ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 678 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 13541 - 13560 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13541 | ขออนุมัติดำเนินโครงการประตูระบายน้ำบ้านก่อ พร้อมระบบส่งน้ำ จังหวัดสกลนคร | กษ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการประตูระบายน้ำบ้านก่อ พร้อมระบบส่งน้ำ จังหวัดสกลนคร มีกำหนดแผนงานโครงการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖) กรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๑,๒๔๙ ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำในลำน้ำยามบริเวณบ้านก่อไว้ช่วยเหลือการเพาะปลูกโดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง ให้แก่พื้นที่บางส่วนของอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เนื่องจากในฤดูแล้งราษฎรในพื้นที่โครงการไม่มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตรกรรมเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์ปลา และทำการประมง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการงานคันกั้นน้ำและอาคารประกอบพร้อมขุดลอกโครงการประตูระบายน้ำบ้านก่อ พร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลหนองสนม อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร จำนวน ๔๙ ล้านบาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนที่เหลือให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมในส่วนที่ยังขาดให้ครบองค์ประกอบของโครงการฯ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินการควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงโครงการเส้นทางน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ และควรพิจารณาดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินงานในแต่ละปีงบประมาณจนเสร็จสิ้นโครงการให้ชัดเจน พร้อมทั้งดำเนินการก่อสร้างโครงการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่ได้วางเอาไว้โดยรัดกุม และพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการออกแบบให้แล้วเสร็จก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณของทั้งโครงการฯ ตามขั้นตอน เพื่อมิให้เกิดความผิดพลาด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13542 | ขออนุมัติดำเนินโครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง - น้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร | กษ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร มีกำหนดแผนงานโครงการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖) กรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๒,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตอำเภอเมืองสกลนคร และอำเภอโคกศรีสุพรรณ โดยก่อสร้างคลองผันน้ำเพื่อตัดยอดน้ำจากลำน้ำพุงก่อนไหลลงสู่หนองหาร โดยผันน้ำลงสู่ลำน้ำก่ำ สามารถลดปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่หนองหารได้ประมาณ ๕๕ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และช่วยเหลือประชาชนเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย รายการคลองผันน้ำห้วยยาง-ลำน้ำก่ำ และอาคารประกอบ โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลเหล่าโพนค้อ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จำนวน ๗๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท รายการคลองผันน้ำร่องช้างเผือก-ห้วยยาง และอาคารประกอบ โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จำนวน ๓๖,๙๒๒,๗๐๐ บาท และรายการค่าควบคุมงานจ้างเหมาคลองผันน้ำร่องช้างเผือก-ห้วยยาง และอาคารประกอบ โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จำนวน ๖๔๖,๑๐๐ บาท รวม ๓ รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๑๓,๐๖๘,๘๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนที่เหลือให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมในส่วนที่ยังขาดให้ครบองค์ประกอบของโครงการฯ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินการควรคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพการไหลทั้งทิศทางและปริมาณน้ำที่อาจจะเกิดปัญหาน้ำล้นด้านท้ายน้ำบริเวณจุดบรรจบลำน้ำก่ำ ควรมีการวางแผนป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบลุ่มน้ำ รวมถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศและการตรวจสอบทรัพย์สินที่ดินที่เอกสารสิทธิบริเวณที่จะก่อสร้างโครงการทั้งหมด เห็นควรดำเนินการให้รอบคอบ รัดกุม รวมทั้งควรจัดทำแผนการดำเนินงานในแต่ละปีงบประมาณจนเสร็จสิ้นโครงการฯ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13543 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พ.ศ. 2563 - 2565 | พณ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ และกรมการค้าภายใน) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยต้องพิจารณาถึงความประหยัดและคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกิจกรรมที่จะดำเนินโครงการ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสม และหากกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นควรดำเนินโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก็เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้กับเกษตรกรและประชาชนในเรื่องการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) นำเสนอข้อมูลภาพรวมการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงที่ผ่านมา เพื่อรับทราบถึงโอกาสและอุปสรรคที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในลักษณะของการส่งเสริมและรณรงค์การเพิ่มการบริโภคข้าว โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่มีการแข่งขันรุนแรง (๒) ให้ความสำคัญต่อการกำหนดเป้าหมายที่สำคัญสำหรับการติดตามประเมินผลโครงการในอีก ๕ ปีข้างหน้า ในลักษณะของปริมาณและมูลค่าการค้าที่เกิดขึ้นจริง และ (๓) ต่อยอดโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทย โดยเชื่อมโยงกับการผลิตและบริโภคสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน GAP และมาตรฐานอินทรีย์ ตลอดส่งเสริมผู้ประกอบการโรงสีในการยกระดับการแปรรูปเข้าสู่มาตรฐาน GMP และมาตรฐานอินทรีย์ เพื่อรองรับผลผลิตข้าวที่สอดคล้องกับมาตรฐานอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13544 | การขอรับเงินอุดหนุนรายปี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และทุนประเดิมงวดที่สอง | กสศ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการใช้เงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ภายในกรอบวงเงิน ๕,๔๙๖,๑๒๙,๔๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๖ (๓) ของพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายวิธีการงบประมาณ โดยพิจารณาถึงความประหยัดและคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความเสี่ยง และความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงานตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมถึงการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านการศึกษา เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกิจกรรมที่จะดำเนินการตามแผนงานดังกล่าว ตลอดจนพิจารณาทบทวนงานด้านการศึกษาวิจัย โดยเน้นการต่อยอดกลุ่มเป้าหมายเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมจำเป็นตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป สำหรับทุนประเดิมส่วนที่ยังขาด จำนวน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๖ (๒) ของพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ นั้น ให้ กสศ. ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้ครบตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ กสศ. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการพิจารณามาตรการในการดำเนินงานเพิ่มเติม เพื่อให้การเสริมสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และควรให้ความสำคัญกับการประสานความร่วมมือกับกลไกระดับจังหวัดที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งบูรณาการการทำงานและเชื่อมโยงแผนการดำเนินงานของ กสศ. กับแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของหน่วยงานอื่นซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้ กสศ. ดำเนินการตามแผนการดำเนินงานและแผนการใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการเพื่อให้เกิดความเหมาะสมคุ้มค่าในการใช้งบประมาณและไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศในระยะยาวต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13545 | ความต้องการงบประมาณของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 - 31 มีนาคม 2562) | อื่นๆ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๕๑๒,๙๖๖,๒๐๐ บาท โดยให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13546 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยเพิ่มประเภทเงินนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเป็นอัตราร้อยละไม่เกิน ๐.๐๐๑ ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง และเงินเพิ่มเข้ากองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (กองทุนส่งเสริม SMEs) และเพิ่มประเภทการใช้จ่ายของเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบัญญัติให้ชัดเจนในถ้อยคำของมาตรา ๓๒ (๒/๑) ว่า เงินที่ได้รับตามมาตรานี้ จะนำไปใช้เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ SMEs มาตรา ๓๔ (๑/๑) เท่านั้น และควรแยกบัญชีของเงินนำส่งที่ได้รับจากสถาบันการเงินออกจากบัญชีเงินของกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามปกติ และเผยแพร่ต่อสาธารณชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราเงินนำส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากในอัตราใหม่ จากปัจจุบันอัตราร้อยละ ๐.๐๑ เป็นอัตราใหม่ร้อยละ ๐.๐๐๙ ต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ SMEs ที่จะได้รับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ ควรกำหนดให้สอดคล้องกับมาตรการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ รวมทั้งจะต้องมีกลไกหรือกระบวนการที่สามารถคัดเลือก SMEs ที่จะได้รับการให้ความช่วยเหลือให้เป็นกิจการที่มีศักยภาพและมีความเหมาะสมที่จะได้รับการฟื้นฟูกิจการอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมร่วมกันดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13547 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพสัตวบาล พ.ศ. ... | กษ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพสัตวบาล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพสัตวบาลขึ้น โดยมีสภาสัตวบาลเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจในการรับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพสัตวบาล เพื่อให้การควบคุมการประกอบวิชาชีพสัตวบาลเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรเพิ่มเติมนิยามคำว่า “สัตว์เลี้ยง” ให้หมายถึง สัตว์ป่าในสถานที่เลี้ยง เช่น สวนสัตว์ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงอุสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่อาจบูรณาการเรื่องมาตรฐานวิชาชีพร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และควรประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับรู้เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินี้ เพื่อช่วยให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13548 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓,๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13549 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ และการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน - สหภาพยุโรป ครั้งที่ 22 | กต | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงข่าวของประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ และร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรป ครั้งที่ ๒๒ : การยกระดับความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายออกแถลงข่าวฯ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ มกราคม ๒๕๖๒ ที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองถ้อยแถลงร่วมฯ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวฯ และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนเกี่ยวกับอาเซียน และการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี ๒๕๖๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13550 | ร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... | วท | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13551 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามมาตรา 12 (1) ประเภทนักท่องเที่ยวชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... | ตช | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยวชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายมาตรการในการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราของคนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่เกินสิบห้าวัน ในกรณียื่นขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival) ที่มีการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว จำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๐ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้ยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นการชั่วคราวต่อไปอีก โดยกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับต่อเนื่องจากที่ยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมไว้เดิมจนถึงหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ คือ วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขถ้อยคำให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมบุคลากรเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้บริการในการตรวจลงตราให้เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการประเมินความคุ้มค่าและผลกระทบในด้านต่าง ๆ ในการดำเนินการดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะต่อไปให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13552 | การรับมอบภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน | วธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนปฏิบัติงานตามภารกิจพิธีการศพทั่วประเทศ และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติภารกิจนี้ โดยให้พร้อมดำเนินการเต็มรูปแบบได้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นต้น เพื่อกำหนดเกี่ยวกับการจัดโครงสร้างรองรับการปฏิบัติงาน อัตรากำลัง วัสดุครุภัณฑ์ งบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยยึดหลักความประหยัด เหมาะสม คุ้มค่า เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ราชการ และให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13553 | แนวทางการจัดซื้อยา หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการจัดซื้อยา หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อผลิตภัณฑ์ยา หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย มูลค่ารวมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของแผนความต้องการจัดซื้อยาตามชื่อสามัญ (Generic name) หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยารายการที่ตรงกับบัญชีนวัตกรรมไทยทั้งหมดของหน่วยงานนั้น ๆ ดังนี้ ๑.๑.๑ จัดซื้อยาทั่วไป (ยาเคมี) ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยตามบัญชีรายการยาของหน่วยงานนั้น ๆ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของมูลค่ารวมของวงเงินงบประมาณค่าจัดซื้อยาทั่วไป (ยาเคมี) ตามชื่อสามัญที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย ณ ต้นปีงบประมาณ ๑.๑.๒ จัดซื้อยาชีววัตถุ ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยตามบัญชีรายการยาชีววัตถุของหน่วยงานนั้น ๆ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของมูลค่ารวมของเงินงบประมาณค่าจัดซื้อยาชีววัตถุตามชื่อสามัญที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย ณ ต้นปีงบประมาณ ๑.๒ วิธีการจัดซื้อในบัญชีนวัตกรรมไทย ๑.๒.๑ หากรายการยาตามชื่อสามัญ (Generic name) ที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาตามบัญชีนวัตกรรมไทยรายการใด มีผู้แทนจำหน่ายเอกชนเพียงรายเดียว และมีองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ได้ผลิตออกจำหน่ายด้วยแล้ว หน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงจากผู้แทนจำหน่ายเอกชน องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยรายใดก็ได้ ๑.๒.๒ หากรายการยาตามชื่อสามัญ (Generic name) ที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาตามบัญชีนวัตกรรมไทยรายการใด มีผู้แทนจำหน่ายเอกชนหลายราย และมีองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ได้ผลิตออกจำหน่ายด้วยแล้ว หากหน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อจากผู้แทนจำหน่ายเอกชน ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือก แต่หากจะจัดซื้อจากองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร หน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจงจากองค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย หรือโรงงานเภสัชกรรมทหาร ซึ่งได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยรายได้ก็ได้ อนึ่ง หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในข้อ ๑.๑.๑ และข้อ ๑.๑.๒ โดยเคร่งครัด หากในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่สามารถจัดซื้อยาทั่วไป (ยาเคมี) หรือยาชีววัตถุ ได้ตามสัดส่วนร้อยละที่กำหนดไว้ในข้อ ๑.๑.๑ และข้อ ๑.๑.๒ หน่วยงานของรัฐแต่ละแห่งจะต้องรายงานเหตุผลความจำเป็นไปยังหน่วยงานต้นสังกัดทุกรายไตรมาส เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดรายงานไปยังสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13554 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 เกี่ยวกับการกู้เงินสำหรับโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อ สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินโดยตรงทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งจัดทำรายงานผลการดำเนินการต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยเฉพาะในส่วนของการพิจารณาแนวทางการจัดตั้งองค์กรพิเศษที่เป็นอิสระจากการกำกับกิจการของ รฟท. พร้อมทั้งกำกับติดตามแผนการดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการโครงการฯ ได้ภายในปี ๒๕๖๔ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13555 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อยปาบึก ปี 2562 ของกระทรวงการคลัง | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก ปี ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) มาตรการหักลดหย่อนภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย (๒) มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค และ (๓) มาตรการทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ทั้ง ๗ แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศทไย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมจำนวน ๑๙ มาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ที่ราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก และกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถในพื้นที่ที่ราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13556 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายปัญญาพล ศรีแสงแก้ว) | นร05 | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปัญญาพล ศรีแสงแก้ว ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13557 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 10 ราย 1. นายอัมพร พินะสา ฯลฯ) | ศธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๐ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายอัมพร พินะสา ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒. นายธวัชชัย อุ่ยพานิช ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๓. นางสาวประดินันท์ สดีวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสาวชฎารัตน์ สิงหเดชากุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๑ (ปทุมธานี) สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายประหยัด อนุศิลป์ ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๖ (นครศรีธรรมราช) สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายสันติ แสงระวี ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๘ (ยะลา) สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายชอุ่ม กรไกร ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๙ (ชลบุรี) สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายธีรพงษ์ สารแสน ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๐ (อุดรธานี) สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๐ นายนิสิต ชายภักตร์ ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๕ (เชียงใหม่) สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13558 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (จำนวน 7 คน 1. นายชวลิต ชูขจร ฯลฯ) | กษ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา รวม ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ ๒. นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ กรรมการ ๓. นายฆนัท ครุธกูล กรรมการ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๔. นางรัชดาภรณ์ ราชเทวินทร์ กรรมการ (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๕. นายอุกฤษฏ์ มนูจันทรัถ กรรมการ ๖. นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๗. นางสาวชุติมา ศรีปราชญ์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13559 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (จำนวน 6 คน 1. นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ฯลฯ) | พณ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา รวม ๖ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งสามปี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ประธานกรรมการ ๒. นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นางพิลาสลักษณ์ ยุคเกษมวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางสีลาภรณ์ บัวสาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13560 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (นางสาวกัญญวิมว์ กีรติกร) | นร04 | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ นางสาวกัญญวิมว์ กีรติกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งหนึ่งปี ในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....