ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1210 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24181 - 24200 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24181 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | สผ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง รายงานผลการพิจารณาศึกษากฎหมายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สรุปได้ว่า ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ทั้ง ๑๐ ฉบับที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการและผ่านความเห็นชอบ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา นั้น ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อการรอนสิทธิหรือคุกคามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนในการสื่อสารและรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งโครงสร้าง สถานะและบทบาทอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลื่นความถี่อันเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะและความเป็นอิสระขององค์กรที่ทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาเพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดบทบัญญัติของร่างกฎหมายทั้ง ๑๐ ฉบับ เพื่อใช้เป็นข้อมูลและแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการในการปฏิรูปด้านการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งเพื่อกำหนดมาตรการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารและรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนไม่ให้ถูกริดรอนหรือถูกละเมิด ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ๒. มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24182 | การเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ | รง | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการเดินทางไปศึกษาดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ของกระทรวงแรงงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเดินทางไปร่วมสัมมนา Combating pirate and Modern-Day Slavery In Thailand ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ระหว่างวันที่ ๒-๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ของนายอารักษ์ พรหมณี รองปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการของประเทศไทยต่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมง ๒. การเดินทางไปราชการ ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๔-๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ของพลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ เพื่อร่วมหารือกับเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ และหน่วยงานของรัฐบาลสิงคโปร์ ตรวจเยี่ยมสำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์ และเยี่ยมแรงงานไทยที่ทำงานในประเทศสิงคโปร์ ๓. การประชุมคณะประศาสน์การ สมัยที่ ๓๒๓ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ของนายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ เพื่อเสริมสร้างวิสัยทัศน์ในการบริหารและกำหนดยุทธศาสตร์ด้านแรงงานในเวทีระดับโลก และแสดงข้อเสนอแนะเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของไทยในเวทีโลก ๔. การเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ของพลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ เพื่อพบปะหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น เยี่ยมชมการดำเนินกิจการของบริษัทญี่ปุ่นที่ทันสมัย และเยี่ยมเยียน สอบถามปัญหาต่าง ๆ ของผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคของไทย
|
|||||||||||||||||||||
24183 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ จังหวัดเชียงใหม่ [นายชิงยะ อาโอกิ (Mr. Shinya Aoki)] | กต | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชิงยะ อาโอกิ (Mr. Shinya Aoki) ให้ดำรงตำแหน่งกลสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน และอุตรดิตถ์ สืบแทนนายอะกิฮิโกะ ฟุจิอิ (Mr. Akihiko Fujii) ซึ่งครบวาระประจำการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24184 | รัฐบาลสาธารณรัฐแกมเบียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางฟาตู มัส โจบ (Mrs. Fatou Mas Jobe)] | กต | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางฟาตู มัส โจบ (Mrs. Fatou Mas Jobe) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแกมเบียประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24185 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์ และสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24186 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (บทบัญญัติว่าด้วยการจำนองอากาศยาน) | คค | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (บทบัญญัติว่าด้วยการจำนองอากาศยาน) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
24187 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา รวมทั้งสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์ และกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยีและสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24188 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาการแพทย์แผนไทย เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับย้อนหลังเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด โดยกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใด เมื่ออนุมัติหลักสูตรสาขาวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
|
|||||||||||||||||||||
24189 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง สาขาอาชีพ ตำแหน่งงาน หรือลักษณะงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ หรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ | รง | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง สาขาอาชีพ ตำแหน่งงาน หรือลักษณะงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ หรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ ในสาขาช่างไฟฟ้าตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติเป็นสาขาอาชีพ ตำแหน่งงาน หรือลักษณะงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ หรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24190 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง พ.ศ. .... | กษ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบระบายน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง จังหวัดตรัง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
24191 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. กรณีการกำหนดกรอบการปฏิบัติเพื่อให้มีแนวทางในการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันตามร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา ๑๐ แก้ไขลักษณะ ๒ การควบคุมเมื่อกฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลใช้บังคับแล้ว จะได้ดำเนินการออกหนังสือคำชี้แจง อธิบาย ซักซ้อมความเข้าใจเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจและปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันได้อย่างถูกต้องต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ๒. กรณีการควบคุมผู้ต้องขังหญิงโดยเฉพาะหญิงที่มีครรภ์ และผู้ต้องขังที่ต้องเลี้ยงดูบุตรนั้น เรือนจำทหารได้สร้างหรือดัดแปลงที่ควบคุมให้มีความเหมาะสมแยกออกเป็นสัดส่วนภายใต้ข้อจำกัดของอาคารเรือนขังของแต่ละเรือนจำแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
24192 | รายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | วธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๓๑ มีนาคม-๖ เมษายน ๒๕๕๘ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. การลงนามในแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยแผนปฏิบัติดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับกิจกรรมการแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกันทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและร่วมสมัยทั้งในด้านการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี ทัศนศิลป์ หอสมุด จดหมายเหตุ สถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ โบราณคดี วรรณกรรม พุทธศาสนา รวมทั้งขยายความร่วมมือในด้านใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น โบราณคดีใต้น้ำ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ เป็นต้น ๒. การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและชื่นชมความยินดีในความสัมพันธ์ฉันมิตรของทั้งสองประเทศ ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี และความใกล้ชิดในทุกระดับ รวมทั้งได้หารือแนวทางการการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมไทย-จีนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้หารือกับรองผู้ว่าการมณฑลไหหลำเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมไทย-จีน ๓. การรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดขึ้น ณ โรงละครพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ ๕-๖ เมษายน ๒๕๕๘ ๔. การศึกษาดูงานสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม อาทิ โรงถ่ายทำภาพยนตร์ Feng Xiaogang มณฑลไหหลำ หอสมุดมณฑลไหหลำ และพิพิธภัณฑ์มณฑลไหหลำ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
24193 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับเพศ) | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับเพศ) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกระทำชำเรา การคุกคามทางเพศ สิ่งอันลามก และอัตราโทษปรับในลักษณะ ๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานศาลยุติธรรม อาทิ ความซ้ำซ้อนของกฎหมาย กรณีการกำหนดความผิดฐานคุกคามทางเพศตามร่างมาตรา ๒๘๕/๓ มีความซ้ำซ้อนกับมาตรา ๓๙๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้บัญญัติครอบคลุมความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศอยู่แล้ว รวมทั้งยังมีร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก) เป็นร่างพระราชบัญญัติที่มีหลักการในการแก้ไขความผิดเกี่ยวกับการค้าหรือทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกตามมาตรา ๒๘๗ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติอยู่ด้วย จึงต้องพิจารณาความซ้ำซ้อนและความสอดคล้องกันของการแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับสิ่งอันลามกตามร่างพระราชบัญญัตินี้กับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาการขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งระบบ โดยพิจารณาประเภทความผิดและระยะเวลาการรับโทษที่เหมาะสมในการขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อป้องกันมิให้ผู้กระทำผิดมีโอกาสก่ออาชญากรรมขึ้นอีกในสังคม |
|||||||||||||||||||||
24194 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... | ทส | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณากรณีที่ร่างพระราชบัญญัติฯ ไม่ใช้บังคับกับการจัดการต่าง ๆ เช่น สิ่งปฏิกูล วัสดุ มูลฝอยติดเชื้อ ของเสียจากสารกัมมันตรังสี ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายหลายฉบับ จึงอาจทำให้พระราชบัญญัติฉบับนี้บังคับใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เกี่ยวกับการกำหนดสถานที่ตั้งของศูนย์รับคืนซากผลิตภัณฑ์และโรงงานที่ให้บริการจัดการซากผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมและปลอดภัยแก่ประชาชน การกำหนดให้อาคารของศูนย์รับคืนซากฯ และโรงงาน มีระบบป้องกันการปล่อยสารที่เป็นอันตรายกับประชาชนและสภาพแวดล้อม การกำหนดกรอบการนำเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บให้กรมสรรพสามิตหรือกรมศุลกากรไปใช้เฉพาะการดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเท่านั้น และหากมีเงินเหลือจ่ายให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน การกำหนดนิยามความหมายของคำสำคัญเพิ่มเติม เช่น อัตราค่าธรรมเนียม ผลิตภัณฑ์ แผนความรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ และศูนย์ข้อมูลซากผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อผู้นำไปปฏิบัติ รวมทั้งเพิ่มเติมผู้แทนจากกรมสรรพสามิตและผู้แทนจากกรมศุลกากรเป็นกรรมการในคณะกรรมการจัดการซากผลิตภัณฑ์ และเพิ่มเติมบทบาทของกลุ่มผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนความรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือจำหน่าย จากเดิมที่กำหนดเฉพาะกลุ่มผู้ผลิต ให้ครอบคลุมรวมถึงกลุ่มผู้จัดจำหน่าย เช่น ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ตลอดจนปรับปรุงเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์และการจัดการเงินรายได้ของกองทุนสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลซากผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง ข้อสังเกตของ ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไว้ในกฎหมาย) แล้วแจ้งผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
24195 | ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิต พ.ศ. .... และร่างประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิต รวม 2 ฉบับ | กค | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิต พ.ศ. .... และร่างประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิต รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการให้มีกฎหมายที่รวบรวมบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต กฎหมายว่าด้วยไพ่ กฎหมายว่าด้วยสุรา กฎหมายว่าด้วยยาสูบ กฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสรรพสามิต และกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสุรา ไว้ในประมวลกฎหมายฉบับเดียวกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานศาลยุติธรรม เกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายที่รัฐใช้ในการควบคุมการบริโภคและจำกัดการเข้าถึงสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บทนิยามของสินค้าในบางผลิตภัณฑ์ควรพิจารณาปรับเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น กรณีของผลิตภัณฑ์ยาสูบควรครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อื่นที่มีสารเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ มอระกู่หรือบารากุ กรณีสินค้ารถยนต์ควรพิจารณากำหนดให้ร่างพระราชบัญญัติฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป การแก้ไขข้อความของบทนิยามคำว่า “ราคาขายปลีก” โดยตัดคำว่า “ตรง” ออกจากคำว่า “ขายตรง” เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเป็นการสื่อความหมายที่ชัดเจนของคำนิยาม กรณีสินค้าที่มีโครงสร้างพิกัดอัตราภาษีซ้ำซ้อนควรพิจารณากำหนดให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกที่สามารถชำระภาษีในอัตราเต็มได้ทันที โดยสามารถได้รับคืนภาษีที่ชำระไว้เกินได้ในภายหลัง และการพิจารณาปรับปรุงปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการบังคับใช้กฎหมายให้พร้อมรองรับเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ เช่น การสร้างความเข้าใจในประมวลกฎหมายที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน การมีระบบควบคุม ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ และร่างประมวลกฎหมายฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
24196 | การลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินอุตสาหกรรมระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาไทยและสำนักงานสิทธิบัตรญี่ปุ่น | พณ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินอุตสาหกรรม ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาไทยและสำนักงานสิทธิบัตรญี่ปุ่น (The Japan Patent Office : JPO) ในโอกาสที่อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาไทยมีกำหนดเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมหัวหน้าสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โดยร่างบันทึกความร่วมมือฉบับนี้เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพย์สินอุตสาหกรรม ซึ่งครอบคลุมเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร การออกแบบอุตสาหกรรม และแบบอรรถประโยชน์/อนุสิทธิบัตร ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาไทยและ JPO ซึ่งประกอบด้วยความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินอุตสาหกรรม การเยือนศึกษาของเจ้าหน้าที่ระหว่างสองสำนักงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการเข้าถึงฐานข้อมูลทรัพย์สินอุตสาหกรรมระหว่างทั้งสองสำนักงาน การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศพื้นฐาน และการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการตรวจสอบและรับจดทะเบียนทรัพย์สินอุตสาหกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ การลงนามบันทึกความร่วมมือฯ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่จะดำเนินการได้ จึงเป็นการทำความตกลงระหว่างหน่วยงานของรัฐ และไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรปรับแก้ไขในประเด็นถ้อยคำบางประการของบันทึกความร่วมมือฯ และเห็นควรเพิ่มเติมข้อกำหนดและเงื่อนไขในการอนุญาตให้สำนักงานหนึ่งสามารถเข้าดูข้อมูลผ่านระบบสำนักงานอัตโนมัติและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้เพื่อความมั่นคงปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน รวมทั้งดำเนินการติดตามและประเมินผลความร่วมมือฯ โดยรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ เพื่อนำไปสู่การพิจารณาขยายขอบเขตความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาในมิติอื่นกับประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านทรัพย์สินอุตสาหกรรมกับประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
24197 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 21 | พณ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (Draft Ministerial Statements) เป็นเอกสารแนวทางความร่วมมือในการดำเนินการโครงการและกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกเอเปค รวมทั้งการจัดทำแผนปฏิบัติ (Implementation Plan) ของสมาชิกในการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมเอเปค ๕๔ รายการ ให้เหลือไม่เกินร้อยละ ๕ ภายในปี ๒๐๑๕ ตามแถลงการณ์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเมื่อปี ๒๐๑๒ และ (๒) ร่างแถลงการณ์เรื่องการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี (Draft Statement on Supporting the Multilateral Trading System) มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) อาทิ การเห็นชอบพิธีสารเพื่อผนวกความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Agreement on Trade Facilitation : TFA) เข้าเป็นอีกความตกลงหนึ่งของ WTO การจัดทำแผนการเจรจาหลังบาหลี (pot-Bali work program) ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑.๒ เห็นชอบการดำเนินการตามแผนปฏิบัติของไทยในการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค ทั้งนี้ ตามแผนปฏิบัติดังกล่าวมีสินค้าจำนวน ๕ รายการที่ไม่สามารถลดภาษีลงเป็นร้อยละ ๐-๕ ได้ และยังมีสินค้าอีก ๘ รายการที่ยังมีอัตราภาษีมากกว่าร้อยละ ๕ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาการลดภาษีของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๓ อนุมัติให้ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ทั้ง ๒ ฉบับ ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำประเด็นเรื่อง Global Data Standards (GDS) บรรจุไว้ภายใต้หัวข้อเรื่อง Supply Chain Connectivity ส่วนการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมซึ่งเอเปคกำหนดให้จัดทำแผนปฏิบัติ (Implementation Plan) ของสมาชิกในการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อม ๕๔ รายการให้เหลือไม่เกินร้อยละ ๕ ภายในปี ๒๐๑๕ นั้น ควรมีแผนปฏิบัติลดภาษีโดยคำนึงถึงรูปแบบการลดภาษีที่เหมาะสมกับการดำเนินการภายในประเทศและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยควรเร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล พร้อมทั้งยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้าของภาครัฐ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
24198 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ 20 - 24 เมษายน 2558) | สผ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ จำนวน ๒๔ คณะ และคณะอนุกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วันที่ ๒๐-๒๔ เมษายน ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
24199 | ร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ฉบับที่ 2 เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ 2 รวมทั้งขออนุมัติให้มีการแก้ไขในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ หากมีความจำเป็นในภายหน้า | ยธ | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ฉบับที่ ๒ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศไทยร่วมกับประเทศภาคีบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนและช่วยเหลือตนเองในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาค โดยร่วมกันออกเงินสมทบเพื่อการดำเนินโครงการที่อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการ เพื่อให้ประเทศผู้บริจาคเห็นถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ของประเทศภาคีสมาชิกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีการปรับข้อความให้ครอบคลุมกิจกรรมและแผนงาน ภายใต้แผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติดมากขึ้น ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่ายฯ ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๓. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแก้ไขปรับปรุงเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย หากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง โดยให้เป็นดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะพิจารณาดำเนินการภายในกรอบของร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมฯ ฉบับที่ ๒ |
|||||||||||||||||||||
24200 | แจ้งมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีถอดถอนหรือไม่ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง | สว | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แจ้งมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ถอดถอนนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เนื่องจากกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
.....