ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1203 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24041 - 24060 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 24041 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2558 | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าและเข็มขัดหนัง สุราต่างประเทศ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท เลนส์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๘๙๖.๒๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๗๓ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๙๑.๗๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๑.๔๐ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
| 24042 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2558 | มท | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายใต้ชื่อการรณรงค์ว่า “สติ วินัย น้ำใจ ปลอดภัยสงกรานต์ สืบสานประเพณี” ดำเนินการระหว่างวันที่ ๙-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๓,๓๗๓ ครั้ง ผู้เสียชีวิต ๓๖๔ คน ผู้บาดเจ็บ ๓,๕๕๙ คน สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เมาสุราเป็นสาเหตุสูงสุด ร้อยละ ๓๙.๓๑ รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ ๒๔.๓๔ ประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุ รถมอเตอร์ไซค์ ร้อยละ ๘๑.๓๕ รองลงมา คือ รถปิคอัพ ร้อยละ ๙.๔๗ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ประกอบด้วย การดำเนินการด้านกฎหมายและมาตรการที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่อง การปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกวัฒนธรรมความปลอดภัย และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและกลไกการติดตามประเมินผล ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มมาตรการสนับสนุนอื่น ๆ เช่น การห้ามจำหน่ายสุรา การเพิ่มอัตราโทษแก่คนที่เมาแล้วขับ เป็นต้น และเห็นควรคงมาตรการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ที่กำหนดแนวทางปฏิบัติในการเล่นน้ำสงกรานต์เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยง จำนวน ๘ ข้อ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอไว้ในปีต่อไป รวมทั้งให้มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุทุกราย กรณีมีการเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และให้มีบทลงโทษปรับในอัตราโทษที่สูงสุด หรือถ้ามีโทษจำคุก ขอให้ไม่ต้องรอลงอาญา และให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานจากทุกภาคส่วนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 24043 | การปรับปรุงองค์ประกอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2546 (ฉบับที่ 2) (ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558) | กร | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการในคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยตัดองค์ประกอบของกรรมการ ลำดับที่ ๑๘ “เจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการที่ราชเลขาธิการมอบหมายจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ” ออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 24044 | รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 20 (การประชุมครั้งที่ 82/2558 ถึงครั้งที่ 88/2558) | นร | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๒๐ (การประชุมครั้งที่ ๘๒/๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๘๘/๒๕๕๘) โดยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้พิจารณาทบทวนและตรวจสอบความถูกต้องของร่างรัฐธรรมนูญบางมาตรา เตรียมความพร้อม และกำหนดกรรมาธิการผู้รับผิดชอบในการชี้แจงและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติได้อภิปราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 24045 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ - นาไคร้ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน)-มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์-นาไคร้ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 24046 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลบ้านด่าน ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลฟากห้วย ตำบลท่าข้าม ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลบ้านด่าน ตำบลบ้านใหม่หนองไทร ตำบลฟากห้วย ตำบลท่าข้าม ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเลี่ยงเมืองอรัญประเทศด้านใต้ แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 24047 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงแรงงาน) (นายสมเกียรติ บุญทอง) | รง | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนายสมเกียรติ บุญทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 24048 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และ นางสาววิไล ตันตินันท์ธนา) | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. นางสาววิไล ตันตินันท์ธนา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
| 24049 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อรองรับการจัดตั้งองค์กรผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนที่กำกับดูแลสมาชิก (Self-Regulatory Organization : SRO) และองค์กรผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน และแก้ไขพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต้องเป็นสมาชิกขององค์กรผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่กำกับดูแลสมาชิก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลผ่านระบบการซื้อขาย Alternative Trading System (ATS) ไว้ในร่างกฎหมายที่เสนอมาในครั้งนี้ให้ชัดเจน ตลอดจนกำหนดให้มีระบบการเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายผ่านระบบดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณา และให้ยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ในการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 24050 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... | กต | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่อาเซียน เลขาธิการอาเซียน รองเลขาธิการอาเซียน พนักงานของสำนักเลขาธิการอาเซียน ผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติภารกิจเพื่ออาเซียน ผู้แทนถาวรของรัฐสมาชิกอาเซียน เจ้าหน้าที่ที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของอาเซียน และเจ้าหน้าที่ของรัฐสมาชิก ตลอดจนความละเมิดมิได้ในสถานที่ ทรัพย์สิน สินทรัพย์ของอาเซียน การสื่อสารในทุกรูปแบบและบรรณสารของอาเซียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วให้ส่งความตกลงฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสาร เพื่อดำเนินการให้สัตยาบันความตกลงฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบความตกลงฯ และร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
| 24051 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... | นร09 | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของกรรมการกฤษฎีกา กรรมการพัฒนากฎหมาย และอนุกรรมการที่คณะกรรมการพัฒนากฎหมายแต่งตั้งให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 24052 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออก ไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทางเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดให้สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items) ทั้งทางการพาณิชย์และทางการทหาร โดยการนำไปใช้ออกแบบ พัฒนา ผลิต ใช้ ดัดแปลง จัดเก็บ ลำเลียง หรือกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาก่อนเริ่มใช้บังคับประกาศนี้เป็น “วัน” หรือระบุเป็น “วันที่” เพื่อความชัดเจนในการนับระยะเวลา และการพิจารณาควบคุมสินค้าที่ใช้ได้สองทางใน ๒ กรณี คือ สินค้าที่ใช้ได้สองทางตามรหัสสินค้าที่กำหนดไว้ในบัญชีที่ ๑ และสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายมีความเกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ควรแยกการควบคุมสินค้าให้ชัดเจน รวมทั้งการกำหนดให้สินค้าใดเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออก ควรต้องมีความชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้ส่งออกสามารถทราบได้เป็นการล่วงหน้าว่าสินค้าใดที่ตนมีหน้าที่ต้องขออนุญาต นอกจากนี้ การกำหนดให้ผู้ส่งออกต้องให้การรับรองไว้ต่อกรมการค้าต่างประเทศว่าสินค้าที่ส่งออกไม่เป็นสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าสินค้าที่ส่งออกดังกล่าวไม่เป็นสินค้าที่ใช้ได้สองทางตามที่กำหนดไว้ในบัญชี ๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรคำนึงถึงการกำหนดระเบียบวิธีการและขั้นตอนการขออนุญาตหรือการรับรองตนเองที่ไม่เป็นอุปสรรคหรือเป็นภาระมากเกินความจำเป็นแก่ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการถึงการดำเนินการตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 24053 | ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับอินเดีย ฉบับแก้ไข | กค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับอินเดีย ฉบับแก้ไข ที่กำหนดหลักการที่สำคัญเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น อันเนื่องจากอำนาจในการจัดเก็บภาษีระหว่างสองประเทศทำให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนบนฐานรายได้จำนวนเดียวกัน และเพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีระหว่างประเทศทั้งสอง ตลอดจนมีการจัดสรรรายได้ภาษีระหว่างสองประเทศด้วยการกำหนดสิทธิการเก็บภาษีสำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขโดยที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ให้กระทรวงการคลังสามารถทำการแก้ไขได้ทันที ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการตามแบบพิธีทางการทูตและกฎหมายภายใน เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในภายหลังจากที่ได้มีการบังคับใช้ความตกลงฯ แล้ว และต่อไปในอนาคตข้างหน้าหากมีความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ อีก ควรมีการพิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นการขนส่งทางบกระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 24054 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในประเทศไทย จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ ๑.๑ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop on Safety and Security during Transport of Radioactive Material (ความปลอดภัยและความมั่นคงของการขนส่งวัสดุกัมมันตรังสี) ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop on Integrated Nuclear Security Support Plans (INSSPs) for Member States in South-East Asia (การจัดทำแผนพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๓ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop to Identify National Approaches to Integrate Safety Culture Concepts Into the Regulatory Framework (กรอบความร่วมมือในการกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และสำนึกด้านวัฒนธรรมความปลอดภัยของประเทศ) ระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ๒. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้งทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 24055 | ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล (พ.ศ. 2559 - 2563) | อก | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) และแผนปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าและบริการฮาลาลที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียนและของโลกเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในสินค้าฮาลาลของไทย และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาภาคบริการฮาลาลให้ขยายตัวมากขึ้น ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนามาตรฐานและการตรวจรับรองฮาลาล ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเสริมสร้างศักยภาพการผลิตสินค้าและบริการฮาลาล ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาศักยภาพการตลาดฮาลาลสู่สากล และยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาการวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์ฮาลาลเพื่อสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมฮาลาล ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) และแผนปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ ๑.๓ เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติงานการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓) ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับรายละเอียดของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จำนวน ๔๐๓,๘๑๒,๒๐๐ บาท ส่วนงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะเจ้าภาพบูรณาการแผนงานและงบประมาณประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำแผนการดำเนินงานในแต่ละระยะของยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน พร้อมทั้งมีการวิเคราะห์ด้านการตลาดทั้งอุปสงค์และอุปทานให้ครบถ้วน โดยในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาศักยภาพการตลาดฮาลาลสู่สากล ให้คำนึงถึงการพัฒนาสินค้าฮาลาลให้ได้รับมาตรฐาน Thailand Diamond Halal ของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทยด้วย ๔. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของคณะทำงานของทั้ง ๔ ยุทธศาสตร์ให้สามารถสนับสนุนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมของแต่ละยุทธศาสตร์ได้รับการสนับสนุนอย่างครบวงจรเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ดังกล่าว และควรมีการเผยแพร่ข้อมูลและแนวทางปฏิบัติให้ผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม โดยบรรจุอยู่ในนโยบายการวิจัยแห่งชาติ รวมทั้งมีการเผยแพร่เกี่ยวกับการฝึกอบรมการดำเนินการเกี่ยวกับฮาลาลให้มากขึ้น และควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 24056 | แนวทางการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ | คค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟ ระยะเวลาดำเนินการปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ประกอบด้วย การติดตั้งป้ายหยุด ป้ายรูปรถไฟ พร้อมจัดทำสัญญาณเตือนไฟกระพริบตลอดเวลา เนินชะลอความเร็ว และป้ายเตือนบริเวณจุดตัดทางรถไฟที่ไม่ได้รับอนุญาต (ทางลักผ่าน) จำนวน ๕๘๔ แห่ง และจัดทำเครื่องกั้นที่จุดตัดทางรถไฟที่ได้รับอนุญาต จำนวน ๗๗๕ แห่ง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และโครงการก่อสร้างทางข้ามและทางลอดของทางรถไฟ จำนวน ๑๐๗ แห่ง ของกรมทางหลวงชนบทและกรมทางหลวง ๑.๒ มอบหมายกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานท้องถิ่นกำกับดูแลพื้นที่ทั่วประเทศไม่ให้เกิดจุดตัดทางรถไฟ (ทางลักผ่าน) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากจำเป็นขอให้หน่วยงานท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยที่การรถไฟแห่งประเทศไทยกำหนด ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่ (ถนน) เร่งดำเนินการติดตั้งป้ายจราจรพร้อมสัญญาณไฟบริเวณจุดตัดทางรถไฟ โดยใช้มาตรฐานตามคู่มือการติดตั้งป้ายจราจรของกรมทางหลวงชนบท และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการติดตั้งหรือกำหนดมาตรฐานการให้สัญญาณเสียงและสัญญาณแสงที่หัวรถจักรของขบวนรถไฟเพื่อให้สัญญาณเดือนก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟกับถนนทุกแห่ง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่ผู้ขับรถไฟและผู้ใช้ถนนขับรถด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้นเมื่อใกล้ถึงจุดตัดกับทางรถไฟ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตามแผนงาน/โครงการในการแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟโดยด่วน โดยเฉพาะบริเวณจุดตัดรถไฟที่มีปัญหาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเป็นลำดับแรกก่อน |
||||||||||||||||||||||||
| 24057 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอด พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 ของกรมทางหลวง | คค | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอด พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ ๒ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๙๐๐ ล้านบาท และอนุมัติเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่สาธารณรัฐสหภาพเมียนมา จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไว้แล้ว จำนวน ๑,๐๒๐ ล้านบาท หากไม่เพียงพอจากการปฏิบัติงานจริง ให้กรมทางหลวงปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาสมทบ ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๒,๓๘๐ ล้านบาท ให้กรมทางหลวงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไปเพื่อให้ครบวงเงินค่าก่อสร้าง ทั้งนี้ ให้กรมทางหลวงจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการให้กรมศุลกากรมีส่วนร่วมในการออกแบบและกำหนดพื้นที่ใช้สอยสำหรับการจัดสร้างอาคารด่าน Border Control Facilities ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของกรมศุลกากร การให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่สาธารณรัฐสหภาพเมียนมาควรพิจารณาควบคู่กับข้อตกลงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว และความพร้อมของสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาในการดำเนินโครงการทั้งในช่วงระหว่างก่อสร้างและภายหลังเปิดให้บริการ รวมทั้งการพิจารณาวงเงินในการช่วยเหลือควรเป็นไปตามเนื้องานที่เหมาะสมและดำเนินการในลักษณะประหยัด ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กรมทางหลวงไปหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการตรวจสอบการเข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อนดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคมนำเรื่องเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่สาธารณรัฐสหภาพเมียนมา จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการในครั้งนี้เป็นข้อมูลในการเจรจาการขอใช้ประโยชน์จากแม่น้ำสาละวิน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 24058 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี | กษ | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้กรมชลประทานสามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดประกอบการดำเนินงานก่อสร้างประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงินเดิม ๔๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินตามสัญญาที่จะแก้ไขใหม่ ๔๗๑,๕๐๘,๙๕๓.๐๔ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ ๒. สำหรับค่างานที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาดังกล่าว เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้กรมชลประทานขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่างานดังกล่าวต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 24059 | รายงานการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมส่วนประกอบ 1 แห่ง | ยธ | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พร้อมส่วนประกอบ จำนวน ๑ แห่ง ในวงเงิน ๗๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้กรมราชทัณฑ์เร่งรัดดำเนินการผูกพันงบประมาณและให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 24060 | การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2557/2558 | อก | 02/06/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยในอัตราตันละ ๑๖๐ บาท ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อให้ชาวไร่อ้อยได้รับค่าอ้อยในระดับที่ใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิตและมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการปลูกอ้อยในฤดูการผลิตถัดไป รวมทั้งสามารถลดภาระหนี้สินและสร้างความมั่นคงในอาชีพให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยโดยรวมต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงิน (Straight loan) จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธนาคารพาณิชย์อื่น ตามนัยมาตรา ๒๗ (๖) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนเพื่อนำมาช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ในอัตราตันอ้อยละ ๑๖๐ บาท โดยให้จ่ายตรงให้กับชาวไร่อ้อยในทุกตันอ้อยที่ส่งเข้าหีบในโรงงานน้ำตาลทราย ในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ จากประมาณการผลผลิตอ้อยเบื้องต้น ๑๐๒.๒๐ ล้านตัน จำเป็นต้องใช้วงเงินช่วยเหลือทั้งสิ้นประมาณ ๑๖,๓๕๒ ล้านบาท หรือจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายตามปริมาณอ้อยเข้าหีบจริง ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ตามแผนชำระหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ใช้ระยะเวลาประมาณ ๑๘ เดือน โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแล การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ มีการบันทึกบัญชีให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นลูกหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และให้มีข้อมูลลูกหนี้แยกเป็นรายให้ชัดเจน อีกทั้งจัดระบบควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย ๑.๓ เห็นชอบให้คงการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศกิโลกรัมละ ๕ บาท เพื่อนำไปเป็นรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย สำหรับนำไปชำระหนี้เฉพาะเงินกู้ที่นำมาช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ จนกว่าจะใช้หนี้หมดเท่านั้น ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรกำกับดูแลและตรวจสอบการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด และเร่งทบทวนโครงสร้างการคำนวณต้นทุนการผลิตอ้อยให้มีความเหมาะสม สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมทั้งเร่งรัดการหาข้อยุติเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ ตลอดจนพิจารณาแนวทางการหารายได้อื่นนอกเหนือจากการจัดเก็บรายได้จากการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายเพื่อบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้การชำระหนี้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยแล้วเสร็จโดยเร็ว และจัดทำแนวทางเตรียมความพร้อมในการรองรับปริมาณอ้อยที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมเป็นการปลูกอ้อยโรงงาน โดยเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพความหวานให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เห็นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อยเพื่อให้มีการจัดการพื้นที่ปลูกในระบบรวมแปลงใหญ่เพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดจากการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า และเร่งรัดให้มีการนำผลการวิจัยและพัฒนาพื้นที่ประโยชน์เชิงพาณิชย์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำผลการศึกษาวิจัยแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ตามโครงการวิจัย “การศึกษาเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย” มาพิจารณาประกอบการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการลดต้นทุนการผลิต การปรับปรุงพันธุ์อ้อย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
.....
