ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 73 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1441 - 1460 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1441 | กระทู้ถามที่ 452 เรื่อง การก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกต | สผ | 30/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 452
เรื่อง การก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกต ของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรังและมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อ ไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า การดำเนินการก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกตเพื่ออำนวย ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของจังหวัดสามารถตั้งงบประมาณเพื่อการนั้นได้ แต่หากเป็นโครงการใหญ่เกินความสามารถของท้องถิ่น ก็สามารถเสนอโครงการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา หรืออาจเสนอโครงการมายังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอรับการพิจารณากลั่นกรอง คัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของโครงการงบประมาณเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. 2547-2549 ได้ สำหรับการกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวถ้ำมรกต องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบสามารถขอความร่วมมือและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนด มาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยวได้ สำหรับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำลังดำเนินการ ประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใน ระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยว และ พิจารณากำหนดมาตรการในการรักษาสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณถ้ำมรกตด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1442 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไข
เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คืนไปได้ โดยให้พิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะประเด็น การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจ เพื่อให้การปฏิบัติ งานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาศึกษาขอบเขตอำนาจหน้าที่และเกณฑ์การ จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งระบบ รวมทั้งพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ สอดคล้องไปในคราวเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||
| 1443 | หลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ซึ่ง
พิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เนื่องจากหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 ที่กำหนด ให้เลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในวันที่ 1 เมษายน กำหนดให้เลื่อนเงินเดือน 1 ขั้นได้ไม่เกิน ร้อยละ 15 ของ จำนวนข้าราชการ ณ วันที่ 1 มีนาคม โดยต้องอยู่ในวงเงินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้าราช การ ณ วันที่ 1 กันยายน ด้วย และครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 ตุลาคม ให้เลื่อนได้ไม่เกินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้า ราชการ ณ วันที่ 1 กันยายน โดยให้นำเงินที่ใช้ในการเลื่อนขั้นเงินเดือนในครั้งที่ 1 มาหักออกก่อน นั้น ทำให้ พนักงานส่วนตำบลในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขนาดเล็กที่มีพนักงานส่วนตำบลจำนวนไม่เกิน 7 คน ซึ่งมีมากกว่า 5,000 แห่ง จาก อบต. ทั้งหมด 6,738 แห่ง ไม่สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งปี 2 ขั้นได้ เนื่องจาก ติดขัดในเรื่องโควตา ร้อยละ 15 ของจำนวนพนักงานส่วนตำบล ณ วันที่ 1 มีนาคม และเรื่องโควตา ร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนพนักงานส่วนตำบล ณ วันที่ 1 กันยายน ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นเจ้าของเรื่องรับประเด็น อภิปรายของ คกก.7 ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับปัญหาการเลื่อน ขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลทั้งระบบ โดยให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และไม่ขัดต่อกฎ หมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยในระหว่างนี้ เห็นควรให้ ใช้เกณฑ์การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 กับการพิจารณาเลื่อน ขั้นเงินเดือนของพนักงานส่วนตำบลต่อไป แต่ให้นำโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของพนักงานส่วนตำบลขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งปี 2 ขั้นได้ในจังหวัด นั้น ให้คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล จังหวัด พิจารณาจัดสรร โดยให้มีเกณฑ์การประเมินที่โปร่งใสและเป็นธรรม |
|||||||||||||||||||||
| 1444 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 | กค | 30/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถ
ก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ต่อไป ดังนี้ รายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 (มิถุนายน 2547) ประกอบด้วย (1) รายการที่อยู่ ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างก่อนสิ้นไตรมาสที่ 2 (2) รายการที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการ เอง ได้แก่ งานที่ต้องดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาหรือฤดูกาล (3) รายการที่มีปัญหาอุปสรรค เนื่องจากปัจจัยภายนอก หรือรายการที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานอื่น (4) รายการที่ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจได้รับจัดสรรงบประมาณ ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และ/หรือส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนปฏิบัติการและแผน การใช้จ่ายงบประมาณที่จะจัดซื้อจัดจ้างหลังไตรมาสที่ 2 ซึ่งสำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบแผน ฯ แล้ว และ (5) รายการที่หน่วยงานสังกัดส่วนราชการส่วนกลางแต่มีสำนักงานที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค หรือส่วนราชการ ในภูมิภาคได้รับการโอนจัดสรรเงินประจำงวดจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจส่วนกลางล่าช้า จนไม่สามารถ ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 และรายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 ประกอบด้วย (1) งบอุดหนุน ที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (2) งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อ การเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) และงบกลาง ราย การค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้านบาท) ทั้งนี้ ให้หัวหน้าส่วนราชการเร่งโอนเงินประจำงวดให้หน่วยงานในภูมิภาคโดยเร็ว และให้ถือว่า การดำเนินการ ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาประสิทธิภาพของหัวหน้าส่วนราชการ |
|||||||||||||||||||||
| 1445 | กระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การสัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด | คค | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การ
สัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบ สรุปได้ว่า ถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง ตำบลนาซ่าว ถึง บ้านห้วยสีดา ตำบลหาดทรายขาว อำเภอเชียง คาน จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวง ท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว คือ สาย ลย 5178 บ้านใหม่ศาลาเฟือง-บ้านผา มุม ระยะทาง 4.247 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลนาซ่าว และสาย ลย 5177 บ้านห้วยสีดา-บ้านสาระแพ ระยะทาง 8.768 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหาร ส่วนตำบลหาดทรายขาว ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุง ถนนสายดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
| 1446 | กระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การ
ก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ถนนสายบ้านห้วยบ่อซืน ตำบล ห้วยบ่อซืน อำเภอปากชม เชื่อมต่อบ้านนาดอกคำ ตำบลนาดอกคำ อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวงท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์การ บริหารส่วนจังหวัดเลยรับผิดชอบแล้ว คือ สาย ลย 3023 บ้านกลาง-บ้านโพนสว่าง อำเภอปากชม ระยะทาง 33.500 กิโลเมตร และสาย ลย 3045 บ้านนาด้วง-บ้านนาดอกคำ อำเภอนาด้วง ระยะทาง 7.881 กิโล เมตร ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงถนนสายดังกล่าว รวม ทั้งการก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวงในชนบทปัจจุบันมีการแบ่งแยกให้มีความชัดเจนตามความรับผิดชอบ กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด |
|||||||||||||||||||||
| 1447 | กระทู้ถามที่ 1279 ร. เรื่อง ปัญหาท่อระบายน้ำทรุด | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1279 ร. เรื่อง ปัญหา
ท่อระบายน้ำทรุด ของนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ และให้ประกาศในราช กิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักของประเทศ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายคมนาคมภายในประเทศ เพื่อให้เชื่อมโยงต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และมีหน่วยงานในสังกัดที่มีภารกิจด้านการก่อสร้างถนน คือ กรมทางหลวง รับผิดชอบก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างจังหวัด อำเภอต่าง ๆ ส่วนกรมทางหลวงชนบท รับผิดชอบ โครงข่ายสายรองที่เชื่อมระหว่างกรมทางหลวง และยังมีภารกิจที่ต้องสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ รับโอนภารกิจถนนในท้องถิ่นด้านวิชาการเพื่อให้สามารถดำเนินการเองได้ในอนาคต ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท ได้ตรวจสอบสายทางพบว่า ถนน รพช. สายสมเด็จ - หนองหญ้าปล้อง ตำบลยอด แกง อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นสายเดียวกันกับถนนสาย กส 3061 สี่แยกสมเด็จ - บ้านยอดแก่ง อำเภอสมเด็จ อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้ถ่ายโอนไปอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วน จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2545 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอันเกิดมาจากการทรุด ตัวของถนนช่วง กม. ที่ 3+000 เนื่องจากการทรุดตัวของท่อระบายน้ำที่ถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย สำนักงานทาง หลวงชนบทจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดำเนินการซ่อมผิวทางที่ทรุดตัวให้สามารถใช้การได้เป็นปกติในเบื้องต้นก่อน แล้ว ส่วนการแก้ไขในระยะยาว กรมทางหลวงชนบทได้ประสานงานให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่ง รับผิดชอบโครงการดังกล่าวทราบเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณอุดหนุนมาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาของ ประชาชนในพื้นที่ต่อไป โดยกรมทางหลวงชนบทยังคงดำเนินการให้การสนับสนุนในด้านวิชาการเพื่อการแก้ ไขปัญหาดังกล่าวต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1448 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศึกษา | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอรายงานผลการ
พิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร รวม 5 เรื่อง ได้แก่ รายงานผลการ พิจารณาศึกษาปัญหาการทำผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการครูในระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศัก ราช 2544 รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาอัตรากำลังครูและบุคลากรทางการศึกษา ราย งานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การกระจายอำนาจงบประมาณด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารกลางวันและอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และรายงาน ผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง สภาพและปัญหาการบริหารเขตพื้นที่การศึกษา และมอบให้สำนักนายก รัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงศึกษาธิการ รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1449 | โครงการฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมครอบครัวผาสุก | พม | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการขยายผลโครงการฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมครอบครัวผาสุก โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานเพื่อทำความเข้าใจกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องนี้ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำโครงการเพื่อ เสนอของบประมาณดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของ คกก.6 ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย ดังนี้ กรณีให้กระทรวงมหาดไทยจัดสรรงบประมาณร้อยละ 3-5 จากงบประมาณขององค์การบริหารส่วน จังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลมาดำเนินการจัดทำโครงการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ จะขอความ ร่วมมือได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะใช้วิธีตั้งงบประมาณในส่วนกลาง และหากคณะกรรมการการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในโครงการจะสามารถทำได้หรือไม่ ประกอบ กับขณะนี้เรื่องทุนทางสังคมและการแก้ไขปัญหายากจนได้ถูกกำหนดเป็นกรอบยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ซึ่งสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ สามารถใช้อ้างอิงในการของบประมาณปี พ.ศ. 2548 ได้ โดยจัดทำแผน งาน/โครงการ และงบประมาณในรายละเอียด มีดัชนีตัวชี้วัด และการประเมินผลในลักษณะเดียวกับโครงการ ทางเศรษฐกิจ และต้องมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ไม่ตั้งงบประมาณซ้ำซ้อนกัน รวมทั้ง จะต้องพิจารณาจากศักยภาพของหน่วยงานด้วยว่า จะสามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอาจจะมี ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการได้ และเนื่องจากเงินที่ท้องถิ่นได้รับจัดสรรจะได้ไม่เท่ากัน จำนวนประชากรแต่ ละท้องถิ่นก็ไม่เท่ากัน จะทำให้ขาดความชัดเจนแน่นอนของการใช้เงิน อีกทั้งโครงการไม่ได้มีมาตรการบังคับ ให้ต้องจัดทำ เมื่อจำนวนเงินแตกต่าง รูปแบบก็จะแตกต่างกันด้วย หากกระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ ทำคู่มือ ให้องค์การบริหารส่วนตำบลเห็นว่าถ้าอยากร่วมโครงการควรต้องทำอย่างไร สถานภาพเป็นอย่างไร บทบาท ของหน่วยสนับสนุนเป็นอย่างไร ครบถ้วนเป็นสูตรที่พร้อมปฏิบัติการได้ นอกจากนี้ ควรมีการสนับสนุนใน เรื่องของสื่อและในเรื่องของวิทยากรทั้งจากท้องถิ่นเองหรือจากส่วนกลาง ซึ่งในส่วนของท้องถิ่นต้องขอความ ร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมโดยพิจารณาศักยภาพของหน่วยงานด้วยว่าจะสามารถ ดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอาจจะมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการได้ โดยให้กระทรวงการพัฒนา สังคม ฯ ควรตั้งงบประมาณในส่วนของกระทรวงขึ้นมา และให้กระทรวงมหาดไทยทำความเข้าใจกับองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น สำหรับสำนักงบประมาณควรพิจารณาจากยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัดในหลายด้าน ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะศักยภาพการแข่งขันเท่านั้น ควรพิจารณาในด้านการพัฒนาสังคมเพื่อให้การพัฒนาเกิด ความสมดุลด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1450 | โครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส (วาระสำคัญของรัฐบาล) | มท | 16/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม
ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วม กับกรมการพัฒนาชุมชนจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสร้างและดำเนินการตามภารกิจ อำนาจหน้าที่ ในการพัฒนาสังคมและชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกในความมั่นคงของการอยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนในองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง และเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการพัฒนาชุมชนในการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ทั้งนี้ จะดำเนินการในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น จำนวน263 แห่ง งบประมาณดำเนินการแห่งละ 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 52,600,000 บาท โดยเบิก จ่ายจากเงินอุดหนุนทั่วไป สำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ระยะเวลาดำเนินการเดือนมีนาคม 2547 ถึงเดือนกันยายน 2547 |
|||||||||||||||||||||
| 1451 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น | ทส | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติเห็นชอบ
ในหลักการตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนน มิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สำหรับงบประมาณดำเนินการให้ขอรับการสนับสนุน งบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตรง โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปรับแผน การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 แผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนสำหรับพัฒนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ซึ่งตั้งงบประมาณปี พ.ศ. 2547 ไว้จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือปรับ แผนการใช้จ่ายของแผนงาน/งานอื่นใดที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นสมควรแล้ว หากยังไม่เพียงพอ ก็ ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
| 1452 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการจัดสรรและ
หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 12,300 ล้านบาท ตาม มติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการจัดสรรและหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าว ตามที่ คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อลดช่องว่างทางการคลัง และเพิ่มขีดความสามารถใน การดำเนินการขยายท้องถิ่นในการจัดการภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการถ่ายโอนและภารกิจ การถ่ายโอนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอ ยกเว้น แนวทางการจัดสรรที่ให้ อปท. ต้องจัดทำโครงการ ตามอำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ บริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) และสภาท้องถิ่น สำหรับกรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอด คล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร ให้แก้ไขเป็น "ให้ อปท. จัดทำโครงการตามอำนาจหน้าที่ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดตามแนวทางที่ กบจ. กำหนด โดยให้แจ้ง อปท. ทราบ สำหรับ กรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร" ทั้งนี้ เพื่อให้ อปท. มีอิสระในการดำเนินงานและมีกรอบในการจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ กกถ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการใช้ จ่ายเงินอุดหนุน ฯ ที่ชัดเจนและมีมาตรฐานกลาง รวมทั้งเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการใช้ จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 1453 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น | ทส | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติเห็นชอบ
ในหลักการตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนน มิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สำหรับงบประมาณดำเนินการให้ขอรับการสนับสนุน งบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตรง โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปรับแผน การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 แผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนสำหรับพัฒนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ซึ่งตั้งงบประมาณปี พ.ศ. 2547 ไว้จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือปรับ แผนการใช้จ่ายของแผนงาน/งานอื่นใดที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นสมควรแล้ว หากยังไม่เพียงพอ ก็ ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
| 1454 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการจัดสรรและ
หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 12,300 ล้านบาท ตาม มติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการจัดสรรและหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าว ตามที่ คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อลดช่องว่างทางการคลัง และเพิ่มขีดความสามารถใน การดำเนินการขยายท้องถิ่นในการจัดการภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการถ่ายโอนและภารกิจ การถ่ายโอนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอ ยกเว้น แนวทางการจัดสรรที่ให้ อปท. ต้องจัดทำโครงการ ตามอำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ บริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) และสภาท้องถิ่น สำหรับกรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอด คล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร ให้แก้ไขเป็น "ให้ อปท. จัดทำโครงการตามอำนาจหน้าที่ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดตามแนวทางที่ กบจ. กำหนด โดยให้แจ้ง อปท. ทราบ สำหรับ กรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร" ทั้งนี้ เพื่อให้ อปท. มีอิสระในการดำเนินงานและมีกรอบในการจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ กกถ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการใช้ จ่ายเงินอุดหนุน ฯ ที่ชัดเจนและมีมาตรฐานกลาง รวมทั้งเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการใช้ จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1455 | กระทู้ถามที่ 1154 ร. เรื่อง การรณรงค์ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครอนุรักษ์และพัฒนาดูแลรักษาลำคลองสายต่าง ๆ เพื่อเป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยว | สผ | 02/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1154
ร. เรื่อง การรณรงค์ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครอนุรักษ์และพัฒนาดูแลรักษาลำคลองสายต่าง ๆ เพื่อ เป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยว ของนายศิริ หวังบุญเกิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาลมีนโยบายและแนวทาง ในการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2544 เห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ รวมทั้งได้กำหนด ให้ปี พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546 เป็น "ปีแห่งการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง" รวมทั้งให้มีการตั้งคณะ กรรมการระดับชาติ เพื่อเป็นองค์กรหลักในการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คู คลอง และ ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามนโยบายและแผนงานและโครงการนำร่องที่ กำหนด นอกจากนี้ ได้มีการพัฒนาและดำรงรักษาแม่น้ำ คู คลอง ไม่ให้เสื่อมโทรมไปกว่าที่เป็นอยู่ โดยเร่ง ฟื้นฟูแม่น้ำ คู คลอง ที่เสื่อมโทรม เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการคมนาคมขนส่ง การเกษตร การอุปโภคและบริโภค และวิถีชีวิตของประชาชน ให้มีกลไกในการกำกับดูแลการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภาค และระดับประเทศ โดยมีกฎหมายรองรับ และให้มีการขึ้นทะเบียนแม่ น้ำ คูคลองที่ควรอนุรักษ์ เพื่อให้มีการดูแลรักษาและใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม และมีแผนการอนุรักษ์และ พัฒนาสภาพแวดล้อมแม่น้ำ คู คลอง ได้แก่ แผนปฏิบัติงานระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546) และ แผนปฏิบัติงานระยะยาว (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2549) สำหรับมาตรการที่ให้ประชาชนหันมาใช้การคมนาคม ทางน้ำด้วยความปลอดภัย กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการจราจรและขนส่ง ได้ประสานกรมการขนส่งทาง น้ำและพาณิชยนาวี ในการขอรับโอนสถานีขนส่งทางน้ำ (ท่าเทียบเรือสาธารณะ ท่าข้าม) จากกระทรวง คมนาคม ตามแผนการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนการพัฒนาปรับปรุงลำคลอง สายต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครให้เป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยวทางน้ำ ได้มีการกำหนดไว้ในแผนงาน ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546) และแผนปฏิบัติงานระยะยาว (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2549) ประกอบ ด้วย แผนงานการฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อม แผนงานการฟื้นฟูธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ท้องถิ่น และแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ |
|||||||||||||||||||||
| 1456 | ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 02/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ
กระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการ ถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้ปรับปรุงแล้ว และให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาใช้บังคับต่อไป โดยร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การ คลัง และงบประมาณ ฯ ได้แก้ไขหน้า 25-29 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรม/ขั้นตอน ข้อ 4.1.3, 4.2.3, 4.3.3 และ 4.4.3 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณระยะปานกลางของสำนักงบประมาณ โดยแก้ไขข้อ ความจากเดิม "ของสำนักงบประมาณ" เป็น "และนโยบายของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.)" และแก้ไขหน้า 25 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรมข้อ 4.1-4.4 โดยแก้ไขข้อ ในช่องหมายเหตุ เป็น "ให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเกี่ยวกับ การจัดสรรเงินอุดหนุน โดยขอความเห็นจาก กกถ. และดำเนินการให้สอดคล้องกับมติ กกถ. ที่ได้รับความเห็น ชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ก่อนที่จะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง" ส่วนร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เพิ่ม มาตรการในขั้นตอนและวีธีการถ่ายโอนบุคลากรเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายโอนบุคลากรระยะที่ 2 ปี 2547 ซึ่งเน้นการสร้างระบบจูงใจเป็นตัวนำ ทั้งในเรื่องการปรับปรุงทางก้าวหน้า สิทธิประโยชน์เมื่อเป็น พนักงานส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มให้มีการศึกษาและปรับกำลังคนภาครัฐให้มีความหลากหลาย ปรับโครงสร้าง การบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีขนาดใหญ่ ตลอดจนปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคลสำหรับท้องถิ่น ให้ยืดหยุ่นตามสภาพปัญหาและฐานะทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้มีระบบรองรับ เมื่อไม่สามารถจัดบุคลากรลงท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ได้ปรับปรุงในส่วนของตารางสรุปรายละเอียด ของแผน โดยให้แสดงภารกิจกิจกรรมและขั้นตอน ระยะเวลา และหน่วยงานรับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม ให้ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ กำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจ ฯ และแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ กระจายอำนาจทางการเงิน ฯ ตลอดจนข้อเท็จจริงในปัจจุบัน |
|||||||||||||||||||||
| 1457 | ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 02/03/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ
กระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการ ถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้ปรับปรุงแล้ว และให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาใช้บังคับต่อไป โดยร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การ คลัง และงบประมาณ ฯ ได้แก้ไขหน้า 25-29 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรม/ขั้นตอน ข้อ 4.1.3, 4.2.3, 4.3.3 และ 4.4.3 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณระยะปานกลางของสำนักงบประมาณ โดยแก้ไขข้อ ความจากเดิม "ของสำนักงบประมาณ" เป็น "และนโยบายของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.)" และแก้ไขหน้า 25 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรมข้อ 4.1-4.4 โดยแก้ไขข้อ ในช่องหมายเหตุ เป็น "ให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเกี่ยวกับ การจัดสรรเงินอุดหนุน โดยขอความเห็นจาก กกถ. และดำเนินการให้สอดคล้องกับมติ กกถ. ที่ได้รับความเห็น ชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ก่อนที่จะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง" ส่วนร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เพิ่ม มาตรการในขั้นตอนและวีธีการถ่ายโอนบุคลากรเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายโอนบุคลากรระยะที่ 2 ปี 2547 ซึ่งเน้นการสร้างระบบจูงใจเป็นตัวนำ ทั้งในเรื่องการปรับปรุงทางก้าวหน้า สิทธิประโยชน์เมื่อเป็น พนักงานส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มให้มีการศึกษาและปรับกำลังคนภาครัฐให้มีความหลากหลาย ปรับโครงสร้าง การบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีขนาดใหญ่ ตลอดจนปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคลสำหรับท้องถิ่น ให้ยืดหยุ่นตามสภาพปัญหาและฐานะทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้มีระบบรองรับ เมื่อไม่สามารถจัดบุคลากรลงท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ได้ปรับปรุงในส่วนของตารางสรุปรายละเอียด ของแผน โดยให้แสดงภารกิจกิจกรรมและขั้นตอน ระยะเวลา และหน่วยงานรับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม ให้ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ กำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจ ฯ และแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ กระจายอำนาจทางการเงิน ฯ ตลอดจนข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
|
|||||||||||||||||||||
| 1458 | แผนยุทธศาสตร์การจัดการพื้นที่ป่าไม้ของชาติแบบบูรณาการ | ทส | 22/02/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนยุทธศาสตร์การจัดการพื้นที่ ป่าไม้ของชาติแบบบูรณาการ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับไปแปลงแผนยุทธศาสตร์การจัดการพื้นที่ป่าไม้ของชาติแบบ บูรณาการไปสู่การปฏิบัติให้มีความชัดเจน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 30 วัน และให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผน พร้อมทั้งรับ ความเห็นเพิ่มเติมกับข้อสังเกตของ คกก.3 ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ แผนยุทธศาสตร์ที่เสนอ ยังมี ความไม่ชัดเจนในประเด็นของแนวทางการดำเนินการ เป้าหมาย กลไกการจัดการพื้นที่ป่าไม้ และการแปลงแผน ไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งทำให้ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมการดำเนินการตามแผนได้ทั้งหมด จึงเห็นควรให้สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการ ปรับปรุงรายละเอียดของแผนดังกล่าวให้มีความชัดเจน เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายมีความสอดคล้อง กับแผนต่อไป สำหรับคณะกรรมการที่ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งแต่งตั้งโดยส่วนราชการต่าง ๆ หลายคณะ ทำให้การบริหารจัดการไม่มีความเป็นเอกภาพ จึงควรปรับปรุงองค์ประกอบหน้าที่ของคณะกรรม การดังกล่าวให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการระดับชาติเพียงคณะเดียวโดยให้มีผู้แทนจากหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรต่าง ๆ ร่วมเป็นองค์ประกอบของ คณะกรรมการระดับชาติด้วย เพื่อนำแผนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนความหมายของคำศัพท์ภาษา อังกฤษ คำว่า "Geographic Information System" หรือ " GIS" ที่นำมาแปลเป็นภาษาไทยยังมีความแตกต่างกัน อาจทำให้เกิดความสับสน จึงเห็นควรกำหนดให้คำศัพท์ภาษาอังกฤษดังกล่าวมีความหมายในภาษาไทยว่า "ภูมิ สารสนเทศ" นอกจากนี้ ในการแปลงแผนยุทธศาสตร์ ฯ ไปสู่การปฏิบัติ ควรทำเป็นแผนปฏิบัติการ 2 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นแผนเร่งด่วนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และระยะต่อไปเป็นแผนระยะยาว ซึ่งควรจัดทำใน เชิงบูรณาการและควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผนด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1459 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติภัยจากก๊าซหุงต้ม | มท | 22/02/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติภัย
จากก๊าซหุงต้มในระยะยาว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ให้กระทรวงพลังงาน เป็นศูนย์กลาง ในการบูรณาการการอนุญาต การควบคุม การตรวจสอบ การบรรจุ การสะสม การจำหน่าย และการตั้งสถานี จำหน่ายก๊าซหุงต้ม รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดพื้นที่จำหน่าย (zoning) การปรับปรุงแก้ไข ระเบียบกฎหมาย การห้ามมิให้มีการสะสม เก็บรักษาและจำหน่ายก๊าซหุงต้มรวมกับก๊าซ สารเคมีหรือวัตถุไวไฟ ชนิดอื่น ๆ ในสถานที่เดียวกัน ฯลฯ และให้จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้มงวดกวด ขันในการตรวจตราและกำกับดูแลการประกอบกิจการเกี่ยวกับก๊าซหุงต้มอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยพิจารณา ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและอุบัติภัยที่อาจจะเกิดจากก๊าซหุงต้ม เช่น กฎ หมายว่าด้วยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย ฯลฯ
|
|||||||||||||||||||||
| 1460 | ขอหารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับการรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายในการให้มีการเลือกตั้งใหม่ | นร | 17/02/2547 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการพิจารณาในปัญหาข้อกฎ
หมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1) เกี่ยวกับการรับผิดชดใช้ค่าเสีย หายในการให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยกรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ตามมาตรา 99 แห่ง พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ซึ่งต้องไม่เกินค่าใช้จ่ายในการ ให้มีการเลือกตั้งใหม่ กรณีที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งซึ่งต้องรับผิดชอบในการเลือกตั้งใหม่ครั้งเดียวหลายคน มาตรา 99 ดังกล่าว มิได้กำหนดให้ต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จึงไม่อาจกำหนดให้บุคคลดังกล่าวต้องรับผิดชอบชดใช้ค่า เสียหายอย่างลูกหนี้ร่วมได้ และเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะพิจารณากำหนดให้บุคคลดังกล่าว แต่ละคนต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงแต่ ละรายไป สำหรับกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนิน การสอบสวนและมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องในทางแพ่ง ท างอาญา หรือทางปกครอง ในกรณีที่มี ผู้ใดกระทำความทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยถือว่าคณะ กรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้เสียหายและอาจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการแทนได้ ทั้งนี้ มาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือก พ.ศ. 2541 อย่างไรก็ตามในการที่คณะ กรรมการการเลือกตั้งจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการแทนดัง กล่าวก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
.....
