ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 75 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 1481 - 1500 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1481 | ประกาศและข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 2 ฉบับ | นร.05 | 05/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศและข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๒
ฉบับ ดังนี้ ๑.ประกาศ เรื่อง
ยกเลิกการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย
เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยการยกเลิกอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย รวม ๓๑ ฉบับ
มาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายที่ได้โอนมาดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามหน้าที่
อำนาจ และความรับผิดชอบปกติ
และหากหน่วยงานใดมีข้อขัดข้องหรือไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานงานหรือในการปฏิบัติหน้าที่
ให้รายงานนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบเป็นการด่วน ๒.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๔) ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็นตามระดับพื้นที่ของสถานการณ์ที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในระยะยาว
ได้แก่ การกำหนดพื้นที่จำแนกตามเขตพื้นที่จังหวัด
การปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
การขยายเวลาการบังคับใช้และการปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
เช่น การเปิดโรงเรียน สถาบันกวดวิชา ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๓๕ วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1482 | ขออนุมัติผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนโดยเด็ดขาดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อก่อสร้างโครงการอาคารอัดน้ำ บ้านหินดาด อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด | กษ. | 05/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1483 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 35/2564 | นร.11 สศช | 05/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๕/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้กรมการแพทย์
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนการบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยมหิดล เปลี่ยนแปลงรายละเอียดสาระสำคัญของโครงการ
จำนวน ๗ โครงการ โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
รับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการ และข้อเสนอแนวทางการดำเนินโครงการรถ Mobile พาณิชย์... ลดราคา! ช่วยประชาชน
กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ Mobile พาณิชย์...
ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก อนุมัติให้สวนพุทธชาติ
ศูนย์เรียนรู้บริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน/สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการสร้างต้นแบบศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนและครบวงจร
เพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างต้นแบบ ๑ อำเภอ
๑ ตำบล ของสุพรรณบุรี เพื่อการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน พร้อม “ร้านรวยน้ำใจ”
สู้วิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ
เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ และเปลี่ยนพื้นที่ดำเนินการ ๑ พื้นที่ จากเดิม
พื้นที่เทศบาล ต.องค์พระ อ.ด่านช้าง เป็นพื้นที่เทศบาล ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง
เห็นชอบให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดนครปฐม จังหวัดลำพูน
และจังหวัดยโสธร เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกโครงการ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ทำให้การดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผนที่ได้รับอนุมัติไว้
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
หากหน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีกแต่ยังมีเงินกู้เหลือจ่าย
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัดด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1484 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | คค. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเป็นกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสระลงเรือ
อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขยายแผ่นดินหมายเลข ๓๓๔๒ สาย
อำเภออู่ทอง-บ่อพลอย ตอน วังขอน-บ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้ซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จและยังประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดต่อไปให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าภายใน
๖๐ วัน ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานั้นจะสิ้นผลบังคับใช้ ไปถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป
และรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการดำเนินการก่อสร้างโครงการจำต้องโปร่งใส
ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นสำคัญ และการก่อสร้างปรับปรุงขยายทางหลวงแผ่นดินดังกล่าวตัดผ่านพื้นที่ชุมชนหนาแน่น
ควรให้กรมทางหลวงพิจารณากำหนดมาตรการลดผลกระทบจากการดำเนินการโครงการอย่างเหมาะสม และกำชับให้กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนนอย่างเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1485 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 | ทส. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ (ASEAN Joint Statement to the Fifteenth Meeting of the Conference
of the Convention on Biological Diversity) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกับประชาคมโลกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยสนับสนุนการจัดทำกรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐
และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
พร้อมทั้งส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ พฤติกรรม และการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพให้ยั่งยืน
โดยมีประเด็นที่สำคัญได้แก่
สร้างความเข้มแข็งให้กับกิจกรรมที่สำคัญด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ
ยกระดับกิจกรรม การจัดเตรียมทรัพยากรทางการเงิน
และการเสริมสร้างสมรรถนะการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม ปรับปรุงการสื่อสาร การศึกษา
เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1486 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดสินค้าเกษตรสู่ผู้บริโภค | อว. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าเกษตรสู่ผู้บริโภค กรอบวงเงิน ๒๗๘,๙๒๘,๓๐๐ บาท เพื่อให้โครงการฯ สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ และสามารถบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกรในการขายผลผลิตให้กับผู้บริโภคโดยตรง และนำเสนอผลผลิตที่มีมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อผู้บริโภค และให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่เพื่อต่อยอดการดำเนินงานและลดความซ้ำซ้อนในกลุ่มเป้าหมายได้ ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และระเบียบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1487 | การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ตช. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สนับสนุนและร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม
จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
ครั้งที่ ๑๕ (๒) ร่างแถลงการณ์อาเซียนว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
๒๐๑๙ และ (๓) ร่างเอกสารแนวคิดของไทย : แผนงานความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในกรอบอาเซียน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล)
ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (15th ASEAN
Ministerial Meeting on Transnational Crime and Its Related Meetings : 15th AMMTC and Its Related Meetings) ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล
(Video Conference) ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เป็นผู้ร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์จากการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมทั้ง ๓ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1488 | ขอความเห็นชอบการรับรองร่างเอกสาร Joint Statement of the Fifth ASEAN Plus Three Education Ministers Meeting และ Joint Statement of the Fifth East Asia Summit Education Ministers Meeting | ศธ. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบ
Joint Statement of the Fifth ASEAN Plus Three Education Ministers Meeting และ Joint Statement of the Fifth East Asia Summit Education
Ministers Meeting และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนให้ความเห็นชอบและรับรองร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ ในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๕ (the
Fifth ASEAN Plus Three Education Ministers Meeting) และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกด้านการศึกษา
ครั้งที่ ๕ (the Fifth East Asia Summit Education Ministers Meeting) โดยร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือแบบหุ้นส่วนในยุคที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การช่วยเหลือของประเทศสมาชิกบวกสามที่มีแก่ประเทศสมาชิกอาเซียน
ทั้งการแลกเปลี่ยนนักศึกษาที่มีการประกันคุณภาพ และการสนับสนุนทุนการศึกษา รวมทั้งเป็นการปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาไปสู่ระบบดิจิทัล
โดยส่งเสริมทักษะความเข้าใจของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะในศตวรรษที่ ๒๑
ในหมู่เด็กและเยาวชน การจัดสรรทุนการศึกษา
และแสวงหาความร่วมมือในการทำกิจกรรมที่มุ่งเน้นการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงอุดมศึกษา
รวมทั้งการเทคนิคอาชีวศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1489 | การขยายระยะเวลาการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) | กก. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ รวม ๒ ฉบับ ได้แก่
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ Special Tourist VISA (STV)
และ เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
เข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) โดยการขยายระยะเวลาการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ
และบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวได้บางส่วน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการอำนวยความสะดวกและกำกับดูแลนักท่องเที่ยว
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้ง
ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ประเมินผลกระทบจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษดังกล่าว
เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางและนโยบายการท่องเที่ยวในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1490 | ขอยกเลิกพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในภาคใต้ | อก. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในการยกเลิกพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในภาคใต้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๓๘ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ และ ๑ บี
ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์
และอยู่ในเขตพื้นที่ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้
จึงไม่สามารถประกาศเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ได้ ตามพระราชบัญญัติแร่
พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรมีการตรากฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เป็นการเฉพาะ รวมทั้งกำหนดคำนิยามแหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน
เพื่อให้การคุ้มครองพื้นที่แหล่งต้นน้ำลำธารทั้งหมดของประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ในการกำหนดแนวทางการพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรรมชาติ
ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการ
เพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีพิพาท และความขัดแย้งรุนแรง
ตลอดจนสร้างความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1491 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) (โรคโควิด ๑๙) โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ
เช่น (๑) ปรับวัตถุประสงค์การกู้ให้ครอบคลุมถึงการลงทุน ขยาย และปรับปรุงกิจการ
เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ (๒) ขยายระยะเวลากู้เงิน
จากเดิมไม่เกิน ๕ ปี เป็นไม่เกิน ๑๐ ปี (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน ๒ ปี) และ
(๓) ปรับเงื่อนไขการชดเชยของรัฐบาล
โดยรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing
Loans : NPLs) ร้อยละ ๑๐๐ สำหรับ NPLs ไม่เกินร้อยละ
๔๐
ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน
๑๓๕ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พร้อมทั้งมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป
เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดย่อมสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
และแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระหนี้เพื่อประคับประคองและฟื้นฟูภาคธุรกิจให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
รวมถึงช่วยให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ๒. ให้กระทรวงการคลัง
โดย ธพว. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรดำเนินการตามนัยมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1492 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ค่าวัสดุอาหารไม่เพียงพอ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ยธ. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าวัสดุอาหารไม่เพียงพอ
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๓,๘๑๐,๖๘๖,๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม
(กรมราชทัณฑ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑
(เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุสาธารณูปโภค
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) ที่ให้ดำเนินการตามแนวทางต่าง
ๆ เพื่อลดภาระงบประมาณค่าวัสดุอาหารของเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขังต่าง ๆ
ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมติดตามและประเมินผลการดำเนินการดังกล่าว
และรายงานผลความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1493 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ยธ. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผู้กพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓๗๐,๐๖๖,๒๐๐ บาท
และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓๖๖,๘๖๕,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1494 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 | กค. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
ที่ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๑,๓๔๔,๗๘๓.๘๔ ล้านบาท
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๑,๕๐๕,๓๖๙.๖๔ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน
๓๓๙,๒๙๑.๘๗ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง
ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔
แห่งดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย ๑.๓ รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง
๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๙) และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๑.๔
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะฯ มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกัน
และการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คุ้มค่า และเกิดประสิทธิผลต่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1495 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๘ ล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดสรรสวัสดิการแบบไม่กำหนดระยะเวลาสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
(รอบใหม่) ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1496 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ | ศธ. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์
(Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Education between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand
and the Ministry of Education and Culture of the Republic
of Finland) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษาเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
โดยมีรูปแบบความร่วมมือที่หลากหลาย อาทิ
การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการออกแบบและพัฒนาหลักสูตรการศึกษา ระบบการประเมินผล
และงานวิจัยทางการศึกษา
การส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือเพื่อพัฒนาการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่ระดับปฐมวัย
ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา รวมถึงการอาชีวศึกษา การศึกษานอกระบบ
การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต ตลอดจนความร่วมมือในการฝึกอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษา
เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1497 | การพิจารณารับรองร่างปฏิญญาของกลุ่ม 77 และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and China to UNCTAD XV: From inequality and vulnerability to prosperity for all) และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD XV (The Bridgetown Covenant: From inequality and vulnerability to prosperity for all) | กต. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาของกลุ่ม ๗๗ และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and China to
UNCTAD XV : From inequality and vulnerability to
prosperity for all) และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD
XV (The Bridgetown Covenant : From
inequality and vulnerability to prosperity for all) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ โดยร่างปฏิญญาของกลุ่ม ๗๗ และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and China to
UNCTAD XV : From inequality and vulnerability to
prosperity for all) เป็นเอกสารท่าทีที่แสดงความมุ่งมั่นของกลุ่ม
๗๗ และจีนต่อบทบาทและภารกิจของ UNCTAD ตลอดจนผลการประชุม UNCTAD XV ที่จะมีการรับรองในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD XV (The Bridgetown Covenant : From inequality and vulnerability to prosperity for all) ที่จะมีการรับรองระหว่างวันที่ ๕-๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยร่างเอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญ เช่น ผลบกระทบโควิด-๑๙
ต่อการค้าและการพัฒนา การท้าทายระดับโลก การส่งเสริมความเข้มแข็ง (resilience) ความทั่วถึง
และความยั่งยืน การพัฒนาบทบาทของ UNCTAD ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาของกลุ่ม
๗๗ และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and
China to UNCTAD XV : From inequality and vulnerability to
prosperity for all) และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD
XV (The Bridgetown Covenant : From
inequality and vulnerability to prosperity for all)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1498 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราภาษีที่ใช้ในการจัดเก็บอัตราภาษียาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตและยาเส้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนโครงสร้างและอัตราภาษียาสูบทั้งในระยะปานกลางและระยะยาวเพื่อนำไปสู่โครงสร้างแบบอัตราเดียวในอนาคตที่เหมาะสม
เป็นธรรม และคำนึงถึงการแข่งขันในตลาด รวมทั้งการดูแลสุขภาพของประชาชน
ตลอดจนกำหนดมาตรการควบคุมการลักลอบนำเข้าบุหรี่โดยผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย ๓.
ให้การยาสูบแห่งประเทศไทยรับผิดชอบดูแลเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบ
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
เพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบเปลี่ยนมาปลูกพืชทดแทนเพื่อลดพื้นที่การเพาะปลูกยาสูบ ๔. ให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพมีบทบาทมากขึ้นในการสร้างองค์ความรู้
หรือสนับสนุนทางวิชาการให้กับเกษตรกรในการปลูกพืชทดแทนเพื่อลดพื้นที่การเพาะปลูกยาสูบ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวรวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ตลอดจนการกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือการปรับเปลี่ยนอาชีพทางเลือกหรือปลูกพืชทดแทนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๖.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1499 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (1. นายดนุชา พิชยนันท์ จำนวนรวม 20 คน) | อว. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ รวม ๒๐ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่
๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป และให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. โดยพิจารณานำหลักเกณฑ์การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชน
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ไปปรับใช้ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๑.๑ นายดนุชา พิชยนันท์ ๑.๒ นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ ๑.๓ นายอนันต์ แก้วกำเนิด ๑.๔ นายวันชัย พนมชัย ๑.๕ ศาสตราจารย์บรรจง มไหสวริยะ ๑.๖ รองศาสตราจารย์สมหมาย ผิวสะอาด ๑.๗ ศาสตราจารย์ปิยะมิตร ศรีธรา ๑.๘ นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ๑.๙ ศาสตราจารย์ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช ๑.๑๐ ศาสตราจารย์ศุภชัย ปทุมนากุล ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ ๒.๑ นายสุพันธุ์
มงคลสุธี ๒.๒ นายกลินท์ สารสิน ๒.๓ รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ๒.๔ นายสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ๒.๕ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ๒.๖ ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ ๒.๗ นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ๒.๘ รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ๒.๙ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ๒.๑๐ นายทศพร ศิริสัมพันธ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1500 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๑๔) และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ข้อกำหนด ประกาศ
และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ รวม
๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|