ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 676 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13501 - 13520 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13501 | มาตรการและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง มาตรการและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไปด้วย ดังนี้
๑. ข้อเสนอแนะเพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต เรื่อง “การบูรณาการป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ (โดยการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน)” โดยเห็นควรให้มีการประเมินผลโครงการออกเป็น ๓ ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นวางแผนก่อนดำเนินโครงการ ขั้นการดำเนินโครงการ และขั้นสรุปผลหลังการดำเนินโครงการ โดยประเมินผลกระทบและผลสำเร็จของงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายการป้องกันการทุจริตหรือไม่ กรณีนี้ได้มีพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ แล้ว โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวได้มีมาตรการกีดกันหรือปราบปรามการทุจริตของโครงการภาครัฐ เช่น มาตรา ๑๑ บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปี และประกาศเผยแพร่ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางและหน่วยงานของรัฐ และให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย ณ สถานที่ปิดประกาศของหน่วยงานของรัฐนั้น และมาตรา ๖๖ บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือกและเหตุผลสนับสนุน เป็นต้น ๒. มาตรการป้องกันการทุจริตจากการใช้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) โดยเห็นควรยกเว้นมิให้นำการจัดจ้างด้วยวิธีการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ มาใช้ในงานก่อสร้างทุกประเภท ไม่ว่างานก่อสร้างนั้นจะมีลักษณะของงานซับซ้อนหรือมีเทคนิคเฉพาะหรือไม่ก็ตาม โดยที่ระเบียบดังกล่าวได้ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว โดยกรมบัญชีกลางได้พัฒนาระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทุกขั้นตอนต้องดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐให้มีความทันสมัย ทัดเทียมมาตรฐานสากล เพิ่มความโปร่งใส ลดโอกาสในการสมยอมราคากันในการเสนอราคาของผู้ค้า และก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง ๓. ข้อเสนอแนะจากงานศึกษาวิจัย เรื่อง โครงการศึกษาประเด็นทางกฎหมายที่เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตที่มีผลกระทบในภาพรวม โดยเฉพาะของเอกชน เช่น ควรกำหนดมาตรการเสริมเพื่อป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง และควรมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยและรองรับต่อการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ เป็นต้น โดยกรมบัญชีกลางได้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวมาบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13502 | รัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย (นายอูก ซอร์พวน) | กต | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง นายอูก ซอร์พวน (Mr. Ouk Sorphorn) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายลง วิซาโล (Mr. Long Visalo) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13503 | การปรับโอนพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ จากระบบ HS 2012 เป็นระบบ HS 2017 ของบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้า เฉพาะรายสินค้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี อาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ | พณ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ จากระบบ HS 2012 เป็นระบบ HS 2017 ของบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSRs) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Area : AANZFTA) เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการให้กฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า ภายใต้ AANZFTA ในระบบ HS 2017 มีผลใช้บังคับภายในประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับโอนพิกัดควรยึดตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงเดิม โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมพิกัดจำเป็นต้องกำหนดให้มีกระบวนการในการเจรจากับคู่ภาคีใหม่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันก่อนการดำเนินการตามกระบวนการภายในประเทศตามพันธกรณีของความตกลงการค้าเสรีนั้น ๆ และควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13504 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้ส่วนราชการมีวงเงินทดรองราชการในการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่สามารถรอการเบิกเงินจากงบประมาณได้ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณที่เห็นควรขยายห้วงระยะเวลาการสนับสนุนเงินทดรองราชการให้สอดคล้องกับการดำเนินการช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ประสบภัยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเงินทดรองราชการดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13505 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร11 | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการแบ่งส่วนราชการดังกล่าวภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13506 | รายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ตามพระราชบัญญัติสัตว์ เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2558 | นร | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ และสถาบันพัฒนาการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ สรรหาและแต่งตั้งกรรมการจรรยาบรรณการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ จัดทำอนุบัญญัติต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฯ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชบัญญัติฯ รับคำขอรับใบอนุญาตใช้สัตว์และใบอนุญาตผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ รับแจ้งสถานที่ดำเนินการ และรับแจ้งการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติฯ ๒. ตั้งแต่พระราชบัญญัติเพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ มีการจดแจ้งสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์แล้ว จำนวน ๒๗๔ สถานที่ดำเนินการ จาก ๕๓ องค์กร มีผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ๗,๐๐๐ คน มีการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์หลากหลายชนิด โดยในช่วงปี ๒๕๖๐ มีการใช้สัตว์จำนวนกว่า ๕๐๐,๐๐๐ ตัว ซึ่งมาจากแหล่งผลิตสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ๓. ประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้การดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพของสัตว์ทดลอง การส่งเสริมการผลิตสัตว์ทดลองเพื่อทดแทนการนำเข้า การสนับสนุนให้มีหน่วยงานกลางเพื่อตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานพันธุกรรมและมาตรฐานสุขภาพ การพัฒนาสถานที่เลี้ยงและใช้สัตว์ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาคณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ของสถานที่ดำเนินการ และการสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงานกลางที่กำกับดูแลพระราชบัญญัติฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13507 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้แก่ การกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการดังกล่าว การจัดทำหลักเกณฑ์สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง และยกร่างกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๘ มาตรา ๕๕ และมาตรา ๕๖ เพื่อยกเว้นหรือบรรเทาภาระภาษีตามความจำเป็นและความเหมาะสม การกำหนดแผนงานในการจัดส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบออนไลน์ รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าว โดยให้กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดแนวทางการจัดส่งข้อมูลหรือแนวทางดำเนินการระหว่างหน่วยงาน และสำรวจข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อแจ้งกรมธนารักษ์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดโครงการประชาสัมพันธ์ข่าว การอบรม และการจัดทำสื่อวีดิทัศน์ และอื่น ๆ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13508 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. .... | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยมีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรมีการประสานงานและบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดเอกภาพและประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13509 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐในอนาคต รัฐบาลควรพิจารณาโครงสร้างและอัตราเงินเดือนทั้งระบบ โดยคำนึงถึงหลักการยึดโยงกันของทั้งสามองค์อำนาจอธิปไตยหลักของประเทศไปพร้อมกันนั้น สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐได้มีการเตรียมการเกี่ยวกับการปรับปรุงค่าตอบแทนผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร (ข้าราชการการเมือง) และฝ่ายนิติบัญญัติไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณายกเลิกระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว สำนักงานศาลยูติธรรม สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างดำเนินการยกเลิกระเบียบดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13510 | รายงานตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจำปี 2560 | พม | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) รายงานข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ปี ๒๕๖๐ ที่รวบรวมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๒) รายงานความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๖๐ และ (๓) บทวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว และข้อเสนอแนะเชิงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและต่อการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ในปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13511 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... | รง | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ กรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” “(PABUK)” ที่ทำให้เกิดวาตภัยและอุทกภัยอันเป็นเหตุสุดวิสัย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการอ้างอิงบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้ สมควรแก้ไขเป็น “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๔/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐..” เพื่อให้ถูกต้อง เนื่องจากมาตรา ๘๔/๒ ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับดังกล่าว ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13512 | รายงานประจำปี 2560 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๐ ของกองทุนการออมแห่งชาติ ประกอบด้วยผลการปฏิบัติงานของกองทุนการออมแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๐ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ สิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13513 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิทยา นันทิยกุล) | สธ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิทยา นันทิยกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13514 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เกี่ยวกับภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงาน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13515 | ร่างพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๐ ในส่วนที่เกี่ยวกับบทนิยาม วัตถุประสงค์และลักษณะโครงสร้างองค์กร คุณสมบัติและจำนวนกรรมการ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกำหนดเพิ่มเติมให้มีคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีความคล่องตัวและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับความจำเป็นในการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งบัญญัติให้รัฐพึงใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น และให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรเพิ่มเติมมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลของสมาชิกซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งกำหนดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมรองรับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป โดยพิจารณาปรับโครงสร้างองค์กรและขยายขอบเขตหน้าที่ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดให้เป็นองค์กรหลักในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดทำยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับความต้องการของภาคเอกชนทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและการพัฒนาไปสู่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทุกระดับ รวมทั้งเป็นกลไกร่วมกับภาครัฐในการติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13516 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล ที่จังหวัดลพบุรี | อก | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๗/๒๕๕๖ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล ที่จังหวัดลพบุรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบด้านคมนาคม ทั้งในเรื่องการปรับปรุงซ่อมแซมผิวจราจรหากชำรุด เสียหาย การปลูกต้นไม้เพิ่มเติม ๒ ข้างทางเพื่อลดฝุ่นละออง และการติดตั้งไฟสัญญาณจราจร อาจส่งผลกระทบในทางปฏิบัติโดยตรงกับทางหลวงหมายเลข ๒๐๕ จึงขอให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลาเขาตำบล หารือกับกรมทางหลวงในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้มีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมต่อไป รวมทั้งควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวกับการจัดทำแผนงานโครงการตรวจสุขภาพประชาชน กิจกรรมการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ สถานการณ์ป่าต้นน้ำและระบบนิเวศมีความเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดความผันผวนของสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ ในขณะที่การผลิตปูนซีเมนต์ได้ส่งผลกระทบกับป่าต้นน้ำโดยตรง ดังนั้น ในอนาคตควรพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวม เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ (SEA) ของเหมืองแร่และอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์อย่างเร่งด่วน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13517 | มาตรการส่งเสริมการขึ้นทะเบียนและเพิ่มมูลค่าการตลาดของการจำหน่ายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ไทย | พณ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานกลไกหลักในการบริหารจัดการแบบบูรณาการในระดับพื้นที่ทุกระดับ พิจารณามอบหมายจังหวัดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อสนับสนุนการผลักดันและขับเคลื่อนการส่งเสริมและคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ไทย ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าการตลาดของการจำหน่ายสินค้า GI ไทยอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ควรพิจารณาแนวคิดการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนควบคู่กับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน ซึ่งจะสนับสนุนการยกระดับสินค้า GI ของไทยในตลาดโลก และควรปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการระดับจังหวัดให้ครอบคลุมผู้แทนจากภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด เป็นต้น หรือพิจารณาใช้กลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด (คณะกรรมการ กรอ. จังหวัด) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน โดยอาจปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ กรอ. จังหวัด หรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการ กรอ. จังหวัด เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและขับเคลื่อนการส่งเสริมการพัฒนาสินค้า GI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ทุกจังหวัดควรมีการกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดและแนวทางการพัฒนาสินค้า GI ให้อยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์จังหวัด ตลอดจนขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13518 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ 1/2561 | นร11 | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีผลการพิจารณาและมติที่สำคัญ ได้แก่ (๑) คำสั่ง กพย. ที่ ๑/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (๒) คำสั่ง กพย. ที่ ๑/๒๕๖๑ เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (๓) รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ ๔ คณะ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐-กันยายน ๒๕๖๑ ได้แก่ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะอนุกรรมการส่งเสริมความเข้าใจและประเมินผลการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน และคณะอนุกรรมการการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (๔) การประชุม High-Level Political Forum (HLPF) on Sustainable Development 2018 and High-level Segment of ECOSOC ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ สำนักงานใหญ่ องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา (๕) การผลักดัน SEA มาใช้กับการวางแผนพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม (๖) รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการขับเคลื่อน SDGs ทุก ๆ ๖ เดือน ตั้งแต่กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๐ และมกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๑ (๗) แนวทางการขับเคลื่อน SDGs ในระดับพื้นที่ : การจัดกลุ่มจังหวัดเพื่อขับเคลื่อน SDGs (๘) แนวทางการเพิ่มอันดับความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อบรรลุ SDGs ของประเทศไทยในเวทีโลก (๙) การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และการปรับปรุงหน่วยงานรับผิดชอบหลักของเป้าหมายที่ ๖ การสร้างหลักประกันให้มีน้ำใช้และมีการบริหารจัดการน้ำและการสุขาภิบาลอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน และ (๑๐) เรื่องอื่น ๆ : การสร้างการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน SDGs ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13519 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี และ 1 บีอาร์ เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และ ๑ บีอาร์ เพื่อทำเหมืองแร่ ตามคำขอประทานบัตรที่ ๕/๒๕๕๗ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด การเฝ้าระวังด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง ระดับเสียง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำเหมือง การพิจารณาศึกษาทางเลือกประกอบการตัดสินใจที่เหมาะสมในภาพรวม เช่น การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ (SEA) เพื่อประเมินทางเลือกที่เหมาะสมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การวางแผนบริหารจัดการแร่ในภาพรวมทั้งเชิงพื้นที่และรายชนิดแร่ โดยจำแนกเขตพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำเหมืองได้ การประเมินคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละพื้นที่ การประเมินสถานการณ์และพิจารณาขีดจำกัด และความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพื่อการทำเหมืองในภาพรวมให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และกำหนดเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองบนพื้นฐานศักยภาพแร่และการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ อย่างเหมาะสมและยั่งยืน เป็นต้น นอกจากนี้ การขนส่งแร่อาจมีผลกระทบในระยะยาวต่อทางหลวงในบริเวณโดยรอบโครงการ เช่น ทางหลวงหมายเลข ๔๐๓ และทางหลวงหมายเลข ๔๒๓๘ รวมถึงบริเวณจุดเชื่อมต่อจากถนนท้องถิ่นเข้าสู่ทางหลวง อาจเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จึงควรให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชุติวรรณ หารือแนวทางลดผลกระทบดังกล่าวร่วมกับกรมทางหลวงต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13520 | รายงานการเฝ้าระวังเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Counterfeit and Piracy Watch List) ของคณะกรรมาธิการยุโรป | พณ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเฝ้าระวังเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (Counterfeit and Piracy Watch List) ของคณะกรรมาธิการยุโรป โดยเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมาธิการยุโรปได้เผยแพร่รายงานฯ เป็นครั้งแรก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศนอกสหภาพยุโรปให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการที่จำเป็นและเหมาะสมในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกช่องทาง นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้ของผู้บริโภคให้ทราบถึงความเสี่ยงของการบริโภคสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากแหล่งต่าง ๆ ที่ระบุในรายงานฯ โดยมิได้มีมาตรการลงโทษหรือเกี่ยวข้องกับการพิจารณาให้สิทธิพิเศษทางภาษี ทั้งนี้ รายงานฯ มีการระบุรายชื่อของตลาดขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่รวมถึงตลาดสินค้าและตลาดขายสินค้าออนไลน์ของไทย ซึ่งอาจมีผลต่อภาพลักษณ์ด้านการค้าและการลงทุนของประเทศและกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ๒. ให้หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในสถานที่จำหน่ายและเว็ปไซต์ที่มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งตัดช่องทางการลำเลียงสินค้าละเมิด ตลอดจนประสานองค์กรหรือหน่วยงานที่เป็นเจ้าของหรือกำกับดูแลพื้นที่และเว็บไซต์ที่ถูกระบุในรายงานฯ เพื่อร่วมดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น ควรใช้โอกาสนี้ในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในสถานที่จำหน่ายและเว็บไซต์ที่มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดที่ถูกระบุในรายงานฯ อย่างจริงจัง ควรให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังพื้นที่และเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งมีการจำหน่ายสินค้าละเมิดที่ไม่ถูกระบุไว้ในรายงานฯ ควบคู่กับการรณรงค์สร้างความตระหนักในทั้งผู้ซื้อและผู้ขายหลีกเลี่ยงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้วย ควรจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นนายทุนที่อยู่เบื้องต้นเพื่อตัดวงจรการประกอบอาชญากรรม และควรมีการพิจารณามาตรการป้องกันการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทางเทคนิค (Technical Solutions) สำหรับตลาดสินค้าออนไลน์เพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะเป็นการป้องกันการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต (Unauthorized use) โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....