการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือและเน้นย้ำความสำคัญของการบรรลุการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาค ตลอดจนขอบคุณญี่ปุ่นสำหรับความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาต่อประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ๑.๑.๓ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๘ (Draft Joint Ministerial Statement for the 8th MGC Ministerial Meeting) เป็นการยินดีต่อความคืบหน้าของการดำเนินงานของแผนปฏิบัติการกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๘ การส่งเสริมความร่วมมือในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระหว่างประเทศสมาชิกความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-คงคา การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระหว่างอินเดียกับลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะในทางน้ำและทางบก รวมทั้งการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๑ เพื่อเสนอในที่ประชุมรัฐมนตรีครั้งถัดไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17129 | โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 6) ปรับปรุงใหม่ | กค | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๖) ปรับปรุงใหม่ (โครงการ PGS ระยะที่ ๖ ปรับปรุงใหม่) โดยรัฐบาลรับภาระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันแทนผู้ประกอบการ SMEs สี่ปีแรกในอัตราร้อยละ ๑.๗๕ ร้อยละ ๑.๒๕ ร้อยละ ๐.๗๕ และร้อยละ ๐.๒๕ ตามลำดับ และให้สถาบันการเงินร่วมชดเชยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันในปีที่ ๒ ถึง ๔ ในส่วนที่เหลือ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ไม่มีภาระการจ่ายค่าธรรมเนียมใน ๔ ปีแรก รวมทั้งเพิ่มความรับผิดชอบจ่ายค่าประกันชดเชย จากเดิมสูงสุดไม่เกินร้อยละ ๒๓.๗๕ เป็นสูงสุดไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของภาระค้ำประกันเฉลี่ย ณ วันสิ้นอายุการค้ำประกัน และอนุมัติงบประมาณชดเชยเพิ่มเติมไม่เกิน ๘,๓๐๒.๕๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการ PGS ระยะที่ ๖ ปรับปรุงใหม่ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยใช้จ่ายจากค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อของโครงการ PGS ระยะที่ ๖ ปรับปรุงใหม่ เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย บสย. รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรส่งเสริมให้มีการกระจายวงเงินให้ครอบคลุมผู้ประกอบการ SMEs รายเล็ก และผู้ประกอบการ SMEs ในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพมากขึ้น และให้มีการออกแบบลักษณะการเก็บข้อมูลเพื่อสร้างข้อมูลของสินเชื่อภายใต้โครงการ PGS ระยะที่ ๖ ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้มีข้อมูลที่ครบถ้วนในการใช้วิเคราะห์ประสิทธิภาพของนโยบายและเป็นประโยชน์ต่อการออกแบบโครงการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งควรทำข้อตกลงกับสถาบันการเงินถึงกลไกการสนับสนุนค่าธรรมเนียมการค้ำประกันในปีที่ ๒-๔ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17130 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อก่อสร้างปรับปรุงท่าเทียบเรือและตลาดประมงอ่างศิลา | กษ | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๘๗,๙๒๑,๙๐๐ บาท เพื่อก่อสร้างปรับปรุงท่าเทียบเรือและตลาดประมงอ่างศิลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยองค์การสะพานปลา เร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงท่าเทียบเรือและตลาดประมงอ่างศิลาให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า การก่อสร้างปรับปรุงท่าเทียบเรือดังกล่าวจะต้องขออนุญาตจากกรมเจ้าท่าก่อนตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ มาตรา ๑๑๗ (ตามข้อ ๕.๑) ว่าด้วยการล่วงล้ำลำน้ำ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และควรตรวจสอบว่าโครงการก่อสร้างปรับปรุงท่าเทียบเรือดังกล่าวเข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือไม่ รวมถึงควรมีการกำกับดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียและกำจัดขยะให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ ไปดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17131 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณและการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณและการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17132 | การจัดทำกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 72/2559 | อก | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ โดยแบ่งออกเป็น ๗ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการบริหารจัดการแหล่งแร่ทองคำ (๒) ด้านผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐและท้องถิ่น (๓) ด้านความปลอดภัย การป้องกันรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการฟื้นฟูพื้นที่ (๔) ด้านการกำกับดูแลการประกอบการ (๕) ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน (๖) ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน และ (๗) ด้านอื่น ๆ เช่น กำหนดให้การขอต่ออายุประทานบัตรแร่ทองคำและการเพิ่มชนิดแร่ทองคำใช้นโยบายนี้โดยอนุโลม แต่ไม่ครอบคลุมถึงการร่อนแร่ทองคำ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติได้เห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นว่า การจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่สำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ ควรดำเนินการโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือได้รับการยอมรับจากทุก ๆ ฝ่าย มีการใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ การทดสอบจากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองระบบคุณภาพตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการในพื้นที่ควบคุมนอกเหนือพื้นที่สำรวจและทำเหมืองแร่เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลแต่ละข้อมูลได้ และควรมีการควบคุมให้ผู้ประกอบการปฏิบัติในการประกอบกิจการเหมืองแร่ตั้งแต่การได้รับอนุญาตดำเนินการอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้มีผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ (อาชีวเวชศาสตร์ หรือเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม) เข้าร่วมในการดำเนินการในประเด็นที่เกี่ยวกับความปลอดภัย การป้องกัน และควบคุมผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรายงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งจะได้มีการกำกับติดตามการดำเนินการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17133 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน | กษ | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการพัฒนาด้านการเกษตร "โครงการ ๙๑๐๑ ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน" ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดย ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ มีความก้าวหน้าสรุปได้ ดังนี้
๑. ชุมชนเข้าร่วมโครงการ ๙,๑๐๑ ชุมชน จำนวนโครงการที่เสนอจากชุมชนและได้รับการพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการโครงการฯ ระดับอำเภอ และผ่านความเห็นชอบแผนปฏิบัติงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณ จากกองทุนจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ สำนักงบประมาณ จำนวน ๒๔,๑๖๘ โครงการ วงเงิน ๑๙,๘๖๗.๒๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๓๒ ของวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ สำหรับประเภทของโครงการที่เสนอจากชุมชน ได้แก่ (๑) การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ (๒) การผลิตพืชและพันธุ์พืช (๓) การปศุสัตว์ และ (๔) การผลิตอาหาร การแปรรูปผลผลิต และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดเริ่มโอนเงินให้คณะกรรมการโครงการฯ ระดับชุมชน ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ครบถ้วนแล้ว ๒๔,๑๖๘ โครงการ วงเงิน ๑๙,๘๖๗.๒๐ ล้านบาท และกลุ่มสมาชิกศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และเครือข่ายได้รับการสนับสนุนงบประมาณเริ่มดำเนินโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินการ ได้แก่ (๑) ระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณค่อนข้างสั้น (๒) ข้อปฏิบัติของกรมสรรพากรที่ให้กลุ่มสมาชิกของชุมชน ศพก. และ/หรือเครือข่ายที่เสนอโครงการ ต้องมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ทำให้เกิดข้อกังวลในขั้นตอนที่ไม่คุ้นเคย (๓) การจัดทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรมีข้อจำกัดเรื่องเวลาทำการ และ (๔) เหตุการณ์พายุโซนร้อน “เซินกา” ส่งผลให้ฝนตกหนัก ทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถปฏิบัติงานตามแผนได้ และมีวัสดุการเกษตรเสียหายเนื่องจากอุทกภัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17134 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 50 | กต | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๕๐ มีสาระสำคัญย้ำถึงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกในการสร้างประชาคมอาเซียน โดยเสริมสร้างความร่วมมือทั้งในด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ความร่วมมือในประเด็นคาบเกี่ยวต่าง ๆ ความสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน และประเด็นท้าทายของภูมิภาคและของโลก ซึ่งอาเซียนได้มีท่าทีร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ เช่น การชื่นชมความคืบหน้าและพัฒนาการในประเด็นทะเลจีนใต้ที่ได้ข้อสรุปในการจัดทำแนวทางการจัดทำประมวลการปฏิบัติ (Framework of the Code of Conducts) การแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี โดยเรียกร้องให้มีการปฏิบัติตามข้อมติที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติ และการย้ำต่อเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกันเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากการก่อการร้าย เป็นต้น โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๕๐ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๔-๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ ที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17135 | มาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี 2560 | กค | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย มาตรการด้านการคลัง (เงินทดรองราชการเพ่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีฉุกเฉิน และมาตรการช่วยเหลือผู้เช่าที่ดินราชพัสดุที่ประสบอุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ) มาตรการด้านการเงินผ่านกลไกของสถาบันการเงินเฉพาะของรัฐต่าง ๆ และมาตรการด้านภาษี (มาตรการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง) ๑.๒ เห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วย มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และโครงการสินเชื่อฟื้นฟู SMEs จากอุทกภัยและภัยพิบัติ ปี ๒๕๖๐ (ปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการสินเชื่อฟื้นฟู SMEs จากอุทกภัยภาคใต้ ปี ๒๕๖๐) ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการสินเชื่อฟื้นฟู SMEs จากอุทกภัยภาคใต้ ปี ๒๕๖๐ กรณีการชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทน SMEs ในปีแรก ให้พิจารณาใช้จ่ายจากเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก่อนเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมรายละเอียดเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม แล้วแต่กรณี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ๓.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงินได้พึงประเมินเท่าที่ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับความเสียหายจากอุทกภัยได้จ่ายในระหว่างวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17136 | โครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน | ทส | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และเพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และร่วมกันกระทำความดีให้กับประเทศชาติตามพระราโชบายฯ รวมทั้งเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ต้นไม้ และทรัพยากรป่าไม้ให้แก่ประชาชนทุกคนในประเทศ ซึ่งจะเปิดโครงการฯ ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ โดยทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดเตรียมพื้นที่ปลูกต้นไม้ และกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จัดเตรียมกล้าไม้เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปลูก ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่น ๆ ทุกกระทรวง กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งร่วมกันดำเนินโครงการฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการดำเนินโครงการฯ ควรยึดหลักการปลูกและฟื้นฟูป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ “ปลูกป่า ปลูกคน” โดยประยุกต์ความสำเร็จจากการพัฒนาฟื้นฟูป่าไม้อันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ประสบความสำเร็จในหลายพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ สำหรับการประเมินความสำเร็จของโครงการฯ ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยชี้วัดความสำเร็จในเชิงคุณภาพร่วมด้วย อาทิ คุณภาพชีวิตของชุมชนและความหลากหลายทางชีวภาพที่ดีขึ้น อันเนื่องมาจากความสมบูรณ์ของป่าไม้ที่ได้รับการฟื้นฟู อนุรักษ์ ปลูกทดแทนภายใต้โครงการฯ และชุมชมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างเครือข่ายการปลูกฟื้นฟูและดูแลฝืนป่าไปพร้อมกับการบริหารจัดการป่าชุมชนด้วยความต้องการของชุมชนเอง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่า ไม่ให้มีการตัดต้นไม้ยืนต้นที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ในความรับผิดชอบอย่างเด็ดขาด ยกเว้นในกรณีจำเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เท่านั้น รวมทั้งให้ร่วมกันรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อการดูแลรักษาต้นไม้และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความสวยงามตามธรรมชาติอย่างยั่งยืนต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17137 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (พลเอก วัลลภ รักเสนาะ) | นร | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน พลเอก วัลลภ รักเสนาะ ข้าราชการทหาร ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17138 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์) | กก | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17139 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงสาธารณสุข) (จำนวน 10 ราย 1. นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย ฯลฯ) | สธ | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๐ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมโรค ๒. นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์การเลือก ๓. นางประนอม คำเที่ยง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๔. นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ ๕. นายมรุต จิรเศรษฐสิริ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นางพรรณพิมล วิปุลากร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายบุญชัย ธีระกาญจน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดปลัดกระทรวง ๑๐. นายเจษฎา ฉายคุณรัฐ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17140 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (จำนวน 8 คน 1. รองศาสตราจารย์ สรนิต ศิลธรรม ฯลฯ) | วท | 01/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน รวม ๘ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์สรนิต ศิลธรรม ประธานกรรมการ ๒. นายพิสิฐ ลี้อาธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายชาตรี สุวรรณิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. รองศาสตราจารย์กำจร ตติยกวี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายนพพร วายุโชติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายแสงชัย เอกพัฒนพาณิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. รองศาสตราจารย์พีรเดช ทองอำไพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
.....