ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 71 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 1401 - 1420 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1401 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2550) | มท | 22/05/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ของกระทรวง
มหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 9 - 21 พฤษภาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 11 จังหวัด 26 อำเภอ 6 กิ่งอำเภอ 93 ตำบล 349 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม ชัยนาท และชลบุรี ราษฎรเดือดร้อน 48,585 คน 13,153 ครัว เรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง เสียหายบางส่วน 52 หลัง ถนน 139 สาย สะพาน 33 แห่ง ทำนบ 6 แห่ง ฝาย 59 แห่ง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง สถานที่ราชการ 19 แห่ง ท่อระบายน้ำ 53 แห่ง สัตว์ปีก 410 ตัว พื้นที่ การเกษตรถูกน้ำท่วม 113,509 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 51 บ่อ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 34,481,640 บาท ทั้งนี้ สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2550 จังหวัดที่เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ชัยนาท และชลบุรี สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ทาง จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งเร่ง สำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (งบ 50 ล้านบาท) ส่วนกระทรวงมหาดไทย โดยสำนัก เลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มปี 2550 เพื่อติดตามสถานการณ์และ บูรณาการการปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||
1402 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... | นร | 15/05/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์
การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งองค์การบริหารจัดการภาวะ เรือนกระจกขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการ นโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศ และกำหนดให้มีกองทุนว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้นำร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับ เป็นกฎหมายต่อไป สำหรับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1403 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้าง | กค | 15/05/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้าง ดังนี้
กรณีสัญญาจ้างก่อสร้างของทางราชการที่ได้ลงนามไว้แล้วและยังมีนิติสัมพันธ์อยู่และมีเงื่อนไขการหักเงินประกันผล งาน ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐพิจารณาแก้ไขสัญญาในเรื่องของการหักเงินประกันผลงาน โดยใช้หนังสือค้ำประกันธนาคารแทนการหักเงินประกันผลงาน และกำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วย งานอื่นของรัฐพิจารณาขยายอายุสัญญาสำหรับงานก่อสร้างที่ได้มีการลงนามในสัญญา และยังมีผลผูกพันอยู่ซึ่งเป็น สัญญาจ้างที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการและยังไม่มีการตรวจรับงานในงวดสุดท้ายในช่วงที่เกิดอุทกภัยโดยให้ขยาย ออกไปอีก 180 วัน เฉพาะในเขตจังหวัดที่มีการประกาศพื้นที่ที่ประสบพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็นกรณีพิเศษนอกเหนือ จากเกณฑ์ปกติตามระเบียบของหน่วยงาน โดยให้ผู้ประกอบการยื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือต่อหน่วยงานคู่สัญญา ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชาย แดนภาคใต้ ซึ่งได้แก่ ผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับความเดือดร้อนจากความไม่สงบ ในกรณีที่สัญญาจ้างก่อสร้าง กำหนดระยะเวลาการประกันความชำรุดบกพร่องของงานจ้าง 2 ปี ให้คืนหลักประกันให้แก่ผู้รับจ้าง เมื่อระยะเวลา การประกันความชำรุดบกพร่องครบ 1 ปี และไม่ปรากฏความชำรุดบกพร่องแก่งานจ้าง ส่วนระยะเวลาที่เหลืออีก 1 ปี ยังคงถือว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้รับจ้างตามสัญญา โดยไม่มีหลักประกัน ทั้งนี้ มาตรการให้ความช่วย เหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับความเดือดร้อนจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น ให้ใช้มาตรการดัง กล่าวครอบคลุมพื้นที่พัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ [จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสตูล และจังหวัด สงขลา (อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย)] จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ ตามประกาศของทางราชการ
|
||||||||||||||||||
1404 | การกระตุ้นเศรษฐกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) | มท | 08/05/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอหลักการในการเพิ่มการใช้จ่ายงบประมาณภาค
รัฐเป็นปัจจัยหลักสำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี พ.ศ. 2551 และมอบหมาย ให้กระทรวง/กรมที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญเป็นกรณีพิเศษในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี พ.ศ. 2551 เพื่อ ดำเนินแผนงาน/โครงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ในกรอบแผนงาน/โครงการสำคัญ ๆ รวมทั้ง มอบหมายสำนักงบประมาณให้ความสำคัญกับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ เพื่อสนับสนุนแผนงาน/โครงการ ฯ และให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเน้นในด้านการพัฒนอาชีพการเกษตรและด้านการ พัฒนาด้านสังคม เพื่อยกระดับการบริการภาครัฐทางด้านการศึกษาและสาธารณสุขให้มีมาตรฐานที่อาจจะสูงกว่า เกณฑ์มาตรฐานของประเทศ และเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐในด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดยปรับแผน งบประมาณของกระทรวงในแผนงานที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สนับสนุนให้แผน งานที่มีความพร้อมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และทบทวนโครงการที่ภาคเอกชน ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากภาวะต้นทุนการก่อสร้างและความปลอดภัย ให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดำเนินการ ตามแนวทางของมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายของสำนักงบประมาณตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2550 ส่วนการจัดสรรงบประมาณในปี พ.ศ. 2551 ควรให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณตามกรอบแผนงานที่เน้น ด้านการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้านสาธารณสุขและการศึกษา โดยเพิ่มงบประมาณใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 และเพิ่มงบด้านชุดพัฒนาชุมชนตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขของชุมชน โครงการ คพพ. และโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลเป็น 2 เท่าจากที่ได้รับจัดสรรในปัจจุบัน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1405 | (ร่าง) นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กตามแนวทาง "โลกที่เหมาะสมสำหรับเด็ก" (พ.ศ. 2550 - 2559) | พม | 01/05/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ (ร่าง) นโยบาย
และแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กตามแนวทาง "โลกที่เหมาะสมสำหรับเด็ก" (พ.ศ. 2550-2559) และประกาศใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเด็กของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้จัดทำแผนปฏิบัติการระยะสั้น 3 ปี (พ.ศ. 2550-2552) ทั้งแผนบูรณาการระดับชาติและระดับจังหวัด รวมทั้งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ สนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรให้มีการผลักดัน (ร่าง) นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านการพัฒนาเด็ก ฯ อย่างเป็นรูปธรรม จริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลอย่างแท้จริง โดยเพิ่มบทบาทของสถาบันครอบครัว ชุมชน สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษา ในการร่วมกันพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีพื้นฐานจิตใจที่ดีงาม เป็นคนดี ห่าง ไกลอบายมุขและยาเสพติด มีภาวะผู้นำ อุทิศตนเพื่อส่วนรวม และมีบทบาทดูแลตักเตือนเฝ้าระวังความประพฤติ รวมทั้งสืบค้นคนดีในสังคม เชิดชูให้เป็นแบบอย่างที่ดีโดยใช้ระบบความสัมพันธ์ที่เป็นวัฒนธรรมเป็นรากฐานในการ สร้างความเข้มแข็งให้กับเด็กและเยาวชนในสังคมไทย เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||
1406 | การพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานของประเทศในอนาคต | นร | 24/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ
ดังนี้ รับทราบผลการศึกษาการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานของประเทศในอนาคต กับเห็นชอบแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะต่อไป โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่รับผิด ชอบ และให้มีการศึกษาในขั้นรายละเอียดเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการ พัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานรวมทั้งอุตสาหกรรมและบริการที่มีศักยภาพของประเทศในอนาคต และ จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเหมาะสมและเตรียมความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อรอง รับการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานรวมทั้งอุตสาหกรรมและบริการที่มีศักยภาพของประเทศในอนา คต ทั้งนี้ ให้ สศช. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพัฒนา พื้นที่อุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลภาคใต้ ให้นำข้อดีข้อเสียจากการดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เช่น การ พิจารณาถึงศักยภาพของพื้นที่ในการรองรับอุตสาหกรรม และการกระจายตัวของกิจกรรมออกไปในพื้นที่ต่าง ๆ การรักษาสมดุลของการผลิตและระดับของมลภาวะที่อาจเกิดขึ้น มาประกอบการดำเนินการด้วย และให้กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจกับภาค ประชาชน โดยเตรียมการเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง สร้างการยอมรับจากประชาชน และชุมชนก่อนที่จะมีการลงทุนในเขตพื้นที่ใหม่ ส่วนการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมชายฝั่งทะเล ควรพิจารณาพื้นที่ ฝั่งอ่าวไทยก่อน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นท่าเรือน้ำลึกได้ เช่น พื้นที่จังหวัดสงขลา นคร ศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ให้รองรับการเติบโตของ อุตสาหกรรมในอนาคตได้อย่างเพียงพอ สำหรับปัญหาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งมีสาเหตุมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ควรมีการศึกษาอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้ ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นและดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยด่วนต่อไป นอกจากนี้ การพิจารณาพื้นที่ ในภาคใต้เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ควรพิจารณาพื้นที่ของจังหวัดอื่นที่มีศักยภาพและความ ต้องการของประชาชนในพื้นที่และการตอบรับการพัฒนาด้วย เช่น จังหวัดปัตตานี เป็นต้น ไปศึกษาและพิจารณา ด้วย |
||||||||||||||||||
1407 | สรุปผลการประชุมเปิดตัวยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง | นร | 10/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงาน
ผลการประชุมเปิดตัวยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง (คพพ.) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2550 ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประเด็นสำคัญของการประชุมประกอบ ด้วย หลักการสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ซึ่งได้แก่ การพัฒนาที่นำไปสู่การพึ่งตนเอง ได้มากขึ้น โดยประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐพอเพียงเป็นแนวทางการพัฒนาที่ไปสู่ความยั่งยืนและสร้างภูมิคุ้มกันให้ คน/ชุมชนปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงใช้ความคิดของชาวบ้านเป็นหลัก รัฐเป็นผู้สนับสนุน การเชื่อมโยงความคิด ของชุมชนเข้าสู่กระบวนการทำงาน โดยมีจังหวัดเป็นกลไกในการประสานและสนับสนุนให้เกิดการจัดทำแผนชุมชนที่ เชื่อมโยงกับแผนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งสอดคล้องกับแผนงานตามกรอบยุทธ ศาสตร์อยู่ดีมีสุข ใน 5 แผนงาน ส่วน คพพ.จะเสริมต่อการดำเนินงานของชุมชนที่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาศักย ภาพของหมู่บ้าน/ชุมชนได้ผลดี โดยจังหวัดต้องมีบทบาทสำคัญในการจัดสรรเงินตามสภาพปัญหาของชุมชน ไม่ใช่ กระจายเม็ดเงินอย่างเท่าเทียมกันในทุกชุมชน และแนวทางการบูรณาการสู่ความอยู่ดีมีสุขของชุมชน คือ ความพอ เพียง ไม่ยากจน ความน่าอยู่ ปลอดภัย ความเข้มแข็ง มีความรู้ มีสุขภาวะ และมีคุณธรรม โดยผู้ว่าราชกาจังหวัด ต้องมีบทบาทเป็นผู้ประสานเชื่อมโยงการบูรณาการทั้งในส่วนขององค์กร คน เงิน และทุนทุกประเภท โดยใช้หลัก 4 ประการ ได้แก่ (1) ยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (2) ประชาชนมีบทบาทเป็นทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ได้รับประโยชน์ ส่วนราชการเป็น ฝ่ายเอื้ออำนวย (3) รวมพลังทุกภาคส่วน และ (4) บูรณาการอย่างเป็นระบบ สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไป ให้ จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด อำเภอ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดภายในวันที่ 10 เมษายน 2550 รวมทั้ง พิจารณากลั่นกรอง และอนุมัติโครงการตามเกณฑ์ที่กำหนด และส่งให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2550
|
||||||||||||||||||
1408 | รายงานผลความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุ กรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 10/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการตรวจสอบหา
สาเหตุกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามสรุปผล การประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุและข้อสันนิษฐานสาเหตุของปลาตาย ซึ่งสรุปได้ว่า เรือบรรทุกน้ำ ตาลเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ปลาตาย เนื่องจากตรวจพบปริมาณน้ำตาลในมวลน้ำเสียในแม่น้ำเจ้า พระยาสูงกว่าในสภาวะปกติ ส่วนกรณีโรงงานผลิตผงชูรส ไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ปลาตาย เนื่องจาก พบค่าโปแตสเซียมและฟอสฟอรัสสูงในบ่อเก็บกักน้ำปุ๋ยที่มีผ้าใบคลุมและบ่อรวบรวมน้ำปุ๋ย แต่จากการวิเคราะห์ ค่าโปแตสเซียมและฟอสฟอรัสในมวลน้ำเสียในแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่ามีค่าไม่สูง ซึ่งไม่แตกต่างจากสภาวะปกติใน แม่น้ำเจ้าพระยา และรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ) เสนอขอ แก้ไขหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด มท 0616/3870 ลงวันที่ 9 เมษายน 2550 หน้า 4 ข้อ 4.1 เป็น "ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งสองจังหวัดพิจารณาจ่ายขาดเงินสะสมช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน"
|
||||||||||||||||||
1409 | ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคม | พม | 10/04/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคม ครั้งที่
3 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยที่ประชุมได้กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์สังคมที่ จักเร่งขับเคลื่อนในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย 5 งานสำคัญ คือ (1) พัฒนาระบบสวัสดิการท้อง ถิ่น โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเทศบาลเมืองพัทยา เพื่อจัดระบบการดูแลผู้ยาก ลำบากในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (2) ขยายระบบสวัสดิการขุมชน โดยร่วมกับเครือ ข่ายองค์กรชุมชนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ (3) สนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานในการสร้างสันติสมาน ฉันท์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดหลักความเป็นกลาง และมีเครือข่ายภาคประชาชน ชุมชน อาสาสมัคร เป็น กลไกสำคัญในการทำงาน (4) ร่วมถอดสลักความรุนแรงในสังคมไทย โดยเปิดเวทีประชาธิปไตยชุมชน เพื่อความ มั่นคงของมนุษย์ในระดับอำเภอและเขตกรุงเทพมหานครเพื่อมุ่งความสมานฉันท์ในระดับฐานรากระหว่างประชาชน และ (5) จัดระบบและพัฒนาหอพักนักศึกษาในเขตเทศบาล และพัฒนาสภาวะแวดล้อมโดยรอบมหาวิทยาลัย รวม ทั้งกฎหมายใหม่ 3 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น พ.ศ. .... พระราชบัญญัติส่งเสริมคุณธรรม แห่งชาติ พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||
1410 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (ข้อมูล ณ วันที่ 9 เมษายน 2550) | มท | 10/04/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่
ภาคเหนือตอนบน ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 9 เมษายน 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 59 จังหวัด 537 อำเภอ 57 กิ่งอำเภอ 3,206 ตำบล 24,483 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด 155 อำเภอ 10 กิ่งอำเภอ 889 ตำบล 6,093 หมู่บ้าน ราษฎรประสบ ภัย 494,026 ครัวเรือน 1,717,302 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 241 อำเภอ 38 กิ่งอำเภอ 1,655 ตำบล 14,718 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 1,247,692 ครัวเรือน 5,253,517 คน ภาคกลาง 6 จังหวัด 34 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 167 ตำบล 1,103 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 109,550 ครัวเรือน 409,554 คน ภาค ตะวันออก 8 จังหวัด 48 อำเภอ 6 กิ่งอำเภอ 211 ตำบล 1,152 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 92,513 ครัวเรือน 338,361 หมู่บ้าน และภาคใต้ 9 จังหวัด 59 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 284 ตำบล 1,417 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 72,203 ครัวเรือน 251,470 คน รวมจำนวนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน 2,015,984 ครัวเรือน 7,970,204 คน พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 123,201 ไร่ (จำนวน 15 จังหวัด) สำหรับสถานการณ์มลพิษหมอกควัน ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 9 เมษายน 2550 มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษ หมอกควัน รวม 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน มีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน (120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 14 มีนาคม 2550 ที่อำเภอเชียงใหม่ (โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย) จังหวัดเชียงใหม่ วัดได้สูงสุดที่ 382.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และ ณ วันที่ 9 เมษายน 2550 ปริมาณฝุ่นละอองเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ในจังหวัดลำปางเข้าสู่ภาวะปกติ พื้นที่จังหวัดเชียง ใหม่เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ยังสูงเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนข้อมูลการเกิด จุดไฟไหม้ (Hot spot) รายวัน ระหว่างวันที่ 1-8 เมษายน 2550 พบจุดไฟไหม้ รวม 17 จังหวัด
|
||||||||||||||||||
1411 | รายงานผลความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุ
กรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปได้ดังนี้ ผลการ ตรวจสอบการเดินท่อของบริษัท เค ที เอ็มเอสจี จำกัด (โรงงานผงชูรส) ณ ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัด อ่างทอง โดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ว.ส.ท.) พบว่า ภายในท่อเดียวกันสามารถ ทำงานได้ทั้ง 2 ลักษณะ คือ เป็นทั้งท่อน้ำดี และท่อปล่อยน้ำเสีย ซึ่งทางบริษัท ฯ จะทำการรื้อถอนท่อขนาดเส้น ผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว ที่ฝั่งอยู่ใต้ดินออกทั้งหมด และจะวางท่อน้ำดีขึ้นใหม่ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ภาย ในบริเวณที่ดินของบริษัท ฯ ด้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา สูบจากปั้มหอยโข่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อใช้งานชั่วคราวไป พลางก่อน โดยจะเริ่มเดินท่อน้ำลอยบนดินตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2550 ให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ รวมทั้งจะ ขุดรื้อท่อน้ำที่ฝั่งอยู่ใต้ดินทั้งหมดตั้งแต่บริเวณบริษัท ฯ ถึงแม่น้ำเจ้าพระยาและวางท่อน้ำดีอย่างถาวรโดยจะติดตั้ง ในลักษณะเดินลอยบนดิน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2550 สำหรับกรณี ที่ประชาชนผู้เลี้ยงปลาในกระชังสงสัยว่า บริษัท ฯ ได้แอบปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาจนเป็นเหตุให้ปลาใน กระชังตาย นั้น เห็นว่ากรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบเอกสาร และรายงานต่าง ๆ ของบริษัท ฯ ได้ ซึ่งบริษัท ฯ ตกลงว่าจะส่งมอบข้อมูลกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้ง หมดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2549 ถึงช่วงเกิดเหตุปลาตาย (วันที่ 11 มีนาคม 2550) ให้แก่คณะตรวจสอบ ข้อเท็จจริงจังหวัดอ่างทอง ภายในวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2550 และส่งมอบให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ฯ ดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์ผลข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน นับแต่วันที่ได้รับเอกสาร
|
||||||||||||||||||
1412 | รายงานผลการประสานการดำเนินการกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 27/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการประชุมคณะกรรมการประสานการ
ดำเนินการกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2/ 2550 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 เพื่อติดตามสถานการณ์มลภาวะในแม่น้ำเจ้าพระยา การตรวจสอบพิสูจน์หา สาเหตุ การช่วยเหลือเยียวยาเฉพาะหน้าให้แก่เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน และแนวทางการให้ความช่วยเหลือ เกษตรกรเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ สรุปได้ดังนี้ ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2550 โดยกรม ควบคุมมลพิษ พบว่า คุณภาพน้ำตั้งแต่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงท่าน้ำนนทบุรี อยู่ในเกณฑ์ มีค่าออกซิเจนละลายน้ำ 2.5-3.7 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยเฉพาะบริเวณศูนย์ศิลปาชีพบางไทร มวลน้ำเสียที่ไหลมา จากอ่างทองกลับฟื้นฟูคุณภาพดีขึ้นแล้ว และไม่มีผลกระทบต่อสัตว์น้ำ ส่วนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคต้องมี การปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนนำไปใช้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาเร่งด่วนเฉพาะหน้า จังหวัดอ่างทองได้จ่ายเงิน ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลาในกระชังเสียหาย จำนวน 90 ราย 6,647 ตารางเมตร เป็นเงิน 1,708,279 บาท และ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน 130 ราย 6,896.50 ตารางเมตร เป็นเงิน 1,772,339 บาท ด้านการตรวจสอบพิสูจน์หาสาเหตุ ได้มีการวิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เบื้องต้นเพื่อหาสาเหตุการ ตายของปลา โดยกรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม 4 โรง ของรองอธิบดีกรมโรงงาน อุตสาหกรรม (นายอดิศร นภาวรานนท์) ด้านแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังเพิ่ม เติมเป็นกรณีพิเศษ ในส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรจากเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวง การคลัง ฯ และจากเงินงบกลาง ฯ ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2550 สามารถดำเนินการได้
|
||||||||||||||||||
1413 | รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับเพื่อรองรับการจ่ายเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะมลพิษทางน้ำในพื้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ
กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเร่งรัดให้คณะกรรมการตรวจสอบพิสูจน์หาสาเหตุการตายของปลาจังหวัดอ่างทอง ดำเนินการหาสาเหตุการตายของปลาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ตรวจสอบข้อมูลความเสียหายของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับผลกระทบจากภาวะมลพิษทางน้ำในพื้น ที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้ถูกต้อง เหมาะสม และครบถ้วน เพื่อประกอบการพิจารณา ดำเนินการเมื่อคณะกรรมการ ฯ ได้สรุปสาเหตุการตายของปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||
1414 | รายงานภาวะสังคมไตรมาสสี่/รายปี 2549 | นร | 20/03/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่ ปี 2549 และภาพรวม ปี 2549
ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดังนี้ ด้านคุณภาพคน คนไทยมีงานทำ เพิ่มขึ้น กำลังแรงงานมีคุณภาพสูงขึ้นทั้งระบบการศึกษาและผลิตภาพ สุขภาพของประชาชนโดยรวมดีขึ้น ผู้ ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวัง 11 โรคมีจำนวนลดลง แต่ต้องเฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก และโรคฉี่หนู รวมทั้งโรคไข้หวัด ใหญ่ ปอดบวม ไข้เลือดออก และบิดอย่างใกล้ชิด ด้านความมั่นคงทางสังคม ประชาชนมีความมั่นคงในการ ดำรงชีวิต สามารถเข้าถึงหลักประกันสุขภาพ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายประกันสังคมมากขึ้น มี ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่การทำผิดของเด็กและเยาวชนยังคงเพิ่มขึ้น ด้านพฤติกรรมและความ เป็นอยู่ของคน การบริโภคบุหรี่ลดลง ในขณะที่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงเพิ่มขึ้น ประชากรได้รับ ความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีส่งผลให้เด็กและเยาวชน ใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้น ด้านสิ่งแวดล้อม มลพิษทางเสียงดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ยกเว้นกรุงเทพมหานครยังคงมี เสียงดังเกินมาตรฐานหลายจุด คุณภาพอากาศในเมืองใหญ่โดยทั่วไปดี ยกเว้นพื้นที่ที่เป็นเขตโรงงานอุตสาห กรรม โรงโม่หินที่ยังคงมีฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน แหล่งน้ำคุณภาพดี ปริมาณขยะเพิ่มขึ้น ส่วนผู้สูงอายุในสังคมไทย ผู้สูงอายุอยู่โดดเดี่ยวมากขึ้น และส่วนใหญ่มีโรคเรื้อรังประจำตัวที่ต้องรักษาอย่าง ต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีผู้สูงอายุกลุ่มหนึ่งที่อุทิศตัวทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมอย่างกว้างขวาง
|
||||||||||||||||||
1415 | รายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ | ทส | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสถานการณ์
มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์มลพิษหมอกควัน ระหว่างวันที่ 13-17 มีนาคม 2550 มีปริมาณฝุ่นขนาดเล็กอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) โดยจังหวัดเชียงใหม่ตรวจพบปริมาณฝุ่นขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 197 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดลำปาง 131 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดเชียงราย 207 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 259 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน ได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช จัดส่งกำลังพนักงานดับไฟป่าในท้องที่ภาคเหนือ และรณรงค์ป้องกันไฟป่าทุกรูปแบบ โดยผ่านสื่อมวล ชนทุกแขนงเพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยอันตรายจากการเกิดไฟป่าและผลกระทบที่เกิดขึ้น และมอบหมายกรมควบคุมมลพิษเพิ่มการเฝ้าระวัง และเพิ่มการแจ้งเตือนสถานการณ์มลพิษหมอกควันอย่างต่อ เนื่อง รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผ่าในที่โล่งทุกชนิด เพื่อให้สถานการณ์มล พิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
|
||||||||||||||||||
1416 | การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสนับสนุนการแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ (ปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ) และมลภาวะทางน้ำ | วท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับข้อเสนอแนวทางการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสนับสนุนแก้ปัญหา
มลภาวะทางอากาศ (ปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ) และมลภาวะทางน้ำ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยีเนื่องจากข้อเสนอดังกล่าวจำเป็นต้องมีการบูรณาการและประสานงานกันอย่างเป็นระบบ จึงให้กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการแนวทางการดำเนินการร่วม กันทั้งส่วนของการแจ้งเตือน ป้องกัน บรรเทา และฟื้นฟูแก้ไขปัญหามลภาวะที่เกิดขึ้น รวมถึงกรณีที่มีเหตุจำเป็น เร่งด่วนฉุกเฉินต้องสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาสั่ง การ ทั้งนี้ ให้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของงาน/กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง แล้วให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักจัดทำ เป็นโครงการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
1417 | การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการดำเนินการพิสูจน์หาสาเหตุและ
ปัญหาการช่วยเหลือเยียวยาเฉพาะหน้าให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง และข้อเสนอเบื้องต้นการรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมในระยะต่อไป ซึ่งจากผลการพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุปลาในกระชังของเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงในแม่น้ำเจ้าพระ ยาในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาตาย อาจมีสาเหตุมาจากเรือบรรทุกน้ำตาลของบริษัทเพรสซิเดน ไรซ์บราวน์ จำกัด ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากการ ปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม 4 โรงที่ตั้งอยู่บริเวณตำบลโพสะ อำเภอเมือง จำนวน 3 โรง และตำบลบาง เสด็จ อำเภอป่าโมก จำนวน 1 โรง (โรงงานผงชูรส) สำหรับการให้ความช่วยเหลือ จะจ่ายเงินค่าชดเชยให้ในอัตรา 257 บาท/ตารางเมตร รายละไม่เกิน 80 ตารางเมตร (หรือไม่เกิน 20,560 บาท/ราย) จำนวน 231 ราย เพื่อเป็น การเยียวยาเฉพาะหน้า โดยใช้จากเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (งบ 50 ล้านบาท) และได้จัดทำเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ โดยจะใช้จากงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ส่วนข้อเสนอเบื้องต้นการรักษาคุณภาพสิ่งแวด ล้อมในระยะต่อไปจะทำการตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งปรับปรุงและบังคับใช้กฎ หมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เป็นต้น และให้กรมควบคุมมลพิษ ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนหลักในการแก้ไขปัญหาภัยน้ำเสียในระบบลุ่มน้ำแบบบูรณาการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยดำเนิน การในลุ่มน้ำที่มีปัญหาภัยน้ำเสียรุนแรงเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติ พ.ศ. 2535 เป็นต้น หากไม่มีข้อขัดข้องทางกฎหมายที่ภาครัฐจะจ่ายเงินทดรองจ่ายเพื่อเป็นการบรรเทาความ เดือดร้อนของเกษตรกรตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เจรจาเบื้องต้นไว้ไปก่อน แล้วดำเนินการเรียกร้องเงิน ค่าเสียหายคืนจากผู้กระทำความผิดในภายหลัง ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวง มหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรต่อไป โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 30,634,475 บาท แต่หากมีข้อขัดข้องทางกฎหมาย ให้นำเรื่องนี้เสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งโดยด่วน
|
||||||||||||||||||
1418 | การแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนกรณีเกิดมลภาวะทางน้ำในเขตจังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง | นร | 17/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้เดือดร้อนในเขต
จังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระ ยาโดยมอบให้กระทรวงมหาดไทย [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ)] เป็นผู้ รับผิดชอบเรื่องนี้ โดยเร่งประสานและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวง อุตสาหกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ ให้หน่วยงานต่าง ๆ แต่งตั้งผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุมและดำเนินการร่วมกับกระทรวง มหาดไทยโดยเร็ว และให้นำผลการดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||
1419 | แผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ ภายในศูนย์ปฏิบัติการรักเมืองไทย | นร | 17/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์
เสรีรังสรรค์) ประธานกรรมการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตและการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เสนอแผนปฏิบัติ การประชาสัมพันธ์ ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการรักเมืองไทย ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนว ทางการประชาสัมพันธ์ของศูนย์ ฯ ควรเน้นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน มุ่งที่ผลงาน ของรัฐบาลโดยรวม เนื่องจากเรื่องทั่ว ๆ ไปตามกรอบภารกิจของกระทรวงได้มีการประชาสัมพันธ์และแถลง ข่าวในระดับกระทรวงอยู่เป็นประจำแล้ว รวมทั้งพิจารณานำผู้ที่เป็นมืออาชีพซึ่งมีทักษะและความชำนาญงาน ในด้านการประชาสัมพันธ์มาช่วยงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการยอมรับและความเชื่อถือจากประชาชนมาก ยิ่งขึ้น ส่วนการประสานข้อมูลจากกระทรวงต่าง ๆ ควรพิจารณากำหนดขอบเขตและวิธีการให้เป็นประโยชน์ ต่อการนำไปประชาสัมพันธ์ได้อย่างเหมาะสมและทันเหตุการณ์ ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||
1420 | รายงานผลการแถลงข่าวโครงการเปิดทองหลังพระ - ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ ณ สหรัฐอเมริกา และรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 10 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ | นร | 13/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการแถลงข่าวโครงการเปิดทอง
หลังพระ-ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ (Royal Initiative Discovery) ณ นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐ อเมริกา ระหว่างวันที่ 21-26 มกราคม 2550 และการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 10 ณ สาธารณรัฐ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 28 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2550 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สรุป ได้ดังนี้ ผลการแถลงข่าวโครงการเปิดทองหลังพระ-ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ ณ สหรัฐอเมริกา สื่อ มวลชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งบริษัทนำเที่ยวต่าง ๆ ได้ให้ความสนใจโครงการ ฯ อย่างมาก และ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่อสถานการณ์ของประเทศไทย ส่วนผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว อาเซียน ครั้งที่ 10 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ที่ประชุม ฯ ได้มีแถลงการณ์ร่วมกัน (Joint Media Statement) โดยมี ประเด็นสำคัญคือ การเร่งรัดการรวมกลุ่มในสาขาท่องเที่ยวและการบินให้เป็นไปตามแผนการเปิดเสรี (Roadmap on Liberalization) ให้เสร็จภายในปี พ.ศ. 2553 การเร่งรัดการอำนวยความสะดวกการเดินทางเพื่อให้อาเซียน เป็น single destination การท่องเที่ยวทางเรือ (cruise tourism) มาตรฐานและการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพโดยเฉพาะ มาตรฐานโรงแรม (Green Leaf) และความปลอดภัย (standard, quality and safety) การจัดทำข้อตกลงเพื่อการ ยอมรับมาตรฐานวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวรวมกัน (Mutual Recognition Agreement on Tourism Professionals) การบริหารจัดการ และการฝึกอบรมในเรื่อง การสื่อสารในภาวะวิกฤต (crisis communication) และการเป็นเจ้า ภาพจัดการประชุม ASEAN Tourism Forum 2008 ของไทย ระหว่างวันที่ 18-26 มกราคม 2551 ณ กรุงเทพ ฯ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ 6 ซึ่งได้มีแถลงการณ์ ร่วมกันในประเด็นการจัดตั้งศูนย์ ASEAN-China Centre และ ASEAN-ROK Centre เพื่อการส่งเสริมการค้า การลง ทุนและการท่องเที่ยว รวมถึงข้อริเริ่มของญี่ปุ่นในโครงการเยาวชนเพื่อการส่งเสริมการเดินทางและแลกเปลี่ยน และ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบ 40 ปี ของการก่อตั้งอาเซียน และการหารือในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีของไทย กับประเทศต่าง ๆ ได้แก่ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยได้มีการหารือในเรื่องกรอบสามเหลี่ยมมรกต และกรอบ IMT-GT เพื่อการสานต่อความร่วมมืออันเป็นผลจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 12 และการ ประชุมสุดยอด IMT-GT ครั้งที่ 2 ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 13-14 มกราคม 2550
|
.....