ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 80 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1581 - 1600 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1581 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 24/2564 | นร.11 สศช | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. ....
โดยเพิ่มข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรณีโครงการที่ต้องใช้เงินกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ
ให้กรมพัฒนาชุมชนเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ
โดยใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ โครงการ ให้จังหวัดพังงา จังหวัดลำพูน จังหวัดหนองคาย
และจังหวัดปัตตานี ปรับแผนการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัด
จำนวน ๘ โครงการ และมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาความเหมาะสมของการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมในลักษณะฝึกอบรม
การศึกษาดูงานและการถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กำหนด
และไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
กฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
จัดอบรม สัมมนา หรือการประชุมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักในทางปฏิบัติ
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรการของทางราชการอย่างประหยัด
และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. .... และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบดังกล่าวให้สมบูรณ์ก่อนดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1582 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ 15 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ 10 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ 10 ปี พ.ศ. 2564 | ทส. | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ
สมัยที่ ๑๕ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๑๐
และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ไม่ได้เป็นหนังสือสัญญาและมีผลผูกผันทางกฎหมายซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๑๗๘
แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมด้านสารเคมีและของเสียฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๕
การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๑๐
และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1583 | แผนระดับที่ 3 ของกระทรวงสาธารณสุข (ร่าง) แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2564 - 2565 | สธ. | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนระดับที่ ๓ ของกระทรวงสาธารณสุข (ร่าง)
แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕
มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพหรืออาจได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ในพื้นที่เขตอนุรักษ์
รวมทั้งเป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานเชิงบูรณาการ เพื่อเสนอแผนจัดการฯ
รายพื้นที่อย่างน้อย ๑๒ แห่ง ครอบคลุมทั้ง ๑๒ เขตสุขภาพต่อไป ทั้งนี้
แผนการบริหารจัดการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน จำนวน ๑,๗๓๕ ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง
ๆ ในการค้าสมุนไพรระหว่างประเทศ และการขอรับใบอนุญาตเพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
การดำเนินการในพื้นที่ป่าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำหรับแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในระดับพื้นที่
ซึ่งจะประกาศในอนาคต ให้ยึดกรอบทิศทางของแผนจัดการฯ ฉบับนี้
โดยไม่ต้องนำเสนอตามแนวทางของแผนระดับที่ ๓
ให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และควรพิจารณาถึงการศึกษาวิจัยวิธีการเก็บารักษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสมุนไพรในแต่ละชนิด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1584 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2564 (โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้) และครั้งที่ 25/2564 | นร.11 สศช | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๔ (โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้) เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม
๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้ถูกต้องครบถ้วนถึงความเท่าเทียมและสิทธิที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับ
การเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1585 | ขอขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบและการปรับปรุงรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) | นร.11 สศช | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับปรุงถ้อยคำในมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
เพื่อให้กระทรวงแรงงานสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และการขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบและให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม
ดำเนินการจัดทำรายละเอียดและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของพระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมถึงการปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
ตลอดจนการสร้างความรับรู้และความเข้าใจ และคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม
เป็นธรรม อย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกมิติ ไปดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม ติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งให้เผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้สาธารณชนได้รับทราบ
และทั่วถึงเป็นระยะ ๆ ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1586 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เรื่อง ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง | กษ. | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการขอทบทวนเงื่อนไขวรรคท้ายของข้อ
๕.๒.๒ ของโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
จากเดิม “ทั้งนี้
ให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสามารถนำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้เพื่อบวกกลับเป็นรายได้ของธนาคาร
และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้
และให้แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ ภายใต้ระบบบัญชี PSA (Public Service Account)” เป็น “ทั้งนี้
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสามารถนำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้เพื่อบวกกลับเป็นรายได้ของธนาคาร
และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้
และให้แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ ภายใต้ระบบ PSA
(Public Service Account)
และธนาคารออมสินสามารถนำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้เพื่อบวกกลับในการคำนวณโบนัสประจำปีของพนักงานได้และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้
และให้แยกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ ภายใต้ระบบบัญชี PSA
(Public Service Account)” ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่ากรณีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่กำหนดให้นำค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เกิดขึ้นจากโครงการสินเชื่อฯ
เพื่อบวกกลับเป็นรายได้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
หากเงื่อนไขดังกล่าวมีเจตนารมณ์ให้เป็นการบันทึกบัญชีในงบการเงินเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในทางปฏิบัติควรหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1587 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามแนวทางและขั้นตอนที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๔
ที่กำหนดให้หน่วยรับงบประมาณขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายเฉพาะรายการที่มีความจำเป็นอย่างแท้จริงสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) และนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ที่ต้องดำเนินการภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒๔,๒๙๑.๘๔๗๒ ล้านบาท เพื่อเป็นรายจ่ายที่ต้องดำเนินการตามข้อผูกพันที่เกิดจากกฎหมาย
สัญญา ข้อตกลง
และเป็นรายจ่ายเพื่อการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
รายจ่ายเพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน หรือค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นต้น และฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
รวมวงเงินทั้งสิ้น ๘๗,๕๒๐.๑๑๖๖ ล้านบาท ทั้งนี้ การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้าน (๖)
การบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุง กฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1588 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | รง. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงาน
การออกใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงาน การต่ออายุใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงาน
การกำหนดหลักประกัน
และการคืนหลักประกันในการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. ....
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ .... ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ..) ๓.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะเพื่อการทำงาน
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (ฉบับที่ ..) ๓.๔ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ซึ่งใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมาย
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ .... ๔.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔.๑ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ .... ๔.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(ฉบับที่ ..) ๔.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา
ซึ่งใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ๔.๔ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การยกเว้นและกำหนดเงื่อนไขการทำงานกับนายจ้างรายใหม่สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา
ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1589 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับมือกับวิกฤตทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ
อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ โดยมุ่งเน้น ๓ หัวข้อหลัก คือ (๑) การเจริญเติบโตที่เข็มแข็งสมดุล
มั่นคง ยั่งยืนและครอบคลุม อาทิ การกำหนดนโยบายการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชน
การสร้างความเชื่อมโยงที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ การจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืน
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มี่คุณภาพ (๒) นวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล
อาทิ การปฏิรูปโครงสร้าง การสร้างงานและโอกาสในสาขาใหม่
การส่งเสริมการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และ (๓)
การค้าและการลงทุน อาทิ การเร่งรัดการผลิตและการกระจายวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพ
มีคุณภาพ ปลอดภัย และราคาเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง การอำนวยความสะดวก การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ
และการสนับสนุนกระบวนการขององค์การการค้าโลกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1590 | การกำกับติดตามการดำเนินงานของคณะกรรมการคณะต่างๆ | นร. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า เพื่อให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่แต่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
หรือตามมติคณะรัฐมนตรี
สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย
ยุทธศาสตร์ หรือแผนการดำเนินงานของรัฐบาลให้บรรลุผลต่อไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านรับไปกำกับติดตามคณะกรรมการต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบ เพื่อให้มีการจัดประชุมตามความจำเป็นต่อเนื่อง
และให้เกิดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยหากมีเรื่องใดที่มีความสำคัญเร่งด่วน
ที่จะต้องดำเนินการประการใด หรือไม่ ก็ให้จัดทำสรุปผลเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย
ทั้งนี้ หากเห็นว่าคณะกรรมการคณะใดสมควรปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจหรือคณะกรรมการใดหมดความจำเป็นและสมควรยุบเลิกได้
ก็ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1591 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง | กษ. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้
สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจระเข้ให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการและสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปจระเข้ จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ ตัว
โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๒๗๓.๘๕ ล้านบาท ประกอบด้วย
ค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแทนผู้กู้ จำนวน ๒๗๐ ล้านบาท
และค่าดำเนินโครงการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชี้แจง ประชาสัมพันธ์
และติดตามโครงการ จำนวน ๓.๘๕ ล้านบาท
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่สามารถขอรับสินเชื่อตามโครงการฯ
จะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่สามารถขอสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอื่น ๆ ของรัฐ เท่านั้น
สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ (ค่าชดเชยดอกเบี้ยและค่าดำเนินโครงการฯ)
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
ควรมีการกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจให้ชัดเจน
ควรดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมให้ฟาร์มจระเข้ขึ้นทะเบียนกับ CITES ให้มากขึ้นด้วย พิจารณากลไกการขับเคลื่อนระดับพื้นที่
ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
และควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
พร้อมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนสินเชื่อและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1592 | ขอความเห็นชอบแผนธุรกิจและการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด ของการไฟฟ้านครหลวง | มท. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด
ในวงเงินลงทุนการจัดตั้งบริษัท จำนวน ๕๐๐
ล้านบาท และให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
และคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ที่เห็นว่าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการกำกับดูแลบริษัทในเครือดังกล่าว ให้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
กำหนดแผนรองรับการบริหารจัดการของเสียที่เกิดจากการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
แผนการตลาด แผนการลงทุน แผนการจัดการความเสี่ยง
และแผนการดำเนินงานด้านเมืองอัจฉริยะ และควรคำนึงถึงประโยชน์ทางราชการและประชาชน
ความคุ้มค่า และความประหยัด และจัดทำแผนการลงทุนในแต่ละปีให้ชัดเจนและแจ้งต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อปรับกรอบวงเงินลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีต่อไป
เป็นต้น รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) ร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิจารณาแผนการจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจกลุ่มพลังงานไฟฟ้า
ให้การลงทุนของบริษัทในเครือมีทิศทางที่เหมาะสม ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนระหว่างกัน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ (เรื่อง
ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1593 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี ค.ศ. 2021 | กต. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-Level Political Forum
on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี
ค.ศ. ๒๐๒๑
มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑) ร่างปฏิญญาฯ
อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจาในระยะสุดท้ายโดยคณะผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก
และเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรสาธารณรัฐอิรักประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เป็นผู้ประสานงานการเจรจาร่วม และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เข้าร่วมการเจรจาโดยตลอด ๒) ร่างปฏิญญาฯ
แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่จะร่วมกันดำเนินการเพื่อบรรจุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ และตอบสนองและฟื้นฟูจากวิกฤติโควิด-๑๙ ในระดับโลก
สะท้อนการประเมินความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม SDGs ทั้ง ๙ เป้าหมาย
ที่เป็นจุดเน้นของการประชุม HLPF ในปีนี้ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1594 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 | ทส. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบองค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๔ ประกอบด้วย ๑)
รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์พื้นที่
๒) การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้คณะผู้แทนไทย
ชี้แจงทำความเข้าใจ และโน้มน้าว คณะกรรมการมรดกโลก องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก
เกี่ยวกับสถานการณ์และวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ๓) รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์มรดกโลก
และการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่ง
กรณีประเด็นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษา
และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และคณะทำงาน
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
และคำนึงถึงความสัมพันธ์หว่างประเทศด้วย
ควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจนที่เป็นข้อห้ามไม่ให้มีการดำเนินการใด ๆ
ที่ส่งผลกระทบต่อมรดกโลก หรือส่งผลให้พื้นที่มรดกโลกกลายเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตรายหรือมีประเด็นสุ่มเสี่ยง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1595 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) | นร.11 สศช | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๗) ประกอบด้วย มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ต้องปฏิบัติเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด
(ฉบับที่ ๒๐) ในพื้นที่ ๑๐ จังหวัดควบคุมสูงสุด ให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน รับไปพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) มาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
ค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) ของประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ
ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หารือกับสถานศึกษาในสังกัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้กระทรวงการคลัง
และธนาคารแห่งประเทศไทย หารือกับธนาคารพาณิชย์
เพื่อดำเนินมาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยหรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานประกันสังคม
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน
และผู้ประกอบการฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงเป็นระยะ
ๆ ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1596 | การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 (ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ....) | นร.09 | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ที่เห็นว่าร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรมที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ได้มีการเพิ่มเติมบัญชีลักษณะความผิดท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาซึ่งแตกต่างจากพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษที่ผ่านมา
เพื่อให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ซึ่งต้องโทษตามความผิดดังกล่าวได้รับพระราชทานอภัยโทษเพิ่มขึ้น
โดยได้ตัดลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและลักษณะความผิดตามกฎหมายอื่นบางประการออกจากบัญชีท้ายร่างพระราชกฤษฎีกา
เช่น ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ
และกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีในด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
การปกป้อง รักษา ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า และการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
ไปพิจารณา แล้วส่งผลการพิจารณาให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว
ให้ข่าว
หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าการปล่อยตัวผู้ต้องโทษที่มีภาวะติดเตียงหรือโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่ต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องหรือที่ไม่อาจรักษาในเรือนจำให้หายได้
ต้องพิจารณาด้วยว่าจะเป็นผลดีแก่ผู้ต้องโทษดังกล่าวหรือไม่
เพราะจะขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะตกเป็นภาระแก่ญาติของผู้ต้องโทษซึ่งได้รับการปล่อยตัวดังกล่าวในการดูแลรักษาพยาบาล
ซึ่งอาจถูกโต้แย้งได้ว่าไม่สอดคล้องกัน หากปล่อยตัวผู้ต้องโทษดังกล่าว
สมควรที่จะจัดระบบรองรับการรักษานอกเรือนจำ
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1597 | มาตรการสินเชื่ออิ่มใจ | กค. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑,๐๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ
มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 ที่เป็นร้านจำหน่ายแบบถาวร
เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่เปิดในห้องแถวหรืออาคารพาณิชย์
ภัตตาคาร ร้านที่มีลักษณะเป็นบูธ เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เป็นร้านแบบเคลื่อนที่ได้ เช่น
หาบเร่ แผงลอย รถเข็น เป็นต้น โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม ๒,๐๐๐
ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุด ๑๐๐,๐๐๐ บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๙๙
ต่อปี (Effective Rate) ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๕ ปี
(ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖ งวดแรก)
ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
โดยมีกรอบวงเงินงประมาณรัฐบาลชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing Loans : NPLs) ร้อยละ ๑๐๐ สำหรับ NPLs ที่ไม่เกินร้อยละ ๕๐
ของสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด ๒,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณเกินความจำเป็นและกรอบที่กำหนดไว้ และควรพิจารณาให้สินเชื่อตามกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม
โดยให้กระจายไปยังกลุ่มที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ
และไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการภาครัฐอื่นซึ่งมีอยู่แล้ว
รวมทั้งควรทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1598 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย และขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | กห. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย โดยเพิ่มวงเงิน จากเดิม วงเงิน ๒๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ เป็น วงเงิน ๗๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ และผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์
๒๕๕๒ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
กรณีได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีแรกต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ เกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้สำนักงานยุทธโยธาทหารปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหม
(กองบัญชาการกองทัพไทย) ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1599 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมกลางวาระระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด | กต. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมกลางวาระระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองปฏิญญาฯ
โดยร่างปฏิญญาฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมกลางวาระระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ผ่านระบบออนไลน์ (Online Mid-term Ministerial Conference of the
Non-Aligned Movement) ภายใต้หัวข้อ “กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่อยู่ศูนย์กลางของความพยายามพหุภาคีในการรับมือกับความท้าทายต่าง
ๆ ของโลก” ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
มีสาระสำคัญเป็นการระบุการดำเนินการต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
และความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน
ตามที่กระทรวงงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติในประเด็นข้อเรียกร้องต่ออิสราเอล
กรณีความขัดแย้งในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ซึ่งรวมถึงนครเยรูซาเล็มตะวันออก
ควรมีการกำหนดท่าทีของประเทศไทยอย่างรอบคอบและเหมาะสมบนพื้นฐานของการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและการมีดุลยภาพในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1600 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกินในโค กระบือ | กษ. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี
สกิน ในโค กระบือ ตามข้อมูลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ พร้อมขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ในวงเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น ๖๘๔,๒๑๘,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ ดังนี้ ๑)
ค่าตอบแทนอาสาปศุสัตว์ จำนวน ๑๔,๕๑๐,๐๐๐
บาท ๒) ค่าจัดซื้อวัคซีนโรคลัมปี สกิน จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ โด๊ส เป็นเงิน ๒๓๐,๑๓๘,๐๐๐ บาท ๓) ค่าจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อการฆ่าเชื้อในฟาร์มและพาหนะในการเคลื่อนย้ายสัตว์
จำนวน ๒๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๔)
ค่าจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อการรักษาโค กระบือ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัว
เป็นเงิน ๓๖๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และเพื่อการฟื้นฟู บำรุงสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร จำนวน จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัว เป็นเงิน ๓๙,๘๐๐,๐๐๐
บาท ๕) ค่าวัสดุวิทยาศาสตร์เพื่อการแพทย์ สำหรับการเก็บตัวอย่าง
ฉีดวัคซีนและรักษาเป็นเงิน ๑๔,๗๗๐,๐๐๐
บาท และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๓๔๓๒ ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน
๒๕๖๔) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกรมปศุสัตว์ ควรดำเนินการควบคุมและเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายโคและกระบือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเพื่อไม่ให้โคและกระบือที่เป็นโรคไปแพร่เชื้อในพื้นที่อื่น
ๆ ที่ยังไม่เกิดโรค ตลอดจนสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวสำหรับใช้ในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ
ควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมการระบาดของโรค และยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรรายย่อย
โดยเร่งรัดให้เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการเป็นลำดับแรกและดำเนินการกับปศุสัตว์ทุกชนิดไม่เฉพาะโค
กระบือ เท่านั้น
เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับกับสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นและมีการแพร่กระจายเชื้อโรคอย่างรวดเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑
ควบคุมดูแลไม่ให้มีการนำเข้าหรือลักลอบนำเข้าโคและกระบือที่ติดโรคลัมปี สกิน
จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด ๒.๒ บริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน
ให้เพียงพอกับความต้องการใช้งาน รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการจำกัดแมลงที่เป็นพาหะของโรคและสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันโรคลัมปี
สกิน ให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|