ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1205 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 24081 - 24100 จากข้อมูลทั้งหมด 124347 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 24081 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) (นายอนุสันต์ เทียนทอง) | พม | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอนุสันต์ เทียนทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 24082 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นางทรงพร โกมลสุรเดช) | ทก | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางทรงพร โกมลสุรเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งอื่น ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 24083 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์) (นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์) | พณ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันที่ อ.ก.พ. กระทรวงพาณิชย์ ได้มีมติอนุมัติกำหนดตำแหน่งดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 24084 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน (จำนวน 5 คน 1. ศาสตราจารย์ศุภมาศ พนิชศักดิ์พัฒนา ฯลฯ) | กษ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ศุภมาศ พนิชศักดิ์พัฒนา ๒. นายสิทธิพงษ์ ดิลกวณิช ๓. นายโสภณ ชมชาญ ๔. นายวุฒิชาติ สิริช่วยชู ๕. นางสาวณัฐภัทร ถวัลยโพธิ
|
|||||||||||||||||||||
| 24085 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 21 | พณ | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (Meeting of Ministers Responsible for Trade : MRT) ครั้งที่ ๒๑ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ เกาะโบราไคย์ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รวมทั้งผลการหารือทวิภาคี และการดำเนินการต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคปี ๒๐๑๕ และมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามสรุปประเด็นสำคัญในส่วนที่เกี่ยวกับการค้าและการลงทุน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี ได้แก่ การเฝ้าระวังมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่ ๆ ของสมาชิกเอเปค/การไม่นำมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่ ๆ มาใช้ การดำเนินการภายในประเทศเพื่อให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า การจัดทำมาตรการถาวรเรื่องการคงคลังสินค้าของรัฐบาลเพื่อความมั่นคงทางอาหาร การจัดทำแผนงานเจรจาหลังบาหลี การดำเนินการภายในประเทศเพื่อให้การยอมรับพิธีสารแก้ไขความตกลงทริปส์ตามหลักการของย่อหน้าที่ ๖ แห่งปฏิญญาโดฮาว่าด้วยความตกลงทริปส์และการสาธารณสุข การแจ้งผลการเจรจาความตกลงการค้าระดับภูมิภาคต่อกลไกความโปร่งใสภายใต้องค์การการค้าโลก การเจรจาขยายขอบเขตความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ และการหารือเรื่องความตกลงสินค้าสิ่งแวดล้อมภายใต้องค์การการค้าโลก ๑.๒ การก้าวสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้แก่ การทบทวนครั้งที่ ๒ ในปี ๒๐๑๖ เกี่ยวกับความคืบหน้าของเศรษฐกิจในการมุ่งสู่การเปิดเสรีการค้าและการลงทุนภายใต้เป้าหมายโบกอร์ในปี ๒๐๒๐ การศึกษารายการสินค้าที่สนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ทั่วถึง พัฒนาชนบท และบรรเทาความยากจน การศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก การลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมเอเปค จำนวน ๕๔ รายการ ให้เหลือร้อยละ ๐-๕ ภายในปี ๒๐๑๕ การลดอุปสรรคของความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้ได้ร้อยละ ๑๐ ภายในปี ๒๐๑๕ การสร้างคลังข้อมูลการค้าเอเปค การพัฒนาและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การจัดทำแผนปฏิบัติด้านบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตในห่วงโซ่อุปทาน/ห่วงโซ่คุณค่าโลก การจัดทำกรอบความร่วมมือด้านบริการของเอเปค และการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติด้านการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน เป็นต้น ๑.๓ การบ่มเพาะการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางในเศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การปฏิบัติตามแผนปฏิบัติโบราไคย์เพื่อนำวิสาหกิจรายย่อย ขนาดย่อมและขนาดกลางเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดโลก การดำเนินงานตามพิมพ์เขียวเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความร่วมมือด้านห่วงโซ่คุณค่าโลก รวมทั้งความร่วมมือในด้านการศึกษาชั้นสูงเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดทำข้อมูลตลาดแรงงาน การให้ทุนการศึกษาและการฝึกหัดงาน การมีส่วนร่วมของผู้หญิงในระบบเศรษฐกิจ ๑.๔ การสร้างชุมชนที่ยั่งยืนและเข้มแข็ง ได้แก่ ยุทธศาสตร์การเจริญเติบโตรูปแบบใหม่ของเอเปค ซึ่งเน้นการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพใน ๕ ลักษณะ ได้แก่ สมดุล ครอบคลุม ยั่งยืน/เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีนวัตกรรม และมั่นคง การฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วในภาวะเกิดภัยพิบัติ การปฏิรูปการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล การพัฒนาเมือง และการต่อต้านการก่อการร้ายเพื่อการค้าที่มั่นคง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินการต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคมีประเด็นที่หลากหลายและมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบจำนวนมาก กระทรวงพาณิชย์จึงควรจัดประชุมชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานหลักในแต่ละประเด็น ทั้งในเรื่องขอบข่ายภารกิจ การกำหนดท่าทีและเป้าหมายของประเทศไทย ตลอดจนกรอบเวลาที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จของแต่ละประเด็น เพื่อให้ประเทศไทยมีท่าทีที่ชัดเจนและสามารถดำเนินการตามกรอบความร่วมมือเอเปคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 24086 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น ๒,๑๓๓,๑๖๑ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๙๕,๒๘๑ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ๒. เห็นชอบแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนี้ ๒.๑ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒.๒ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัดรวบรวมโครงการ/รายการที่ไม่สามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ได้ทันภายในระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม) และวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) นำเสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณาเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการต่อหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการโครงการ/รายการอื่นที่มีความพร้อมภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ และเสนอต่อคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อรวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ยกเว้นการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปสมทบโครงการ/รายการเดิม และจ่ายเป็นค่างานตามสัญญาที่ดำเนินการได้เร็วกว่าแผนฯ แต่ได้รับจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอ ให้ดำเนินการได้ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.๓ กรณีดำเนินการตามวัตถุประสงค์แล้วและมีงบประมาณเหลือจ่าย ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการพิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณเหลือจ่ายดังกล่าว โดยเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว ให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรายงานให้สำนักงบประมาณทราบด้วย ๒.๔ กรณีปรับแผนตามข้อ ๒.๒ และกรณีการใช้งบประมาณเหลือจ่ายตามข้อ ๒.๓ จะต้องดำเนินการตามหลักการของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.๕ ในการดำเนินการตามข้อ ๒.๒ และ ๒.๓ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นจะต้องมีความพร้อมที่จะดำเนินการสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันจะไม่ได้รับอนุมัติการขยายการก่อหนี้ผูกพันต่อไปอีก
|
|||||||||||||||||||||
| 24087 | การประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7 (7th Economic Corridor Forum) ภายใต้แผนงานความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) และร่างแถลงการณ์ ร่วมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7 (Joint Ministerial Statement) | นร11 | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจ้าหน้าที่ไทยและปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ในการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๗ (7th Economic Corridor Forum) ในระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ แถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๗ (Joint Ministerial Statement) เพื่อให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ ดังกล่าว โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ ได้ในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในการหารือในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๒. ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) รับไปเจรจากับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเกี่ยวกับกรณีแนวทางการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น แม่น้ำสาละวิน แม่น้ำโขง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป โดยในกรณีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาให้นำเรื่องเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ของโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอดพร้อมสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ ๒ ของกรมทางหลวง เป็นข้อมูลในการเจรจาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 24088 | การรายงานรายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ของปีงบประมาณ 2558 | สลธ.คสช. | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการรายงานรายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณตั้งแต่ ๕๐ ล้านบาทขึ้นไป ของปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ทั้งรายการที่ทำสัญญา/เบิกจ่ายจริงแล้ว และรายการที่ยังไม่ได้ทำสัญญา/เบิกจ่าย ซึ่งเหลือระยะเวลาในการดำเนินการเพียง ๔ เดือน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
| 24089 | การจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ณ บริเวณพื้นที่ของกองทัพบก ในเขตอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | กห | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานความคืบหน้าการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ณ บริเวณพื้นที่ของกองทัพบก ในเขตอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างและพระราชทานชื่อว่า “อุทยานราชภักดิ์” โดยจะใช้พื้นที่รวมประมาณ ๒๒๒ ไร่ มีองค์ประกอบหลักที่สำคัญ ๓ ส่วน คือ (๑) พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม จำนวน ๗ พระองค์ เนื้อที่ประมาณ ๕ ไร่ (๒) ลานอเนกประสงค์ เนื้อที่ประมาณ ๙๑ ไร่ สำหรับใช้กระทำพิธีที่สำคัญ และ (๓) อาคารพิพิธภัณฑ์ หรือห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ บริเวณด้านล่างฐานพระบรมราชานุสาวรีย์จะเป็นการนำเสนอเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่สำคัญตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการจัดสร้างจะเป็นลักษณะของการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมบริจาคเงินสมทบทุนการจัดสร้าง ทั้งนี้ สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร แจ้งว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเชิญเป็นองค์ประธานที่ปรึกษาในคณะกรรมการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์
|
|||||||||||||||||||||
| 24090 | รายงานผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม IISS Shangri-La Dialogue ครั้งที่ 14 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ | กห | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม IISS Shangri-La Dialogue ครั้งที่ ๑๔ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุม IISS Shangri-La Dialogue มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีหารือระดับสูงเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคง และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แถลงนโยบายและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับประเด็นความมั่นคงต่าง ๆ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้กล่าวสุนทรพจน์เรื่อง “บทบาทของสหรัฐอเมริกาและความท้าทายต่อความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้นำเสนอแนวคิด “Shangri-La Dialogue Initiative” เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยการส่งเสริมให้มีการใช้กฎหมายและกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้พื้นที่ทางทะเลและอากาศที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันในภูมิภาค การเสริมสร้างขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ทางทะเลและอากาศ และการพัฒนาขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐอินโดนีเซียเสนอให้มีการปรับปรุงแบบกลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้พัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม โดยเสนอให้ใช้การประชุม Shangri-La Dialogue เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาทะเลจีนใต้ รวมทั้งเสนอให้มีการลาดตระเวนร่วมในบริเวณทะเลจีนใต้ระหว่างประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นต้น ๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หารือทวิภาคีกับมิตรประเทศที่สำคัญ ได้แก่ การหารือกับรองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และประเด็นความมั่นคงต่าง ๆ เช่น ปัญหาการก่อการร้ายในและนอกภูมิภาค และปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสิงคโปร์เกี่ยวกับความร่วมมือทางทหาร การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเกาหลีเกี่ยวกับการยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ๓. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้สัมภาษณ์รายการ Conversation With ของสถานีโทรทัศน์ Channel News Asia เรื่อง การดำเนินการตาม Roadmap ของรัฐบาล และปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย
|
|||||||||||||||||||||
| 24091 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (วันที่ 30 มิถุนายน 2558) | นร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในวันอังคารที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ และติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานศึกษาภูมิปัญญา นวัตกรรมท้องถิ่น และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะด้านการจัดสรรที่ดินทำกิน การช่วยเหลือเกษตรกร การดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และการดูแลนักท่องเที่ยว ดังนั้น จึงให้รัฐมนตรีทุกท่านเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 24092 | แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี | นร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘) เกี่ยวกับแนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี โดยกำหนดให้ส่วนราชการที่จะเสนอเรื่องขออนุมัติงบประมาณหรือเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ ถามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และนำความเห็นของหน่วยงานข้างต้นเสนอมาพร้อมกับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลพิจารณาสั่งการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี นั้น เพื่อให้การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเป็นไปด้วยความรวดเร็ว จึงควรกำหนดระยะเวลาให้หน่วยงานดังกล่าวตอบความเห็นให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องภายใน ๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||
| 24093 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และหน่วยงานด้านความมั่นคงจัดเตรียมมาตรการรองรับหากเกิดกรณีที่บริการขนส่งสาธารณะหยุดชะงักหรือไม่สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดจากกรณีการนัดหยุดงานของผู้ทำหน้าที่ให้บริการเหล่านั้น โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานแทนเพื่อรองรับหากเกิดกรณีดังกล่าว ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้ทุกส่วนราชการกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะต่อไป โดยคำนึงถึงกลุ่มประเทศเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ได้แก่ กลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) กลุ่มประเทศภายใต้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) กลุ่มประเทศภายใต้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) และประเทศหมู่เกาะต่าง ๆ นอกจากนี้ ให้เตรียมมาตรการรองรับการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศอันเนื่องมาจากการดำเนินการของไทยที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ๓. ด้านเศรษฐกิจ ๓.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการจัดหาสถานที่จำหน่ายสินค้าราคาถูกในทุกจังหวัด เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้พิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโรงงานขนาดเล็กผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่มีต้นทุนต่ำเพื่อจัดจำหน่ายให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป โดยดำเนินการให้เป็นรูปธรรมภายใน ๑ เดือน ๓.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพลังงานร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการสร้างความเข้มแข็งด้านพลังงานทดแทนของประเทศ โดยให้สำรวจพืชพลังงานที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการเพาะปลูกและนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเพาะปลูกพืชพลังงานดังกล่าวทดแทนการปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยต้องยึดหลักความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำในอนาคตด้วย ๓.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาเกลือทะเลตกต่ำ รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบต่อไปด้วย ๓.๔ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกสินค้าบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ให้มีความสมดุลระหว่างกัน ทั้งนี้ เพื่อไม่เกิดการเสียดุลการค้าระหว่างประเทศ ๓.๕ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีทักษะชั้นสูงขึ้นเพื่อรองรับตลาดแรงงานไทยที่มีศักยภาพสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ การพัฒนาในพื้นที่ และความต้องการของภาคธุรกิจ ๓.๖ ให้กระทรวงพลังงานศึกษาความเป็นไปได้และพิจารณาเตรียมแนวทางการบริหารจัดการสัมปทานปิโตรเลียมที่หมดอายุลงแล้ว ในกรณีที่รัฐจะเป็นผู้ดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวแทนเอกชนรายเดิมต่อไป ๔. ด้านสังคม ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ศึกษาแนวทางการปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ยังจำหน่ายไม่หมดของบริษัทเอกชน เพื่อนำมาดำเนินการกับที่อยู่อาศัยในโครงการของรัฐ เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ยังจำหน่ายไม่หมด โดยปรับปรุงเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในราคาต่ำ ๕. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้าให้มีมาตรการลงโทษที่เข้มงวด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนผู้สัญจรบนทางเท้า ๖. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๖.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์จากไม้ยางพาราในพื้นที่ซึ่งชาวสวนยางได้บุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเพาะปลูกทั้งที่ตัดแล้วและส่วนที่เหลืออยู่ รวมทั้งเร่งให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเดิมเคยมีอาชีพกรีดยาง นอกจากนี้ ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ศึกษาความเป็นไปได้และพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์จากไม้ของกลางที่คดีสิ้นสุดแล้วด้วย ๖.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการฟื้นฟูป่าชายเลน โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดทำแผนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงาน โครงการต่อคณะรัฐมนตรี) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ ให้พิจารณาเสนอแนวทางตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ๖.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จัดทำข้อมูลโครงสร้างระบบราชการที่แสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างส่วนราชการ คณะกรรมการ และกองทุนต่าง ๆ พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการปรับโครงสร้างระบบราชการ คณะกรรมการ และกองทุนต่าง ๆ โดยเสนอให้นายกรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๖.๔ ให้กระทรวงคมนาคมสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ถนน เป็นต้น ให้ประชาชนได้รับทราบถึงความเป็นมาของโครงการ เส้นทางที่จะดำเนินการ และการร่วมลงทุนกับประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสร้างความโปร่งใสในการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ทั้งนี้ ในการเจรจาร่วมลงทุนดังกล่าวควรกำหนดเงื่อนไขในการจัดตั้งศูนย์ซ่อมและศูนย์การเรียนรู้ในประเทศไทยเพื่อพัฒนาบุคลากรไทยให้มีศักยภาพ
|
|||||||||||||||||||||
| 24094 | โครงการสัมมนาเพื่อรับฟังผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาล | นร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้จัดโครงการสัมมนาเพื่อรับฟังผลการดำเนินงานในรอบ ๑ ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล ในวันพฤหัสบดีที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุมรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติรับฟังผลการดำเนินงานของรัฐบาล จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมสัมมนาและชี้แจงโดยพร้อมเพรียงกัน และจัดเตรียมข้อมูลชี้แจงผลการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลทั้ง ๕ ด้าน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการต่างประเทศ และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งแนวทางการปฏิรูปประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้นและขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป และมอบให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 24095 | วาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันพฤหัสบดีที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และในวันศุกร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ จะเป็นการตอบกระทู้ถามเรื่อง นโยบายรัฐบาลในการควบคุมค่ายาและค่ารักษาพยาบาลที่สูงเกินจริงของโรงพยาบาลเอกชน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||
| 24096 | สรุปผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (เดือนเมษายน - พฤษภาคม 2558) | กก | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว (เดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๘) และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินการจัดกลุ่มการท่องเที่ยว (Cluster) ในแต่ละพื้นที่ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมด้วย สรุปรายงานผลการดำเนินงานได้ ดังนี้ ๑.๑ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน (Asean Connect) การท่องเที่ยวเชื่อมโยงไทย-เมียนมา เป็นการนำเสนอการท่องเที่ยววิถีไทยและเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้นำร่องด้วยการจัด Mega Joint Fam Trip Thailand-Myanmar วันที่ ๑๔-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นการนำคณะบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนจากยุโรป ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และแคนาดา จาก ๔๐ บริษัท มาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ มัณฑะเลย์ พุกาม เนปิดอว์ และพบปะเจรจาธุรกิจกับภาคเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ๘๐ บริษัท ๑.๒ การกระจายโอกาสทางการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยว การกระจายโอกาสทางการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่น การใช้ผ้าไทย ส่งเสริมการเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการส่งเสริมโอกาสของชุมชนทอผ้าในท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาฝีมือและผลิตภัณฑ์ผ้าไทย โดยการจัดทำโครงการ Thailand Academy ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งมีคณะดีไซเนอร์และสื่อมวลชนจากยุโรปและตะวันออกกลาง รวม ๔๙ คน ร่วมทำกิจกรรมผ้าไทยและใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านในชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมชนบ้านหนองบัว จังหวัดน่าน ชุมชนบ้านทุ่งโฮ้ง จังหวัดแพร่ ชุมชนผ้าไหม จังหวัดสุรินทร์ ๑.๓ การส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม เป็นการขยายตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิมเข้าร่วมงาน Arabian Travel Mart ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยในระหว่างวันที่ ๖-๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้นำผู้ประกอบการไทย จำนวน ๕๙ บริษัท ไปเจรจาธุรกิจกับฝ่ายตะวันออกกลางเพื่อจัดทำความร่วมมือกับสายการบินสำคัญของภูมิภาคตะวันออกกลาง คือ เอมิเรตส์และเอทิฮัด (Etihad) ซึ่งสายการบินดังกล่าวพร้อมที่จะผลักดันให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักของภูมิภาค (Main Destination) และเอทิฮัดตกลงที่จะจัดงาน Thailand Week of Etihad Pavilion ที่งานมิลาน เอ็กซ์โป ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ๑.๔ การรุกเปิดตลาดใหม่ที่มีคุณภาพและศักยภาพ การนำผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวจากประเทศไทยเปิดตลาดท่องเที่ยวละตินอเมริกา โดยเข้าร่วม World Travel Mart Latin America ณ นครเซาเปาโล สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสุดในภูมิภาค เพื่อเปิดตลาดใหม่ให้แก่ประเทศไทยในอนาคต ๑.๕ การส่งเสริมการปั่นจักรยานท่องเที่ยวไทย-มาเลเซีย ได้มีการจัดกิจกรรมปั่นจักรยานข้ามแดนจากสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสไปยังรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ระยะทางรวม ๕.๕ กิโลเมตร โดยมีผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและมาเลเซีย รวม ๔๕๐ คน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสองประเทศ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพื่อให้มีการเปิดเที่ยวบินตรง (Direct Flight) จากเมืองสำคัญในประเทศต่าง ๆ มายังประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยได้โดยตรง ๓. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการจัดให้มีรถโดยสารสาธารณะ (รถแท็กซี่) เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเพียงพอ พร้อมจัดหาสถานที่พักรอผู้โดยสาร ณ จุดรับส่งผู้โดยสารในสถานีขนส่งผู้โดยสารต่าง ๆ เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวในระหว่างที่รอรถด้วย ๔. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) พิจารณาหามาตรการในการแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการตรวจหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองภายในสนามบิน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจลงตราในหนังสือเดินทางและเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 24097 | การชี้แจงประกอบคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ | นร | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงประกอบคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในวันเสาร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. ณ ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น ๓ อาคารรัฐสภา ๓
|
|||||||||||||||||||||
| 24098 | วีดิทัศน์ภารกิจด้านการต่างประเทศระหว่างวันที่ 25 - 29 พฤษภาคม 2558 | กต | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานภารกิจด้านการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิและคณะได้เข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล และได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกด้านโดยเฉพาะโอกาสการค้าการลงทุนระหว่างกัน ๒. วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ ที่ประเทศไทยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยได้ติดตามผลความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างไทย-เวียดนาม เช่น การพัฒนาความเชื่อมโยง ซึ่งรวมถึงการประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย (ไทย-ลาว-เวียดนาม) รวมทั้งการเตรียมการฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ ๔๐ ปี ในปี ๒๕๕๙ ๓. วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้มีการเยือนประเทศไทยแบบพิเศษของคณะเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑๔ ประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรและการสนับสนุนการรณรงค์การสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเพื่อให้เกิดความเข้าใจ รวมทั้งได้สัมผัสสภาพการณ์ปกติภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทย โดยได้เยี่ยมชมโครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่ทัณฑสถานหญิงกลางคลองเปรม และเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ๔. วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๗๑ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ โดยมีหัวข้อหลักในการบูรณาการการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มีผู้แทนระดับสูงจาก ๒๔ ประเทศเข้าร่วม และได้เปิดนิทรรศการเผยแพร่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลังจากนั้นพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมอภิปรายการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีด้วย ๕. วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-ลาวอย่างไม่เป็นทางการ ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อผลักดันการขยายความร่วมมือด้านแรงงาน การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และในโอกาสครบรอบ ๖๕ ปีความสัมพันธ์ ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวโรกาสให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของลาว เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญไชพัทะนา ชั้นที่ ๑ ๖. วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย มีผู้แทนจากประเทศที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๙ ประเทศ และ ๓ องค์การระหว่างประเทศ เพื่อหารือแก้ไขปัญหาผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียที่ลอยอยู่ในทะเล ที่ครอบคลุมและยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้อนุมัติให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพไทย ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือโดยจัดกำลังลาดตระเวนทางอากาศและทางเรือ รวมทั้งจัดตั้ง floating platform เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกลางทะเล จนกว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียจะพร้อมรับไปที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว
|
|||||||||||||||||||||
| 24099 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอกฎหมายสำคัญที่มีความจำเป็นเร่งด่วนซึ่งเป็นกฎหมายที่สร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเสนอกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งโดยให้สามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ ๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการเช่านา โดยให้พิจารณากำหนดแนวทางหรือหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัญญาเช่านาให้มีความชัดเจนระหว่างพื้นที่ในหรือนอกเขตชลประทาน ระยะเวลาการเช่า ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเป็นธรรมและให้กฎหมายดังกล่าวสามารถใช้บังคับได้ก่อนฤดูการทำนาในครั้งต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยประมงให้ครบถ้วน ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล และสามารถป้องกันและควบคุมการทำประมงผิดกฎหมายได้ รวมทั้งให้เร่งเสนอกฎหมายอนุบัญญัติ ให้เรือประมงขนาดไม่เกิน ๓๐ ตันกรอส ติดตั้งเก๋งเรือได้เพื่อรองรับการติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือ (Vessel Monitoring system : VMS)
|
|||||||||||||||||||||
| 24100 | วีดิทัศน์ภารกิจด้านการต่างประเทศระหว่างวันที่ 7 - 21 พฤษภาคม 2558 | นร | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานภารกิจด้านการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๗-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ นายหยาง จิง มนตรีแห่งรัฐสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ครบรอบ ๔๐ ปี ไทย-จีน โดยได้เข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีและหารือความร่วมมือด้านต่างๆ หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมคำนับ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเชิญร่วมงานนิทรรศการอาเซียน-จีน ในเดือนกันยายน ๒๕๕๘ พร้อมกันนี้ได้เชิญมนตรีแห่งรัฐสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ ๒ ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ประเทศไทย และเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางไปร่วมพิธีเปิดและกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Expo เส้นทางสายไหมและงานแสดงสินค้าประจำปีที่นครซีอาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะประเทศเกียรติยศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของไทยในระดับนานาชาติ ๒. วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้เดินทางไปเป็นประธานร่วมเปิดงานเทศกาลไทย ครั้งที่ ๑๖ ณ สวนสาธารณะโยโยงิ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยในงานได้จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อการพัฒนาการเกษตรและข้าวไทย นิทรรศการ “ข้าวกับชาวนา” และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ รวมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ๓. วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้เป็นประธานร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดในโรงพยาบาลโพนโฮง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายใต้โครงการพัฒนาโรงพยาบาลและปรับปรุงอาคารผู้ป่วยนอกให้เป็นศูนย์อุบัติเหตุ รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์และหลักสูตรฝึกอบรม หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมวิทยาลัยเทคนิคแขวงเวียงจันทน์ ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ ทั้งการปรับปรุงอาคารและการพัฒนาบุคลากร ๔. วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในภูมิภาค ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย-อินโดนีเซีย และไทย ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นการแก้ไขปัญหาและแสดงความรับผิดชอบร่วมกันของภูมิภาค โดยจะนำผลการประชุมดังกล่าวมาจัดการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่กรุงเทพฯ โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพเชิญผู้แทนจาก ๑๗ ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
|
|||||||||||||||||||||
.....
