ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 74 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 1461 - 1480 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1461 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งองค์การบริหารจัดการภาวะเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... | ทส | 15/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกาการจัดตั้งองค์การบริหารจัดการภาวะเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... และส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยี ที่ให้เพิ่มผู้แทนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกรรมการโดยตำแหน่งไว้ในองค์ประกอบของ คณะกรรมการองค์การ ฯ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และระบุการจัดสรรงบประมาณ เพื่อสนับสนุนการวิจัยด้วย เป็นต้น ไปพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร เกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการองค์การฯ ควรประกอบ ด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มิใช่ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐในปริมาณที่สูงกว่าผู้แทนของส่วนราชการ ที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และในการจัดองค์การ ฯ ให้จัดตั้งให้มีหน่วยงานภายในกระทรวงรับผิดชอบในการ พิจารณาอนุมัติโครงการไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการจัดตั้งองค์การ ฯ เป็นองค์การมหาชน และข้อสังเกตของ สำนักงบประมาณบางประเด็น อาทิ กรณีการจัดตั้งองค์การ ฯ เป็นองค์การมหาชน หากมีผลเป็นการเพิ่มอัตรา กำลังหรืองบประมาณ ให้ดำเนินการตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานในกำกับและ การจัดตั้งองค์การมหาชน แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0504/ว 238 ลงวันที่ 26 กันยายน 2546 และกรณีกำหนดการแบ่งส่วนงานภายในขององค์การ ฯ ไว้เป็นการเฉพาะในวาระเริ่มแรก จะทำให้การปรับเปลี่ยนการแบ่งส่วนงานภายในขององค์การ ฯ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการบริหารงานใน อนาคตเกิดความไม่คล่องตัว เนื่องจากจะต้องมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกา ประกอบกับการจัดแบ่งส่วนงานของ องค์การ ฯ และขอบเขตหน้าที่ของส่วนราชการเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารองค์การ ฯ จึงไม่สม ควรกำหนดการแบ่งส่วนงานดังกล่าวไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1462 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนกรกฎาคม 2549 | อก | 15/08/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม ประจำเดือนกรกฎาคม 2549 โดยอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าการผลิตและการส่งออกชะลอ ตัวเล็กน้อยจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่ปรับตัวตามระดับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทรงตัว รวมถึงราคา น้ำมันยังทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนของสถานการณ์นิวเคลียร์อิหร่าน สงครามใน เลบานอน และการก่อการร้ายในประเทศต่าง ๆ ส่วนสถานการณ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คาดว่าการผลิตและ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปจะชะลอตัว เนื่องจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ยังคงจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนทั้งการผลิตเหล็กทรงยาวและ เหล็กทรงแบน ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ มีแนวโน้มทรงตัว โดยประมาณการว่ามีปริมาณการผลิต 99,000 คัน เป็นการจำหน่ายในประเทศร้อยละ 56 ของปริมาณการผลิต ด้านอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ คาดว่าการ ผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงเนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัว ในขณะที่การ ส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการวางแผนขยายการส่งออกเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนความต้องการ ใช้ในประเทศที่ลดลง ส่วนภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าการผลิตและขายสินค้าเครื่องใช้ ไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม 2549 ค่อนข้างทรงตัวในระยะ 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากปัจจัยทางด้านวัตถุดิบ ในขณะ ที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนกรกฎาคม และไตรมาส 3/2549 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจาก ความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ดึงให้ความต้องการอิเล็กทรอนิกส์ปรับเพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||
1463 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2548 | ทส | 08/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ประธานกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติเสนอร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ที่คณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติได้มีมติในคราวการประชุม ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 เห็นชอบร่างรายงานดัง กล่าว ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาสาระ 4 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นประเด็นสำคัญ ในรอบปี พ.ศ. 2548 (ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ ภัยแล้งในประเทศไทย สารอันตรายและของเสียอันตราย การจัดการสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำท่าจีน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และการเผาในที่โล่งในประเทศไทย) ส่วนที่ 2 รายงานสถานภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรดินและการใช้ดิน ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรธรณี ทรัพยากรพลังงาน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ความหลากหลายทางชีวภาพ ในประเทศไทย ภาวะมลพิษ สิ่งแวดล้อมเมืองและชุมชน สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม) ส่วนที่ 3 การ บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มาตรการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม กฎหมายสิ่ง แวดล้อม การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กองทุนสิ่งแวดล้อม) และส่วนที่ 4 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย อาทิ การส่งเสริมหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน และการเข้าถึงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม การเร่งรัดการใช้หลัก การผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายและหลักการความรับผิดชอบทางด้านสิ่งแวดล้อมมาบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และ การสนับสนุนการใช้มาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ในการนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นเอกสาร เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และ CD-ROM เสร็จแล้ว
|
||||||||||||||||||
1464 | สรุปภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 5 ปี (2544 - 2548) | นร | 08/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานสรุปภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 5 ปี (พ.ศ. 2545-2548) โดยในช่วงดังกล่าวภาวะเศรษฐกิจมีการ ขยายตัวต่อเนื่องจากร้อยละ 2.2 ในปี พ.ศ. 2544 เป็นร้อยละ 4.5 ในปี พ.ศ. 2548 โดยที่ GDP มีขนาดใหญ่ขึ้น จาก 4.92 ล้านล้านบาท ในปี พ.ศ. 2543 เป็น 7.10 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ. 2548 และรายได้ประชากรต่อ หัวเพิ่มขึ้นจาก 79,100 บาทต่อปี เป็น 109,700 บาทต่อปีในช่วงเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโต อย่างต่อเนื่องได้ช่วยสร้างงานได้มากจากจำนวนการจ้างงาน 31.3 ล้านคนในปี พ.ศ. 2543 เป็น 35.3 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2548 และจำนวนการว่างงานลดลงจากประมาณ 1.19 ล้านคน หรือร้อยละ 3.6 ของจำนวนกำลัง แรงงานในปี พ.ศ. 2543 เป็นประมาณ 620,000 คนหรือร้อยละ 1.7 ในปี พ.ศ. 2548 การกระจายรายได้ดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า มากขึ้น อาทิ การจัดสรรงบประมาณตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน และตามโครงการ อุดหนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของจังหวัดแบบบูรณาการ การขยายช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการ สร้างอาชีพ เป็นต้น ส่วนสถานะสังคมปรับตัวดีขึ้นทั้งในด้านคุณภาพชีวิตและโอกาสทางการศึกษา อาทิ จำนวน ประชาชนที่มีหลักประกันสุขภาพเพิ่มจากร้อยละ 78.2 ในปี พ.ศ. 2543 เป็นร้อยละ 96.25 ในปี พ.ศ. 2548 คดียาเสพติดลดลงจาก 420.7 คดีต่อประชาชน 1 แสนคนในปี พ.ศ. 2543 เป็น 160.3 คดี ในปี พ.ศ. 2548 อัตราการเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 64 ในปี พ.ศ. 2548 โดยมีเงินกู้ยืมภายใต้กอง ทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น จาก 74,850 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2543 เป็น 212,393 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2548 และสำหรับปี พ.ศ. 2549 นั้น หากรวมเงินกู้ยืมภายใต้กองทุน ICL ด้วยแล้ว จะมียอดเงินกู้ยืมเพื่อ การศึกษาสูงถึง 242,759 ล้านบาท โอกาสทางการศึกษาที่ขยายครอบคลุมกว้างขึ้นได้ทำให้สัดส่วนของกำลัง แรงงานที่มีการศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมปลายขึ้นไปเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19.7 ในปี พ.ศ. 2543 เป็นร้อยละ 24.9 ในปี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||
1465 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 01/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการ
ศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยว กับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 8 ทวิ โดยกำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่ง หน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศและสถานศึกษาในประเทศที่ประจำการที่บุตรเข้ารับการศึกษานั้น มีมาตร ฐานต่ำกว่าสถานศึกษาในประเทศไทยและ/หรือเป็นสถานศึกษาในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ ไม่ปกติ (Hardship) ให้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษาในสถาน ศึกษานอกประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ ได้ตามหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร และ อัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ให้มีการแก้ไขระเบียบ กระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้องให้สอดรับกับร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ เพื่อให้สามารถตอบสนองเจตนารมณ์ที่ จะขยายสิทธิสวัสดิการให้แก่ข้าราชการที่ประจำการในประเทศ หรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ และ สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1466 | รายงานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2548 (ตุลาคม 2547 - กันยายน 2548) | กก | 01/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศ
ไทย (ททท.) ได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานของ ททท. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และแผนการ ตลาดท่องเที่ยวปี พ.ศ. 2549 โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ ททท. ประจำ ปี พ.ศ. 2548 (เดือนตุลาคม 2547 - กันยายน 2548) ในเรื่องการดำเนินงานด้านตลาดต่างประเทศ การ ดำเนินงานด้านตลาดในประเทศ การจัดการภาวะวิกฤตท่องเที่ยว และผลการดำเนินงานด้านส่งเสริมสินค้า การท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2548 รวมทั้งแผนการตลาดการท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2549
|
||||||||||||||||||
1467 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549 และสถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 | กค | 25/07/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้
สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 และสถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 โดยผลการ ดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548-31 มีนาคม 2549 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผน ฯ เป็นจำนวนทั้ง สิ้น 469,681.37 ล้านบาท มีความก้าวหน้าไปแล้วคิดเป็นร้อยละ 46.39 ของแผน ฯ โดยในส่วนของการกู้เงิน และบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 88,631.20 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 70,925.50 ล้านบาท และไม่ค้ำประกัน จำนวน 17,705.70 ล้านบาท ซึ่งผลของการบริหารหนี้ที่ได้ดำเนินการ ทั้งในส่วนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวมทั้งสิ้น 394,723.87 ล้านบาท สามารถลดยอดหนี้สาธารณะคง ค้างได้ จำนวน 21,805.92 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ จำนวน 1,220 ล้านบาท ลดต้นทุนการกู้ยืมเงิน ได้ จำนวน 621 ล้านบาท และปิดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในรูปอัตราลอยตัวได้อีกส่วนหนึ่ง สำหรับบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่ง ไม่นับรวมวงเงินในกรอบที่ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้รวม 52,812.94 ล้าน บาท แบ่งเป็นการกู้เงิน จำนวน 33,345.10 ล้านบาท และการบริหารหนี้ จำนวน 19,467.84 ล้านบาท สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ จำนวน 2,908 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ จำนวน 590 ล้านบาท รวมทั้งปิด ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว โดยการทำ Swap เป็นเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ตามจังหวัดที่ ภาวะตลาดเอื้ออำนวย ส่วนสถานะหนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 มีจำนวน 3,223,264 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.44 ของ GDP ประกอบด้วย หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 1,915,875 ล้านบาท หนี้ของรัฐ วิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 991,015 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา ระบบสถานบันการเงิน จำนวน 316,356 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
1468 | สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 7) และรายงานสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1 - 24 ก.ค. 2549 | มท | 25/07/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 7) และรายงานสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลลมมรสุมตะวัน ตกเฉียงใต้ ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2549 โดยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย ความก้าว หน้าในการจัดสร้างเต็นท์ พักอาศัยชั่วคราว การจัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) และบ้านพักถาวร รวมทั้งการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2549 เป็นเหตุให้มีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี อุดรธานี นครพนม ตราด ตาก แม่ฮ่องสอน เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สตูล ตรัง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี รวม 47 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 147 ตำบล 444 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 44,139 คน 12,501 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 4 คน (แม่ฮ่องสอน 1 คน สตูล 2 คน และตรัง 1 คน) บ้านเรือน เสียหายบางส่วน 198 หลัง ถนน 160 สาย สะพาน 4 แห่ง พื้นที่การเกษตร 54,014 ไร่ ปศุสัตว์ 1,000 ตัว มูล ค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ โดยสถานการณ์ปัจจุบัน ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2549 มีพื้นที่ที่สถาน การณ์คลี่คลายแล้วรวม 15 จังหวัด ส่วนพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังใน พื้นที่อำเภอประจันตคาม อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอเมือง ฯ ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนริม ฝั่งแม่น้ำให้ระมัดระวังภาวะน้ำล้นตลิ่งและให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยแล้ว
|
||||||||||||||||||
1469 | รายงานสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูเพาะปลูกปี 2549 ด้านการเกษตร | กษ | 25/07/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับสถานการณ์อุทก
ภัยในช่วงฤดูเพาะปลูกปี พ.ศ. 2549 ด้านการเกษตร ข้อมูล ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2549 โดยผลกระทบด้าน การเกษตรจากอุทกภัยช่วงระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน ถึง 17 กรกฎาคม 2549 มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 7 จังหวัด คือ จังหวัดจันทบุรี ตราด ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี เกษตรกร 7,422 ราย พื้นที่การเกษตร 56,923 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 37,270 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 9,365 ไร่ พืชไร่-พืชผัก 1,827 ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ 26,078 ไร่ ส่วนผลกระทบด้านการเกษตรจากฝนทิ้งช่วงระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 4 กรกฎาคม 2549 มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด คือ จังหวัดพะเยา พิษณุโลก อุบลราชธานี และสระแก้ว เกษตรกร 9,527 ราย พื้นที่ประสบภัย 136,478 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 65,679 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 62,458 ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2,697 ไร่ และมันสำปะหลัง 524 ไร่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ กรมชลประทานได้จัด เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อให้ความช่วยเหลือในฤดูฝน ส่วนสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ตั้งหน่วย ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อบรรเทาพื้นที่การเกษตรที่ประสบสภาวะฝนทิ้งช่วง
|
||||||||||||||||||
1470 | รายงานผลการดำเนินงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ | พม | 18/07/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
ผลการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ โดยให้การช่วยเหลือในภาวะวิกฤติและ บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า และการฟื้นฟูเพื่อความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ ได้ให้คำปรึกษา แนะนำและฟื้นฟูสภาพจิตใจ สังคม และอาชีพ จำนวน 13,916 ราย และให้การสงเคราะห์ครอบครัวเพื่อเป็น ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า จำนวน 13,456 ราย รวมทั้งจัดฝึกอบรม อาชีพระยะสั้นเพื่อการฟื้นฟูจิตใจและเสริมรายได้ จำนวน 1,869 ราย สนับสนุนการรวมกลุ่มประกอบอาชีพ ในชุมชน 96 กลุ่ม จำนวน 1,844 ราย และสนับสนุนทุนประกอบอาชีพ จำนวน 1,151 ราย ส่วนการช่วย เหลือและฟื้นฟูเด็กกำพร้าและเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ฯ ได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็ก จำนวน 8 แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดพังงา 5 แห่ง จังหวัดระนอง 1 แห่ง จังหวัดภูเก็ต 1 แห่ง และจังหวัดกระบี่ 1 แห่ง กับให้ ทุนการศึกษาแก่เด็กกำพร้าปฐมวัย จำนวน 222 ราย ในปีการศึกษา 2548 รายละ 25,000 บาท และปีการ ศึกษา 2549 รายละ 10,000 บาท สำหรับการจัดหาที่อยู่อาศัยถาวร และการก่อสร้างบ้านสำเร็จรูปแบบ ถอดประกอบ (Knock Down) ได้มีการประสานความร่วมมือกับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม หน่วย งานในกำกับดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการจัดสร้างที่อยู่อาศัยถาวรให้ ผู้ประสบภัย ซึ่งมีผู้ประสบภัยประสงค์ให้ภาครัฐจัดสร้างบ้านให้ จำนวน 3,558 ราย โดยสร้างเสร็จเรียบ ร้อยแล้ว จำนวน 2,983 หลัง ในส่วนของบ้านสำเร็จรูปแบบถอดประกอบ (Knock Down) ได้รับการสนับ สนุนจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 400 หลัง และกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี อนุมัติเงินสนับสนุนในการก่อสร้างฐานราก ระบบสาธารณูปโภคและห้องน้ำ จำนวน 22,883,336 บาท โดยพิจารณาจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรณีพิบัติ อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย และ ได้ขึ้นทะเบียนแก้ไขปัญหาความยากจนด้านที่อยู่อาศัย มีฐานะยากจน และอยู่ในพื้นที่ประสบภัยของจังหวัด กระบี่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม อำเภอเกาะลันตา และอำเภอ อ่าวลึก
|
||||||||||||||||||
1471 | ขอรายงานการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคน | สธ | 18/07/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับรายงานการเฝ้าระวังโรค
ไข้หวัดนกในคน ดังนี้ สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงปัจจุบัน ยังไม่ พบผู้ป่วยไข้หวัดนก ส่วนสถานการณ์การระบาดโรคไข้หวัดนกในต่างประเทศ พบผู้ป่วย 89 ราย ตาย 56 ราย สำหรับความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนก กระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมเชิง ปฏิบัติการผู้รับผิดชอบหลัก (Mr.ไข้หวัดนก) เพื่อซ้อมแผนพร้อมรับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ระดับ จังหวัด รวมทั้งจัดประชุมคณะทำงานพิจารณาวางแผนปฏิบัติงานวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างระบบการสื่อสารความ เสี่ยงในภาวะวิกฤติ และแผนปฏิบัติงานโครงการวิจัยปฏิบัติการ เพื่อใช้สถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นช่องทางเผยแพร่ความรู้และการควบคุมโรคไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่ และร่วมประชุม Teleconforence เพื่อ ซักซ้อมความพร้อมด้านการเตรียมรับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ กับประเทศสหรัฐอเมริกา และเครือ ข่าย
|
||||||||||||||||||
1472 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน และระยะ 6 เดือนแรกของปี 2549 | พณ | 18/07/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานความเคลื่อนไหวดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั่วไป และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2549 และระยะ 6 เดือนแรก ของปี พ.ศ. 2549 สรุปได้ดังนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมิถุนายน 2549 เท่ากับ 115.1 เทียบกับเดือน พฤษภาคม 2549 (เดือนพฤษภาคม 2549 สูงขึ้นร้อยละ 0.7) โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง แสดงถึงแรงกดดันต่อ ภาวะเงินเฟ้ออ่อนตัวลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญที่มาจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลง ร้อย ละ 1.1 ในขณะที่ดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ร้อยละ 0.5 ปัจจัยสำคัญยังคงเป็นการเพิ่ม ขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าโดยสารเครื่องบิน (ภายในประเทศ) ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค พื้นฐานของประเทศช่วง 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 ดัชนีราคาสูงขึ้น ร้อยละ 5.9 สาเหตุหลักมาจากการสูง ขึ้นของดัชนีหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มซึ่งสูงขึ้น ร้อยละ 6.7 ในขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่อง ดื่มสูงขึ้นเพียง ร้อยละ 4.6 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2549 เท่ากับ 104.8 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2549 สูงขึ้น ร้อยละ 0.1 เดือนมิถุนายน 2548 สูงขึ้น ร้อยละ 2.7 และช่วง 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2549 (มกราคม-มิถุนายน 2549) เทียบกับช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2548 สูงขึ้นร้อยละ 2.7
|
||||||||||||||||||
1473 | สรุปผลการเดินทางเยือนประเทศรัฐสุลต่านโอมาน ประเทศสาธารณรัฐอิสลาม อิหร่าน และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน | พน | 04/07/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการเดินทางเยือนประเทศรัฐสุลต่านโอมาน ประเทศ
สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ช่วง ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน-2 กรกฎาคม 2549 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และติดตามความก้าวหน้าของ โครงการความร่วมมือด้านพลังงาน รวมทั้งแสวงหาลู่ทางการพัฒนาแหล่งน้ำมัน และแหล่งก๊าซธรรมชาติ ในต่างประเทศ หรือน้ำมันดิบที่ฝ่ายไทยเป็นผู้ผลิตได้ในต่างประเทศกลับมาใช้ในประเทศไทยเพื่อบรรเทา สถานการณ์พลังงานในภาวะราคาน้ำมันแพง
|
||||||||||||||||||
1474 | รายงานผลการดำเนินการตั้งตู้นายกฯ ทักษิณ รับเรื่องร้องเรียนของประชาชนในรอบ 2 ปี | มท | 04/07/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินการตั้งตู้
นายก ฯ ทักษิณ รับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ในรอบ 2 ปี โดยภาพรวมการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547 จนถึงปัจจุบัน กลุ่มปัญหาที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชน(ษฯตู้นายก ฯ ทักษิณ หน้าบ้าน พักผู้ว่าราชการจังหวัด และจากหน้าบ้านพิษณุโลก กทม . มีดังนี้ กลุ่มปัญหาความเดือดร้อนทั่วไป 8,647 เรื่องกลุ่มการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ 5,622 เรื่อง กลุ่มเรื่องทั่วไป 3,974 เรื่อง กลุ่มแจ้ง เบาะแสการกระทำความผิด 2,700 เรื่อง กลุ่มปัญหาที่ดิน 2,297 เรื่อง และกลุ่มขอความช่วยเหลือ 1,072 เรื่อง ทั้งนี้ กลุ่มปัญหาความเดือดร้อนทั่วไป อันได้แก่ ปัญหาพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค เหตุเดือดร้อน รำคาญจากมลภาวะแวดล้อมของสังคมเมือง (เสียง กลิ่น ควัน และฝุ่นละออง) ยังคงมีจำนวนสูงที่สุด ส่วน การกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นการกล่าวหาโดยปราศจากมูลความจริง ซึ่งจาก จำนวนการร้องเรียนสะท้อนให้เห็นว่า หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ในการปลูกจิตสำนึกให้บุคลากรในสังกัดไม่สร้างเงื่อนไขหรือที่มาของปัญหา สำหรับการให้ความช่วยเหลือ /แก้ปัญหาในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการได้ดำเนินการแก้ไขในบทบาทหน้าที่ไปแล้ว
|
||||||||||||||||||
1475 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤษภาคม 2549 | อก | 27/06/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤษภาคม 2549 โดยภาวะการผลิตและการจำหน่ายของอุตสาหกรรมสิ่งทอและ เสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากผลกระทบจากค่าเงินบาท การระงับการเจรจาเขตการค้าเสรี ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้า GSP จากสหรัฐ ฯ เป็นต้น ส่วนสถานการณ์เหล็ก การผลิตเหล็กทรงยาวยังคงทรงตัวตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อ เนื่อง ในขณะที่เหล็กทรงแบนคาดว่ามีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตลาดส่งออก สำหรับภาวะ อุตสาหกรรมรถยนต์ มีแนวโน้มขยายตัว โดยประมาณการว่ามีปริมาณการผลิต 103,000 คัน เป็นการ จำหน่ายในประเทศ ร้อยละ 55 และส่งออก ร้อยละ 45 ของปริมาณการผลิต ในส่วนของการผลิตและการ จำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยการผลิตและการจำหน่ายในประเทศคาดว่าจะลดลง เนื่อง จากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้การก่อสร้างชะลอตัวลง ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการ ได้วางแผนขยายการส่งออกเพิ่มมากขึ้น ด้านภาวะการผลิตและขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคม 2549 ชะลอตัวเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมัน รวมไปถึงผลของค่าเงินบาทที่แข็งค่า ขึ้น โดยแนวโน้มการผลิตและขายในช่วงไตรมาส 2 จะลดลงเล็กน้อย และจะเริ่มผลิตมากในช่วงไตรมา 3 และ ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลก โดยเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่และคอมพิวเตอร์ และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เร่งรัดและติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วย งานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อไป
|
||||||||||||||||||
1476 | รายงานภาวะสังคมไตรมาสหนึ่งปี 2549 (มกราคม - มีนาคม 2549) | นร | 20/06/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเกี่ยวกับรายงานภาวะสังคมไตรมาสหนึ่งปี 2549 สรุปได้ดังนี้ ภาวะสังคมไตรมาสหนึ่งปี 2549 ในส่วน ของการจ้างงานอยู่ในระดับเต็มที่ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม อัตราการว่างงานโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี และผู้มีงานทำมี ระดับการศึกษาดีขึ้นทั้งระดับอาชีวะและอุดมศึกษา สำหรับสุขภาพของประชาชนอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราการเจ็บ ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ลดลง ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตดีขึ้น โดยลูกจ้างในสถานประกอบการมีอัตราการ เจ็บป่วยจากการทำงานลดลงทุกไตรมาส และมีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ลดลง ส่วนพฤติกรรม การสูบบุหรี่ของประชาชนโดยทั่วไปมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากได้มีการรณรงค์ลดการสูบบุหรี่อย่างจริงจัง ทั้งนี้ ประเด็นที่จะต้องให้ความสนใจ ได้แก่ การระวังโรคไข้เลือดออกที่จะระบาดมากในช่วงฤดูฝน การดูแลบุตรหลาน ให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อลดคดีที่เด็กและเยาวชนกระทำความผิด รวมทั้งการให้ข้อมูลและความรู้ ที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค เพื่อให้สามารถเลือกซื้อเครื่องดื่มสำเร็จรูป โดยเฉพาะน้ำอัดลมและชาเขียวพร้อมดื่ม ซึ่งมี ปริมาณน้ำตาลและคาเฟอีนสูงเกินเกณฑ์เหมาะสมตามหลักโภชนาการและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
|
||||||||||||||||||
1477 | สรุปภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1/2549 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2549 | นร | 06/06/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1/2549 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2549 สรุปดังนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 มีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 6.0 สูงว่าร้อยละ 4.7 ในไตรมาส 4 ของปี 2548 ปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจมีปัจจัยหลัก 3 ประการ ดังนี้ มูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. ใน Q1 ขยายตัวถึงร้อยละ 17.9 ทำให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 7.6 ภาคการเกษตรขยายตัวสูง ถึงร้อยละ 7.1 จากปี 2548 ที่หดตัวร้อยละ 2.4 ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดี ใน Q1 จำนวนนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 และค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 ส่วนแนวโน้ม เศรษฐกิจปี 2549 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ปรับลดการประมาณ การเศรษฐกิจที่ได้แถลงไว้เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2549 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.5-5.5 ลงเป็นร้อยละ 4.2-4.9 โดยปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลักของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปี 2549 คือการปรับตัวของราคาน้ำมัน ดิบในตลาดโลกซึ่งยังเพิ่มขึ้น สัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลัง ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยด้านความมั่นใจของผู้บริโภคและเอกชน ที่ลดลงในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ในภาพรวมเป็นการปรับ ประมาณการลงจากการประมาณการในครั้งก่อนเล็กน้อย
|
||||||||||||||||||
1478 | ผลการประชุมการติดตามการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจและสังคมตามมติคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 | นร | 06/06/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามที่สำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ผลการประชุมการติดตามการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจและสังคม ตามมติคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2549 ณ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอ รายละเอียดมาตรการใน 4 กลุ่มมาตรการ ได้แก่ (1) มาตรการด้านแรงงาน มอบหมายกระทรวงแรงงานร่วม กับกระทรวงการคลัง ดำเนินการศึกษาและจัดทำ focus group ในเรื่องผลกระทบของการทะยอยขึ้นค่าจ้าง แรงงานขั้นต่ำในเขตกรุงเทพมหานคร รวมทั้งให้หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่อง การลดเงินสม ทบกองทุนประกันสังคมของแรงงาน (2) มาตรการบริหารจัดการด้านการเงินของรัฐที่มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ มอบหมายกระทรวงการคลัง และธนาคารอาคารสงเคราะห์พิจารณาหาแหล่งเงินกู้ที่จะสามารถลดภาวะเงินกู้ ของผู้ผ่อนชำระบ้านเอื้ออาทร-บ้านมั่นคง จากแหล่งต่าง ๆ (3) มาตรการดูแลราคาสินค้าเกษตร มอบหมาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาเตรียมการใช้กลไกของกองทุนคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วย เหลือเกษตรกร (คชก.) เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาผลไม้ในฤดูกาลที่จะถึง โดยเฉพาะการ กระจายผลผลิตออกสู่ตลาดของสินค้าผลไม้ รวมทั้งดำเนินการดูดซับผลผลิตสับปะรดส่วนเกินออกจากระบบ เพื่อรักษาระดับราคามิให้ตกต่ำ และนำเสนอมาตรการด้านการลดค่าใช้จ่ายเกษตรกร (4) มาตรการด้าน คมนาคมมอบหมายกระทรวงคมนาคม เร่งรัดการดำเนินโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ที่ใช้ก๊าซ ธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงทดแทนรถโดยสารเก่า รวมทั้งเร่งจัดทำแผนการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์สำหรับ รถโดยสารเดิมให้ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงและพิจารณาปรับเส้นทางเดินรถโดยสารให้สอดคล้อง กับความต้องการเดินทางของประชาชน และการจัดท่าจอดรถโดยสารให้เหมาะสม นอกจากนี้ให้พิจารณาราย ละเอียดแนวทางการจัดทำตั๋วร่วมรายเดือนราคาพิเศษของรถโดยสาร ขสมก. สำหรับคนชรา นักเรียน และผู้มี รายได้น้อย ตลอดจนการพิจารณานำเสนอแนวทางที่ชัดเจนในการเปิดเสรีการบริการขนส่งและระบบกำกับ ดูแลภายหลังการเปิดเสรี และตรวจสอบกฎระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่จำเป็นต้องยกเลิก |
||||||||||||||||||
1479 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ (งบกลาง) ตามแผนการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะภัยแล้ง หรือประสบอุทกภัย (ในช่วงเมษายน 2549 - กันยายน 2549) | กษ | 06/06/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รับเรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบ
ประมาณ (งบกลาง) ตามแผนการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะภัยแล้ง หรือประสบอุทกภัย (ในช่วง เมษายน 2549 - กันยายน 2549) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณาในคณะกรรมการอำนวย การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||
1480 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือตอนล่างและการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2549 | กษ | 06/06/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับสถานการณ์อุทก
ภัยในภาคเหนือตอนล่างและการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วม จังหวัดเชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2549 โดย สถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดที่ประสบอุทกภัยปัจจุบัน ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัด พิษณุโลก สำหรับสถานการณ์น้ำท่า ลำน้ำยม ปริมาณน้ำที่อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรี สำโรง ตัวเมืองสุโขทัย อยู่ในสภาวะปกติ ส่วนที่อำเภอกงไกรลาศ ระดับน้ำอยู่ที่ 9.96 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 0.96 เมตร (ระดับตลิ่ง 9.00 เมตร) แม่น้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำจากลำน้ำน่านได้ไหลมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยาและรวม กับปริมาณน้ำจากลำน้ำปิง ที่จังหวัดนครสวรรค์ ระดับน้ำอยู่ที่ 1,368 ลบ.ม./วินาที ในส่วนของการให้ความ ช่วยเหลือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวม ทั้งจัดประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันน้ำท่วม จังหวัดเชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2549 โดยมีแผนป้องกันน้ำท่วม อาทิ แผนป้องกันน้ำท่วมในเขตเทศบาล เพื่อรองรับปริมาณน้ำปิงที่จะไหลผ่านตัวเมือง การสนับสนุนเครื่องสูบ น้ำแบบเคลื่อนที่ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก กรณีที่ปริมาณน้ำจากแม่น้ำ ปิงล้นตลิ่ง และกรณีที่ฝนตกหนักเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่ม เป็นต้น
|
.....