ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 851 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17001 - 17020 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17001 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการพิจารณาตามกรอบอำนาจหน้าที่เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้มีการจำแนกตามระดับรายได้ให้ได้รับรายได้เพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจน และบูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ข้อมูลการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยที่เป็นปัจจุบันมาประกอบการพิจารณาดำเนินการ นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยให้เร่งพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการและให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกลุ่มต่าง ๆ ที่ชัดเจนและเหมาะสมตามระดับรายได้ที่ได้มีการจำแนกไว้ ทั้งที่เป็นมาตรการระยะสั้นและระยะยาว โดยไม่ให้เป็นภาระงบประมาณของประเทศในอนาคตเกินจำเป็น รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการให้ผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนตามโครงการลงทะเบียนฯ ได้เข้าสู่ระบบการจัดทำฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้ภาครัฐสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนกลุ่มดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐที่มีการจัดทำโครงการขนาดใหญ่พิจารณาจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) นั้น ให้ทุกส่วนราชการนำข้อตกลงดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดด้วย ๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดแนวทางการติดตามและตรวจสอบภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในงานราชการ เช่น การให้สินบน รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดให้ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและป้องกันปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ และให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปฏิรูปกิจการตำรวจใน ๓ ด้านหลัก คือ (๑) ด้านองค์กร (๒) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (๓) ด้านบุคลากร ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลา ๙ เดือน โดยให้ศึกษาประเด็นปัญหาของทุกระบบภายใน ๒ เดือนแรก และปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในอีก ๔ เดือนถัดมา ในส่วน ๓ เดือนที่เหลือจะเป็นการสื่อสารและสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะด้วย นั้น มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการดังกล่าวจากการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ในแต่ละครั้งด้วย เพื่อจะได้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๒.๔ ในการเสนอโครงการ/มาตรการในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ของราชการในระยะต่อไป ให้ส่วนราชการให้ความสำคัญกับสภาพสังคมและภูมิศาสตร์ของพื้นที่ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย โดยเฉพาะการดำเนินโครงการ/มาตรการด้านการเกษตรและการบริหารจัดการน้ำที่ควรส่งเสริมให้เลือกพันธุ์พืชและวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ในแต่ละพื้นที่ที่อาจมีความหลากหลาย และต้องพิจารณาถึงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และเป็นประโยชน์แก่ประชาชน เช่น แหล่งน้ำธรรมชาติ ฝ่ายน้ำล้น เป็นต้น ทั้งนี้ ให้พิจารณาทบทวนโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการไปแล้ว และพบว่ามีปัญหาไม่เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ เช่น ฝายชะลอน้ำ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก และปรับปรุงให้เหมาะสม และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๕ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักประสานกรมประชาสัมพันธ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำวีดิทัศน์สรุปผลงานสำคัญของรัฐบาลเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และสร้างความรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาลในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม. สัญจร) โดยให้มีความยาวประมาณ ๑๕ นาที และมีเนื้อหาที่ประกอบด้วยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและทิศทางการดำเนินการในอนาคตในแต่ละภาคของประเทศที่ครอบคลุมทั้ง ๖ ภาค สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและประเด็นการปฏิรูปประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อใช้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ ๒๑-๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ก่อน สำหรับวีดิทัศน์ส่วนที่เหลือให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จสอดคล้องกับกรอบเวลาในการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ที่จะกำหนดในครั้งต่อ ๆ ไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17002 | ข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศตามมาตรา 266 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร04 | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินการเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๖๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศแล้ว จำนวน ๒๒ เรื่อง ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประธานกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เสนอ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17003 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17004 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 | คค | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ซี่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้ว โดย สตง. มีความเห็นว่า งบการเงินของ รฟม. แสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17005 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2559 | กค | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ ๑๒ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยเป็นการรายงานภาพรวมธุรกิจประกันภัยเดือนมกราคม-ธันวาคม ๒๕๕๙ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น ๗๗๗,๑๗๑ ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนร้อยละ ๔.๗๖ และผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์หลัก ๔ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (๑) การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมประกันภัย (๒) การเสริมสร้างความรู้และการเข้าถึงการประกันภัย (๓) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขัน และ (๔) การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย รวมทั้งผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้รับคะแนนจากการประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการและแผนการดำเนินงานในปี ๒๕๕๙ จำนวน ๔.๓๒๕ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17006 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ) (ที่ 37/2560 และ ที่ 38/2560) | สลธ.คสช. | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๗/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานของสถาบันอุดมศึกษา สั่ง ณ วันที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๘/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สั่ง ณ วันที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17007 | รายงานความคืบหน้าและการประเมินผลสำเร็จในการกำจัดผักตบชวาในภาพรวม | มท | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าและการประเมินผลสำเร็จในการกำจัดผักตบชวาในภาพรวม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กลไกการแก้ไขปัญหาผักตบชวา ได้แต่งตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน (๑) คณะกรรมการอำนวยการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวา มีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานกรรมการ (๒) คณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผักตบชวา มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานคณะทำงาน และ (๓) คณะทำงานเพื่อปฏิบัติการแก้ไขปัญหาผักตบชวา ระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะทำงาน ๒. การวางแผนบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวา ประกอบด้วย ๒ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการปราบปราม (เก็บใหญ่) และ (๒) มาตรการป้องกันเพื่อความยั่งยืนในการกำจัดผักตบชวา (เก็บเล็ก) โดยมอบหมายให้กระทวงมหาดไทยบูรณาการแนวทางในการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาผักตบชวาเพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยกองบัญชาการกองทัพไทยให้การสนับสนุนเครื่องจักรและกำลังพล ๓. เทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาผักตบชวา แบ่งเป็น ๓ วิธี ได้แก่ การใช้แรงงานคนและเครื่องมือ (Mechanical Approach) การใช้เทคโนโลยีทางสารเคมี (Chemical control Approach) และการใช้เทคโนโลยีชีววิธี (Biological Approach)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17008 | ผลการจัดงาน ASEAN-India Expo and Forum 2017 และกิจกรรมคู่ขนาน | พณ | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการจัดงาน ASEAN-India Expo and Forum 2017 และกิจกรรมคู่ขนาน ระหว่างวันที่ ๒-๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดงาน ASEAN-India Expo and Forum 2017 นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ ภายในงานมีคูหา Country Pavilion ๑๑ ประเทศ และคูหาแสดงสินค้า ประกอบด้วย อินเดีย ๔๘ คูหา อาเซียน ๙๐ คูหา และไทย ๕๕ คูหา รวมทั้งมีการจัดสัมมนา (Forum) สำหรับการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐและภาคเอกชนจากอาเซียนและอินเดีย ภายใต้แนวคิด “Strategic Economic Partnership and Connectivity” ใน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การค้าและการลงทุน (๒) การท่องเที่ยวและความเชื่อมโยงของคน และ (๓) ความเชื่อมโยงระหว่างสองภูมิภาค ๒. การจัดกิจกรรมคู่ขนาน ได้แก่ (๑) การเจรจาธุรกิจระหว่างผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชนของไทยกับของอาเซียนและอินเดีย (๒) การสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างนักธุรกิจรุ่นใหม่ (๓) การเลี้ยงต้อนรับคณะรัฐมนตรีและเอกชนอาเซียนและอินเดีย (๔) การเยี่ยมชมเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ (๕) การจับคู่ธุรกิจยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางเพื่อเร่งรัดการส่งออก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17009 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการประกาศเกียรติคุณและการให้การสนับสนุนแก่หอพักเอกชน พ.ศ. .... | พม | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการประกาศเกียรติคุณและการให้การสนับสนุนแก่หอพักเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกาศเกียรติคุณและการให้การสนับสนุนแก่หอพักเอกชนตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายในระยะเวลา ๑ ปีตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากอนุบัญญัติมีหลายมาตราจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17010 | รายงานการหารือทวิภาคีระดับรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขผลกระทบจากพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 | รง | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการหารือทวิภาคีระดับรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขผลกระทบจากพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ มีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและฝึกอาชีพ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) การแจกเล่มหนังสือเดินทาง (Passport) และเอกสารการเดินทาง (Travel Document) ให้กับคนงานประมาณ ๑๖๐,๐๐๐ คน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มแจกในเดือนสิงหาคมนี้ (๒) การเร่งรัดพิสูจน์สัญชาติแรงงานประมงในไทย ณ ศูนย์เบ็ดเสร็จในจังหวัดระยองและสงขลา และ (๓) การออกมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้แรงงานกัมพูชาเข้ามาฝั่งไทยโดยผิดกฎหมาย ๒. การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจคนเข้าเมืองและประชากร สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการออกกฎหมายการทำงานคนต่างด้าวฉบับใหม่ ที่ทำให้แรงงานเมียนมาที่ไม่มีเอกสารเดินทางกลับประเทศจำนวนมาก เช่น จัดตั้งศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน ๑๐๐ ศูนย์ทั่วประเทศ และ (๒) การขอความร่วมมือฝ่ายเมียนมาในการออกหนังสือเดินทางหรือหนังสือรับรองตัวบุคคล (Certificate of Identity) ให้แก่ผู้ไม่มีเอกสาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17011 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2557 - 2561) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รอบ 6 เดือน (เมษายน - กันยายน 2559) และปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 รอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2559 - มีนาคม 2560) | ยธ | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รอบ ๖ เดือน (เมษายน-กันยายน ๒๕๕๙) และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รอบ ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๙-มีนาคม ๒๕๖๐) ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอาชีพและการตลาด ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และการพัฒนาสังคม ยุทธศาสตร์การพัฒนากระบวนการชุมชนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ และกำกับดูแลแผนแม่บท โดยมีกิจกรรมและงบประมาณจากการบูรณาการแผนปฏิบัติการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๘๑,๖๒๘,๓๑๐ บาท และ ๑๑๓,๘๕๑,๒๘๘ บาท ตามลำดับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17012 | ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... | นร09 | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐตามมาตรา ๖๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งต้องจัดทำให้แล้วเสร็จและเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันประกาศในรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๒๗๘ ดังนั้น เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยประกาศใช้เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐ จึงต้องเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17013 | รายงานผลการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ | กษ | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ กรมส่งเสริมสหกรณ์เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อจัดสรรเงินกู้ให้กลุ่มเกษตรกรไปดำเนินการในด้านส่งเสริมการผลิต ผลิตผลเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์อาหารและการพัฒนาธุรกิจในทุกด้าน โดยเงินดังกล่าวมีกำหนดชำระคืนภายใน ๕ ปี ซึ่งได้ครบกำหนดวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒. ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ส่งชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน ๔๘๖,๘๔๔,๔๘๒.๖๙ บาท คงเหลือหนี้ค้างชำระ จำนวน ๑๓,๑๕๕,๕๑๗.๓๑ บาท ๓. คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการขยายระยะเวลาการชำระหนี้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกรออกไปจนกว่าจะสิ้นสุดการบังคับคดี โดยให้ได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับ ๔. ณ วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ส่งชำระต้นเงินให้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน ๓,๙๗๘,๓๐๑.๕๓ บาท คงเหลือต้นเงินค้างชำระ จำนวน ๙,๑๗๗,๒๑๕.๗๘ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17014 | รายงานผลการดำเนินงานกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อย ในฤดูการผลิต ปี 2558/2559 | อก | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อย ในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ของคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการจ่ายเงิน สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายได้แจ้งให้ธนาคารกรุงไทยโอนเงินเข้าบัญชีชาวไร่อ้อยที่เป็นคู่สัญญาและมีสิทธิได้รับเงิน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ รวม ๑๓ งวด คิดเป็นปริมาณอ้อย ๙๔,๐๑๘,๓๕๖.๐๗๐ ตัน เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๕,๐๔๒,๙๓๖,๙๗๑.๑๕ บาท หรือร้อยละ ๙๙.๙๗ ของวงเงินที่จะต้องจ่ายทั้งหมด ๒. ชาวไร่อ้อยส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้รับเงิน คิดเป็นปริมาณอ้อย ๒๘,๖๘๕.๔๙๒ ตัน เป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๕๘๙,๖๗๘.๗๒ บาท หรือร้อยละ ๐.๐๓ ของวงเงินที่จะต้องจ่ายทั้งหมด จำแนกเป็น (๑) ชาวไร่อ้อยที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ เนื่องจากเป็นชาวไร่อ้อยที่ไม่จดทะเบียน จำนวน ๑๔๒ ราย ปริมาณอ้อย ๙,๕๒๕.๒๑๐ ตัน และ (๒) ชาวไร่อ้อยที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ แต่ยังสามารถขอรับเงินช่วยเหลือได้ ซึ่งเป็นชาวไร่อ้อยที่ไม่ประสงค์ขอรับเงิน จำนวน ๑๐๒ ราย ปริมาณอ้อย ๘,๐๐๙.๔๐๐ ตัน และชาวไร่อ้อยที่อยู่ระหว่างการติดตามเพื่อให้มาติดต่อขอรับเงิน จำนวน ๔๐๗ ราย ปริมาณอ้อย ๑๑,๑๕๐.๘๘๒ ตัน ทั้งนี้ กรณีชาวไร่อ้อยที่ไม่จดทะเบียน ให้สิ้นสุดการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17015 | รายงานการเข้าร่วมประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงด้านพลศึกษาและกีฬา ครั้งที่ 6 (6th International Conference on Ministers and Senior Officials Responsible for Physical Education and Sport) ณ เมืองคาซาน สหพันธรัฐรัสเซีย | กก | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเข้าร่วมประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงด้านพลศึกษาและกีฬา ครั้งที่ ๖ (6th International Conference on Ministers and Senior Officials Responsible for Physical Education and Sport) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ ๑๔-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ จัดโดยองค์การยูเนสโก ณ เมืองคาซาน สหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงด้านพลศึกษาและกีฬา มีประเด็นสำคัญใน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การพัฒนากีฬาเพื่อคนทั้งมวลให้เข้าถึงกีฬาอย่างเท่าเทียม โดยไม่มีการแบ่งแยก หรือกีดกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสตรี เยาวชน และคนพิการ (๒) การส่งเสริมให้กีฬามีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืนและนำไปสู่สันติภาพตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี ๒๐๓๐ ขององค์การสหประชาชาติ และ (๓) การปกป้องจรรยาบรรณทางการกีฬา ส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดี โปร่งใส มีคุณธรรมและจริยธรรม ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนต่อแผนปฏิบัติการคาซาน (Kazan Action Plan) ประเทศไทยจะนำแผนปฏิบัติการดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพลศึกษาและการกีฬาของประเทศไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรมใน ๕ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการสนับสนุนพลศึกษาและการกีฬาให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม (๒) การให้การช่วยเหลือองค์กรและสมาคมกีฬาให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมืออาชีพ (๓) การส่งเสริมกีฬาเพื่อคนทั้งมวล (๔) การผลักดันให้ E-Sport ได้รับการยอมรับเป็นชนิดกีฬา และ (๕) การช่วยเหลือประเทศเล็ก ๆ ให้สามารถก้าวตามข้อกำหนดต่าง ๆ ในการตรวจสารต้องห้ามทางการกีฬาได้ทัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17016 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานปราบปรามยาเสพติดฟิลิปปินส์ ว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและสารตั้งต้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมและเคมีภัณฑ์จำเป็น (Memorandum of Understanding between the Royal Thai Police and the Philippine Drug Enforcement Agency on Cooperation in Combating Illicit Trafficking in Narcotic Drugs, and Controlled Precursor and Essential Chemicals) | ตช | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานปราบปรามยาเสพติดฟิลิปปินส์ ว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติดและสารตั้งต้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมและเคมีภัณฑ์จำเป็น (Memorandum of Understanding between the Royal Thai Police and the Philippine Drug Enforcement Agency on Cooperation in Combating Illicit Trafficking in Narcotic Drugs, and Controlled Precursor and Essential Chemicals) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีกรอบพื้นฐานสำหรับความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบค้ายาเสพติดและสารตั้งต้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมและเคมีภัณฑ์จำเป็น โดยไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมาย ๑.๒ อนุมัติให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนการปฏิบัติการและแก้ไขปัญหายาเสพติด การจัดระบบเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ปฏิบัติงานให้เกิดความพร้อม รวมทั้งต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ของไทยเพื่อดำเนินการอย่างมีเอกภาพและประสานสอดคล้องกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17017 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุม Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship (STEER) ครั้งที่ 5 | พณ | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าสำหรับการหารือกับสิงคโปร์ ในด้านสินค้าเกษตรและอาหาร ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านการลงทุน ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า ด้านการท่องเที่ยว ด้านการบิน และด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุม Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship (STEER) ครั้งที่ ๕ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย รับรองผลการประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ซึ่งเป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีไทยสำหรับการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการประชุมฯ และการสนับสนุนภาคเอกชนสิงคโปร์เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของไทย และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยเฉพาะในสาขาที่สิงคโปร์มีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งการสนับสนุนภาคเอกชนสิงคโปร์เข้าร่วมลงทุนในแผนงานและโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ในลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) และการร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของ EEC ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17018 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะครบระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยให้ยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๗ (รวมภาษีท้องถิ่น) ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ จะจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๙ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๑๐ (รวมภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเริ่มดำเนินการปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มหลังจากร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เสนอมาในครั้งนี้สิ้นสุดลงในเดือนกันยายน ๒๕๖๑ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการขยายฐานการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความครอบคลุมสินค้าและผู้ประกอบการต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ สร้างความเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจ และลดการบิดเบือนกลไกราคาที่เกิดจากการไม่สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในภาคเศรษฐกิจที่อยู่นอกระบบภาษี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17019 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมสิทธิของลูกจ้าง โดยกำหนดให้นายจ้างเสียดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีกรณีนายจ้างผิดนัดการจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลากิจธุระอันจำเป็นโดยได้รับค่าจ้าง และกำหนดให้ลูกจ้างสามารถลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันและเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินการคุ้มครองลูกจ้าง และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างมาตรา ๑๕๕/๑ ที่กำหนดให้การดำเนินคดีนายจ้างกรณีไม่ยื่นหรือไม่แจ้งแบบแสดงสภาพการจ้างและการทำงานโดยไม่ต้องมีหนังสือแจ้งเตือนนั้นเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเดียวและในกรณีสถานประกอบกิจการขนาดเล็กหรือเพิ่งจัดตั้งใหม่อาจไม่ทราบข้อกฎหมายดังกล่าวได้ อาจทำให้เกิดโทษต่อนายจ้าง ประกอบกับปัจจุบันสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการทำหนังสือแจ้งเตือนดังกล่าวได้ อันจะเป็นการลดขั้นตอนและภาระค่าใช้จ่ายตามที่กระทรวงแรงงานเป็นผู้เสนอ รวมทั้งควรแก้ไขบทกำหนดโทษให้สอดคล้องและไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐ และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกาศใช้บังคับ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17020 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 15/08/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานอัยการสูงสุดมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการอัยการที่มีอายุครบ ๖๕ ปี นั้น ได้กำหนดเป็นหลักการที่ต้องกำหนดในการออกระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพข้าราชการอัยการในปีงบประมาณซึ่งจะมีอายุครบ ๖๕ ปี ก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสสำหรับการทดสอบสมรรถภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ และข้อสังเกตเกี่ยวกับการกระทำอันมีลักษณะหาเสียงในการเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ ได้กำหนดไว้ในการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้ว ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....