ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 79 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1561 - 1580 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1561 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และมอบให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ สรุปได้ว่า พระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ได้มีการปรับปรุงแก้ไขหลายครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และสอดคล้องกับกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฉบับอื่น ๆ รวมทั้ง เพื่อให้การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบทบัญญัติที่ควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เช่น เกณฑ์การยุบรวมองค์การบริหารส่วนตำบล และที่มาของ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น ที่จะได้มีการทำการศึกษาวิเคราะห์ต่อไป นอกจากนี้ กฎหมายเกี่ยว กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอยู่หลายฉบับ โครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารท้อง ถิ่นได้กำหนดไว้แตกต่างกันออกไป จึงควรให้มีการศึกษาในรายละเอียด และข้อบกพร่องต่าง ๆ ของกฎหมายที่ เกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด ซึ่งอาจจะศึกษาในลักษณะของรูปแบบประมวลกฎหมายองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และสรุปหาข้อยุติรูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เหมาะสม โดยให้ประสานงานกันใน ระหว่างผู้แทนพรรคการเมือง นักวิชาการ และองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1562 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผนปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาดประจำปี พ.ศ. 2545 | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผน
ปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาด ประจำปี พ.ศ. 2545 สรุปได้ว่า ตามที่สำนักงาน ก.พ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ส่วนราช การจัดส่งรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่งรายงานผล การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 123 แห่ง ประกอบด้วย กระทรวง ทบวง กรม 105 แห่ง ในจำนวนนี้ มี 15 แห่งที่ปรับปรุงแผนกลยุทธ์หน่วยงานใสสะอาดของตนใหม่ รัฐวิสาหกิจ 8 แห่ง มหาวิทยาลัย 9 แห่ง และองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1 แห่ง โดยรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่วนใหญ่ครอบ คลุมเนื้อหา 3 ด้าน คือ การส่งเสริมจิตสำนึกราชการใสสะอาด การป้องกันเหตุการณ์และพฤติกรรมที่อาจเป็นภัย ต่อการก้าวไปสู่ประเทศไทยใสสะอาด ในประเด็นการปรับกระบวนการให้บริการ การปรับกระบวนการบริหารงาน ภายใน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และการจัดให้มีกลไกพร้อมรับการตรวจสอบ และการจัดการกรณี ทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น สำหรับแนวการดำเนินการต่อไป สำนักงาน ก.พ. จะเผยแพร่ผลการ พิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีแก่สาธารณะ ส่วนราชการ และ หน่วยงานของรัฐ และให้ถือว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน โครงการ กิจกรรมประจำของส่วน ราชการและหน่วยงานของรัฐ โดยจะผนวกการดำเนินการเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของมิติการประเมินผลงานเพื่อขอรับ เงินรางวัลประจำปี รวมทั้งให้เป็นเงื่อนไขประการหนึ่งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณแก่ส่วนราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1563 | รายงานผลการตรวจติดตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ (1) รับทราบ
รายงานผลการตรวจติดตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ของผู้ตรวจราช การสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของผลการดำเนินงานตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และผลการดำเนิน งานตามโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล และ (2) รับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบมอบหมายให้หน่วย งานที่รับผิดชอบโครงการ ฯ คือ คณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ (กอ.นตผ.) และ กระทรวงมหาดไทย และโครงการอินเทอร์เน็ตตำบล คือ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาด ไทยรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีในรายงานผลการตรวจติดตามโครงการดัง กล่าว ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 งวดที่ 3 ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ โครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ควรจัดหาตลาดที่แน่นอน มีความมั่นคง ถาวร เพื่อเป็นหลักประกันในการรองรับสินค้า ของกลุ่มผู้ผลิตทั่วประเทศ ประสานกับภาคเอกชนในการให้ความรู้ด้านเทคนิคการผลิตต่าง ๆ แก่กลุ่มผู้ผลิตให้มีการ ฝึกอบรมแก่กลุ่มผู้ผลิตเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการ การตลาด การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ควบคู่ ไปกับการบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนประสานกับภาคเอกชนในการให้ความรู้และทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ผลิตในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิต อาทิ ภาษี ค่าเช่าสถานที่จำหน่าย ค่าขนส่ง ฯลฯ รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ผลิต ถึงยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานตามโครงการ ฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิ ปัญญาท้องถิ่น และใช้ทรัพยากรในพื้นที่เป็นปัจจัยสำคัญให้มากขึ้น ส่วนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ไทย ตำบลดอทคอม ควรปรับปรุงในเรื่องของสีสัน ความคมชัด และรูปแบบการจัดวางให้เป็นที่ดึงดูดใจมากขึ้น สำหรับ โครงการอินเทอร์เน็ตตำบล ควรพิจารณาจัดสรรเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับที่ทำการปกครองจังหวัด อำเภอฝ่ายท้อง ถิ่น และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้มีการเชื่อมโยงกันทุกระบบและครบวงจร ปรับปรุงแก้ไขปัญหากรณี เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อให้บริการมีความสะดวกรวดเร็ว จัดให้มีการฝึกอบรมให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ อบต. เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ให้มีการรณรงค์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์ของโครงการและ การให้บริการประชาชนด้านอินเทอร์เน็ตให้กว้างขวางยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ให้ผู้บริหารในระดับท้องถิ่นให้ความสำคัญ ในการกำกับดูแล กำชับ และปลูกจิตสำนึกให้ อบต. ทุกแห่งใช้คอมพิวเตอร์ตามโครงการ ฯ และเห็นความสำคัญของ การนำเอาเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาสนับสนุนการปฏิบัติงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1564 | การดำเนินการเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มีมติ เห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางและมาตรการในการดำเนินการเกี่ยวกับการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของ คกก.7 รวมทั้งข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย โดยในส่วนของ คกก.7 มีความเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้เงินและการตรวจสอบการใช้เงิน ของ อปท. ควรนำเอาระบบการบริหารงบประมาณในรูปแบบใหม่ที่กำหนดให้มีสัญญาการให้บริการและการใช้จ่าย งบประมาณมาใช้กับการจัดสรรงบประมาณให้กับ อปท. โดยกำหนดให้มีสัญญาระหว่างราชการส่วนกลางกับราชการ ส่วนท้องถิ่น ในการให้บริการและการจัดสรรงบประมาณที่ราชการส่วนกลางสนับสนุน อปท. และควรให้ อปท. เบิก จ่ายเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรให้ได้โดยสะดวกและรวดเร็วขึ้นซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ ก็จะทำให้การกระจาย อำนาจเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1565 | การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในการดำเนินการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต้อง
คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชน ศักยภาพความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การประสานและเชื่อม โยงอย่างเป็นระบบกับการบริหารราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค แต่ในระยะที่ผ่านมาปรากฏว่า การกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่นมีปัญหาในทางปฏิบัติอยู่พอสมควร เนื่องจากกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหลายฉบับตราออกมา ในลักษณะแยกส่วนกัน (piecemeal) ขาดการมองภาพรวมทั้งหมดอย่างเป็นระบบ จึงเกิดปัญหาหลายประการ เช่น ความไม่ชัดเจนและทับซ้อนกันของพื้นที่ ขอบเขต อำนาจหน้าที่ และภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน ระดับต่าง ๆ จะต้องปฏิบัติ รวมทั้งการประสานและเชื่อมโยงกับการบริหารส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตลอดจน การถ่ายโอนภารกิจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควบคู่ไปกับงบประมาณที่จัดสรรให้ เป็นต้น จึงขอมอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาใน ภาพรวมทั้งระบบร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการ เพื่อให้การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยหากเห็นสมควรปรับปรุงแก้ไขเรื่องใด ให้ รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1566 | การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต | นร | 26/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้รายงานข้อ
มูลข้อเท็จจริง ตลอดจนประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องการได้รับการสนับสนุนให้ทราบเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2546 นั้น มีเรื่องที่สมควรจะดำเนินการได้ จึงขอมอบหมาย ดังนี้ (1) การเพิ่มศักยภาพความเป็นเมืองท่องเที่ยวของจังหวัด ภูเก็ต มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่อง เที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นระบบ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดใกล้เคียงอย่างมีบูรณาการ ทั้งนี้ เพื่อสร้างเสริมศักยภาพในด้านการ ท่องเที่ยวที่เข้มแข็ง และแข่งขันได้กับแหล่งท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้าน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ต่อไป (2) ปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) พิจารณาร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ การประปาส่วนภูมิภาคและหน่วยงานอื่นเพื่อกำหนด แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวของจังหวัดภูเก็ตอย่างยั่งยืน โดยพิจารณาความเหมาะสม คุ้มค่า และความเป็นไป ได้ในการนำน้ำจากเขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผ่านจังหวัดพังงา โดยระบบท่อมากักเก็บไว้ใช้ประโยชน์ ที่จังหวัดภูเก็ตด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป (3) ปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในจังหวัดภูเก็ต มอบให้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปจัดทำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่ง โดยใน หลักการให้ประกอบด้วยพลตำรวจตรี ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็น ประธาน เจ้าหน้าที่จากกรมที่ดิน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เจ้าหน้าที่จากกรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต แห่งละ 1 คน เป็นคณะทำงาน ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนและตรวจ สอบเอกสารสิทธิ์และการเข้าครอบครองที่ดินในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมดให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้สำนักงานที่ดิน จังหวัดภูเก็ตให้ความร่วมมือให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกในการเข้าไปตรวจสอบเอกสาร และเฝ้าระวังรักษาเอก สารหลักฐานต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ ณ สำนักงานที่ดิน และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดติดตามการสอบสวนจับกุม ผู้กระทำผิดในคดีฆาตรกรรมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตให้ได้โดยเร็ว และ (4) ปัญหาขยะและน้ำเสีย ในจังหวัดภูเก็ต มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เร่งรัดการจัดทำแผนปฏิบัติการกำจัดขยะ และระบบบำบัดน้ำเสียของจังหวัดภูเก็ตให้แล้วเสร็จ และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยหากภารกิจใดเป็นอำนาจหน้าที่ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะต้องดำเนินการ แต่หากยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ หาแนวทางที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1567 | กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบในราชกิจจานุเบกษา (กระทู้ถามที่ 656 ร. เรื่อง การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทราย บ้านศิลา - นาโพธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น) | สผ | 19/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 656 ร. เรื่อง
การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทราย บ้านศิลา-นาโพธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ของนายเปรม ศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญ ของคำตอบสรุปได้ว่า (1) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน มีแผนงานที่จะดำเนินการขุดลอกอ่าง เก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาตื้นเขินของอ่างเก็บน้ำ สำหรับกรณีอ่างเก็บน้ำห้วยทราย บ้าน ศิลา-นาโพธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น จะได้พิจารณาดำเนินการขุดลอกตามความเหมาะสม ของงบประมาณที่ได้ต่อไป (2) อ่างเก็บน้ำห้วยทราย มีถนนลาดยางบนหลังคันทำนบดิน ยาวรวม 1.120 กิโล เมตร และถนนลูกรังทางระบายน้ำฉุกเฉิน (Emergency Spilway) ความยาว 0.215 กิโลเมตร ซึ่งได้รับงบประมาณ เพื่อบำรุงรักษาตามสภาพการใช้งานเป็นประจำทุกปี ส่วนถนนบนคันคลองส่งน้ำเป็นถนนขนาดเล็กกว้างประมาณ 2.00 เมตร ผิวจราจรเป็นลูกรัง ปริมาณจราจรน้อย จึงไม่มีนโยบายลาดยางถนนบนคันคลองดังกล่าว และ (3) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน มีแผนการถ่ายโอนภารกิจตามการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลบำรุงรักษาและปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดเล็ก รวมทั้งการดูแลทางน้ำประเภทที่ 2 ที่มีการคมนาคมร่วมด้วย ในส่วนของอ่างเก็บน้ำห้วยทราย เป็นโครงการชลประทานขนาดกลาง มีระบบส่งน้ำที่ ทางการเกษตรด้านท้ายอ่าง จำนวน 1,100 ไร่ และมีอาคารที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตัวเขื่อน จำเป็นที่จะ ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลและควบคุมอย่างเหมาะสม ซึ่งในอนาคตเมื่อกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความพร้อม ก็จะมีการพิจารณาถ่ายโอนภารกิจให้ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1568 | การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน | นร | 19/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอมติ ก.พ.ร. ครั้งที่
4/2546 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2546 เรื่อง การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ (1) ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาและดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการ ปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนลง 30 - 50 % จากที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน และให้มีผลในทางปฏิบัติก่อนเดือน ตุลาคม 2546 (2) ให้ส่วนราชการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เลือกกระบวนงานหลัก 3 - 5 กระบวนงาน ซึ่ง เป็นงานที่ประชาชนใช้บริการมาก มีผลกระทบกับประชาชนและเป็นงานที่ประชาชนร้องเรียนมาก เพื่อให้ส่วน ราชการดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ (3) ส่วนราชการที่มีงานบริการประชาชนแต่ ยังไม่มีการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการมาก่อน ให้กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติ ราชการ รวมทั้งต้องดำเนินการตามมาตรการนี้ด้วย (4) กรณีการให้บริการประชาชนที่มีความเชื่อมโยงกัน หลายส่วนราชการ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ประสานงานกับส่วนราชการดังกล่าว เพื่อร่วมกันปรับปรุงการลดขั้น ตอน และระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนในรูปของ ศูนย์บริการร่วมด้วย (5) ส่วนราชการใดที่เห็นว่าได้ปรับปรุงขั้นตอน และระยะเวลาไว้ดีแล้ว หรือไม่อาจลดขั้น ตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการตามมาตรการนี้ได้ ให้ชี้แจงเหตุผลและพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าขั้นตอน และระยะเวลาปฏิบัติราชการที่กำหนดไว้เดิมเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ ให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการ ด้วย (6) ให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับกับกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วย งานอื่นของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือกำกับดูแลของรัฐบาล รวมทั้งให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามมาตรการนี้ ด้วย (7) ให้แต่ละส่วนราชการพยายามยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการปรับปรุงการ อำนวยความสะดวก และฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการให้มุ่งเน้นในการให้บริการประชาชน และ (8) ให้ สำนักงาน ก.พ.ร. นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีมีมติสั่งการให้ส่วนราชการจัดทำข้อเสนอและแนวทางการลด ขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ฯ ตามมาตรการดังกล่าว เสนอต่อ ก.พ.ร. ภายใน 30 วันทำการ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1569 | รายงานความพร้อมด้านการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะแก่ข้าราชการในช่วงการปรับเปลี่ยนระบบราชการ | นร | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. โดยศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐ รายงาน
ความพร้อมด้านการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะแก่ข้าราชการในช่วงการปรับเปลี่ยนระบบราชการ ซึ่งวัตถุ ประสงค์ของการดำเนินการ เพื่อปรับเปลี่ยนความชำนาญ กระบวนทัศน์ของข้าราชการให้สอดคล้องกับการปฏิรูป ราชการ และให้ส่วนราชการดำเนินการส่งข้าราชการที่ประสงค์จะพัฒนาความรู้ ทักษะเพิ่มเติม ให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการต่อไป สำหรับการเตรียมความพร้อมรับการปฏิรูปดังกล่าว ศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐ มี แนวทางดำเนินการ ดังนี้ (1) กลุ่มเป้าหมายของการพัฒนา แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ พัฒนาเพื่ออยู่รับ ราชการต่อไป พัฒนาเพื่อถ่ายโอนสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพัฒนาเพื่อออกนอกระบบราชการ หรือเป็น ผู้ประกอบการใหม่ (2) ประเภทการฝึกอบรมพัฒนา ประกอบด้วย 3 ด้านสำคัญได้แก่ ด้านการปรับกระบวนทัศน์ ทัศนคติ ค่านิยม ด้านเพิ่มทักษะ สมรรถนะในการทำงาน และด้านพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการ และ (3) แนว นโยบายและแนวทางการฝึกอบรมและพัฒนา ซึ่งศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลากรภาครัฐจะประสานงานกับส่วน ราชการและสถาบันการศึกษา รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนให้มีการฝึกอบรมและพัฒนา และจะดำเนินการเองใน บางส่วน เช่น ด้านการพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการหรืออาชีพอิสระ เพื่อประกอบธุรกิจเองหรือปฏิบัติงานใน ภาคเอกชน เป็นต้น ทั้งนี้ ในการดำเนินการ สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือนจะเป็นแม่ข่ายในการพัฒนาในส่วน ของการจัดฝึกอบรมข้าราชการทั้งในส่วนกลางและการอบรมทางไกลในภูมิภาคทั่วประเทศ รวมถึงการเรียนรู้ทาง อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning) และประสานงานกับส่วนราชการเครือข่ายฝึกอบรมของสถาบันพัฒนาข้าราชการ พลเรือน ซึ่งมีมหาวิทยาลัยของรัฐและสถาบันราชภัฏที่สามารถดำเนินการฝึกอบรมได้ทั้งในส่วนกลางและในส่วน ภูมิภาค |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1570 | กระทู้ถามที่ 903 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) และขุดลอกห้วยลำพังชู | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถาม ที่ 903 ร. เรื่อง
โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) และขุดลอกห้วยลำพังชู ของนายสุรศักดิ์ นาคดี สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้พิจารณาโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นในท้องที่ตำบลบ้าน ยาง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะหมู่ที่ 6 8 9 10 และ 15 ที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องน้ำ อุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรกรรม แล้ว มีความเหมาะสมสามารถดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นได้ โดยโครงการจะตั้งอยู่บริเวณบ้านแคน ตำบลบ้านแคน อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจะดำเนินการสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนงาน และงบประมาณก่อสร้างตามความเหมาะสมต่อไป สำหรับโครงการขุดลอกหนอง น้ำและคลองธรรมชาติ ได้โอนภารกิจไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1571 | กระทู้ถามที่ 978 ร. เรื่อง โครงการขุดลอกคลองเฉงอะ | สผ | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 978 ร. เรื่อง
โครงการขุดลอกคลองเฉงอะ ของนายโกเมศ ขวัญเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรม ชลประทาน ได้ถ่ายโอนภารกิจ โครงการขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้ว ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 งบประมาณรายจ่ายของกรมชลประทานจึงไม่มีโครงการขุดลอกคลองเฉงอะ หมู่ที่ 4 ตะเคียนทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังนั้น การขอรับการสนับสนุนโครงการขุด ลอกคลองดังกล่าว สามารถประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ที่ ตั้งโครงการได้โดยตรง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1572 | การปรับโครงสร้างแผนงานของสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 เนื่องจากขณะนี้การจัดทำงบประมาณ ฯ พ.ศ. 2547 ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว จึงจำเป็นต้องตั้ง งบประมาณสำหรับแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 30,000 ล้านบาท ไว้ที่กระทรวงมหาดไทย ตามที่สำนักงบ ประมาณได้ดำเนินการไว้แล้วแต่ขอให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 เป็นผู้พิจารณาทางด้านนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการกระจายอำนาจ ฯ เช่น การปรับปรุงสัด ส่วนภาษีอากร รายได้ระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกัน เอง เป็นต้น สำหรับในปีต่อ ๆ ไป กกถ. จะรับไปพิจารณาวางระบบเพื่อกำหนดหน้าที่ระหว่าง กกถ. และกระทรวง มหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ให้ชัดเจน เพื่อให้มีการตั้งงบประมาณที่สอดคล้องกับภาระหน้าที่ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1573 | การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 13/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ครั้งที่ 3/2546 วันที่ 9 พฤษภาคม 2546 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ มีมติ ดังนี้ (1) เห็นชอบหลักเกณฑ์การ จัดสรรภาษีอากรและค่าธรรมเนียมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (2) เห็นชอบกรอบวงเงินจัดสรรเงินอุดหนุน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 79,138 ล้านบาท โดยปรับลดวงเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่จัดสรรสำหรับ โครงการตามยุทธศาสตร์และนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จำนวน 3,000 ล้านบาท ไปเพิ่มเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อลดช่องว่างทางการคลัง ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การจัดสรรเงินอุดหนุน ฯ ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปหรือ เป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจต่างก็มีข้อดีข้อเสีย เนื่องจากการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจอาจมีการกระจุกตัว ขณะที่ การจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นการลดช่องว่างทางการคลังของท้องถิ่นได้ ท้องถิ่นสามารถใช้ดุลยพินิจในการ นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปดำเนินการตามความต้องการของท้องถิ่น แต่อาจไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และ นโยบายในภาพรวม รวมทั้งอาจไม่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างเต็มที่เพราะยังขาดการติดตามและประเมินผล ที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริม การปกครองส่วนท้องถิ่น) และสำนักงบประมาณ รับข้อเสนอของคณะกรรมการ ฯ ที่จะปรับลดวงเงินอุดหนุน เฉพาะกิจไปเพิ่มเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปดังกล่าวไปพิจารณา แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และให้ ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1574 | กระทู้ถามที่ 945 ร. เรื่อง การบูรณะซ่อมแซมถนนสายพนา - สว่างใต้ อำเภอพนา และอำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ กระทู้ถามที่ 947 ร. การก่อสร้างถนนลาดยางสายสามแยกชมภู อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ และกระทู้ถามที่ 955 ร. การก่อสร้างถนนลาดยางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน | สผ | 06/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 945 ร. เรื่อง การบูรณะซ่อม
แซมถนนสายพนา-สว่างใต้ อำเภอพนา และอำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ กระทู้ถามที่ 947 ร. เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยางสายสามแยกชมภู อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ของนายไพศาล จันทวารา สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอำนาจเจริญ และกระทู้ถามที่ 955 ร. เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยางเพื่อบรรเทาความ เดือดร้อนให้กับประชาชน ของนายกริช กงเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม และให้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาต่อไป รวม 3 เรื่อง โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ดังนี้ (1) คำตอบกระทู้ถามที่ 945 ร. สรุป ได้ว่า กระทรวงคมนาคมได้มอบโอนถนนสายพนา-สว่างใต้ อำเภอพนา และอำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจ เจริญ ให้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ ถนนสายนี้จึงไม่ได้อยู่ในภารกิจของกรม ทางหลวงชนบท และไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2546 เพื่อดำเนินการบำรุงรักษา จึงไม่สามารถคาด การณ์ได้ว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการได้เมื่อใด (2) กระทู้ถามที่ 947 ร. สรุปได้ว่า ถนนงานสายสาม แยกชมภู อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็น ถนนประเภทโครงข่ายสายรอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณลาดยางแล้ว 31.699 กิโลเมตร คงเหลือเป็นถนน ลูกรังอีก 12.544 กิโลเมตร ในงบประมาณปี พ.ศ. 2546 ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างถนนลาดยาง เพิ่มเติม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อบรรจุถนนสายทางต่าง ๆ ที่เป็นภารกิจด้านการก่อสร้างถนนโครง ข่ายสายรองเข้าไว้ในแผนเพื่อรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป และ (3) กระทู้ถามที่ 955 ร. สรุปได้ว่า ถนนสาย ทางโคกสูง-ขามเปี้ย อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแล้วทั้งสิ้น 14.283 กิโลเมตร เหลือระยะทางที่เป็นถนนลูกรังอีก 7.975 กิโลเมตร เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรม ทางหลวงชนบท ซึ่งจะพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและจัดเข้าแผนในการของบประมาณเพื่อสนับสนุนต่อไป หาก ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการใช้เส้นทางดังกล่าว ก็สามารถประสานไปยังสำนักงานต่าง ๆ ของกระทรวง คมนาคมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้ โดยสำนักงาน ฯ จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ตามกำลังงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1575 | แผนการแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งอย่างถาวร | ทส | 06/05/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการแก้ไขปัญหา
หมู่บ้านภัยแล้งอย่างถาวร และตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เสนอเพิ่มเติมข้อความในเอก สารกรอบแผนการแก้ไขปัญหา ฯ ซึ่งเป็นเอกสารประกอบหนังสือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ด่วนที่สุดที่ ทส 0701/940 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2546 หน้า 4 ข้อ 4.2 ปัญหาการถ่ายโอน โดยให้เพิ่มคำว่า "และกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น" ต่อจากข้อความว่า "จำเป็นต้องขอทำความตกลงกับคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น" ทั้งนี้ สาระสำคัญของแผนการแก้ไขปัญหา ฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ได้ตั้งเป้าหมาย ตามแผนการแก้ไข ดังนี้ (1) ประชาชนในหมู่บ้านชนบททุกหมู่บ้าน จะมีระบบประปาชนบท จ่ายน้ำสำหรับการ อุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอทุกฤดูกาล โดยประชาชนสามารถเปิดก๊อกน้ำภายในบ้านและจะต้องจ่ายค่าใช้น้ำตาม ปริมาณการใช้น้ำ ในราคาที่ถูกกว่าน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค โดยระบบประปาดังกล่าวบริหารงานโดย กรรมการหมู่บ้าน หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และ (2) ประชาชนที่อาศัยในเขตพื้นที่ อบต. หรือหมู่บ้าน ขนาดใหญ่ จะสามารถซื้อน้ำดื่มจากตู้บริการน้ำดื่ม ที่ผ่านการกรองน้ำระบบ reverse osmosis (R.O.) ซึ่งถือได้ว่าเป็น น้ำดื่มที่มีคุณภาพสูงกว่าน้ำดื่มบรรจุขวดหลายยี่ห้อที่วางจำหน่ายในท้องตลาด โดยราคาน้ำดื่มจากตู้บริการน้ำดื่ม จำหน่ายในราคาลิตรละไม่เกิน 1 บาท โดยตู้บริการน้ำดื่มดังกล่าว บริหารงานโดยกรรมการหมู่บ้าน หรือ อบต.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1576 | การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 28/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ (1) จำนวนบุคลากรที่ต้องถ่ายโอนรวมทั้งสิ้น 4,111 คน มีข้าราชการขอโอนไปสังกัดกรุงเทพมหานคร 9 คน คงเหลือ 4,102 คน แยกเป็นข้าราชการ 1,301 คน ลูก จ้างประจำ 2,801 คน ศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัด 75 จังหวัด ได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากรรวม 2 ครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้แต่งตั้งรับโอนบุคลากรแล้ว รวม 3,807 คน แยกเป็นข้าราชการ 1,210 คน ลูกจ้างประจำ 2,597 คน คงเหลือบุคลากรที่ยังถ่ายโอนไม่ได้รวม 295 คน แยกเป็นข้าราชการ 91 คน ลูกจ้าง ประจำ 204 คน (2) คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายโอนบุคลากรและอำนาจหน้าที่ในการประชุมครั้งที่ 2/2546 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2546 ได้มีมติให้กำหนดมาตรการเร่งด่วนสำหรับบุคลากรที่ยังไม่อาจจัดสรรไปองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมอบให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการดังกล่าว (3) คณะกรรม การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการประชุมครั้งที่ 1/2546 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 มีมติเห็นชอบให้รวมคณะกรรมการกำกับศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัดและศูนย์ปฏิบัติการถ่าย โอนบุคลากรจังหวัด รวมเป็นชุดเดียวกัน เรียกว่า คณะกรรมการบริหารการถ่ายโอนภารกิจ บุคลากร และงบ ประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดใน 75 จังหวัด ส่วนกรุงเทพมหานคร ให้ตั้งคณะกรรมการ ในลักษณะทำนองเดียวกันกับคณะกรรมการดังกล่าว (4) คณะกรรมการการกระจายอำนาจ ฯ ในการประชุมครั้ง ที่ 2/2546 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2546 มีมติเห็นชอบการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อการถ่ายโอนบุคลากร โดยให้ ขยายระยะเวลาการสนับสนุนงบประมาณด้านบุคลากรแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี แรก ไปจนกว่าผู้นั้นจะพ้นจากราชการ ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ กระจายอำนาจ ฯ ได้มอบนโยบายให้คณะอนุกรรมการด้านการถ่ายโอน ฯ พิจารณาในภาพรวมเกี่ยวกับเรื่องการ ถ่ายโอนเพื่อทำให้เกิดแรงจูงใจที่ข้าราชการจะไปอยู่ได้ หรือผู้ที่ทำงานให้ท้องถิ่นสามารถมีความเจริญก้าวหน้าได้ และ (5) สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจ ฯ และสำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 57 กรม เพื่อเตรียมความพร้อมร่วมกันสำหรับการถ่ายโอนภารกิจและบุคลากร ภายใต้กรอบของแผนปฏิบัติการที่ได้ปรับ ปรุงให้สอดคล้องกับโครงสร้าง กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งปรับปรุงใหม่ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ในวันที่ 25 เมษายน 2546 |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1577 | การดำเนินงานตามวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์เร่งด่วนเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย | มท | 28/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ผู้อำนวยการศูนย์ความ ปลอดภัยทางถนนเสนอแนวทางการดำเนินงานเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย และที่เสนอเพิ่มเติม และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ (1) ยุทธศาสตร์การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและต่อ เนื่อง ให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 เป็นต้นไป ประกอบด้วย มาตรการการปฏิบัติตามกฎ หมาย/นโยบายความปลอดภัยทางถนนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มาตรการจับปรับผู้กระทำผิดกฎ หมายจราจร " 3 ม.1 ข." และมาตรการความปลอดภัยด้านใบอนุญาตขับรถ (2) ยุทธศาสตร์การแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการในทุกจังหวัดในระบบการรักษา 30 บาท โดยในเบื้องต้นให้ดำเนิน การในจังหวัดนำร่อง 7 จังหวัด (จังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา ลำปาง นครสวรรค์ เพชรบุรี สงขลา และกรุง เทพมหานคร) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 เป็นต้นไป (3) ยุทธศาสตร์/มาตรการแต่ละด้านที่จะดำเนินการ ระยะต่อไป ให้กำหนดการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work Shop) โดยเชิญคณะกรรมการ ส่วนราชการ นักวิชา การ ผู้เชี่ยวชาญ มูลนิธิ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อทำการศึกษา วิเคราะห์ในภาพรวมทั้งระบบ กำหนดเป้าหมายและมาตรการเฉพาะที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นขั้นตอน กับให้คณะทำงานแต่ละ ยุทธศาสตร์ไปดำเนินการกำหนดมาตรการ แนวทางดำเนินการ แผนงาน/โครงการ กรอบวงเงินงบประมาณ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป และ (4) ยุทธศาสตร์ด้านวิศวกรรมการจราจร ให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ดำเนินการตามมาตรการจุด เสี่ยงภัยและวิธีการแก้ปัญหาอย่างถาวรในถนนสายหลักและถนนสายรอง เพื่อลดอุบัติเหตุจากการเดินทางของ ประชาชน รวมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการตามมาตรการในเขตพื้นที่รับผิด ชอบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1578 | การพัฒนาลุ่มน้ำมูล | นร | 22/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่
42/2546 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการปฏิบัติราชการในส่วน ภูมิภาค ให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำมูล โดยมี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กรรมการ นายกร ทัพพะรังสี รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก 30 คน มี อำนาจหน้าที่ ดังนี้ (1) รวบรวม และวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาลุ่มน้ำมูล ศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำแผน แม่บทและฐานข้อมูลในการตัดสินใจกำหนดแนวทางการพัฒนาและการบริหาร จัดการลุ่มน้ำเชิงบูรณาการ (2) เสนอแนวนโยบายและทิศทางการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) กำหนดกรอบและอนุมัติ แผนงาน โครงการพัฒนาลุ่มน้ำมูล และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของหน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชนและภาคีชุมชน และ (4) กำกับ ตรวจสอบและติดตามประเมินผลการ ปฏิบัติงาน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1579 | การจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ 2546 | มท | 22/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รายงานผล
การดำเนินการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 โดยกำหนดแนวทาง ขั้นตอนการจัดซื้อ และกำหนดคุณลักษณะของอุปกรณ์กีฬา โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์เดิมที่กรมพลศึกษาได้เคย กำหนดไว้ ได้แก่ การกำหนดประเภท และวิธีการเลือกอุปกรณ์กีฬา กำหนดคุณลักษณะและมาตรฐานของอุปกรณ์ กีฬา และการกำหนดวิธีการจัดซื้อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันอุปกรณ์กีฬาปลอมหรือไม่ได้ มาตรฐาน รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่มีการเสนอข่าวตรวจพบอุปกรณ์กีฬาปลอม และการดำเนินการ จัดซื้ออุปกรณ์กีฬาให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน ทั้งนี้ ในงบประมาณปี พ.ศ. 2546 รายการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นงบประมาณที่ตั้งไว้ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งได้จัดสรรและโอนงบประมาณนี้ ไปตั้งจ่ายให้จังหวัดต่าง ๆ เพื่อแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดซื้อ ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2546 และในการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องเป็นหน่วยดำเนินการ มิได้ดำเนิน การจัดซื้อโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด เนื่องจากมีการถ่ายโอนภารกิจการจัดซื้อ ดังกล่าวจากกรมพลศึกษามาให้องค์กรปกครองส่วนท่องถิ่น และขณะนี้การดำเนินงานอยู่ในระหว่างขั้นตอนให้หมู่ บ้าน/ชุมชน เสนอความต้องการคัดเลือกชนิดและประเภทอุปกรณ์กีฬา เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อ ตามระเบียบ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1580 | ส่งสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ | ศร | 22/04/2546 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 1/2546
ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2546 เรื่อง ศาลปกครองส่งคำโต้แย้งของผู้ฟ้องคดี เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจ ฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 ว่า พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 8 วรรคสอง มาตรา 64 และมาตรา 65 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดว่า พระราช บัญญัติ ฯ มาตรา 8 วรรคสอง ที่บัญญัติเกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่การใช้อำนาจและหน้าที่ขององค์การบริหารส่วน จังหวัด มาตรา 64 และมาตรา 65 บัญญัติให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีอำนาจออกข้อบัญญัติเก็บภาษีและค่า ธรรมเนียม ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 282 ซึ่งบัญญัติว่า "ภายใต้บังคับมาตรา 1 รัฐจะต้องให้ความเป็น อิสระแก่ท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น" มาตรา 283 บัญญัติ ว่า "ท้องถิ่นใดมีลักษณะที่จะปกครองตนเองได้ย่อมมีสิทธิได้รับจัดตั้งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" และมาตรา 284 บัญญัติว่า "องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหลายย่อมมีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบายการปกครอง การบริหาร การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลัง และมีอำนาจหน้าที่ของตนเองโดยเฉพาะ" |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
