ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 72 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1421 - 1440 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1421 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง บริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | มท | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น
ละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี โดยในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ดำเนิน การเฝ้าระวังมิให้มีการทำเหมืองผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 และจัดทำโครงการแก้ไข ปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลานบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษของกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนผลการปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองของจังหวัดสระบุรี ได้ดำเนิน การตรวจสอบดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสั่งการโรงงานโม่ บด และย่อย หินระงับการเดินเครื่องจักรในส่วนที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง และทำการปรับปรุงระบบป้องกันกำจัดฝุ่นละออง ในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเป็นเวลา 60 วัน จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547 ได้สั่งให้โรงงาน ระงับการเดินเครื่องจักรแล้ว จำนวน 31 แห่ง และได้สั่งการให้โรงงานโม่ บด และย่อยหิน แก้ไขปรับปรุง ระบบ โดยเสนอแผนการจัดการฝุ่นละออง การจัดทำลานล้างล้อรถยนต์ การทำความสะอาดเครื่องจักร การทำแนวคันดินปลูกต้นไม้ ติดตั้งมาตรวัดปริมาณการใช้น้ำ ระงับปรับปรุงการใช้ถนนภายในโรงงาน ซึ่ง นับแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2547 ถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547 ได้สั่งให้โรงงานแก้ไขปรับปรุงแล้ว รวม 27 แห่ง นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแผนฟื้นฟูเหมืองหินรกร้างบริเวณหน้าพระลาน เพื่อนำไปประกอบการจัดทำ แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2547 และดำเนินการ ตรวจสอบ ควบคุมการใช้วัตถุระเบิดในกิจการโม่ บด และย่อยหิน ของสถานประกอบการ โดยได้มีการแต่ง ตั้งคณะกรรมการควบคุมดูแลการใช้วัตถุระเบิด และให้นายทะเบียนท้องที่ตรวจสอบ ควบคุมปริมาณการ ใช้ การขนย้าย การเก็บรักษา ให้เป็นไปตามที่ทางราชการอนุญาตโดยเคร่งครัดทั้งต้นทางและปลายทาง (กรณีขนย้าย) ให้ถูกต้องตรงกัน และกำชับให้อำเภอท้องที่ ตรวจสอบ ควบคุมให้มีการระเบิดหินของ เหมืองหินต่าง ๆ ให้ตรงตามเวลาที่กำหนด (ในแต่ละวัน) เพื่อไม่ให้ราษฎรเดือดร้อน พร้อมกับได้กำหนด ให้อำเภอท้องที่จัดทำแผนการตรวจสอบการใช้วัตถุระเบิดสำหรับกิจการโรงโม่ บด และย่อยหิน ให้เป็นที่ ชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้ และมีการตั้งด่านตรวจสภาพยานพาหนะและการขนส่งมิให้มีการทำ วัสดุร่วงหล่นและเกิดฝุ่นละอองบนพื้นถนน |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1422 | 1.1 กระทู้ถามที่ 874 ร. เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทย 1.2 กระทู้ถามที่ 1017 ร. เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่น 1.3 กระทู้ถามที่ 1334 ร. เรื่อง ลานกีฬาหมู่บ้าน 1.4 กระทู้ถามที่ 1339 ร. เรื่อง การแยกเก็บและกำจัดขยะเปียก ขยะแห้งเพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดและกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน | สผ | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร รวม 4 เรื่อง ได้แก่ คำตอบกระทู้ถามที่ 874 ร. เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นของประเทศไทย คำตอบกระทู้ถามที่ 1017 ร. เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่น คำตอบกระทู้ถามที่ 1334 ร. เรื่อง ลานกีฬาหมู่บ้าน และคำตอบกระทู้ถามที่ 1339 ร. เรื่อง การแยกเก็บและ กำจัดขยะเปียก ขยะแห้งเพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดและกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน และให้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1423 | ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(ถูกยกเลิกโดย 10125/2549 เฉพาะเรื่องการนำบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครองฯ) | นร | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่นเสนอร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่า ด้วยจราจรทางบก เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดย ให้รับความเห็นบางประการของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ปัจจุบันองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งมีพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบทับซ้อนกันอยู่ อาจมีปัญหาในการปฏิบัติตามอำนาจ หน้าที่ที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดไว้ จึงควรพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ชัดเจนและควร นำหลักการเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกทั้งหมด รวมตรวจพิจารณาเป็นร่างพระราช บัญญัติเพียงฉบับเดียว ไปพิจารณาด้วย และโดยที่พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ได้บัญญัติให้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจการให้บริการสาธารณะแก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในกำหนดเวลา และกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ให้รัฐทำหน้าที่ประสานความ ร่วมมือและช่วยเหลือการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้จัดสรรภาษี และอากร เงินอุดหนุน และรายได้อื่น ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละ ประเภทอย่างเหมาะสมซึ่งการดำเนินการตามบทบัญญัติดังกล่าวจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ หากจะยกร่างกฎหมายฉบับหนึ่งเป็นกฎหมายกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับการกระจายอำนาจ โดยให้รัฐมนตรีมี อำนาจตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นเจ้าพนักงาน และกำหนดรายได้ ตลอดจนค่าธรรมเนียมได้ แทนการแก้ไขเพิ่ม เติมเป็นรายฉบับน่าจะเหมาะสมกว่า จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณา หากเห็นว่าสามารถดำเนินการตามแนวทางนี้ได้ก็ให้ยกร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี โดย ให้ประสานงานกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ ร่างพระ ราชบัญญัติต่าง ๆ ของกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐ บางฉบับเป็นร่างกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ฝ่าฝืนมีความผิด ทางอาญาและมีบทกำหนดโทษ ในกรณีที่เป็นความผิดเพียงเล็กน้อยและมีโทษปรับ หากจะต้องดำเนินคดีในทาง อาญาอาจเป็นความยุ่งยากและไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันจึงควรที่กระทรวงและหน่วยงาน ภาครัฐที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้พิจารณานำบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ส่วนที่ 8 การบังคับทางปกครองซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับการยึดหรืออายัดทรัพย์ สินและขายทอดตลาดเพื่อชำระเงิน ตามมาตรา 57, 58 และมาตรา 61 ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2542) และฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2542) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าว มาใช้บังคับหรือปรับ ปรุงกฎหมายให้สามารถนำมาตรการดังกล่าวมาใช้บังคับให้มากยิ่งขึ้น น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1424 | ร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ เพื่อแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ 2507 เพื่อ กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการหอพักในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น โดยที่พระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2507 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติหลายส่วนล้าสมัยและไม่สอด คล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เมื่อจะแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติในประเด็นตามที่ เสนอมานี้ สมควรจะได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้งฉบับเสียในคราวเดียวกัน จึงมอบให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาดำเนินการ โดย รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย ดังนี้ คำนิยาม "หอพัก" ตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่ ชัดเจนและมีปัญหาในทางปฏิบัติมาก สมควรพิจารณาปรับปรุงให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพสังคม ในปัจจุบันด้วย ทั้งนี้ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ แถลงไว้ต่อรัฐสภา จึงสมควรต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1425 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดยานยนต์ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | นร | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดยานยนต์ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยมี สาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการจอดยานยนต์ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย ยกเลิกพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดยานยนต์ในเขตเทศบาลและสุขาภิบาล พ.ศ. 2503 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นบางประการของ กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และโดยที่พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ได้บัญญัติให้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจการให้บริการสาธารณะแก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในกำหนดเวลา และกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ให้รัฐทำหน้าที่ประสาน ความร่วมมือและช่วยเหลือการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้จัดสรร ภาษีและอากร เงินอุดหนุน และรายได้อื่น ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ ละประเภทอย่างเหมาะสมซึ่งการดำเนินการตามบทบัญญัติดังกล่าวจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลาย ฉบับ หากจะยกร่างกฎหมายฉบับหนึ่งเป็นกฎหมายกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับการกระจายอำนาจ โดยให้ รัฐมนตรีมีอำนาจตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นเจ้าพนักงาน และกำหนดรายได้ ตลอดจนค่าธรรมเนียมได้ แทนการ แก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายฉบับน่าจะเหมาะสมกว่า จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นดังกล่าวไป พิจารณา หากเห็นว่าสามารถดำเนินการตามแนวทางนี้ได้ก็ให้ยกร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้น แล้วนำเสนอคณะ รัฐมนตรี โดยให้ประสานงานกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย นอก จากนี้ ร่างพระราชบัญญัติต่าง ๆ ของกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐ บางฉบับเป็นร่างกฎหมายที่กำหนดให้ ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดทางอาญาและมีบทกำหนดโทษ ในกรณีที่เป็นความผิดเพียงเล็กน้อยและมีโทษปรับ หากจะ ต้องดำเนินคดีในทางอาญาอาจเป็นความยุ่งยากและไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน จึงควร ที่กระทรวงและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้พิจารณานำบทบัญญัติ ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ส่วนที่ 8 การบังคับทางปกครอง ซึ่งบัญญัติเกี่ยว กับการยึดหรืออายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาดเพื่อชำระเงิน ตามมาตรา 57, 58 และมาตรา 61 ประกอบ กับกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2542) และฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2542) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติดัง กล่าวมาใช้บังคับหรือปรับปรุงกฎหมายให้สามารถนำมาตรการดังกล่าวมาใช้บังคับให้มากยิ่งขึ้น น่าจะมีความ เหมาะสมมากกว่า |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1426 | รายงานผลการตรวจราชการ | มท | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการตรวจราชการในพื้นที่จังหวัด
มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และขอนแก่น ระหว่างวันที่ 5 และ 6 มิถุนายน 2547 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย ซึ่งในการตรวจราชการดังกล่าวได้มีการประชุมเน้นย้ำนโยบายสำคัญของรัฐบาล และกระทรวง มหาดไทย ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่ บ้าน และผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ในเรื่องโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล การแก้ไขปัญหา สังคมและยากจนเชิงบูรณาการ ระบบบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการ การแก้ไขปัญหายาเสพติด การ แก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพล และการประหยัดพลังงาน รวมทั้งตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญ ของรัฐบาล และรับทราบปัญหาความต้องการของประชาชน อาทิ การเยี่ยมชมผลการดำเนินงานหมู่บ้าน ชุมชนเข้มแข็งเศรษฐกิจพอเพียง เครือข่ายกลุ่มอาชีพเพาะเห็ด ขนมจีน สมุนไพร ปุ๋ยชีวภาพ และการทอผ้า ซึ่งเป็นตัวอย่างของกิจการที่สอดคล้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกันเป็นวงจรกล่าวคือ การผลิตสินค้าประเภทหนึ่ง โดยนำผลของการผลิตผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งมาใช้เป็นวัตถุดิบ และการตรวจสภาพพื้นที่ตำบลหนองกุง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งราษฎรได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากภาวะน้ำท่วมในแต่ละปี โดยถึงฤดู น้ำหลากน้ำจะท่วมเส้นทางคมนาคมเข้าบ้านบึงกลางเป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 4 เดือนของทุกปี เป็น ผลให้ราษฎร 120 ครัวเรือนเดือดร้อน แนวทางในการแก้ไขปัญหา ควรจัดทำโครงการก่อสร้างสะพานและ ถนน ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทเศษ ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1427 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การฝากเงินของกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์การและบริษัทต่าง ๆ ของรัฐบาล | คค | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือกรมสารบรรณคณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหารเกี่ยวกับการฝากเงินของกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์การและบริษัทต่าง ๆ ของรัฐบาล รวม 9 ฉบับ เนื่องจากมีระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่ง คลังของส่วนราชการ พ.ศ. 2520 ระเบียบว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2520 ข้อบังคับว่า ด้วยวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการเงินขององค์การ พ.ศ. 2495 และข้อบังคับว่าด้วยการฝากเงินและถอนคืนเงินต่อ กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2495 กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ และเห็นชอบหลักเกณฑ์การฝากเงินของรัฐ วิสาหกิจ องค์การ บริษัทต่าง ๆ ของรัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้โรงงานหรือองค์การของรัฐบาลส่งรายได้ทุกประเภทต่อกระทรวงการคลังโดยเคร่งครัด หากมีความ จำเป็นที่จะสงวนไว้เป็นทุนหมุนเวียน และหรือการลงทุนขยายงาน ก็ให้ฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ และให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบให้เป็นไปโดยเคร่งครัดด้วย กับให้รัฐวิสาหกิจที่นำเงินกองทุน สงเคราะห์ไปแสวงหาประโยชน์ไม่ว่ารัฐวิสาหกิจจะกำหนดข้อบังคับหรือระเบียบไว้ประการใด ให้กระทำได้แต่ โดยการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลหรือฝากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ห้ามมิให้นำเงินกองทุน ฯ ไปให้ นิติบุคคลที่เป็นเอกชนหรือบุคคลภายนอกกู้ยืมโดยเด็ดขาด สำหรับรัฐวิสาหกิจใดที่ได้กระทำไปก่อนแล้ว เมื่อ ถึงกำหนดตามสัญญาให้เรียกเงินคืนให้เป็นการเสร็จสิ้นไป อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องนำเงินกองทุน ฯ ให้พนักงานของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ กู้ยืม ผ่อนผันให้กระทำได้ แต่การให้กู้ยืมจะต้องมีหลักทรัพย์และหรือบุคคล ค้ำประกัน ทั้งนี้ แล้วแต่จะจำกัดวงเงินที่เห็นสมควร และจะต้องคิดดอกเบี้ยไม่น้อยกว่าที่รัฐวิสาหกิจต้องจ่าย ดอกเบี้ยเงินสะสม (หรือเงินทุนประเภท 1) ให้แก่พนักงาน นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเงินมาฝากกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ยกเว้นกรณีที่ธนาคารที่เป็นรัฐวิสาห กิจไม่สามารถรับดำเนินการให้บริการได้ หรือไม่มีธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจในพื้นที่ ให้เสนอกระทรวงการ คลังพิจารณาผ่อนผันให้ใช้บริการของธนาคารพาณิชย์อื่นได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1428 | กระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว จำนวน 3 เรื่อง 1.1 กระทู้ถามที่ 1105 ร. เรื่อง ส่งเสริมการเลี้ยงอูฐ 1.2 กระทู้ถามที่ 1309 ร. เรื่อง ส่งเสริมการท่องเที่ยวไร่องุ่น จังหวัดชัยภูมิ 1.3 กระทู้ถามที่ 1315 ร. เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยว "ดอกกระเจียวบาน" จังหวัดชัยภูมิ | นร | 01/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามของนายนิยม
วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี รวม 3 เรื่อง ได้แก่ กระทู้ถามที่ 1105 ร. เรื่อง ส่งเสริมการ เลี้ยงอูฐ กระทู้ถามที่ 1309 ร. เรื่อง ส่งเสริมการท่องเที่ยวไร่องุ่น จังหวัดชัยภูมิ และกระทู้ถามที่ 1315 ร. เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยว "ดอกกระเจียวบาน" จังหวัดชัยภูมิ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดย สาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามดังกล่าวสรุปได้ดังนี้ คำตอบกระทู้ถามที่ 1105 ร. กรมปศุสัตว์ได้มีการนำอูฐ เข้ามาในประเทศไทยเพื่อการทำวิจัยเมื่อปี พ.ศ. 2538 ซึ่งผลการวิจัยพบว่า การผลิตอูฐภายใต้สภาพแวดล้อม ภูมิอากาศของประเทศไทย สามารถเลี้ยงและขยายพันธุ์ได้เช่นเดียวกับการเลี้ยงในแถบทะเลทราย สำหรับโครง การวิจัยเพื่อการผลิตอูฐในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาค้นคว้าเพื่อหาแนวทางและความเป็นไปได้ใน การส่งเสริมการเลี้ยงให้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ คำตอบกระทู้ถามที่ 1309 ร. การพัฒนาไร่องุ่นให้เป็นแหล่งท่อง เที่ยวของจังหวัดชัยภูมิ ให้มีความสะดวกสบายและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทยยินดีที่จะประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไร่องุ่น จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนในวงกว้างต่อ ไป อย่างไรก็ตาม การพัฒนาไร่องุ่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ชัยภูมิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถตั้งงบประมาณเสนอโครงการพร้อมรายละเอียดที่จะขอรับการสนับ สนุนต่อคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัด และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบ ก็จะเสนอ โครงการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของโครงการงบประมาณเชิงบูรณา การเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2549 ต่อไป ส่วนกระทู้ถามที่ 1315 ร. รัฐบาลมีนโยบาย ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดชัยภูมิ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จังหวัดได้ส่งแผนงาน/โครงการเพื่อ ขอรับการสนับสนุนเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ส่วนการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยว ดอกกระเจียวบาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จังหวัดชัยภูมิ โดยผู้ว่าราชการจังหวัด (CEO) ได้มอบหมาย ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิเป็นเจ้าภาพจัดงานร่วมกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงามและกรมป่าไม้ อำเภอ เทพสถิต ตำรวจ เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งในพื้นที่อำเภอเทพสถิต หอการค้า จังหวัดชัยภูมิ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ โดยมีการแบ่งความรับผิดชอบหลัก ดังนี้ งานประชาสัมพันธ์ แถลงข่าวติดตั้งป้าย มอบหมายให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้รับผิดชอบ งานพิธีเปิด มอบหมาย ให้หอการค้าจังหวัดชัยภูมิ และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้รับผิดชอบ งานการเจรจาและการอำนวย ความสะดวกอื่น ๆ มอบหมายให้ตำรวจ เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล และอำเภอเทพสถิตเป็นผู้รับ ผิดชอบ และงานสถานที่มอบหมายให้อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และกรมป่าไม้ เป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับกรณี ที่จะให้กองทัพภาคที่ 2 มาร่วมกันเพื่อสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวก็จะมีส่วนสำคัญที่จะ ให้มีการประชาสัมพันธ์ แ ละมีกิจกรรมเพิ่มเพื่อเสริมสร้างให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้นโดยอาจ มีการเพิ่มกิจกรรมต่าง ๆ ของกองทัพภาคที่ 2 เข้ามาเสริมในงาน เช่น กิจกรรมการโดดร่ม การจัดนิทรรศการ แสดงยุทโธปกรณ์ในงาน เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1429 | ขอมาตรการในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ | กค | 18/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1.2
(ฝ่ายความมั่นคง และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการใน การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ ประกอบด้วย มาตรการที่กำหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุต้องดำเนินการ มาตร การที่กำหนดให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ต้องดำเนินการ และมาตรการเสริมที่กำหนดให้หน่วย งานอื่นให้การสนับสนุน โดยให้ปรับปรุงจากมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่มีอยู่เดิม จำนวน 10 มติ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2532 วันที่ 21 สิงหาคม 2533 วันที่ 4 พฤษภาคม 2536 วันที่ 27 ธันวาคม 2537 วันที่ 30 พฤษภาคม 2538 วันที่ 22 เมษายน 2539 วันที่ 29 กรกฎาคม 2540 วันที่ 25 มิถุนายน 2545 วันที่ 8 เมษายน 2546 และวันที่ 3 มิถุนายน 2546 มารวมให้เป็น มติเดียว โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า มาตรการเพิ่มเติมที่กรมธนารักษ์ กำหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครอบครองใช้ ประโยชน์ในที่ราชพัสดุต้องดำเนินการนั้น กรมธนารักษ์ควรมีเกณฑ์ปฏิบัติและกลไกในการกำกับดูแลให้ ชัดเจน เช่น การกำหนดบทบาท อำนาจ และหน้าที่ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ และตารางเวลาสำหรับให้หน่วยงาน ผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง เป็นต้น รวมทั้งเรื่องความรับผิดชอบกรณี ที่เกิดการบุกรุกที่ราชพัสดุ ควรเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างกรมธนารักษ์และหน่วยงานผู้ครอบ ครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1430 | รายชื่อกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว จำนวน 2 เรื่อง 1.1 กระทู้ถามที่ 1142 ร. เรื่อง นโยบายและมาตรการของรัฐบาลในการส่งเสริมการอ่านหนังสือ : ศธ.มท. 1.2 กระทู้ถามที่ 1296 ร. เรื่อง นโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน : กค. | นร | 18/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1142 ร.
เรื่อง นโยบายและมาตรการของรัฐบาลในการส่งเสริมการอ่านหนังสือ ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และกระทู้ถามที่ 1296 ร. เรื่อง นโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ของ นายนริศร ทองธิราช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามสรุปได้ดังนี้ คำตอบกระทู้ถามที่ 1142 ร. กระทรวงศึกษาธิการ โดย กรมวิชาการ ได้มีนโยบายและแผนพัฒนาหนังสือของคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ได้แก่ นโยบายใน การพัฒนาหนังสือ นโยบายในการส่งเสริมการอ่าน นโยบายส่งเสริมการผลิต การเผยแพร่ และการจำหน่าย นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมใน ชุมชน สถาบันการศึกษา และองค์กรต่าง ๆ ทั้งในท้องถิ่นและในระดับชาติ เพื่อให้มีการตื่นตัวในการอ่าน หนังสือตลอดมา โดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแนวทางดำเนินการ ได้แก่ (1) การสร้าง เครือข่ายในสถานศึกษากับท้องถิ่น การสร้างเครือข่ายร่วมกับภาคเอกชนและองค์กรอื่น และการพัฒนาห้อง สมุดให้เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ (2) การส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาการอ่าน (3) จัดโครงการปีแห่งการ ส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในมงคล วโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ 48 พรรษา ส่วนกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายและแนวทางการส่งเสริมให้มีกิจ กรรมเพื่อให้มีการตื่นตัวในการอ่านหนังสือ โดยจัดสรรงบประมาณอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อใช้จ่ายในการจัดซื้อหนังสือ วารสาร และหนังสือประจำห้องสมุด เพื่อส่งเสริมสนับสนุนประชาชนได้มีการ อ่านหนังสือมากขึ้น และกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการศึกษาและสำนักสวัสดิการสังคม มีนโยบายส่งเสริม การอ่าน และการเรียนรู้ของเยาวชนและประชาชนทั่วไปเพื่อให้มีการตื่นตัวในการอ่านหนังสือ สำหรับกระทู้ ถามที่ 1296 ร. หลักเกณฑ์ในการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน คือ ใช้สินทรัพย์ที่ครอบครอง หรือได้รับอนุญาต จากหน่วยงานของรัฐตามกฎหมาย เพื่อเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อนำไปลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้ นโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2546 และกำหนดให้ดำเนินโครงการเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มกราคม 2547 ซึ่งแผนปฏิบัติการระยะยาว มีเป้าหมาย ดำเนินการ 5 ปี (พ.ศ. 2547-2551) โดยมีสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) เป็นองค์กรที่รับผิดชอบดำเนินการตามนโยบาย สำหรับหน่วยงานที่ปฏิบัติการเกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์ เป็นทุน แบ่งเป็นหน่วยงานดำเนินงานสินทรัพย์แต่ละประเภท และสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้แก่ ประเภทที่ดินและทรัพย์สินติดกับที่ดิน คือ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมที่ดิน ประเภทสัญญาเช่า คือ การเคหะแห่งชาติ กรมธนารักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประเภทหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่สาธารณะและหนัง สือรับรองอื่น ๆ คือ กรุงเทพมหานคร กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ประเภททรัพย์สินทางปัญญา คือ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทเครื่องจักร คือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสถาบันการเงิน เช่น ธนา คารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น และนอกจากหน่วยงานของรัฐและสถาบันการ เงินดังกล่าวแล้ว ยังมีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับสำนักงานบริหารการแปลงสิน ทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) ดำเนินการออกแบบ จัดระบบและปรับปรุงข้อมูลให้เป็นข้อมูลสารสนเทศ และส่งผ่านระบบได้ โดยในระยะเริ่มต้นให้สำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) เน้นการติดตามและประเมินผล การเผยแพร่ข้อมูล และการเชื่อมโยงกับศูนย์ปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรี (Prime Minister Operation Center : PMOC)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1431 | การปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น | นร | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอรับเรื่องการปรับปรุงกฎ
หมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นไปพิจารณา เนื่องจากปัจจุบันรัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอิสระในการบริหารงานบุคคลซึ่งส่งผลให้การบริหารงานบุคคลในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่จัดการโดยรัฐ เป็นการบริหารงานบุคคลโดยองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น และกำหนดให้การบริหารงานบุคคลในเรื่องการโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน และ การลงโทษ ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ดังนั้น การเสนอร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงาน บุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... จะต้องมีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และโดยที่ร่างพระ ราชบัญญัติที่สำนักนายกรัฐมนตรี ฯ เสนอ ยังมีบทบัญญัติในบางมาตราที่จะส่งผลกระทบต่อระบบราชการ เช่น ร่างมาตรา 22 กำหนดให้ประธานคณะอนุกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัด มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะทำให้ขาดการเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายสำคัญที่ต้องการให้มี ผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) เป็นต้น ประกอบกับขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตั้งคณะกรรม การพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงกฎหมายว่าด้วย ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นด้วย เพื่อให้การบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบที่เชื่อมโยงต่อกฎหมายหลาย ๆ ฉบับ ทั้งนี้ ให้นำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา ภายในระยะเวลา3 เดือน แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ หมายฯ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการพิจารณา โดยเชิญรองนายก รัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เข้าร่วมพิจารณาทั้งระบบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1432 | การจ้างนักเรียน/นักศึกษาในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน | นร | 11/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอโครงการจ้างนักเรียน/นักศึกษาในช่วง ปิดภาคฤดูร้อน โดยมีเป้าหมายการจ้างนักเรียน/นักศึกษาในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 8,000 คน และมีวัตถุประสงค์เพื่อทราบข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และการกระจาย อำนาจให้แก่ อปท. รวมทั้งเพื่อทราบถึงบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมบริการสาธารณะ โดยให้รับ ความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจ้างงาน นักเรียน/นักศึกษาโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามโครงการ ฯ ควรพิจารณาปรับระยะเวลาการดำเนิน งานโครงการเป็นการทำงานนอกเวลาเรียน หรือหลังจากเลิกเรียน และหากสามารถเน้นกลุ่มเป้าหมายเด็ก ที่จะจ้างทำงานพิเศษนี้ เป็นเด็กที่ครอบครัวมีฐานะยากจน ก็ช่วยตอบสนองต่อการบรรเทาปัญหาความยาก จนในชุมชนได้อีกทางหนึ่งไปพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นใช้จ่ายจาก งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็น จำนวน 14,314,000 บาท |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1433 | การปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ | มท | 04/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพ วิธีการ
เข้าสู่ตำแหน่ง และวาระการดำรงตำแหน่ง รวมทั้งการประเมินผลการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยวิธีการ เข้าสู่ตำแหน่งของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ควรมาจากการเลือกของประชาชน ส่วนวาระการดำรงตำแหน่งควรมีความ ต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน ให้ดำรงตำแหน่งคราวละ 10 ปี และให้มีการประเมินผลการทำงานทุก ๆ 5 ปี หาก ผ่านเกณฑ์ประเมิน ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้อีกไม่เกิน 5 ปี รวมระยะเวลาอยู่ในตำแหน่งคราวละไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันเข้าสู่ตำแหน่ง หากไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน ให้พ้นจากตำแหน่งและสามารถสมัครเข้ารับเลือกใหม่ได้ โดย ผู้ดำรงตำแหน่งจะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการ ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้พิจารณาด้วยว่า การปรับ ลดจำนวนแพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ภายในระยะเวลา 5 ปี ตามหนังสือกระทรวง มหาดไทย ด่วนมาก ที่ มท 0310.2/1275 ลงวันที่ 30 มกราคม 2547 หากจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระ ราชบัญญัติดังกล่าว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ก็ให้ดำเนินการไปได้ แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.1 (ฝ่ายความสงบเรียบร้อยและแรงงาน) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา) เป็นประธานกรรมการพิจารณา โดยเชิญรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เข้า ร่วมพิจารณาด้วย และให้ปรับเพิ่มอัตราเงินค่าตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สาร วัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ โดยให้ปรับเพิ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547 เป็นต้นไป ดังนี้ กำนัน 4,000 บาทต่อเดือน ผู้ใหญ่บ้าน 3,000 บาทต่อเดือน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2,000 บาทต่อเดือน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ทั้งนี้ ให้ปรับลดจำนวนแพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ภายในระยะเวลา 5 ปี (1 มีนาคม 2547-30 กันยายน 2552) อย่างเข้มงวดและจริงจัง โดยจะต้องไม่กำหนด ตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นมาทดแทนการลดจำนวน ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถลดงบประมาณในด้านนี้ได้อย่างแท้ จริง นอกจากนี้ โดยที่มีการร้องเรียนอยู่เสมอว่า ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ได้รับค่า ตอบแทนในอัตราที่ไม่เหมาะสม เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นดังกล่าว จึงมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาแนวทางการเพิ่มค่าตอบแทนในลักษณะอื่นแทนการ ปรับเพิ่มค่าตอบแทนเป็นรายเดือน อาทิเช่น เงินรางวัล (bonus) จากการบริหารจัดการขององค์กรอย่างมี ประสิทธิภาพ และแนวทางการเสนอขอรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับความดีความชอบที่ได้ ปฏิบัติงานเป็นประโยชน์แก่ราชการว่าจะมีความเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด โดยให้หารือรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประกอบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1434 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี | ทส | 27/04/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี โดยมี ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและราชการส่วนท้องถิ่น ตรวจสอบความทึบแสงของฝุ่นละอองจากโรงโม่ บดและย่อย หินในพื้นที่หน้าพระลาน 37 โรงงาน พบว่า เกินเกณฑ์มาตรฐาน 11 โรงงาน จึงแจ้งให้กรมอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ดำเนินการตามกฎหมาย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้สั่งการเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2547 ให้โรงโม่ทั้ง 11 แห่ง หยุดประกอบกิจการ เพื่อปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ภายใน 60 วัน ในส่วนของการตรวจสอบพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และปลัดกระทรวง ฯ (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) พร้อมคณะ ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พร้อม ทั้งได้สั่งการให้กรมป่าไม้แจ้งความ ดำเนินคดีกับเหมืองแร่ที่กระทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ในเรื่องการบุกบุก แผ้วถางป่า และลักลอบขุด ระเบิด ย่อยหิน บริเวณตำบลหน้าพระลาน จำนวน 6 ราย รวมทั้งได้มีคำสั่งย้ายข้าราชการในพื้นที่จังหวัดสระบุรีที่เกี่ยวข้อง และตั้งคณะกรรมการ สอบข้อเท็จจริง สำหรับการติดตามตรวจสอบสถานการณ์ของฝุ่นขนาดเล็กในบรรยากาศ ได้ตรวจสอบที่ บริเวณโรงเรียนหน้าพระลานอย่างต่อเนื่อง พบว่า ความเข้มข้นของฝุ่นขนาดเล็กมีแนวโน้มลดลง ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ได้ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีและหัวหน้าส่วนราช การที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย โดยได้สั่งการและมอบนโยบายให้จังหวัดสระบุรีเข้มงวดการตรวจสอบการกระทำ ความผิดให้ครบถ้วน รวมทั้งดำเนินคดีตามกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระราชบัญญัติการ สาธารณสุข พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียม อาวุธปืน พ.ศ. 2490 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2543 และให้รายงานมาที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ทุก สัปดาห์ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1435 | การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งควรมีการสำรวจ
แหล่งน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ แล้วพัฒนาให้เกิดความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ บางพื้นที่อาจใช้ระบบประปาผิวดิน บางแห่งอาจจะต้องขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแทน และโดยที่งานเจาะบ่อน้ำบาดาลเป็นงานที่ต้องถ่ายโอนงาน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันส่วน ใหญ่ยังขาดความพร้อมที่จะดำเนินการ จึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับเรื่องนี้ไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน และ กรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ เพื่อเร่งสำรวจพื้นที่เพื่อการ พัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเพิ่มเติมตามความจำเป็น ความเร่งด่วน และเหมาะสมของแต่ ละพื้นที่
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1436 | (ร่าง) กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่
มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ (ร่าง) กรอบ ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ใช้เป็นกรอบในการจัดทำ (ร่าง) นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2547-2556 และแผนปฏิบัติการต่อไป โดยให้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และให้สำนักงบ ประมาณสนับสนุนงบประมาณการพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ เพื่อให้การแปลงยุทธศาสตร์เป็นไป อย่างครบวงจร โดยให้รับข้อสังเกตของ คกก.6 ไปพิจารณาดำเนินการด้วยดังนี้ ขณะนี้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีงบประมาณประจำปีอยู่บ้างแล้ว อาจเป็นการไม่บูรณาการ แต่ขอให้ใช้งบประจำปีไปก่อน สำนักงบประมาณได้ กำหนดแนวทางในการจัดสรรงบประมาณจากวาระแห่งชาติ ซึ่งในปี พ.ศ. 2548 ได้เน้นเรื่องการเพิ่มการพัฒนา ทุนทางสังคมหากจะให้ชัดเจนควรเตรียมการวางแผนแบบบูรณาการในปี พ.ศ. 2549 โดยให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเจ้าภาพกำหนดเป้าหมายร่วมกันหาวิธีการจัดทำแนวทางให้บรรลุเป้าหมาย และกำหนดผลตอบแทนของแผน กำหนดหน่วยงานสนับสนุน และแต่ละกระทรวงไปกำหนดงบประมาณ ทั้งนี้ ควรมีแผนหลักของรัฐบาลเป็นแผนเดียว เมื่อพิจารณารายละเอียดของยุทธศาสตร์การพัฒนาแล้วเห็นว่าเกี่ยวข้อง กับหลายกระทรวง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ ควรจะบูรณาการในส่วน นี้ได้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่แล้วก็ควรเพิ่มบทบาทบูรณาการ กับหน่วยงานอื่น ก็จะสามารถเตรียมดำเนินการปี พ.ศ. 2549 ได้ หากจะขยายไปอีก 10 ปี ก็ค่อยทำแผนต่อไป และหากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะดำเนินการกิจกรรมควรเชิญผู้แทนท้องถิ่นเข้ามา ร่วมคิดและร่วมดำเนินการด้วย เนื่องจากส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณอยู่แล้ว จึงควรเข้ามามีส่วนร่วมในการแปลง แผนไปสู่การปฏิบัติจะทำให้ภาครัฐดำเนินการได้สำเร็จ และหากแผนนโยบายดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และ ไม่ขัดแย้งกับกรอบยุทธศาสตร์ ฯ ของ สศช. ก็ควรที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ส่วน การบูรณาการแผนอาจเริ่มในปี พ.ศ. 2548-2549 เมื่อทำแผนบูรณาการก็ควรเตรียมในเรื่องงบประมาณด้วย ดังนั้น สำนักงบประมาณควรสนับสนุนในเรื่องงบประมาณดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ควรเอางานเป็นตัวตั้งไม่ควรเอางบประมาณเป็นตัวตั้ง โดยที่งานทางสังคมมีความอ่อน ในทางวิชาการ หากใช้งานวิจัยนำร่องก็จะเป็นประโยชน์ เพราะสามารถประชาสัมพันธ์ผลการวิจัยเพื่อรณรงค์ให้ มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่ดีและไม่เหมาะสมในสังคมได้ นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ควรรณรงค์ให้ท้องถิ่นเห็นความสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องของความสมัครใจไม่ใช่การบังคับ และเมื่อจัด ทำโครงการ/กิจกรรมในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ให้คำนึงถึงเรื่องการสร้างระเบียบวินัยและค่านิยมที่ถูกต้อง ให้กับสมาชิกในครอบครัว ตามข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของคณะกรรมการ สศช. |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1437 | การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | ทส | 20/04/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม) ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเสนอ ให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี ดังนี้ ให้กระทรวง อุตสาหกรรม โดยกรมควบคุมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ควบคุม สถานประกอบการที่ดำเนินกิจการโรงโม่ บด และย่อยหิน และการทำเหมืองหิน ให้มีการปฏิบัติเพื่อมิให้เกิด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ให้หน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค และหน่วยงานราชการส่วนท้อง ถิ่นตรวจสอบและเฝ้าระวังมิให้มีการทำเหมืองผิดกฎหมายและจับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 อย่างเคร่งครัด ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยและกรมควบคุมโรค เฝ้าระวังและศึกษา ผลกระทบของฝุ่นละอองต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมนำเรื่องการกำหนดโรงโม่ บด และย่อยหิน เป็นสถานประกอบการที่ต้องมีการจัดทำรายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเรื่องการประกาศให้พื้นที่บริเวณหน้าพระลาน เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวด ล้อมและเขตควบคุมมลพิษ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 เสนอคณะ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป กับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอขอตั้งงบประมาณเพื่อให้ท้องถิ่นดำเนินการในการควบคุมและ แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี ต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การประกาศให้ พื้นที่บริเวณดังกล่าว ให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและเขตควบคุมมลพิษ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 นั้น เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบแล้ว ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการออกประกาศโดยด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบ นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณ สุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ จนกว่าจะมีมติเปลี่ยนแปลง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 1438 | การดำเนินโครงการหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน/ชุมชน | มท | 20/04/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประชา มาลีนนท์) เสนอ
ขอถอนเรื่องการดำเนินโครงการหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน/ชุมชน คืนไปได้ โดยให้นำไปทบทวนแนวทางการ ดำเนินการโครงการอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการ ด้วยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการจัดสรรงบประมาณ เพื่อการดำเนินการโครงการนี้ ที่ได้จัดให้เป็นเงินอุดหนุนทั่วไปแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้แล้ว จึงควรเร่งรัด การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546 เรื่อง การขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานหอกระจายข่าวที่ให้จัดทำระเบียบหลักเกณฑ์เกี่ยวกับหอ กระจายข่าวให้ครอบคลุมถึงค่าบริการใช้หอกระจายข่าว การครอบครองดูแลรักษาและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้ รวมถึงการจัดทำแนวทางการดำเนินการ รูปแบบ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ (specification) และรายละเอียด อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา บำรุงรักษาและรองรับการเพิ่มเติมเทค โนโลยีในอนาคตด้วย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการและถือปฏิบัติ ร่วมกันต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1439 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 105,610.70 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 4/2547 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 โดยจัด สรรให้กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาตามสัดส่วนที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในกรอบสัดส่วนร้อยละ 22.50 และภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนในปี พ.ศ. 2548 โดยกรุงเทพมหานคร ได้รับ จัดสรร 11,360.03 ล้านบาท เมืองพัทยา ได้รับจัดสรร 1,352.32 ล้านบาท จัดสรรให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยตั้งงบประมาณไว้ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 2,392.84 ล้านบาท และจัดสรรให้องค์การบริหารส่วน จังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล โดยตั้งงบประมาณไว้ที่กรมส่งเสริมการปก ครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จำนวน 90,505.51 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายในบางรายการให้สำนักงบ ประมาณพิจารณาปรับปรุงให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงด้วย ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นประโยชน์และตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่าง แท้จริง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพแต่การกระจายอำนาจจากส่วนกลาง ไปสู่ส่วนท้องถิ่นจะต้องดำเนินไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงของสังคมไทย ดังนั้น กกถ. จึงควรจัดให้มีการสำรวจ ศึกษา และวิจัยในเรื่องที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ ๆ สำหรับในระยะเร่งด่วนควรจัดทำคู่มือ การปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||
| 1440 | กระทู้ถามที่ 994 ร. เรื่อง ยุทธศาสตร์การยกระดับรายได้เกษตรกรไทย | สผ | 07/04/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 994 ร.
เรื่อง ยุทธศาสตร์การยกระดับรายได้เกษตรกรไทย ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายดำเนินการยกระดับรายได้และฐานะของเกษตรกรไทย ได้แก่ การพัฒนาและกระจายแหล่งน้ำให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย การจัดที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรและจัดสร้าง โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นทางการเกษตรให้แก่สถาบันเกษตรกร การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตผลทาง การเกษตร การจัดให้มีศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล รวมไปถึงการจัดทำ คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ และการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรหลังการพักชำระหนี้ รวมทั้งได้มีการจัดทำแผนบูรณา การของส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการที่จะนำไปปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การยกระดับราย ได้และฐานะของเกษตรกร โดยให้หน่วยงานในสังกัด เกษตรกร และองค์กรเกษตร ร่วมกันพิจารณา กำหนดแนวทางและจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรแบบบูรณาการเพื่อนำไปปฏิบัติ สำหรับการจัดทำแผน บูรณาการร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ ในการนำไปปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การยกระดับรายได้และฐานะของเกษตร กร โดยประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนงานโครงการแบบ บูรณาการเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนเกษตร อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตผลการเกษตร โดย การเชื่อมโยงการแปรรูปผลผลิตการเกษตรกับโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ส่วนปีต่อไปมีแผน บูรณาการที่จะดำเนินการ 12 แผน ได้แก่ การฟื้นฟูหลังน้ำท่วม การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา การแก้ไขปัญหาความยากจน การวิจัยของประเทศ การพัฒนาระบบฐานข้อมูล การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ การส่งเสริมการ ท่องเที่ยว การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมและพัฒนา อาหารฮาลาลให้เป็นสินค้าออก และการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
