ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 78 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1541 - 1560 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1541 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 - 2565) | พณ. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทย ภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัล ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการค้าภายในประเทศและการค้าข้ามพรมแดน (๒) การพัฒนาสภาพแวดล้อมและปัจจัยการสนับสนุนการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (๓) การสร้างความเชื่อมั่นในธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ประโยชน์จากธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่ายงานหลักในการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคนนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมข้อสังเกตของกระทรวงอุตสาหกรรมและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น ควรมีการยืนยันตัวตนลูกค้าในการเข้าใช้งานที่มีความน่าเชื่อถือและสะดวก ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและการอนุมัติ อนุญาตต่าง ๆ ทั้งในส่วนของการอนุญาตให้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี การเชื่อมโยงบริการของรัฐแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ และกำกับดูแลมาตรฐานสินค้าให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้โดยสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน มีภาระการดำเนินการน้อย รวมทั้งพัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคที่สามารถยุติข้อร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นข้อจำกัดและเป็นอุปสรรคในการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓ [เรื่อง การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service)] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของการอนุญาตให้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับจัดเก็บภาษี การเชื่อมโยงบริการของรัฐแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้โดยสะดวก ไม่ซ้ำซ้อน มีภาระการดำเนินการน้อย ๒.๒ พัฒนากลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน สามารถยุติข้อร้องเรียนและเยียวยาผู้บริโภคได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1542 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 31/2564 | นร.11 สศช | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่
๓ รวม ๑๐ จังหวัด จำนวน ๑,๗๖๖
โครงการ กรอบวงเงิน ๒,๙๐๙,๐๑๕,๕๗๒ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒.รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรเร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้โดยเคร่งครัด
โดยเฉพาะในส่วนของการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๕ (๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้
การจัดหาเงินและการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๓ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1543 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี | นร.12 | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
ดังนี้ ๑.๑.
เห็นชอบการปรับโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี
โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐
เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานราชการส่วนกลางในภูมิภาค และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๒ เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ต้องมีข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม
เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านภารกิจและงบประมาณ
และรับทราบการกำหนดตัวชี้วัดสำคัญเพื่อวัดความสำเร็จการแบ่งส่วนราชการใหม่
โดยให้สำนักงบประมาณรายงานผลประเมินตัวชี้วัดดังกล่าว
เสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาทบทวนและปรับบทบาทภารกิจของสำนักงบประมาณ
ให้สอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ต่อไป ๑.๒.
เห็นชอบให้มีการทบทวนและปรับบทบาท ภารกิจ หน้าที่และอำนาจ
และโครงสร้างของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ภายใน ๑ ปี นับแต่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงบประมาณ มีผลใช้บังคับ ๑.๓. เห็นชอบให้เพิ่มหลักการการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ของส่วนราชการให้มีข้อเสนอยุบเลิกภารกิจหรือยุบรวมหน่วยงานของส่วนราชการอื่น(X-in, Y-out) สำหรับกรณีภารกิจที่มี Value Chain เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงหลายส่วนราชการ
ซึ่งไม่อาจพิจารณาเฉพาะส่วนราชการใดส่วนราชการหนึ่งได้ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการพิจารณาในสาระสำคัญตลอดจนรายละเอียดในการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ
สำนักนายกรัฐมนตรี
ต้องให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประสานการดำเนินการ
และร่วมกันพิจารณาอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความชัดเจน
และลดอุปสรรคในการดำเนินการในอนาคต มีการศึกษาวิเคราะห์ภารกิจและโครงสร้างของหน่วยงานที่มีอยู่ในภาพรวมทั้งระบบราชการ
ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง หรือมีความทับซ้อนของภารกิจอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนกลางในภูมิภาค ราชการบริหารส่วนกลางส่วนภูมิภาค
เพื่อนำไปสู่การทบทวนบทบาทภารกิจ และปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานในระบบราชการให้มีขนาดที่เหมาะสม
มีการใช้ทรัพยากรและบุคลากรภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
และพิจารณาแนวทางการรับโอนอัตรากำลัง
หรือบุคลากรจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น อาจส่งผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอัตรากำลังส่วนเกิน
ดังนั้น หากโอนอัตรากำลังและบุคลากรจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในระดับพื้นที่
ซึ่งจะสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจของสำนักงบประมาณเขตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมทั้งช่วยลดภาระงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐและสอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ที่กำหนดเป้าหมายให้ภาครัฐมีขนาดเล็กลง เหมาะสมกับภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1544 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2564 | นร.11 สศช | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ รวม ๑๒ จังหวัด จำนวน ๒,๑๘๖ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๓,๕๘๗,๒๑๘,๕๑๔ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย
(สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) เร่งรวบรวมโครงการที่ผ่านการพิจารณาแล้ว ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ และมอบหมายให้จังหวัดรับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔
ไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอน รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่าย ความคุ้มค่า ประหยัด เป้าหมาย
และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการกำลังใจ จากเดิม สิ้นสุดระยะเวลาเบิกจ่ายในเดือนสิงหาคม
๒๕๖๔ เป็น เดือนธันวาคม ๒๕๖๔
มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รับไปพิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการทัวร์เที่ยวไทย
อนุมัติให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรค
COVID-๑๙
จากเดิม เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๖๔ เป็น เดือนมิถุนายน-ธันวาคม ๒๕๖๔
และอนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการ Gastronomy
Tourism : LANNA Gastronomy “คิดถึงเชียงใหม่”
จากเดิม ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เป็น ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึง ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ตลอดจนการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1545 | ร่างแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) สำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) | กต. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วม
(Joint Press Statement) สำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
(เกาหลีใต้) เพื่อให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองเอกสารในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ในวันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔
และกระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่เอกสารต่อสาธารณชนภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1546 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก | กก. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียนและองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency : WADA) ในการร่วมมือเพื่อป้องกันการใช้สารต้องห้ามในกีฬาในภูมิภาคอาเซียน
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจฯ
และให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๑๒๐๕/๕๔๕ ลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
และความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรมีแนวทางหรือมาตรการในการตรวจการใช้สารต้องห้ามให้มีความทันสมัยขึ้น
เพื่อป้องกันการได้เปรียบจากการหลบเลี่ยงการถูกตรวจพบสารกระตุ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลกในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1547 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 1 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 | มท. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ รวม ๒๓ จังหวัด จำนวน ๒,๑๑๗ โครงการ วงเงินรวม ๖,๑๗๐,๖๔๗,๙๑๕ บาท โดยให้หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ
เป็นผู้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของระเบียบ และแนวทางปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยจะได้แจ้งให้หน่วยรับงบประมาณปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๖๔๓๑
ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยกำกับ ดูแล ให้หน่วยรับงบประมาณ
เช่น จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง ดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๑ ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
รวมทั้งจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทั้งนี้
ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย โดยดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1548 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการคลัง ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ และกำหนดเป็นการทั่วไปให้หน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้ครอบคลุมถึงสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นส่วนราชการแต่ไม่มีฐานะเป็นกรม
และที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รวมทั้งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะที่เป็นองค์การมหาชน
ตามมติคณะรัฐมนตรี ตามข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
เป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1549 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 5/2564 | นร.11 สศช | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่กำหนดไว้
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด โดยใช้วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้การดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม ๒๐,๐๐๑,๑๕๐ โดส (PFizer) ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมควบคุมโรค)
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนร่วมดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด
โดยเร่งกระจายวัคซีนให้รวดเร็ว เป็นระบบ ทั่วถึง โปร่งใส และเป็นธรรม
รวมทั้งให้สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนให้ชัดเจนและทั่วถึงด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1550 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 29/2564 | นร.11 สศช | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่
รวม ๒๓ จังหวัด จำนวน ๒,๑๑๗
โครงการ กรอบวงเงิน ๖,๑๗๐,๖๔๗,๙๑๕ บาท ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้กระทรวงมหาดไทย
(สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่กำหนดไว้
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด สำหรับการบริหารจัดการภาระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดฯ
นั้นกระทรวงการคลังจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
อย่างเคร่งครัด และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเร่งคืนกรอบวงเงินกู้ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
และเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1551 | การมอบหมายผู้แทน (proxy) ของไทย ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 27 | ดศ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการมอบอำนาจให้ประเทศมาเลเซียทำหน้าที่แทนประเทศไทย (proxy) ในการลงคะแนนเสียงแบบ Secret Vote เฉพาะในกรณีการลงมติเลือกตั้งตำแหน่งสำคัญต่าง
ๆ ทั้งเลขาธิการและรองเลขาธิการ UPU สมาชิกสภาบริหาร (CA) และสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ (POC) แบบ Secret Ballot รวมทั้งการลงมติในข้อมติต่าง ๆ ที่เป็นแบบ
Secret Vote ในระหว่างการประชุมสหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๗
และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทาบทามและออกหนังสือมอบอำนาจเป็นผู้แทน (proxy) ของประเทศไทย
เพื่อมอบอำนาจให้ประเทศมาเลเซียในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์
สมัยที่ ๒๗ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1552 | ขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้กันเงินไว้และไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน มาดำเนินรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดินเพื่อการชลประทาน | กษ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กรมชลประทานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการที่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
และได้กันเงินไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓)
ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑๑ รายการ วงเงินรวม
๒๖๖,๙๔๑,๐๑๖.๐๐ บาท มาดำเนินการในงบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง รายการค่าซื้อที่ดิน
ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน จำนวน ๑๑ รายการ วงเงินรวม ๒๖๖,๙๔๑,๐๑๖.๐๐ บาท
โดยให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การบริหารวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับรายการผูกพันข้ามปี
และค่าใช้จ่ายรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน
เพื่อการชลประทานดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
แล้วแต่กรณี ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยให้นำมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และ/หรือ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พร้อมเงื่อนไขประกอบการเห็นชอบไปประกอบการดำเนินงานโครงการทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการอย่างเคร่งครัดไปพิจารณาด้วย ๒. ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในระยะต่อไป ให้กระทรวงเกษตรมละสหกรณ์
(กรมชลประทาน)ดำเนินการตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
หรือโครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า
ตลอดจนตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการนั้น ๆ
อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อน
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการได้อย่างบรรลุผล
เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1553 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง ครั้งที่ 1 | กต. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง ครั้งที่ ๑ (Outcome Document of the
Fish Meeting of the Guangdong-Thailand
High-Level Cooperation Conference) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๕ สิงหาคม
๒๕๖๔ ซึ่งร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านเศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อม ตลอดจนความร่วมมือในการรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ กับผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นการสนับสนุนการลงทุนของวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ของภาคเอกชนมณฑลกวางตุ้งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของประเทศไทย
เพื่อให้ร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ มีความครอบคลุมมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง
ครั้งที่ ๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1554 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. 2030 | กษ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ซึ่งร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดำเนินงานเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหารระหว่างสมาชิกเอเปค
เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์การการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
โดยไม่มีการลงนามและไม่มีข้อผู้กพันทางกฎหมาย และมีสาระสำคัญ ประกอบด้วย
การรับทราบถึงผลกระทบอย่างต่อเนื่องของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ที่มีต่อความเป็นอยู่ที่ดีและความปลอดภัยของประชาชนในภูมิภาคเอเปค พร้อมรับรองความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐
ตลอดจนสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในด้านการค้าการลงทุน
นวัตกรรมและการแปลงเป็นดิจิทัล การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง สมดุล มั่นคง
ยั่งยืน และครอบคลุม รวมถึงการผลักดันประเด็นความมั่นคงทางอาหาร เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอชน เป็นต้น
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนที่สุด ที่ กต ๐๗๐๓/๗๒๒ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม
๒๕๖๔) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
และร่างแผนงานความมั่นคงอาหารเอเปคมุ่งสู่ ปี ค.ศ. ๒๐๓๐
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1555 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2525 เรื่อง โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ | สธ. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๒๕ เรื่อง โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ โดยขอปรับปรุงสาระสำคัญของโครงการแก้ไขปัญหาการกระจายทันตแพทย์
เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ สรุปได้ว่า
ให้นักศึกษาทันตแพทย์ทุกคนทำสัญญาเข้ารับราชการ ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิตจากสถาบันการศึกษาของรัฐ
ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันตกรรม และได้รับคัดเลือกตามแผนความต้องการทันตแพทย์ของส่วนราชการ/หน่วยงานในองค์การของรัฐทุกคนเข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุนตามสัญญา
ให้นักศึกษาสาขาวิชาทันตแพทย์ ที่เข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาภาครัฐ
ตามโครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ เข้าปฏิบัติงานในส่วนราชการ/หน่วยงานในองค์การของรัฐ จนกว่าจะหมดความจำเป็นและตามแผนความต้องการของส่วนราชการ/หน่วยงาน และนักศึกษาวิชาทันตแพทย์ศาสตร์ในสถาบันการศึกษาภาครัฐ
จะต้องทำสัญญาก่อนเข้าศึกษา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมาย
และนโยบายกำลังคนภาครัฐ เช่น อาจพิจารณาให้มีการทำสัญญาตามความสมัครใจ
ควรเปิดโอกาสให้สถาบันแต่ละแห่งพัฒนาหลักสูตรที่ผู้เรียนจะเข้าหรือไม่เข้าสู่ระบบทันตแพทย์คู่สัญญาแยกออกจากกัน
และควรพัฒนาการบริหารจัดการที่ช่วยดึงดูดและเพิ่มอัตราการอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนความต้องการทันตแพทย์ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในภาพรวมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเป้าหมายการกระจายของตำแหน่งทันตแพทย์คู่สัญญาในพื้นที่ทั่วประเทศอย่างทั่วถึงและครอบคลุม
โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่กันดาร
และกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินการให้ชัดเจน รวมทั้งกำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์
และกระบวนการคัดเลือกทันตแพทย์คู่สัญญาอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้การกระจายอัตรากำลังทันตแพทย์เป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขประเมินผลการดำเนินการและรายงานคณะรัฐมนตรีเป็นระยะต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1556 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แทนตำแหน่งที่ว่าง (นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร) | พน. | 17/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง) ในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการตามกฎหมาย/กรรมการและผู้บริหารขององค์การมหาชน)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1557 | ข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขาสำหรับวัสดุอาคารและสิ่งก่อสร้างของอาเซียน (ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for Building and Construction Materials) | อก. | 10/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงยอมรับร่วมรายสาขาสำหรับวัสดุอาคารและสิ่งก่อสร้างของอาเซียน (ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for
Building and Construction Materials) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการยอมรับผลการทดสอบหรือการรับรองผลิตภัณฑ์วัสดุอาคารและสิ่งก่อสร้างที่ออกโดยหน่วยตรวจสอบรับรองที่ได้รับการขึ้นบัญชีในประเทศสมาชิกอาเซียน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นลงนามในร่างข้อตกลงฯ
ดังกล่าว และเมื่อลงนามแล้วให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งข้อตกลงฯ ดังกล่าว ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ
ดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่า
ประเทศไทยพร้อมที่จะให้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลผูกพัน
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบข้อตกลงดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1558 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2564 | นร.11 สศช | 10/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ โครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ของสำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินจำนวน ๓๓,๔๗๑.๐๐๕๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่
๒ เพื่อช่วยเหลือเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๕ ฉบับที่
๒๘ และฉบับที่ ๓๐) ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวม ๒๙ จังหวัด ทั้งนี้
เห็นควรให้สำนักงานประกันสังคม รับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ โดยให้เร่งดำเนินการตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ได้รับความช่วยเหลือตามเป้าหมาย
พิจารณาดำเนินการต่าง ๆ ให้สามารถโอนเงินให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา
๓๙ และมาตรา ๔๐ ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน ๑๐ จังหวัดก่อน กำหนดเงื่อนไขของกลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ
โดยเฉพาะในส่วนของผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา ๔๐ เพิ่มเติม
จัดทำข้อเสนอขยายระยะเวลาให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-๑๙
ในพื้นที่ ๑๓ จังหวัด การดำเนินโครงการนี้ทำให้มีประชาชนเข้าร่วมเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา
๔๐ จำนวนเพิ่มขึ้น จึงควรต้องประมาณการภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นให้ชัดเจน
พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ไปดำเนินการโดยเคร่งครัด
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม)
รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการต่าง
ๆ โดยใช้วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด สร้างความรับรู้และความเข้าใจในมาตรการที่ถูกต้องให้กับประชาชน
รวมทั้งดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้มาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
พร้อมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือแก่สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้องและทั่วถึงเป็นระยะ
ๆ ต่อไป ตลอดจนประชาสัมพันธ์เรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนประเภทต่าง ๆ
เพื่อจูงใจให้ผู้ประกันตนอยู่ในระบบประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
(เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1559 | การแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการอ่างเก็บน้ำแม่มอก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง | กษ. | 10/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) จ่ายเงินชดเชยให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำแม่หมอก
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง
จากการเข้าทำประโยชน์ในแปลงจัดสรรที่ดินไม่ได้ จำนวน ๑๐๓ ราย ในอัตรา ๒๐,๐๐๐ บาทต่อราย
ตามความเห็นของคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคราชการและผู้แทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการของรัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ แนวทางที่ ๒
ที่ให้มีการเยียวยาตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.๕๖๔/๒๕๖๐ ในส่วนของการกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้กรมชลประทานพิจารณาให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยให้เริ่มนับระยะเวลาการคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันถัดจากวันที่ราษฎรยื่นคำร้องเรียนไปจนกว่าจะชำระเงินค่าชดเชยเสร็จสิ้น ๒. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงิน
รวม ๑๔ราย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานกรรมการ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงขั้นตอน
ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และควรเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการด้วย
ให้กรมชลประทานดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
ควรมีการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (เกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยคราวต่อไปหากมี)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม
๒๕๖๔ (เรื่อง
ขออนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา)
ที่กำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์กลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการชลประทานของรัฐในกรณีต่าง
ๆ รวมทั้งกำหนดประเภทและวิธีการคำนวณอัตราค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรเร่งจัดทำหลักเกณฑ์
เงื่อนไข
และวิธีการเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชนที่เกิดจากการดำเนินโครงการของรัฐ
ตามขั้นตอนของกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และจะต้องคำนึงถึงความเป็นธรรม การไม่เลือกปฏิบัติ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1560 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 28/2564 | นร.11 สศช | 10/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังปรับลดกรอบวงเงินโครงการเราชนะ
เพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินโครงการ อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม
ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวด
และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อนุมัติให้จังหวัดลำพูน
ปรับลดกิจกรรมสร้างแปลงเรียนรู้เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารในชุมชน
(แปลงเรียนรู้ด้านปศุสัตว์) ภายใต้โครงการขยายผลการดำเนินงานเกษตรกรรม อนุมัติให้จังหวัดยุติหรือยกเลิกโครงการของจังหวัดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมจำนวน ๘ โครงการ
และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ เร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปรับปรุงแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้รายเดือน/รายสัปดาห์ให้เป็นปัจจุบัน
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการต่าง ๆ
โดยใช้วงเงินตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และเร่งคืนกรอบวงเงินกู้ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
และเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
และให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |