ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 77 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1521 - 1540 จากข้อมูลทั้งหมด 2039 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
|---|---|---|---|
| 1521 | แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (เพิ่มเติม) | ทส | 02/09/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2546 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2546 ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ตกลง ในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินงบ ประมาณเหลื่อมปีให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ สำหรับมติของคณะกรรมการ ฯ มีดังนี้ เห็นชอบแผนปฏิบัติ การเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 (เพิ่มเติม) จำนวน 2 โครงการ โดยใช้เงินงบประมาณเหลือจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการถ่ายโอนการสนับสนุนแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระ ดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 รวมวงเงินงบประมาณ 105,908,412 บาทได้แก่ โครงการปรับปรุง ฟื้นฟูระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ รวม 16 พื้นที่ ใน 13 จังหวัด รวม 16 โครงการ วงเงินรวม 37,837,762 บาท และโครงการแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ ของกรมควบคุม มลพิษ 3 โครงการ วงเงินรวม 68,070,650 บาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ เป็นไปตามระเบียบสำนักงบประมาณ และให้สำนักงานนโยบายและแผน ฯ นำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณดำเนินการ รวมทั้งมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณา ระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปี ไม่เกินเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 ได้เป็นกรณีพิเศษ |
|||
| 1522 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2546 | กค | 26/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถ
ก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในเดือนสิงหาคม 2546 ตามมติของคณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐ ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2546 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ดังนี้ (1) ให้ผ่อนผันการก่อหนี้ผูกพันได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2546 เฉพาะรายการที่อยู่ในกระบวนการจัด ซื้อจัดจ้างก่อนสิ้นไตรมาสที่ 3 รายการค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของหน่วยงานที่มีผลกระทบเนื่องจากการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในข่ายได้รับการผ่อนผันต้อง รายงานสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2546 ให้กรมบัญชีกลางในฐานะฝ่าย เลขานุการคณะกรรมการ ฯ ทราบ (2) การเบิกจ่ายเงินรายการที่ได้ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึง ยกเว้นราย การที่อายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนมีนาคม 2547 ให้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกับกระทรวงการคลัง สำหรับรายการ ค่าครุภัณฑ์ตามข้อ (1) ที่อายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนตุลาคม 2546 แต่ไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคม 2547 ให้เบิกจ่าย เงินได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2547 หากอายุสัญญาสิ้นสุดหลังเดือนมีนาคม 2547 ให้ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกับ กระทรวงการคลัง (3) งบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2546 และงบอุดหนุนทั่วไปที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในลักษณะงบ ลงทุน ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง (4) วิธีการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการขยายเวลาเบิกจ่ายเงินดังกล่าว ให้ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. 2520 และที่แก้ไข เพิ่มเติม |
|||
| 1523 | กระทู้ถามที่ 1072 ร. เรื่อง การก่อสร้างต่อเติมระบบประปาและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านนาจาน จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1075 ร. เรื่อง การดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นแม่น้ำออมสิงห์ และกระทู้ถามที่ 1077 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นขนาดกลางบ้านน้ำตอน จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 26/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1072 ร. เรื่อง
การก่อสร้างต่อเติมระบบประปาและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านนาจาน จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1075 ร. เรื่อง การดำเนินการก่อสร้างฝายน้ำล้นแม่น้ำออมสิงห์ และกระทู้ถามที่ 1077 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝาย น้ำล้นขนาดกลางบ้านน้ำตอน จังหวัดพิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 1072 ร. สรุปได้ว่า ในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน ไม่มีแผนก่อสร้างต่อเติมระบบประปาและ ขุดลอกอ่างเก็บน้ำบ้านนาจาน หมู่ที่ 4 ตำบลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจาก งานขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติ กรมชลประทานได้ถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ทั้งนี้ ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือราษฎรตามแหล่ง น้ำธรรมชาติ และสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค เมื่อมีการร้องขอ กระทู้ ถามที่ 1075 ร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่บริเวณที่จะดำเนิน การก่อสร้างฝายน้ำล้นแม่น้ำออมสิงห์ ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกแล้ว มีสภาพภูมิ ประเทศไม่เหมาะสม เนื่องจากพื้นที่เป็นตลิ่งสูง ไม่สามารถผันน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกได้ทั้งนี้ ได้ดำเนินการแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ดังกล่าวโดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือราษฎร ามแหล่งน้ำธรรมชาติ และสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค เมื่อมีการร้อง ขอ และกระทู้ถามที่ 1077 ร. สรุปได้ว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชล ประทาน ไม่มีแผนก่อสร้างฝายน้ำล้นขนาดกลาง บ้านน้ำตอน ตำบลนาบัว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศไม่เหมาะสม ประกอบกับด้านท้ายน้ำ มีฝายน้ำตอน (ฝายหินก่อ) ซึ่งดำเนินการ ก่อสร้างเสร็จนานแล้ว มีตะกอนทับถมอยู่เต็มหน้าฝายไม่สามารถกักเก็บน้ำและส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้ จะ ต้องดำเนินการขุดลอกตะกอนหน้าฝายและลำห้วยซึ่งงานขุดลอกหนองน้ำและคลองธรรมชาติได้ถ่ายโอนภาร กิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ทั้งนี้ ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อน ที่ เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือราษฎรตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำสำหรับการ อุปโภค-บริโภค เมื่อมีการร้องขอ |
|||
| 1524 | กระทู้ถามที่ 293 เรื่อง ความคืบหน้าของโครงการถนนลาดยางสายปากบาง-บ้านสวนมะม่วง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี | สผ | 19/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 293 เรื่อง ความคืบหน้าของ
โครงการถนนลาดยาง สายปากบาง-บ้านสวนมะม่วง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ของนายพายัพ ปั้นเกตุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสิงห์บุรี และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้แทน ราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ถนนลาดยางสาย สห 4106 บ้านปากบาง-บ้านสวนมะม่วง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี มีลักษณะเป็นถนนโครงข่ายสายรอง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ชนบทยังเหลือระยะทางที่ยังไม่ได้รับงบประมาณก่อสร้างเป็นถนนลาดยางอีกประมาณ 11.143 กิโลเมตร และ เนื่องจากถนนดังกล่าว มิได้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่หากพบว่าประชาชนมีความเดือดร้อนเป็น อย่างมากในการใช้เส้นทาง สามารถประสานไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อขอความอนุเคราะห์ ในการซ่อมแซมเบื้องต้นให้สามารถใช้การได้เป็นการชั่วคราวก่อนได้ |
|||
| 1525 | กระทู้ถามที่ 318 เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยาง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 324 เรื่อง การก่อสร้างถนนลาดยางสาย พล 3046 บ้านห้วยเหิน-แก่งบัวคำ และกระทู้ถามที่ 327 เรื่อง การก่อสร้างทางในหมู่บ้าน จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 19/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 318 เรื่อง การก่อสร้างถนน
ลาดยาง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และ มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบ สรุปได้ว่า ถนนสายบ้านห้วยทรายเหนือ หมู่ที่ 6 ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นถนนดิน ลำลอง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ไม่สามารถขออนุญาตก่อสร้างถนน ได้ จนกว่าจะมีการผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ราษฎรในพื้นที่สามารถร้องขอให้องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่ ดำเนินการบำรุงรักษาถนนเดิมให้มีสภาพใช้การได้ดี หากไม่สามารถดำเนินการ ได้ สามารถร้องขอไปยังสำนักงานทางหลวงชนบทพิษณุโลกเพื่อให้การสนับสนุนตามกำลังงบประมาณที่ได้รับ การจัดสรรในแต่ละปีได้เช่นกัน |
|||
| 1526 | กระทู้ถามที่ 401 ร. เรื่อง การแก้ไขข้อขัดแย้งกรณีโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยและระบบบ่อบำบัดน้ำเสียในเขตเทศบาลทั่วประเทศ | สผ | 19/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 401 ร.
เรื่อง การแก้ไขข้อขัดแย้งกรณีโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยและระบบบ่อบำบัดน้ำเสียในเขตเทศ บาลทั่วประเทศ ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (บัญชีรายชื่อ) และให้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า (1) จากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้มีการปรับปรุงขั้นตอน ในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประชาชนที่มีต่อโครงการ ก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยและระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ การกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชน ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมการศึกษาความเหมาะสม และจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นกลางต่อ สาธารณชน ตลอดจนการจัดทำประชาพิจารณ์ก่อนดำเนินโครงการโดยหน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นผู้ ดำเนินการ และการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาสนับสนุนโครงการ โดยระบุให้องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นต้องเสนอข้อมูลประกอบการพิจารณา (2) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดแนวทางการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ ความขัดแย้งของประชาชนที่มีต่อโครงการ ฯ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดประโยชน์สูง สุดจากงบประมาณแผ่นดินที่ได้จัดสรรและกำลังจะจัดสรรไปยังโครงการต่าง ๆ โดยได้ประสานกับองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินงานแต่ละขั้นตอนอย่างใกล้ชิดและทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านวิชาการให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ (3) การตรวจสอบการปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการทำการประชาพิจารณ์ตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ พ.ศ. 2539 หน่วยงานเจ้าของโครงการ จะต้องรายงานการดำเนินการให้แก่คณะกรรมการที่ปรึกษาว่าด้วยการประชาพิจารณ์ โดยคณะกรรมการดัง กล่าวมีหน้าที่ในการกำกับดูแล รับฟังความคิดเห็นสาธารณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย วินิจฉัย ตอบข้อหา รือตามที่กำหนดในระเบียบ และรายงานสรุปผลการทำประชาพิจารณ์ตามที่ได้รับเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||
| 1527 | กระทู้ถามที่ 497 ร. เรื่อง การติดตามตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณด้านการกำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม | สผ | 19/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 497 ร.
เรื่อง การติดตามตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณด้านการกำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ของนายนพดล อินนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (บัญชีรายชื่อ) และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาลได้สนับสนุนด้านการกำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศ ตามพระราช บัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา โดยได้สนับสนุนการดำเนินงานในลักษณะต่าง ๆ เช่น การศึกษาความเหมาะสมของระบบกำจัดขยะมูลฝอย การก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอย การจัดซื้อครุภัณฑ์ในการเก็บรวบรวมขยะมูลฝอย ฯลฯ ซึ่งจากการสนับ สนุนงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2537-2545 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้สนับสนุนงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เพื่อใช้ในการจัดการขยะมูลฝอยตามเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติ ฯ ซึ่งมุ่งเน้นการกระจายอำนาจในการ บริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในวงเงินลงทุน 6,807.92 ล้านบาท สำหรับ การติดตามประเมินผลการดำเนินงาน สามารถพิจารณาจากเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนจัดการคุณภาพ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2542-2549 และนโบายการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างครบวงจร |
|||
| 1528 | กระทู้ถามที่ 750 ร. เรื่อง การชำระภาษีให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | สผ | 19/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 750 ร.
เรื่องการชำระภาษีให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยามีรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรและจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาตตามที่กฎ หมายกำหนดประเภทต่าง ๆ โดยในส่วนของภาษีที่จัดเก็บเป็นรายได้ของรัฐบาลและจัดสรรให้องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหรือโรงงานตั้งอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ และมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพ มหานคร นั้น กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีรวมกันได้ ณ สำนักงานสรรพากร หรือผ่านทางธนาคารและสาขาของธนาคาร ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพ ฯ ได้ สำหรับในส่วนของการแบ่งภาษีจากส่วนกลางให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาล ได้จัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่เป็นรายได้ของรัฐบาลให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คิดเป็นร้อยละ 10.88 ของภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลกฎหมายรัษฎากร หรือคิดเป็นเงิน 19,349 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2546 ได้จัดสรรภาษีให้องค์กรปกครอง ฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20.78 หรือคิดเป็นเงิน 35,504.44 ล้านบาท เป็นผลให้องค์กรปกครอง ฯ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาล ร้อยละ 22.19 |
|||
| 1529 | ขออนุมัติหลักการการขยายเวลาการจ้างครูอัตราจ้างชั่วคราวเป็นคราวละ 5 ปีต่อเนื่อง | ศธ | 13/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (คกก.4)
ที่มีมติอนุมัติในหลักการตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการขยายเวลาการจ้างครูอัตราจ้างชั่วคราว จากระยะเวลา 1 ปี เป็นคราวละ 3 ปีต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป โดยให้ทำสัญญาจ้าง ในแต่ละปี ทั้งนี้ เพื่อให้มีการประเมินครูอัตราจ้างอันเป็นหลักประกันคุณภาพการเรียนการสอนให้แก่เด็กและ ผู้ปกครอง โดยให้ใช้หลักการนี้กับครูอัตราจ้างของทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และหากมี การนำระบบสัญญาจ้างมาใช้ ก็ให้กระทรวงศึกษาธิการปรับสัญญาจ้างปีต่อปีที่ใช้อยู่ให้เข้าสู่ระบบดังกล่าวต่อ ไป โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการรับความเห็น และข้อสังเกตของ คกก.4 ไปดำเนินการ ดังนี้ กรณีที่มีปัญหาไม่ทราบจำนวนครูขาดแคลนที่แท้จริง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการที่จะใช้ครูได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทราบจำนวนครูที่ขาดแคลนที่แท้จริงว่ามีจำนวนเท่าใด จึงเห็นควรให้สำนักงาน เลขาธิการสภาการศึกษาเป็นเจ้าของเรื่อง โดยอาจมอบให้สถาบันการศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่งรับไปศึกษาข้อ มูลจำนวนครูที่ขาดแคลนที่เป็นจริง โดยให้ศึกษาเชิงลึกตามประเภทการเรียนการสอนและตามประเภทพื้นที่ แล้วจัดทำเป็นภาพรวมทั้งประเทศ เพื่อใช้กำหนดมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนครูต่อไป ในระยะยาว นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงในปัจจุบันรัฐเป็นผู้จัดการศึกษากว่าร้อยละ 80 ดังนั้น ในระยะยาวควรจะ ส่งเสริมให้เอกชนเข้ามามีส่วนในการจัดการศึกษาเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐควรสนับสนุนภาคเอกชนในจุดที่ยังด้อย อยู่ จึงมอบให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาบทบาทการพัฒนาการศึกษาระหว่างภาครัฐและเอกชนใน อนาคต โดยการให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษามากยิ่งขึ้น รวมทั้งเร่งถ่ายโอนภารกิจด้านการ ศึกษาให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น |
|||
| 1530 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2546 | นร | 13/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่
มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอร่างระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (แก้ไขเพิ่ม เติม) พ.ศ. 2546 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้แก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็น ของ คกก.7 เกี่ยวกับการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาจังหวัด โดยกำหนดให้มีผู้แทนจากองค์ กรส่วนท้องถิ่น และผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการได้ตามจำนวนที่กำหนด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของคณะกรรม การ ฯ ในการดำเนินการ และตรงตามลักษณะงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การกำหนดให้มีผู้แทนของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหัวหน้าส่วนราชการทุกแห่งเป็นกรรมการ จะทำให้องค์ประกอบของคณะกรรม การใหญ่เกินไปไม่อาจปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ปัจจุบันตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร องค์การบริหารส่วนตำบลได้แก้ไขปรับปรุงใหม่เป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแล้ว ควรแก้ไขให้สอดคล้อง กันด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||
| 1531 | การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 05/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์
กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ (1) จำนวนบุคลากรที่ต้องถ่ายโอนรวมทั้งสิ้น 4,111 ราย แยกเป็นข้าราชการ 1,310 ราย ลูกจ้าง ประจำ 2,801 ราย ศูนย์ปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรจังหวัด 75 จังหวัด ได้ดำเนินการถ่ายโอนบุคลากรรวม 3 ครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้แต่งตั้งรับโอนบุคลากรแล้วรวม 3,938 ราย แยกเป็นข้าราชการ 1,253 ราย ลูกจ้างประจำ 2,685 ราย คงเหลือบุคลากรที่ยังถ่ายโอนไม่ได้รวม 173 ราย แยกเป็นข้าราชการ 57 ราย ลูก จ้างประจำ 116 ราย (2) กรุงเทพมหานครได้พิจารณารับโอนบุคลากรตามบัญชีการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้า ราชการที่ถ่ายโอนไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 9 รายแล้ว โดยมีเงื่อนไขว่าราชการส่วนกลางจะต้อง ระบุภารกิจและระยะเวลาการถ่ายโอนให้ชัดเจน (3) กรมบัญชีกลางกำลังดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของบุคลากรที่ถ่ายโอนไป ยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ยังคงสามารถเป็นสมาชิกภาพกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับลูกจ้างประจำของส่วนราชการได้ดังเดิม รวมทั้งจะได้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มี ผลใช้บังคับย้อนหลังเพื่อรองรับสิทธิของบุคลากรที่ได้ถ่ายโอนไปแล้ว (4) กระทรวงมหาดไทยได้ประมวลผลสถานภาพการจัดสรรบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นพร้อมจัดส่งบัญชีรายชื่อข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ไม่สามารถจัดสรรได้ให้ศูนย์พัฒนาและถ่ายโอนบุคลา กรภาครัฐ สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการต่อไปแล้ว |
|||
| 1532 | การดำรงตำแหน่งกรรมการและการมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | นร | 05/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นของคณะกรรมการ
กฤษฎีกา (คณะที่ 1) ในปัญหาข้อกฎหมาย เรื่อง การดำรงตำแหน่งกรรมการและการมอบหมายให้ทำหน้าที่ แทนกรรมการตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ดังนี้ กรณีสมาชิกวุฒิสภาจะดำรง ตำแหน่งกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้หรือไม่ นั้น คณะกรรมการ ฯ เห็นว่า ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 110 (1) ได้บัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่ง หรือมีหน้าที่ใน หน่วยราชการ รวมถึงการดำรงตำแหน่งกรรมการในหน่วยราชการ ยกเว้นเฉพาะเป็นการรับหรือดำรงตำแหน่ง กรรมการที่ได้รับแต่งตั้งในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนั้น สมาชิกวุฒิสภาจึงอาจจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรม การผู้ทรงคุณวุฒิตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุขจะมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่ อาจกระทำได้ เพราะขัดกับอำนาจหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรม การผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 รวมทั้งกรณีผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นกรรมการ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะมอบให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน ได้หรือไม่ นั้น ตามพระราช บัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 13 (3) และมาตรา 48 (4) ได้กำหนดให้มีกรรมการ จากผู้แทนองค์กรปกครอง ฯ โดยให้ผู้บริหารองค์กรปกครอง ฯ แต่ละประเภทคัดเลือกกันเอง โดยอาศัยการได้ รับความไว้วางใจ หรือความรู้ความสามารถเป็นการเฉพาะตัว หากกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนองค์กรปกครอง ฯ ไม่ สามารถเข้าประชุมได้ ก็ไม่อาจมอบให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน |
|||
| 1533 | รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่พร้อมข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปี 2545 | ปช | 05/08/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(สำนักงาน ป.ป.ช.) รายงานผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำปี พ.ศ. 2545 โดยผลการตรวจสอบและการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย การ ปราบปรามการทุจริต การป้องกันการทุจริต การตรวจสอบทรัพย์สิน และการบริหารจัดการองค์กร สำหรับข้อ สังเกตและข้อเสนอแนะ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะรวม 5 เรื่อง ได้แก่ (1) การประสาน ความร่วมมือในการใช้อำนาจระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภากับคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการเปิดเผยข้อ มูลตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 บางครั้งยังมีข้อจำกัดของกฎหมาย (2) มาตรการ ป้องกันการทุจริตที่ให้ความสำคัญในเรื่องความสัมฤทธิผลของมาตรการป้องกันการทุจริตในแต่ละเรื่อง (3) การ บริหารงบประมาณในเรื่องการจัดกลุ่มการบริหารงบประมาณที่มุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ (4) การกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องคำนึงถึงความสมดุลของค่าตอบแทนกับความรับผิดชอบ และ (5) การจัดทำรายงานเสนอความเห็นต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น |
|||
| 1534 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบรับรอง และค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือนอกสถานที่ราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยกักพืช พ.ศ. .... | กษ | 29/07/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรม
เนียมใบอนุญาตและใบรับรอง และค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลา ราชการ หรือนอกสถานที่ราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยกักพืช พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติหลักการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างกฎ กระทรวงฉบับนี้เป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบรับรอง และค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้า ที่ซึ่งปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือนอกสถานที่ราชการ ดังนี้ (1) ใบอนุญาตนำเข้าหรือนำผ่านสิ่งต้องห้าม ฉบับละ 100 บาท (2) ใบอนุญาตนำเข้าหรือส่งออกเชื้อพันธุ์พืช ฉบับละ 100 บาท (3) ใบรับรองปลอดศัตรูพืช ฉบับละ 100 บาท (4) ใบแทนใบรับรองปลอดศัตรูพืช ฉบับละ 50 บาท ทั้งนี้ บุคคลใดประสงค์จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือ นอกสถานที่ราชการไม่ว่าในหรือนอกเวลาราชการต้องเสียค่าป่วยการให้สำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปฎิบัติ งานตามอัตราที่กำหนด โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวแก่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราช การแทนพระองค์ กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น สภากาชาดไทย รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ |
|||
| 1535 | ข้อพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายในการแก้ปัญหารถจักรยานยนตร์รับจ้าง | นร | 29/07/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
ที่มีมติเกี่ยวกับข้อพิจารณามาตรการทางกฎหมายในการแก้ปัญหารถจักรยานยนตร์รับจ้าง โดยเห็นว่า มาตรการ ดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมรับไป ดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอรวม 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวง แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2524) (ข้อ 1 (4)) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 (1) แห่งพระราช บัญญัติรถยนตร์พ.ศ. 2522 เพื่อกำหนดลักษณะ ขนาดหรือกำลังของเครื่องยนตร์ของรถจักรยานยนตร์สาธารณะ แยกจากรถจักรยานยนตร์ส่วนบุคคล ร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 25 (พ.ศ. 2539) (ข้อ 2) เพื่อกำหนดลักษณะแผ่นป้ายทะเบียนรถสำหรับรถจักรยานยนตร์ทั้งสองประเภทให้แตกต่างกันโดยอาศัยอำนาจ ตามมาตรา 5 (4) แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 และร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับ ที่ 22 (พ.ศ. 2537) (ข้อ 6) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 (2) และมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 กำหนดให้รถจักรยานยนตร์สาธารณะต้องมีเครื่องอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของคนโดย สารได้ แล้วเสนอ คกก.7 พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อออกข้อบัญญัติหรือข้อบังคับท้องถิ่นเกี่ยวกับการจัดระเบียบการจอดยานยนตร์ต่อไป |
|||
| 1536 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทยรอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2546) | มท | 29/07/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดในภาพรวม ของศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) ทั้ง 75 จังหวัด ในรอบสัปดาห์ (ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2546) สรุปได้ดังนี้ (1) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติดของ ศตส.จ. ศตส.อ./กิ่ง อ. มียอดการจับกุมรวมทั้ง สิ้น 48,015 คน ส่วนการแสดงตน ในช่วงวันที่ 21-27 กรกฎาคม 2546 มีผู้ผลิต/ผู้ค้าเข้าแสดงตนต่อทางราช การเพิ่มขึ้น 6 คน และผู้เสพแสดงตนเพิ่มขึ้น 68 คน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพ มีผลการบำบัดรักษา ทั้งสิ้น 285,469 คน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชน ได้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าว ครบ 6 ขั้นตอน จำนวน 41,448 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการในขั้นตอนที่ 5 จำนวน 19,661 หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการในขั้นตอนที่ 4 จำนวน 797 หมู่บ้าน/ชุมชน และดำเนินการในขั้นตอนที่ 2 จำนวน 6 หมู่บ้าน/ ชุมชน (2) การปราบปรามจับกุมผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ และการยึดทรัพย์สิน มีผลการปราบปรามจับกุม ผู้ผลิต/ผู้ค้ารายสำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-27 กุมภาพันธ์ 2546 รวม 1,997 คน การตรวจยึดทรัพย์ สินได้มูลค่า 6,728.236 ล้านบาท สำหรับผลการปฏิบัติงานยึดทรัพย์สินของ ป.ป.ส. และ ปปง. ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-27 กรกฎาคม 2546 สามารถดำเนินการยึดทรัพย์สินผู้ผลิต/ผู้ค้า จำนวน 2,786.160 ล้านบาท (3) การดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากการตรวจสอบเพิ่มเติมปรากฏ ว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 1,351 ราย และจากรายงานของกรม การปกครอง มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 359 ราย และกรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่น มีบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 201 ราย นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการในส่วนของการปฏิบัติงานด้านการป้องกันกลุ่มเสี่ยง การจัดงาน "12 สิงหาสร้างมหาอภัยทานต้านยาเสพติด" มาตรการเร่งรัดผู้เสพ/ผู้ติด ยาเสพติดเข้ารับการ บำบัด ฟื้นฟูและพัฒนา และการมอบนโยบายและแนวทางการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและการดำเนินการต่อ สู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด |
|||
| 1537 | ขอความเห็นชอบแผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-2549 | พม | 22/07/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
แผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการ หน่วย งานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านจัดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และที่เป็นเจ้าของที่ดิน ให้การสนับสนุนโครงการบ้านเอื้ออาทร และให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความ เห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ส่วนเรื่องการเงินให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช. ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับ ควบคู่ไปกับการใช้งบประมาณของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ คงคุณภาพ มาตรฐาน ในการก่อสร้างไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถลดภาระของรัฐในการให้ความสนับสนุนค่าใช้จ่าย จากเดิมในอัตราไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหน่วยลงได้ ผู้ซื้อสามารถผ่อนชำระต่อเดือนในอัตราต่ำ ภายในระยะ เวลาที่กำหนดไว้ 30 ปี สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. กระจายการดำเนินการโครงการ โดย ให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการก่อสร้างให้มากที่สุด โดยการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ในการก่อสร้างทั้งหมด กคช. ควรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการดังกล่าว ในส่วนของรูปแบบของบ้าน เอื้ออาทร ควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ล้าสมัยแล้ว ก็ไม่ควรนำมาเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้าง นอกจากนี้ พื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการภายในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและต่างจังหวัดควรพิจารณาเลือกทำเลให้เหมาะสม โดยประสานขอความร่วมมือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน และติดต่อเจรจากับธนาคารของรัฐและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มี อสังหาริมทรัพย์ในครอบครองให้ได้เงื่อนไขที่ดีเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ในการดำเนิน โครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. ดำเนินโครงการโดยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2536 แต่จะต้องประสานการดำเนินการกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยเร็วต่อ ไป กับให้ กคช. เร่งรัดการดำเนินโครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนต่าง ๆ จำนวน 270 แห่ง ซึ่งได้รับ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว เช่น โครงการปรับปรุงอาคารที่พักแฟลตดินแดง เป็นต้น ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว |
|||
| 1538 | ขอความเห็นชอบโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย "โครงการบ้านเอื้ออาทร" ระยะ 3 และเรื่อง ขอความเห็นชอบแผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546 - 2549 | พม | 22/07/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
แผนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการ หน่วย งานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านจัดการสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และที่เป็นเจ้าของที่ดิน ให้การสนับสนุนโครงการบ้านเอื้ออาทร และให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความ เห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ไปประกอบการดำเนินการ ส่วนเรื่องการเงินให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรของ กคช. ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะได้รับ ควบคู่ไปกับการใช้งบประมาณของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ คงคุณภาพ มาตรฐาน ในการก่อสร้างไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถลดภาระของรัฐในการให้ความสนับสนุนค่าใช้จ่าย จากเดิมในอัตราไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหน่วยลงได้ ผู้ซื้อสามารถผ่อนชำระต่อเดือนในอัตราต่ำ ภายในระยะ เวลาที่กำหนดไว้ 30 ปี สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. กระจายการดำเนินการโครงการ โดย ให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการก่อสร้างให้มากที่สุด โดยการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ในการก่อสร้างทั้งหมด กคช. ควรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการดังกล่าว ในส่วนของรูปแบบของบ้าน เอื้ออาทร ควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ ล้าสมัยแล้ว ก็ไม่ควรนำมาเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้าง นอกจากนี้ พื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการภายในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและต่างจังหวัดควรพิจารณาเลือกทำเลให้เหมาะสม โดยประสานขอความร่วมมือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน และติดต่อเจรจากับธนาคารของรัฐและสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มี อสังหาริมทรัพย์ในครอบครองให้ได้เงื่อนไขที่ดีเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ในการดำเนิน โครงการบ้านเอื้ออาทรระยะที่ 3 ให้ กคช. ดำเนินโครงการโดยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2536 แต่จะต้องประสานการดำเนินการกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยเร็วต่อ ไป กับให้ กคช. เร่งรัดการดำเนินโครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนต่าง ๆ จำนวน 270 แห่ง ซึ่งได้รับ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว เช่น โครงการปรับปรุงอาคารที่พักแฟลตดินแดง เป็นต้น ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว |
|||
| 1539 | กระทู้ถามที่ 1068 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยดู่ จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1069 ร. เรื่อง โครงการขุดลอกคลองห้วยตูบผ้าห่ม จังหวัดพิษณุโลก และกระทู้ถามที่ 1070 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กลำห้วยไคร้ จังหวัดพิษณุโลก | สผ | 22/07/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1068 ร. เรื่อง
โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยดู่ จังหวัดพิษณุโลก กระทู้ถามที่ 1069 ร. เรื่อง โครงการขุดลอกคลองห้วยตูบผ้า ห่ม จังหวัดพิษณุโลก และกระทู้ถามที่ 1070 ร. เรื่อง โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กลำห้วยไคร้ จังหวัด พิษณุโลก ของนายนคร มาฉิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 1068 ร. สรุปได้ว่า โครงการฝายน้ำล้นห้วยดู่ หมู่ที่ 1 บ้าน ห้วยตีนตั่ง ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีสภาพพื้นที่เหมาะสมสามารถที่จะดำเนินการก่อ สร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมระบบส่งน้ำได้ ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการจัดทำรายงานพิจารณาโครงการเบื้องต้น ถ้ามีความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม จะได้พิจารณาสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนงาน และงบประมาณก่อ สร้างต่อไป ในกรณีที่ราษฎรในพื้นที่ขาดแคลนน้ำกรมชลประทานได้ให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อ สูบน้ำช่วยเหลือราษฎรตามแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อการเพาะปลูกและการอุปโภค-บริโภค และในระยะต่อไป จะ ดำเนินการพิจารณาจัดหาน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่นั้น ๆ ตามความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นการถาวรต่อไป กระทู้ถามที่ 1069 ร. สรุปได้ว่า ปัจจุบันโครงการขุดลอกหนอง น้ำและคลองธรรมชาติ กรมชลประทานได้ถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว และหากไม่ สามารถขุดลอกคลองห้วยตูบผ้าห่มในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้ การแก้ไขปัญหาราษฎรขาดแคลนน้ำเป็น อำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะพิจารณาดำเนินการ และกระทู้ถามที่ 1070 ร. สรุปได้ ว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำห้วยไคร้ หมู่ที่ 2 บ้านหนองขาหย่าง ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก มีสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมที่จะสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชล ประทาน ได้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของราษฎรโดยให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อสูบน้ำช่วย เหลือราษฎรตามแหล่งน้ำธรรมชาติ และรถยนต์บรรทุกน้ำสำหรับแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค |
|||
| 1540 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 22/07/2546 |
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ จัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ปรับปรุงแก้ ไขร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ตามความเห็นและข้อสังเกตของ คกก.3 ดังนี้ (1) อำนาจกระทำการต่าง ๆ ขององค์การ จัดการน้ำเสีย (อจน.) ตามมาตรา 7 ให้คงข้อความใน (13) เรื่องการประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ไว้เช่น เดิม ส่วนข้อความในร่าง (13) ที่เสนอควรให้เพิ่มเป็น (15) (2) แก้ไขข้อความในมาตรา 10(2) เป็น "ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม และค่าตอบแทน" เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มมาตรา 7(15) เรื่องการบริหารงาน และ (3) ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ อจน. ตามมาตรา12 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเปลี่ยน ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข เป็น ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม กับเพิ่มผู้แทนการประปาส่วนภูมิภาคเป็นกรรม การด้วย และปรับลดจำนวนกรรมการอื่นจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกินเจ็ดคน เป็น ไม่เกินหกคน ทั้งนี้ ในการแต่งตั้ง กรรมการดังกล่าวควรให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของ คกก.3 ที่เห็นควรให้ อจน. เร่งรัดจัดทำแผน การดำเนินงานเชิงธุรกิจ (Business Plan) ให้มีแนวทางการบริหารจัดการแบบเอกชนที่มีการวางแผนการดำเนิน งานหรือการลงทุนเพื่อก่อให้เกิดรายได้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด โดย ให้มีการกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานและตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนด้วย สำหรับการจัดเก็บค่าบริการหรือค่า ธรรมเนียมในการบำบัดน้ำเสีย ควรพิจารณาว่าจะให้การประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นผู้ ดำเนินการในการจัดเก็บค่าน้ำประปาอยู่แล้ว เป็นผู้จัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสีย โดยอาจให้ค่าตอบแทนในการ เรียกเก็บด้วยหรือไม่ หรือหาก อจน. เป็นผู้จัดเก็บเอง จะมีวิธีการดำเนินการและคำนวณอัตราส่วนการใช้น้ำอย่าง ไร หรืออาจจะโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ ไปเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนธุรกิจ ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเสนอ คกก.3 ภายใน 1 เดือน |
|||
.....
