ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 77 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1521 - 1540 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1521 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ยธ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในอัตราไม่เกิน ๑๒,๐๔๑ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหาปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
จำนวน ๓๓๗,๗๑๓ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๘,๔๔๓ อัตรา ๒.
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕
เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๓๙,๘๘๖ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๕๙๘ อัตรา ๓.
สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรกก่อน
หากไม่สามารถดำเนินการได้
ให้เบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง
การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ)
ที่เห็นควรพิจารณาให้เฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำด้วยความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง
รวมทั้งให้มีการประเมินในส่วนของพฤติกรรมการปฏิบัติราชการหรือสมรรถนะของผู้รับการประเมินอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณากรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ
อย่างเคร่งครัด ควรมีการพิจารณาคัดเลือก
และจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1522 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ 20 ปี การรับรองปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเดอร์บัน | กต. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ
๒๐ ปี การรับรองปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเดอร์บัน ที่จะจัดขึ้นในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ
สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๖ ในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำท่าที่ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
การยอมรับและการแสดงความกังวลต่อการเหยียดเชื้อชาติรวมถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันในการประกันสิทธิและเสรีภาพและเน้นย้ำว่ารัฐเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
โดยมิได้ใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ
๒๐ ปี การรับรองปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเดอร์บัน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1523 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 33/2564 | นร.11 สศช | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่ ๕ รวม ๑๑
จังหวัด จำนวน ๑,๐๑๓
โครงการ กรอบวงเงิน ๓,๔๘๔,๒๗๐,๓๘๑ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณาโครงการในระดับพื้นที่
จังหวัด และกลุ่มจังหวัดอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมด้วย ๒.อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๓/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
โดยเคร่งครัด ให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตาม ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๕
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1524 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 5) | สธ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๕) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) ลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยแก้ไขเพิ่มเติมนิยามคำว่า “สถานพยาบาล” แก้ไขอัตราค่า COVID-19 Real time PCR รวมทั้งกำหนดเพิ่มบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และค่าใช้จ่ายของสถานพยาบาลที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคดังกล่าว
ณ ที่พำนักของผู้ป่วย ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1525 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 4 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 | มท. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๔
โดยให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
แล้วแต่กรณี ในฐานะหน่วยรับงบประมาณดำเนินการตามโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๔ รวม ๑๔ จังหวัด จำนวน ๑,๔๓๔ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๗๕๓,๗๘๒,๒๗๘ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุดที่ นร ๐๗๑๕/๑๘๗๗๑
ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ที่ให้ประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งกำกับ ดูแล การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
และจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการเพื่อให้โครงการแล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1526 | ขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้ในโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายตามพันธกิจสภากาชาดไทย โดยไม่คิดมูลค่า | กช. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบประมาณทั้งสิ้น ๙๔๖,๓๑๐,๐๐๐ บาท สำหรับใช้ในโครงการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายตามพันธกิจสภากาชาดไทย โดยไม่คิดมูลค่า ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ ๒. ให้สภากาชาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1527 | (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2565 | ทส. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์
คุ้มครอง ป้องกัน ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้เกิดการพัฒนากลไก
เครื่องมือ กฎระเบียบ
รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือและบูรณาการการทำงานของภาคส่วนต่าง ๆ โดยมี ๔ มาตรการ
ได้แก่ (๑) อนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและเป็นธรรม
(๒) บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน
(๓) เสริมสร้างประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเน้นการมีส่วนร่วมและทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ (๔) เสริมสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันจากความร่วมมือระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อสังเกต
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ควรพิจารณาการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในการสร้างองค์ความรู้เทคโนโลยี
และนวัตกรรม ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการภายใต้มาตรการบริหารจัดการของ
(ร่าง) นโยบายและแผนฯ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณแล้วแต่กรณี เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1528 | ขอทบทวนการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2530 (เรื่อง มติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ กพอ. 2/2530) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2531(เรื่อง มติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ กพอ. 1/2531) | อก. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบทบทวนการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
โดยขอยกเลิกการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๐
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ที่เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการพัฒนาและศักยภาพของพื้นที่
รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนให้เป็นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน
และคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการดึงดูดการลงทุนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณากำหนดอัตราค่าเช่าและระยะเวลาการเช่าที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้มีความเหมาะสม
โดยคำนึงถึงการดึงดูดผู้ประกอบการชาวต่างชาติให้มาลงทุนตามนโยบายการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดอย่างเคร่งครัด
หากมีกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีได้
ให้นำเรื่องเสนอขอทบทวนหรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1529 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 3 โครงการ | กษ. | 14/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน ๓ โครงการ
ประกอบด้วย (๑) โครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากเดิม ๗ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๑) เป็น ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๖๕)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๗๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒)
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ จากเดิม ๑๑
ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ ๒๕๖๔) เป็น ๑๕ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ ๒๕๖๘) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๔,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๓)
โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๔) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๘) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๙๘๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนและพิจารณาการเตรียมความพร้อมในการจัดหาที่ดินก่อนดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
กรณีโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาใช้สิทธิของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญาเพื่อเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากผู้รับจ้างรายเดิมในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1530 | ร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 11 | กต. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑๑ มีสาระสำคัญเป็นการทบทวนการดำเนินความร่วมมือที่ผ่านมา ตลอดจนแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข การพัฒนาที่ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน โดยไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑๑ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1531 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2564 | นร.11 สศช | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๑๒ ล้านโดส (Sinovac) ของกรมควบคุมโรค มอบหมายให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ๑๓
จังหวัด เพิ่มเติม ๑ เดือน ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
ดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายวัน และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม เร่งพิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนและรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา
๔๐ เนื่องจากอายุเกินคุณสมบัติที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ตลอดจนเร่งรัดประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจในมาตรการที่ถูกต้องให้กับประชาชน เร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน
และให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการต่าง
ๆ โดยใช้วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมทั้งให้ดำเนินการตามข้อสังเกตและความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1532 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 3 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 | มท. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๘๑๐๑ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑ ตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔) ที่ให้ประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งกำกับ ดูแล การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด และจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็วต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1533 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 32/2564 | นร.11 สศช | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่ ๔ รวม ๑๔
จังหวัด จำนวน ๑,๔๓๔
โครงการ กรอบวงเงิน ๓,๗๕๓,๗๘๒,๒๗๘ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒.อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๒/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตาม ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ตามขั้นตอนต่อไป ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1534 | การเพิ่มจุดนำเข้าและจุดส่งออกในภาคผนวกของพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มจุดนำเข้าและจุดส่งออกในภาคผนวกของพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดของใบรับรองสุขอนามัยพืช
ตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกักกันโรคและการตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามระหว่างไทยกับจีน
ซึ่งจุดนำเข้าและจุดส่งออกสำหรับการขนส่งผลไม้ของทั้งสองฝ่ายจะถูกกำหนดลงในภาคผนวกของพิธีสารฉบับนี้
กรณีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเพิ่มเติมจุดนำเข้าและจุดส่งออกอื่นของทั้งสองฝ่าย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1535 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) | กค. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น และอนุมัติงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๗๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ ๒) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรมีกระบวนการคัดกรองการให้สินเชื่อ และพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างเหมาะสม รวมถึงติดตามคุณภาพสินเชื่อและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำหรับภาระงบประมาณในการชดเชยส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยรับตามแผนวิสาหกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห์กับรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการฯ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ดำเนินการพิจารณาผลการดำเนินโครงการและนำข้อมูลสถานะทางการเงินมาประกอบการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงของโครงการ และติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากการปรับกรอบวงเงินของโครงการเพิ่มขึ้น รวมทั้งควรมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มลูกค้ารายย่อยไม่ให้ซ้ำซ้อนกับโครงการให้ความช่วยเหลืออื่นในลักษณะเดียวกันด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1536 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 (เรื่อง การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี) | กต. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง
การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี)
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.
เปลี่ยนสถานที่ตั้งสถานทำการทางกงสุลจากเดิม จังหวัดเพชรบุรี เป็น
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และจังหวัดเพชรบุรี ๒.
เปลี่ยนชื่อเรียกสถานทำการทางกงสุลจากเดิม
สถานกงสุลราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี เป็น
สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
และเปลี่ยนชื่อตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดนประจำจังหวัดเพชรบุรี
เป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรสวีเดน ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพื่อให้สอดคล้องกับที่ตั้งใหม่ของสถานทำการทางกงสุล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1537 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 6/2564 | นร.11 สศช | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (Covid-๑๙)
สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
ดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา
๓๙ และมาตรา ๔๐ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ
ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
พิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนและรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา
๔๐ เนื่องจากอายุเกินคุณสมบัติที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเร่งรัดประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจในมาตรการที่ถูกต้องให้กับประชาชน
และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน
และให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้ง ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตและความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในการดำเนินโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) ให้กระทรวงสาธารณสุข
(กรมควบคุมโรค) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน
เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ ทั่วถึง
และเป็นธรรม
รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานดังกล่าวสู่สาธารณชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย ๓. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอย่างเป็นระบบ
ครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
ๆ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1538 | แผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | กก. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้การรับรองผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) โดยการแจ้งเวียน (ad-referendum) ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนผลการศึกษาฉบับสุดท้ายของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด 19)
และถ้อยแถลงข่าวร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ว่าด้วยแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด 19)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอาจพิจารณาจัดทำแนวทางในการใช้ประโยชน์และต่อยอดการพัฒนาจากแผนดังกล่าว
ตลอดจนพิจารณาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในประเด็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับแนวนโยบายที่ประเทศไทยกำลังให้ความสำคัญต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1539 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 | มท. | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ รวม ๑๒ จังหวัด จำนวน ๒,๑๘๖ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๕๘๗,๒๑๘,๕๑๔ บาท โดยให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ในฐานะหน่วยรับงบประมาณ เป็นผู้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติต่อไป และเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการ
เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๗๑๕๑ ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔)
และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗
สิงหาคม ๒๕๖๔) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ดำเนินโครงการได้แล้วเสร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยเร็วต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1540 | การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 | นร.14 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน
๒๕๖๔ เพื่อให้การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบรรลุตามวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย มาตรการรับมือฤดูฝน
๑๐ มาตรการ การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ผ่านระบบบริหารจัดการแผนงาน
โครงการและฐานข้อมูล
สำหรับบูรณาการแผนงานเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ หรือระบบ Thai Water Plan (TWP) การจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำ
แนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการโครงการขนาดเล็กด้านทรัพยากรน้ำ รวมถึงการทบทวนบทบาทภารกิจหน่วยงานในการบริหารทรัพยากรน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ในประเด็นเป้าหมายและหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่เกษตรน้ำฝน ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยในส่วนของการดำเนินการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝนนอกเขตชลประทานเป้าหมายจำนวน
๘๗ ล้านไร่ กำหนดให้มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ร่วมเป็นหน่วยงานปฏิบัติในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ความเห็นและข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความประหยัด และการเตรียมความพร้อม ช่วยเหลือ สนับสนุน แนะนำ และคำปรึกษาทางเทคนิค
ตลอดจนการสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการ
โดยมีการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่าที่จำเป็นตามที่กฎหมายบัญญัติ และให้หน่วยงานที่ดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านแหล่งน้ำไม่ว่าจะรับงบประมาณจากแหล่งใดนำข้อมูลเข้าในระบบทะเบียนแหล่งน้ำเพื่อเป็นการบูรณาการข้อมูลแหล่งน้ำของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |