ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1030 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20581 - 20600 จากข้อมูลทั้งหมด 124288 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20581 | วีดิทัศน์เรื่อง ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเซีย - ยุโรป ครั้งที่ 12 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
20582 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐให้การช่วยเหลือเกษตรกรในด้านปัจจัยการผลิต โดยการสนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรทางการเกษตรที่ผลิตได้ภายในประเทศ เช่น รถไถ รถเกี่ยวข้าว เครื่องสูบน้ำที่ใช้พลังงานทดแทน รวมทั้งนำผลผลิตทางการเกษตรภายในประเทศมาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การนำยางพารามาใช้เป็นส่วนประกอบในการก่อสร้างสนามกีฬา สนามเด็กเล่น นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ และ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาและปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ภาครัฐสามารถนำที่ดินที่เหลือจากการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เช่น พื้นที่สองข้างทางรถไฟไปใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของการเวนคืนได้ เพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคมหรือเพื่อประโยชน์อื่นของรัฐ นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๒.๒ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำกฎหมายเพื่อปฏิรูประบบการบริหารจัดการและกำกับดูแลกิจการสหกรณ์ออมทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และสถาบันการบินพลเรือนร่วมกันปรับปรุงแผนการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทย โดยจัดลำดับความสำคัญของการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Organization : ICAO) ทั้งนี้ การดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับขององค์กรตรวจสอบด้านการบินระหว่างประเทศด้วย ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินและพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว และรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน ๓.๓ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติแล้ว นั้น ให้ทุกส่วนราชการร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยในการดำเนินภารกิจหรือโครงการต่าง ๆ ให้ส่วนราชการดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ยึดหลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้เป็นสำคัญ หากมีการร้องเรียนว่าภารกิจหรือโครงการใดมีการทุจริตให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
20583 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐอย่างกว้าง ๆ เพื่อเป็นมาตรฐานกลางสำหรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาภายใต้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำกฎหมายลำดับรองและหลักเกณฑ์ตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและทันกับการบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20584 | ผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียในส่วนของภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางกับกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการร่วมเดินทางไปเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมกับคณะรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ และนำภาคเอกชนไทยรายใหญ่รวม ๒๗ ราย ร่วมเดินทาง มีผลการเยือนสรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมเจรจาธุรกิจและสร้างเครือข่ายกับหอการค้าและอุตสาหกรรม นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นักธุรกิจสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภาพรวมเศรษฐกิจ โอกาสทางการค้า การลงทุน การทำธุรกิจ ระหว่างไทยและรัสเซีย พร้อมทั้งได้มีกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ Business Networking ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้ทราบถึงโอกาสและลู่ทางการลงทุนในรัสเซียและไทย รวมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักธุรกิจ ๒. การเยี่ยมชมกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในห้างสรรพสินค้า LENTA โดยห้างฯ สนใจนำเข้าสินค้า ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู ปลาทูน่า และน้ำตาล จากไทย และผู้บริหารห้างฯ กำหนดเดินทางเยือนงานแสดงสินค้า THAIFEX 2016 ที่ประเทศไทย เพื่อคัดสรรสินค้าเพิ่มเติมสำหรับนำไปจำหน่ายระหว่างการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าในห้างฯ กว่า ๑๔๐ สาขาทั่วประเทศ ประมาณระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ๓. การเจรจาธุรกิจกับตัวแทนบริษัท Sistema ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจครอบคลุม ๑๒ สาขา เช่น โทรคมนาคม บริการสุขภาพ ธุรกิจท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเกษตรและการแปรรูปอาหาร การผลิตกระดาษและเยื่อกระดาษ อากาศยาน เป็นต้น โดยบริษัทประสงค์จะเชิญชวนนักธุรกิจไทยร่วมลงทุนกับบริษัทในสาขาเหล่านี้ มีผลสำเร็จของการเจรจา คือ ตัวแทนเอกชนไทยหลายฝ่ายเข้าร่วมหารือกับบริษัท โดยสาขาที่มีโอกาสมาก ได้แก่ สาขาธุรกิจสปา และโรงพยาบาล ๔. การเข้าร่วมกิจกรรม Thai Russia Business Dialogue นักธุรกิจฝ่ายไทยและรัสเซียได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนเวที Panel Discussion ทำให้นักธุรกิจสองฝ่ายได้เข้าใจ เรียนรู้ โอกาสด้านการค้า การลงทุน การธนาคาร เกษตรแปรรูป ซอฟท์แวร์ สุขภาพและเภสัชภัณฑ์ ระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความร่วมมือด้านการลงทุนร่วมระหว่างกันต่อไป ๕. การเข้าร่วมกิจกรรม ASEAN-RUSSIA Business Forum ณ เมืองโซชิ มีการนำเสนอแนวทางในการขยายความร่วมมือระหว่างภูมิภาคอาเซียนและรัสเซียไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งความร่วมมือระหว่างอาเซียน สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) และองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ซึ่งเป็นแนวทางแห่งความร่วมมือที่รัสเซียคาดหวังให้ไทยและอาเซียนบรรลุข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวให้เป็นเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ ๖. กิจกรรมคณะเอกชนไทยพบนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ณ เมืองโซชิ ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อรายงานผลการเข้าร่วมเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียกับคณะนายกรัฐมนตรี ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะและการจัดทำ Roadmap ที่จะขยายการค้า การลงทุนสู่สหพันธรัฐรัสเซีย |
||||||||||||||||||||||||
20585 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 | คค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว โดยมีข้อสังเกตว่า รฟม. ไม่ได้นำเงินค่าทดแทนที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และค่าชดเชยพืชผล และค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์ที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ตกลงทำสัญญากับ รฟม. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดส่งคืนรายได้แผ่นดิน รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินค้างจ่ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงจากฝ่ายบัญชีและการเงินกับฝ่ายกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ตรงกัน นอกจากนี้ การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายฝึกอบรมไม่เป็นไปตามข้อบังคับองค์การรถไฟฟ้ามหานคร ฉบับที่ ๑๐ ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานหรือฝึกอบรมภายในประเทศ และข้อบังคับองค์การรถไฟฟ้ามหานคร ฉบับที่ ๓๓ ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานหรือฝึกอบรมภายในประเทศ ทั้งนี้ คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้มีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินดังกล่าวด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20586 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ชั้วคู่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่ เพื่อกำหนดมาตรฐานให้สอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่-คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยที่ได้ปรับปรุงใหม่ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมควรเผยแพร่ข้อมูลของร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง รวมทั้งเพื่อให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20587 | ร่างกฎกระทรวงภายใต้พระราชบัญญัติที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเพื่อรองรับการรวมหน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค จำนวน 4 ฉบับ | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท แต่งตั้งนายทะเบียน และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแต่งตั้งผู้ช่วยนายทะเบียนกลางเพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบและวิธีการแจ้งการเลิกประกอบธุรกิจหรือย้ายสำนักงานหรือสถานที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสถานที่แจ้งการเลิกประกอบธุรกิจหรือย้ายสำนักงานหรือสถานที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตจัดตั้งหอการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสถานที่ยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งหอการค้า เพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสถานที่ยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า เพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงการปรับเปลี่ยนให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพียงแห่งเดียวเป็นสถานที่ยื่นคำขอ พร้อมทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกันของภารกิจงานภายใต้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้สามารถรองรับการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการติดต่อและขอรับบริการจากกระทรวงพาณิชย์ อันจะเป็นการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20588 | ร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดชนิดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) | กห | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดชนิดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการกำกับดูแล และควบคุมไม่ให้มีการนำยุทธภัณฑ์ดังกล่าวไปใช้ในทางที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20589 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างยกร่างประกาศกระทรวงการคลังเพื่อประกาศวันที่ข้อบทของความตกลงมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย โดยจะออกประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวให้ใกล้เคียงกับวันที่ประเทศไทยส่งมอบสัตยาบันสารมากที่สุด รวมทั้งได้เสนอเรื่อง “การขอรับจัดสรรงบกลางสำหรับการชำระเงินทุนงวดแรกในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชียและการสงวนสิทธิ์ไม่ยกเว้นภาษีจากคนชาติในส่วนของประเทศไทย” และอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งกระทรวงการต่างประเทศให้จัดทำสัตยาบันสารและหนังสือสงวนสิทธิ์ดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20590 | โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยกระดับประสิทธิภาพการจัดสวัสดิการสังคมและการให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐ อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาความยากจนในสังคมไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียนรัฐสวัสดิการ ต้องเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นในแต่ละปีปฏิทินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และเป็นรูปแบบสมัครใจ (Voluntary Basis) โดยผู้ลงทะเบียนจะต้องยินยอมเปิดเผยรายได้ การถือครองทรัพย์สินของตน เจ้าหนี้และจำนวนหนี้สินที่คงค้าง เป็นต้น และมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทย สำหรับกลไกการดำเนินการจะให้ประชาชนลงทะเบียน ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ สำหรับปีต่อ ๆ ไปให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายนของแต่ละปี ซึ่งสถาบันการเงินดังกล่าวจะจัดเก็บเอกสารแล้วส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกรมสรรพากรเพื่อจัดเก็บข้อมูลและทำการตรวจสอบความถูกต้องในภายหลัง (Post Audit) โดยกรมสรรพากรจะเชื่อมโยงข้อมูลไปยังฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อประมวลข้อมูลผู้มีรายได้น้อย นำไปบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม แล้วนำไปใช้ในการจัดสวัสดิการสังคมภายใต้โครงการ e-Payment ภาครัฐในระยะต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20591 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 | กษ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
20592 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) คดีระหว่างนายสมาน พิงพาด ที่ 1 กับพวกรวม 11 คน ฟ้องนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 12 คน ต่อศาลปกครองกลาง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ ๕๙๐/๒๕๕๗ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๐๒๙/๒๕๕๙ ระหว่างนายสมาน พิงพาด ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๑ คน ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๒ คน ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ถึงที่ ๑๐ และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑๑ และที่ ๑๒ ร่วมกันหรือแทนกันชำระดอกเบี้ยให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสิบเอ็ด ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20593 | รายงานการเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 69 ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส | กก | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานการเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ ๖๙ ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กรมการท่องเที่ยว) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมเปิดคูหานิทรรศการเพื่อประชาสัมพันธ์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศ ส่งผลให้ผู้สร้างผู้ผลิตรายสำคัญจากสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรปได้รู้จักประเทศไทยในฐานะแหล่งถ่ายทำภาพยนตร์และเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้แทนบริหารของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมงานแถลงข่าวเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย รวมทั้งได้เปิดตัวมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย “Production Incentive” โดยจะพิจารณาคืนเงินร้อยละ ๑๕-๒๐ ให้แก่ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศที่นำเงินมาลงทุนในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า ๕๐ ล้านบาท ซึ่งจะประกาศใช้มาตรการนี้ในเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ จากการเปิดคูหาให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ คาดว่าในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จะมีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๑๑ เรื่อง สร้างรายได้ประมาณ ๕๙๕ ล้านบาท (๑๗,๐๑๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ)
|
||||||||||||||||||||||||
20594 | รายงานประจำปี 2557 ศาลรัฐธรรมนูญ | ศร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๗ ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติราชการของศาลรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ ผลการปฏิบัติราชการตามแผนยุทธศาสตร์และผลการปฏิบัติราชการด้านคดี (๒) การมีส่วนร่วมในพระราชพิธี รัฐพิธี และกิจกรรมสำคัญของประเทศ และ (๓) รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20595 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ ประกอบด้วย (๑) ภารกิจสอดส่องดูแล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ (๒) ภารกิจเสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกา และการออกกฎกระทรวง หรือระเบียบของคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัตินี้ (๓) ภารกิจให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ตามที่ได้รับคำขอ (๔) ภารกิจพิจารณาและให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนตามมาตรา ๑๓ (๕) ภารกิจดำเนินการเรื่องอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ (๖) ภารกิจจัดทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม แต่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง (๗) ภารกิจเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และการผลิตและเผยแพร่ผ่านสื่อประสัมพันธ์ และ (๘) ภารกิจติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
20596 | รายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม "เทศกาลไทย ครั้งที่ 17" และ "Cross Over Night at the Royal Thai Embassy" และหารือความร่วมมือด้านการวิจัยนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม และความร่วมมือด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล ณ ประเทศญี่ปุ่น | อก | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม “เทศกาลไทย ครั้งที่ ๑๗” และ “Cross Over Night at the Royal Thai Embassy” และหารือความร่วมมือด้านการวิจัยนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม และความร่วมมือด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมกิจกรรม “เทศกาลไทย ครั้งที่ ๑๗” และ “Cross Over Night at the Royal Thai Embassy” ซึ่งเป็นงานแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย อาหารไทย การท่องเที่ยวไทยและธุรกิจบริการที่สำคัญของไทย โดยมีการออกร้านจำนวนทั้งสิ้น ๑๘๔ ราย ประกอบด้วยหน่วยงานราชการไทยในต่างประเทศ ร้านอาหารไทย จำนวน ๗๓ ราย ร้านผลไม้ไทย จำนวน ๑๔ ราย ร้านจำหน่ายสินค้าไทยต่าง ๆ และร้านบริการต่าง ๆ เช่น นวดไทย บริษัททัวร์ รวม ๕๒ ราย ร้านเครื่องดื่ม รวม ๒๐ รายบูธ NGO/NPO/วัด รวม ๑๐ ราย และร้านต่าง ๆ ภายในโซน Thai Village รวม ๑๕ ราย โดยมีกิจกรรม ได้แก่ การออกบูธจัดแสดงสินค้าและอัตลักษณ์อาหารไทย ในโซน “Thai Village” กิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารไทย โชว์ แชร์ ชิม จากซอสสำเร็จรูปที่ผ่านกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงอุตสาหกรรมให้มีความง่ายและสะดวกต่อการปรุง และยังคงมีรสชาติความเป็นอาหารไทย กิจกรรมการแนะนำ “ผัดหมี่โคราช” ที่ปรุงโดยใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการไทย บนเวทีแสดงภายในโซน “Thai Village” ๒. การร่วมหารือเพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีศักยภาพด้านการวิจัยนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานพัฒนาส่งเสริมฮาลาลในประเทศญี่ปุ่น ในประเด็นที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||
20597 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ประกอบด้วย หนี้รัฐบาล ๔,๔๓๑,๖๘๓.๙๗ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน ๑,๐๓๙,๙๑๐.๘๒ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ๕๒๕,๕๒๓.๗๐ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ ๑๖,๕๓๑.๓๗ ล้านบาท รวมยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๑ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๔๑,๔๒๒.๒๕ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๐๓,๑๐๐.๓๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๓๘ ของแผนฯ ๓. ผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยใช้งบชำระหนี้เหลือจ่ายและรายได้ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด (Prepayment) วงเงินรวม ๒๑,๕๗๐.๖๘ ล้านบาท (การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐบาลสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑๗๗.๓๕ ล้านบาท และการบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐวิสาหกิจสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑๒.๑๗ ล้านบาท) ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑๘๙.๕๒ ล้านบาท ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของรัฐวิสาหกิจ จากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙ แห่ง พบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยมีการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผน จำนวน ๔ โครงการ |
||||||||||||||||||||||||
20598 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สว | 07/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัตินี้ และมีข้อสังเกตว่า ควรให้สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดหลักสูตรการศึกษาที่สอดคล้องกับลักษณะการศึกษาวิชาชีพเฉพาะด้าน รวมทั้งควรให้สถาบันมีอำนาจอนุมัติเปิดสอนและให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาได้เอง โดยให้คำนึงถึงมาตรฐานการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20599 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและออกใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิต หรือซ่อม พ.ศ. .... | พณ | 07/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและออกใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิต หรือซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและออกใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิตหรือซ่อม พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติตาม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20600 | การเสนอตราสารขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยประชุมที่ 99 - 104 | รง | 07/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยประชุมที่ ๙๙-๑๐๑ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) และสมัยประชุมที่ ๑๐๓-๑๐๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘) ซึ่งมีพิธีสารและข้อแนะได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ จำนวน ๗ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) อนุสัญญาฉบับที่ ๑๘๙ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ (๒) พิธีสารเพื่อเป็นส่วนเสริมอนุสัญญาฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ (๓) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๐ ว่าด้วยเอชไอวี/เอดส์ และโลกแห่งการทำงาน ค.ศ. ๒๐๑๐ (๔) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๑ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ (๕) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๒ ว่าด้วยพื้นฐานความคุ้มครองทางสังคม ค.ศ. ๒๐๑๒ (๖) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๓ ว่าด้วยมาตรการส่วนเสริมสำหรับการปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ ค.ศ. ๒๐๑๔ และ (๗) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๔ ว่าด้วยการปรับเปลี่ยนจากเศรษฐกิจนอกระบบเป็นในระบบ ค.ศ.๒๐๑๕ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาหลักการภายใต้ตราสารทั้ง ๗ ฉบับ และนำมาปรับปรุงกฎหมายภายในให้สอดคล้อง เพื่อแสดงถึงความตั้งใจจริงของไทยในการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน และลดแรงกดดันจากการถูกโจมตีจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นการบังคับใช้แรงงานในอุตสาหกรรมประมง และการให้ความคุ้มครองแรงงานทำงานในบ้าน ดังนั้น ไทยอาจพิจารณาให้ความสำคัญกับตราสารที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเหล่านี้เป็นอันดับแรก ได้แก่ (๑) พิธีสารเพื่อเป็นส่วนเสริมอนุสัญญาฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ (๒) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๓ ว่าด้วยมาตรการส่วนเสริมสำหรับการปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ ค.ศ. ๒๐๑๔ และ (๓) อนุสัญญาฉบับที่ ๑๘๙ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ ตามลำดับ และเมื่อไทยมีความพร้อมก็อาจพิจารณาให้สัตยาบันตราสารดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับอนุสัญญาฉบับที่ ๑๘๙ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ และพิธีสารเสริมอนุสัญญาฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ ให้กระทรวงแรงงานไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เกี่ยวกับเนื้อหาของอนุสัญญาเป็นการกำหนดหน้าที่ให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติ และใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และหากกระทรวงแรงงานยืนยันได้ว่าต้องมีการออกกฎหมายเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามอนุสัญญาดังกล่าว ก็จะเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องเสนอขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ ดังนั้น การเสนออนุสัญญาดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าวด้วย |