ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 73 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 1441 - 1460 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1441 | การแก้ไขปัญหามลพิษทางเสียงบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | คค | 21/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมาตรการทางเทคนิคเพื่อลดภาวะมลพิษทาง
เสียงจากอากาศยาน โดยการกำหนดวิธีการบินขึ้น-ลง การปรับเปลี่ยนเส้นทางบินให้มีผลกระทบต่อชุมชนน้อย ที่สุด รวมทั้งการกำหนดประเภทของอากาศยานที่จะใช้สนามบิน ให้มีระดับเสียงไม่เกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ สำหรับมาตรการชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้กระทรวงคมนา คมเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงใน ระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว กรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ก็ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับ ปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ บมจ. ท่าอากาศยานไทย สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มเติมกรณีที่มีการขึ้น-ลงของเครื่องบินเต็มขีดความสามารถสูงสุดของทางวิ่งที่ 1 และที่ 2 เพื่อให้ทราบจำนวน ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเมื่อได้จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบตามผลสำรวจแล้ว ให้เร่งรัด บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป หรือในกรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมทั้งเจรจาจ่าย ค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียง ต่ำกว่า NEF 40 ถึง NEF 30 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย รวมทั้งเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยประสานกับการเคหะแห่งชาติ เพื่อจัดหาพื้นที่ที่จะรองรับการโยกย้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบใน กรณีที่ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้และรับผิดชอบดูแลพื้นที่ที่มีการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว เพื่อไม่ให้มีผู้ย้อน กลับเข้ามาอยู่ใหม่ หรือบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแนวทางการออกกฎ ระเบียบ เพื่อควบคุมประเภทการใช้ประโยชน์ ที่ดิน เพื่อไม่ให้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่มีความอ่อนไหวต่อมลพิษทางเสียงในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับ ผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย เร่งรัดติดตั้งสถานี ตรวจวัดระดับเสียง และดำเนินการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมกำหนด พร้อมทั้งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในกรณีที่จะมีการเพิ่มทางวิ่งที่ 3 และ ที่ 4 โดยเร่งด่วน โดยเฉพาะการประเมินพื้นที่ที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ ให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจวัดระดับมลพิษทางอากาศและมลพิษอื่น ๆ นอกเหนือจากมล พิษทางเสียง และให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานตามมาตรการทางเทคนิคและ การชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเพื่อให้การดำเนินงานตามมาตรการสัมฤทธิ์ผลอย่าง เป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||
1442 | การจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ | ทส | 21/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมาตรการทางเทคนิคเพื่อลดภาวะมลพิษทาง
เสียงจากอากาศยาน โดยการกำหนดวิธีการบินขึ้น-ลง การปรับเปลี่ยนเส้นทางบินให้มีผลกระทบต่อชุมชนน้อย ที่สุด รวมทั้งการกำหนดประเภทของอากาศยานที่จะใช้สนามบิน ให้มีระดับเสียงไม่เกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ สำหรับมาตรการชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้กระทรวงคมนา คมเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงใน ระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว กรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ก็ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับ ปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ บมจ. ท่าอากาศยานไทย สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มเติมกรณีที่มีการขึ้น-ลงของเครื่องบินเต็มขีดความสามารถสูงสุดของทางวิ่งที่ 1 และที่ 2 เพื่อให้ทราบจำนวน ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเมื่อได้จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบตามผลสำรวจแล้ว ให้เร่งรัด บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป หรือในกรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมทั้งเจรจาจ่าย ค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียง ต่ำกว่า NEF 40 ถึง NEF 30 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย รวมทั้งเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยประสานกับการเคหะแห่งชาติ เพื่อจัดหาพื้นที่ที่จะรองรับการโยกย้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบใน กรณีที่ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้และรับผิดชอบดูแลพื้นที่ที่มีการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว เพื่อไม่ให้มีผู้ย้อน กลับเข้ามาอยู่ใหม่ หรือบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแนวทางการออกกฎ ระเบียบ เพื่อควบคุมประเภทการใช้ประโยชน์ ที่ดิน เพื่อไม่ให้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่มีความอ่อนไหวต่อมลพิษทางเสียงในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับ ผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย เร่งรัดติดตั้งสถานี ตรวจวัดระดับเสียง และดำเนินการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมกำหนด พร้อมทั้งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในกรณีที่จะมีการเพิ่มทางวิ่งที่ 3 และ ที่ 4 โดยเร่งด่วน โดยเฉพาะการประเมินพื้นที่ที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ ให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจวัดระดับมลพิษทางอากาศและมลพิษอื่น ๆ นอกเหนือจากมล พิษทางเสียง และให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานตามมาตรการทางเทคนิคและ การชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเพื่อให้การดำเนินงานตามมาตรการสัมฤทธิ์ผลอย่าง เป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||
1443 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนตุลาคม 2549 | อก | 21/11/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนตุลาคม 2549
ของกระทรวงอุตสาหกรรม สรุปได้ดังนี้ อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตและการส่งออกขยายต่อเนื่องจากปริมาณคำ สั่งซื้อสินค้าที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีที่มีเทศกาลสำคัญๆ ประกอบกับ ราคาน้ำมันเริ่มปรับลดลง อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปปรับ ตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ในขณะที่ตลาดสิ่งทอ ฯ ยังมีการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำที่เพิ่มบทบาท ขึ้นในตลาดโลก และปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาทอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันได้ลำบากขึ้น อุตสาหกรรม เหล็กและเหล็กกล้า ในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวอาจจะขยายตัวเล็กน้อย ขณะที่การผลิตเหล็กทรงแบนจะทรง ตัว อุตสาหกรรมยานยนต์ ขยายตัวขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของไตรมาสสี่ซึ่งเป็นฤดูกาลขายของปี อุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ การผลิตและจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการของตลาดที่เริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4 เพราะ อยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง รวมทั้งสภาพน้ำท่วมในหลายพื้นที่น่าจะเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการ ใช้ปูนซีเมนต์เพื่อใช้ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น สำหรับการส่งออกมีแนวโน้มทรงตัวเนื่องจากธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ของสหรัฐ ฯ ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่วนอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตและขายสินค้าเครื่อง ใช้ไฟฟ้าในกลุ่มภาพและเครื่องเสียง (AV) อาจเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่าง ๆ รวมถึง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ยัง ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Notebook MP3 DVD Player เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1444 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการชำระคืนหนี้เงินกู้ ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 เรื่อง การชำระคืนหนี้เงินกู้ค่า ออกแบบ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล โดยการรถไฟฟ้าขน ส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ แห่งญี่ปุ่น (JBIC) เพื่อพิจารณาร่วมกันในการดำเนินการ Refinance เพื่อทำการแปลงหนี้เงินกู้ต่างประเทศที่กู้ จาก JBIC มาเป็นเงินสกุลบาทแทนเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ โดยคาดว่า จะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณที่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจะได้รับ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ Refinance และการบริหารความ เสี่ยงเงินกู้ดังกล่าว รวมทั้งสภาวะของตลาดการเงินที่จะดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550
|
|||||||||||||||||||||
1445 | มาตรการช่วยเหลือและตอบแทนข้าราชการในสภาวะอุทกภัย | นร | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอมาตรการช่วยเหลือและตอบแทนข้าราชการใน
สภาวะอุทกภัย โดยตอบแทนข้าราชการที่มีผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนและรักษาทรัพย์สินของราช การ ดังนี้ ให้ส่วนราชการและจังหวัดประกาศเกียรติคุณและให้ลาพักผ่อนเพิ่มอีก 10 วัน โดยสะสมในปีต่อไป ได้ และให้นำผลการปฏิบัติงานดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนได้ สำหรับการช่วยเหลือข้า ราชการที่ประสบอุทกภัย ให้ข้าราชการที่ประสบอุทกภัยมีสิทธิกู้เงินซ่อมแซมหรือสร้างที่อยู่อาศัยหรือบูรณะ ทรัพย์สินจากธนาคารออมสินด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ธนาคารกำหนด และให้ผู้ บังคับบัญชาพิจารณาผ่อนปรนการมาสาย หรือการมาปฏิบัติราชการของข้าราชการในช่วงที่น้ำท่วมหนักได้ ตามระเบียบการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535 รวมทั้งให้ส่วนราชการและจังหวัดสำรวจบ้านพักราชการที่เสีย หายและเสนอขออนุมัติซ่อมแซมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1446 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2549 | กค | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหา
ริมทรัพย์ ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2549 สรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้ โครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2548 ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติงบกันไว้เบิกเหลื่อมปี 2548 จากคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แล้ว จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ โครงการที่ดำเนินการเสร็จแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการจัดงานมหกรรมบ้านมือ สอง 4 มุมเมือง และโครงการจัดจ้างพัฒนาโปรแกรมระบบงานบันทึกข้อมูลจากการสำรวจภาคสนามเพื่อใช้ในการ จัดเก็บข้อมูลภาคสนาม และโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 5 โครงการ คือ โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศ ทางภูมิศาสตร์ (GIS) โครงการพัฒนาระบบคลังข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (Data Warehouse) โครงการสำรวจโครง การที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร ฯ ปริมณฑล และ 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ โครงการศึกษาการเปลี่ยนแปลง ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล และโครงการพัฒนาต้นแบบระบบจัดเก็บข้อมูลใบ อนุญาตก่อสร้าง/ดัดแปลง/รื้อถอน อาคารให้แก่หน่วยงานท้องถิ่นผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สำหรับโครงการ ตามแผนปฏิบัติการปี 2549 อาทิ การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ 5 ประเภทได้แก่ ที่อยู่อาศัย ศูนย์ การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม นิคมอุตสาหกรรมและโรงงาน โดยเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2549 การเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับแหล่งข้อมูลเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น รวมทั้งการสำรวจ อาคารสำนักงานในเขตกรุงเทพ ฯ เพื่อรวบรวมข้อมูลอาคารสำนักงานเข้าระบบฐานข้อมูล โดยครอบคลุมข้อมูล จำนวนคงเหลือ (อาคารสำนักงานที่เปิดขายและให้เช่า) อุปทาน (อาคารเปิดใหม่ พื้นที่ให้เช่า) อุปสงค์ (พื้นที่ที่มี ผู้เช่า) สภาวะตลาด (ราคาขาย ค่าเช่า) และการเงิน (สินเชื่อผู้ประกอบการอาคารสำนักงาน) นอกจากนี้ ยังมี งานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ คือ การส่งเสริมธุรกิจบ้านมือสองตามนโยบายของกระทรวงการคลังเพื่อกระตุ้นภาวะ ตลาดบ้านมือสองให้มีความต่อเนื่องและซื้อขายเปลี่ยนมือกันมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
1447 | โครงการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัย | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ อนุมัติในหลักการ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการปรับปรุงระบบน้ำประปา บ่อน้ำตื้น บ่อ น้ำบาดาล แหล่งน้ำธรรมชาติ การเจาะน้ำบาดาลหรือจัดหาน้ำสะอาดเพิ่มเติมได้ในภาวะฉุกเฉินกรณีเกิดภัย พิบัติอันเนื่องจากน้ำท่วม น้ำแล้ง และภัยพิบัติอื่น ๆ ในทุกพื้นที่ และอนุมัติเงินจากงบกลาง ปี พ.ศ. 2550 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 777,509,900 บาท โดยแยกเป็น 2 รายการ คือ งบจำนวน 486,541,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบน้ำสะอาดจากน้ำ บาดาล และงบจำนวน 290,968,900 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบประปาผิวดินและ แหล่งน้ำธรรมชาติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเรื่องนี้ เสนอคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1448 | คณะกรรมการนโยบายและฟื้นฟูทะเลไทย | นร | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
การยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายฟื้นฟูทะเลไทย พ.ศ. 2539 และคณะกรรมการนโยบาย และการฟื้นฟูทะเลไทย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับภารกิจไปดำเนินการในส่วนของการถ่ายโอนภาร กิจและบุคลากรของคณะกรรมการ ฯ และให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับการ ถ่ายโอนภารกิจและบุคลากรของคณะกรรมการ ฯ ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ตามที่เสนอ ควรเพิ่มกรมอุทยานแห่ง ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเห็นควรให้องค์กรเอกชนมีส่วนร่วมในการฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย และความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานรับผิดชอบดำเนินการกิจเรื่อง การฟื้นฟูและการจัดระบบการใช้ทรัพยากรทางทะเลในด้านการ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เกี่ยวกับการดำเนินการฟื้นฟู ทะเลไทย ให้อาศัยกลไกของรัฐที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่ความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย ของรัฐบาล ไปพิจารณาด้วย และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงานสภาวะของทะเลไทยและแนวนโยบายในอนาคต เพื่อ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ด้วย |
|||||||||||||||||||||
1449 | รายงานสรุปสถานการณ์น้ำและบริหารจัดการน้ำปัจจุบัน (วันที่ 16 ตุลาคม 2549) | กษ | 17/10/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน รายงานสรุป
สถานการณ์น้ำและบริหารจัดการน้ำปัจจุบัน (วันที่ 16 ตุลาคม 2549) สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์น้ำในอ่าง เก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน 31 อ่าง ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2549 มีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 64,774 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 95 ของความจุอ่างทั้งหมด ส่วนการบริหารจัดการน้ำได้ดำเนินการ ตรวจวัดปริมาณน้ำที่จุดควบคุมและติดตามน้ำ เช่น อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อน พระรามหก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสะพานพุทธยอดฟ้า ฯ เป็นต้น เพื่อส่งข้อมูลให้ ศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ และลดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาโดยเพิ่มปริมาณน้ำเข้า ระบบส่งน้ำทั้งฝั่งตะวันตก และตะวันออกของทุ่งเจ้าพระยา รวมทั้งลดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้าย เขื่อน ฯ โดยการสูบน้ำเข้าไปยังพื้นที่ส่วนพระองค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 แห่ง คือ บริเวณทุ่ง มะขามหย่อง และทุ่งภูเขาทอง และที่บริเวณทะเลสาบบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี สำหรับพื้นที่ ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างได้ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายก และแม่น้ำบางปะกง ส่วนในพื้นที่ ทุ่งฝั่งตะวันตกตอนล่างมีการระบายและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีน และคลองมหาชัย นอกจากนี้ ยังได้ดำเนิน การเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านทางประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนสถาน การณ์น้ำโดยทั่วไป ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่ม ต่ำบางแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่สถานการณ์ใกล้เข้าสู่สภาวะปกติ
|
|||||||||||||||||||||
1450 | ข้อมูลน้ำและการคาดการณ์สถานการณ์น้ำ ตุลาคม 2549 | วท | 17/10/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานข้อมูลน้ำและการคาด
การณ์สถานการณ์น้ำเดือนตุลาคม 2549 ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร และให้รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) ประสานกับหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การนำ เสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับอุทกภัย การคาดการณ์สถานการณ์น้ำ และการรายงานสภาวะอากาศ ตลอดจน แนวทางในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ทั้งในระยะเฉพาะหน้าและในระยะยาวที่ไปถึงประชาชนเป็นไปอย่างเป็น ระบบ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ชัดเจน และเข้าใจได้ง่าย ทั้งนี้ ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนด้วยว่าสถาน การณ์อุทกภัยที่กำลังเผชิญอยู่มีความรุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
|
|||||||||||||||||||||
1451 | การนำเสนอข้อมูลสภาวะอากาศ (นอกวาระ) | ทก | 10/10/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับ
ข้อมูลสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และการพยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า (11-17 ตุลาคม 2549) โดย สภาวะอากาศทั่วไปในช่วงวันที่ 3-9 ตุลาคม 2549 มีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากและก่อให้ เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วน การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วง 7 วันข้างหน้า (11-17 ตุลาคม 2549) ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่าน ภาคกลาง และภาคตะวันออกจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้นซึ่งอาจเกิด น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากบางพื้นที่ของจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร สำหรับภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนลดลง
|
|||||||||||||||||||||
1452 | สรุปรายงานสถานการณ์และรายงานผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่อการท่องเที่ยวไทย | กก | 25/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ประชุมเมื่อวัน
ที่ 25 กันยายน 2549 รับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานสรุปสถานการณ์และผลกระทบ ทางการท่องเที่ยวจากเหตุการณ์ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยตลาดเอเชีย ตะวันออก โดยเฉพาะตลาดเกาหลี จีน และญี่ปุ่น มีการยกเลิกการเดินทาง รวมไปถึงตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเพิ่งได้รับผลกระทบจากระเบิดที่หาดใหญ่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็มีท่าทีที่จะชะลอการเดินทางออกไปอีกเช่นกัน ส่วนตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย และเอเชียใต้มีการยกเลิกและเลื่อนการจองเที่ยวบินกับสาย การบินหลัก ๆ เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศในภาพรวมจะมีไม่ มากนักและมีผลในระยะสั้นเท่านั้น หากไม่มีสถานการณ์ความรุนแรงใด ๆ มาแทรกแซง และคณะปฏิรูปการปก ครองฯ สามารถทำให้สถานการณ์ทางการเมืองกลับสู่ภาวะปกติได้ภายใน 2 สัปดาห์ สำหรับสถานการณ์ตลาด ภายในประเทศ นักท่องเที่ยวทั่วไปยกเลิกการเดินทางบ้างเล็กน้อย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใน พื้นที่แล้วยังคงมีการเดินทางท่องเที่ยวเป็นปกติ และจากการประเมินผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศ ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผลกระทบเล็กน้อยและเป็นเพียงระยะสั้น ๆ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน ในการก่อรัฐประหาร และมีความมั่นใจในด้านความปลอดภัย จึงมีการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างปกติ
|
|||||||||||||||||||||
1453 | รายงานภาวะสังคมไตรมาสสองปี 2549 | นร | 19/09/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเกี่ยวกับภาพรวมภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2549 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากแรงงานมีงานทำอย่าง ทั่วถึงต่อเนื่อง สุขภาพของประชาชนดีขึ้น ประชาชนมีหลักประกันทางสังคมเพิ่มขึ้นและชุมชนตื่นตัวในการสร้าง ระบบสวัสดิการของตนเอง และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยรวมดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องให้ ความสนใจ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษายังไม่บรรลุเป้าหมาย สตรี เด็กและเยาวชนนิยมดื่มเครื่องดื่มแอล กอฮอล์เพิ่มขึ้น ภัยธรรมชาติยังคงสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นประจำทุกปี และเยาวชนในสังคมไทย วันนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการเรียนและอนาคตของตนเองอยู่มาก ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขตามยุทธศาสตร์การพัฒนา ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ทั้งด้านการพัฒนาให้มีจิตใจดีงามอยู่ในกรอบศีลธรรม มี ความพร้อมด้านสติปัญญาและอารมณ์ โดยเสริมสร้างคนไทยให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุข
|
|||||||||||||||||||||
1454 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า "30 บาทช่วยคนไทยห่างไกลโรค" รอบ 9 เดือน ปีงบประมาณ 2549 (1 ตุลาคม 2548 - 30 มิถุนายน 2549) | สธ | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติ รายงานผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า "30 บาทช่วยคนไทยห่างไกล โรค" รอบ 9 เดือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548-30 มิถุนายน 2549 มีประชากรลง ทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 47.51 ล้านคน เป็นสิทธิประกันสุขภาพแบบเสียค่าธรรม เนียม จำนวน 22.45 ล้านคน และสิทธิประกันสุขภาพแบบไม่เสียค่าธรรมเนียม จำนวน 25.06 ล้านบาท หน่วย บริการคู่สัญญาในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน 1,157 แห่ง เป็นกลุ่มโรงพยาบาล จำนวน 962 แห่ง และคลินิก จำนวน 195 แห่ง การใช้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้มีสิทธิในระบบหลักประกัน ฯ ในสังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีการใช้บริการผู้ป่วยนอก จำนวน 87.10 ล้านครั้ง (30.05 ล้านคน) อัตรา การใช้บริการ (ต่อประชากรผู้มีสิทธิในระบบหลักประกัน ฯ) เท่ากับ 1.83 ครั้ง และผู้ป่วยใน จำนวน 3.36 ล้าน คน (12.94 ล้านวัน) อัตราการใช้บริการ (ต่อประชากรผู้มีสิทธิในระบบหลักประกัน ฯ) เท่ากับ 0.07 ครั้ง สำหรับจำนวนหน่วยบริการที่มีการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐาน HA และมาตรฐาน ISO เพิ่มขึ้นเป็น 863 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 89.80 ของหน่วยบริการทั้งสิ้น 961 แห่ง ด้านการพัฒนาแนวทางปฏิบัติการบริการสาธารณสุข (Health Practice Guidelines : HPG) ดำเนินการแล้วเสร็จ 5 สภาวะโรค ได้แก่ อุจจาระร่วง หอบหืด ภาวะสมอง เสื่อมในเวชปฏิบัติปฐมภูมิ เบาหวาน และโรคลมชัก จะจัดพิมพ์เผยแพร่ให้กับโรงพยาบาลในระบบหลักประกัน ฯ ต่อไป ส่วนแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ผ่านการพิจารณารับรองจากองค์กรวิชาชีพแล้ว ได้แก่ มะเร็ง รังไข่ และมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ตรวจประเมินหน่วยบริการที่เข้า ร่วมเป็นหน่วยบริการด้านรังสีรักษา จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลรังสีรักษาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พิษณุ โลกเป็นหน่วยบริการภาคเอกชน และศูนย์มหาวิชราลงกรณ์ ธัญบุรี ปทุมธานี รวมทั้งจัดทำโครงการพัฒนาศูนย์ บริการหลักประกันสุขภาพเพื่อให้บริการข้อมูลสิทธิประโยชน์ แนะนำการใช้บริการ รับเรื่องร้องเรียน แก้ปัญหา และคุ้มครองสิทธิของผู้รับบริการและหน่วยบริการให้มีมาตรฐาน สำหรับการบริหารงบกองทุนหลักประกันสุข ภาพแห่งชาติ ในรอบ 9 เดือน มีการใช้เงินกองทุน ฯ ไปทั้งสิ้น 37,412.18 ล้านบาท หรือร้อยละ 94.32 จาก งบประมาณที่ได้รับ (39,666.80 ล้านบาท) ในส่วนของงบลงทุนใช้ไปทั้งสิ้น 5,434.35 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.28 ของงบที่ได้รับจัดสรร
|
|||||||||||||||||||||
1455 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนสิงหาคม 2549 | พณ | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานความเคลื่อนไหวดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนสิงหาคม 2549 สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้ บริโภคทั่วไปเดือนสิงหาคม 2549 เท่ากับ 115.4 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2549 (115.3) สูงขึ้นร้อยละ 0.1 เป็นการเพิ่มขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของราคาข้าวเหนียว และผลไม้สด ขณะที่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์มีราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ได้แก่ เนื้อหมู ไก่ และไข่ สำหรับดัชนีราคาหมวด อื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีสินค้าสำคัญที่มีการเคลื่อนไหว ได้แก่ น้ำมันเชื้อ เพลิง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน ค่าโดยสารสาธารณะ ค่าโดยสารรถเมล์เล็กในท้องถิ่นบางจังหวัด และหนังสือ พิมพ์ ทั้งนี้ คาดว่า ดัชนีช่วงไตรมาสสุดท้ายของปียังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะแรงกดดันของราคา น้ำมันเชื้อเพลิงต่อภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงตามสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลก และฐานของการคำนวณใน ครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2548 ได้ปรับให้ราคาน้ำมันลอยตัวตามภาวะตลาดแล้ว สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ของประเทศเดือนสิงหาคม 2549 เท่ากับ 104.9 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2549 สูงขึ้นร้อยละ 0.1 และเดือน สิงหาคม 2548 สูงขึ้นร้อยละ 1.9
|
|||||||||||||||||||||
1456 | สรุปภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/2549 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2549 | นร | 05/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงาน
ภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/2549 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2549 สรุปดังนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 มีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 4.9 ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 ในไตรมาสแรก ของปี 2549 อันเนื่องมาจากการใช้จ่าย และการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวจากผลกระทบราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนักลงทุนที่ลดลงเนื่องจากสถานการณ์ภายใน ประเทศ ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2549 ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุหลักของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจใน ครึ่งหลังปี 2549 ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังค่าเงินบาท (ที่แท้ จริง) ที่แข็งขึ้นกระทบความสามารถในการแข่งขันด้านราคา และปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและความไม่ แน่นอนทางการเมืองส่งผลให้ความมั่นใจของผู้บริโภคและเอกชนลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
|
|||||||||||||||||||||
1457 | การเผยแพร่สรุปภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 5 ปี (2544-2548) | นร | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 5 ปี (พ.ศ. 2544-
2548) ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยสำนักงานฯ จะได้ประสานกับ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในการเผยแพร่ให้กับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน สื่อมวล ชน และผู้เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1458 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร พร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไข | กษ | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับสรุปสถานการณ์
อุทกภัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร โดยสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เกิดฝนตก หนักถึงหนักมากติดต่อกันในวันที่ 14-15 สิงหาคม 2549 บริเวณเทือกเขาตะนาวศรี และเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อำเภอบางสะพาน ได้แก่ บ้านดงไม้งาม และบ้านในล็อค รวมทั้งมีน้ำท่วมในเขตเทศบาลตำบลกำเนิดนพคุณ พงศ์ประศาสน์ แม่รำพึง ร่อนทอง ทองมงคล ชัยเกษม และธงชัย โดยสถานการณ์น้ำท่วมได้เข้าสู่ภาวะปกติใน วันที่ 16 สิงหาคม 2549 ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดชุมพร ได้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากติดต่อกันใน วันที่ 14-15 สิงหาคม 2549 และเกิดน้ำท่วมในอำเภอต่างๆ ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร ท่าแซะ ปะทิว และหลัง สวน โดยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
1459 | สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 11) และสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 13 - 21 สิงหาคม 2549 | มท | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 11) และรายงานสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกด อากาศต่ำ ระหว่างวันที่ 13-21 สิงหาคม 2549 โดยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย ความก้าว หน้าในการจัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราว การจัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) และบ้านพักถาวร รวม ทั้งการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำ ในช่วง ระหว่างวันที่ 13-21 สิงหาคม 2549 ได้แก่ สถานการณ์อุทกภัยในช่วงระหว่างวันที่ 13-18 สิงหาคม 2549 มี ฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง อุบลราชธานี รวม 10 อำเภอ 42 ตำบล 126 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 54,396 คน 12,704 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 76 สาย สะพาน 36 แห่ง ทำนบ 20 แห่ง ฝาย 8 แห่ง พื้นที่การเกษตร 12,540 ไร่ ท่อระบายน้ำ 28 แห่ง โรงเรียน 10 แห่ง วัด 4 แห่ง มูล ค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 93,772,849 บาท โดยสถานการณ์อุทกภัยเข้าสู่สภาวะปกติตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2549 ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในช่วงระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม 2549 มีฝนตกหนักและเกิดอุทก ภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน และเชียงราย รวม 12 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 39 ตำบล 115 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (จังหวัดน่าน) ถนน คอสะพาน ท่อระบายน้ำ เหมือง ฝาย พื้นที่การเกษตร และปศุสัตว์ได้รับความเสียหาย โดย ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
1460 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยในช่วงวันที่ 14 - 21 สิงหาคม 2549 | กษ | 22/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัยในช่วงวันที่ 14-21 สิงหาคม 2549
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสรุปสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้ จังหวัดอุบลราชธานี เกิดน้ำ ท่วมในเขตอำเภอพิบูลมังสาหาร ที่ตำบลคอนจิก ตำบลหนองบังฮี ตำบลอ่างศิลา และตำบลบ้านแขม และอำเภอ ทุ่งศรีอุดม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกิดน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ในเขตอำเภอบางสะพาน รวมทั้งระดับน้ำในแม่น้ำบาง สะพานเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในเขตเทศบาลตำบลกำเนิดนพคุณ และในเขตตำบลพงศ์ประศาสน์ (หมู่ที่ 1,4,5,6 และ 7) ตำบลแม่รำพึง (หมู่ที่ 6,7 และ 8) ตำบลร่อนทอง (หมู่ที่ 5 และ 8) ตำบลทองมงคล ตำบลชัยเกษม ตำบลธงชัย จังหวัดชุมพร เกิดน้ำท่วมในเขตท้องที่อำเภอเมืองชุมพร อำเภอท่าแซะ อำเภอปะทิว และอำเภอ หลังสวน จังหวัดระนอง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ในเขตอำเภอกระบุรี ในพื้นที่ตำบลน้ำจืด (หมู่ที่ 1-3) ตำบลปากจั่น (หมู่ที่ 2-8,10 และ 11) ตำบลลำเลียง (หมู่ที่ 4,7,8 และ 10) ตำบล จ.ป.ร. (หมู่ที่ 7,9 และ 11) ทั้งนี้ จังหวัดดังกล่าวสถานการณ์น้ำท่วมเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ในส่วนของจังหวัดน่าน ระดับน้ำในแม่น้ำน่านเริ่ม ล้นตลิ่งไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มริมน้ำในพื้นที่ 9 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอบ่อเกลือ อำเภอเฉลิมพระ เกียรติ อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอท่าวังผา อำเภอสองแคว อำเภอปัว อำเภอเมือง อำเภอบ้านหลวง และกิ่งอำเภอภูเพียง จังหวัดเชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่กิ่งอำเภอดอยหลวง และอำเภอเชียงแสน และจังหวัด พะเยา เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ 20 ตำบล บริเวณที่ราบลุ่มริมแม่น้ำในพื้นที่อำเภอเชียงคำ อำเภอปง และอำเภอเชียงม่วน
|
.....