สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม ประจำเดือนธันวาคม 2548 ดังนี้  อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตและการส่งออกจะยังขยายตัว
ได้อย่างต่อเนื่องเป็นผลจากลูกค้าต่างประเทศมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การผลิตและจำหน่ายของ
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2549  สถานการณ์
เหล็กคาดว่าจะทรงตัวเนื่องจากภาคการก่อสร้างยังคงชะลอตัวอยู่ จึงมีผลทำให้ความต้องการใช้เหล็กทรงยาว
ลดลง ขณะเดียวกันในส่วนของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าการผลิตยังคงทรงตัว  เนื่องจากผู้ผลิตยังมีปริมาณ
สต๊อกสินค้าที่สูงอยู่   ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์  จากจำนวนยอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมรถยนต์มอเตอร์
เอกซโป ครั้งที่ 22 ประมาณ 17,000 คัน จะส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2548 มีปริมาณ
การจำหน่ายที่ขยายตัว     และคาดว่า  ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งจะมีสัดส่วนที่สูงขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา
อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เดือนธันวาคม 2548   และเดือนมกราคม 2549  คาดว่า  การผลิตและการจำหน่าย
ในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไม่มากนัก  เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มซบเซาลง   สำหรับการส่งออกขึ้น
อยู่กับอุปสงค์ของประเทศเป็นสำคัญ  สำหรับภาวะการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่า จะทรงตัว เนื่องจากบริษัท
ต่าง ๆ ได้เร่งทำการผลิตตามคำสั่งซื้อสำหรับขายในช่วงสิ้นปีแล้ว ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมคาดว่าจะ
ทรงตัวเช่นกัน

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับผลการดำเนินงานกระทรวง
สาธารณสุข โครงการเด่น ปี 2548  พันธะสัญญาจากกระทรวงสาธารณสุขต่อประชาชนไทยในปี 2549  และข้อ
มูลสาเหตุการป่วยและสาเหตุการตาย  ปี 2548  ดังนี้ (1) โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  โครงการเฉลิม
พระเกียรติ และโครงการอันเกี่ยวเนื่องกับพระบรมวงศานุวงศ์  ได้แก่  โครงการ  To  be  Number 1  โครงการฟัน
เทียมเฉลิมพระเกียรติพระราชทาน โครงการแก้วตา ดวงใจ เทิดไท้ 72 พรรษา มหาราชินี  โครงการส่งเสริมภาวะ
โภชนาการในพื้นที่ทุรกันดาร   ในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ  สยามบรมราชกุมารี
(2) การลดผลกระทบจากภัยพิบัติและควบคุมป้องกันการระบาดโรคติดต่อสำคัญ ได้แก่  การให้ความช่วยเหลือผู้
ประสบภัยสึนามิ และการควบคุมการระบาดของไข้หวัดนก (3) การยกระดับคุณภาพ มาตรฐาน และความครอบ
คลุมการให้บริการสุขภาพ ได้แก่ การรณรงค์เพื่อคนไทยห่างไกลโรค การยกระดับคุณภาพบริการและการเข้าถึง
บริการที่มีค่าใช้จ่ายสูงและการผสมผสานการแพทย์แผนไทยในระบบบริการสาธารณสุขของรัฐ (4) การรณรงค์
เพื่อลดการบริโภคยาสูบ ได้แก่ การห้ามโฆษณาบุหรี่ที่จุดขาย  และ (5) การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ได้แก่
โครงการอาหารปลอดภัย และโครงการ One Stop Service Center

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกรม
อุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่ 9-15 มกราคม 2549)  สภาวะฝนใน
ภาคใต้ได้ลดน้อยลงทั้งการกระจายและปริมาณ เนื่องจากลมมรสุมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง และบริเวณความ
กดอากาศสูง  หรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง   ยังคงทำให้ภาค
เหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป กับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ในตอนเช้า ส่วน
ภาคกลาง  และภาคตะวันออกมีอากาศหนาวเย็นเฉพาะในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่   สำหรับสภาวะ
อากาศ  7  วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ 16-22 มกราคม  2549) ภาคใต้จะยังคงมีฝนอยู่บ้างในบางวันทางตอน
ล่างของภาค บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นยังคงมีกำลังอ่อนลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภาคเหนือ
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศอุ่นขึ้นโดยทั่วไป

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับรายงานภาวะการค้าระหว่าง
ประเทศของไทย ในระยะ 11 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2548 ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2548 การส่งออก
ในเดือนพฤศจิกายน  2548  มีมูลค่า  9,841.9  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5  เป็นการเพิ่มขึ้นทั้ง
สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร  การนำเข้าในเดือนพฤศจิกายน 2548  มีมูลค่า
9,786.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 และเทียบกับเดือนตุลาคม
2548   เพิ่มขึ้นร้อยละ  0.28   สินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าสูง  ได้แก่  สินค้าเชื้อเพลิง  ทุน  วัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป
สำหรับแนวโน้มการส่งออกปี  2548   คาดว่าจะสามารถส่งออกได้เป็นมูลค่าประมาณ  111,288  ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ การนำเข้า คาดว่าการนำเข้าในเดือนธันวาคม 2548 จะมีแนวโน้มการนำเข้าสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมัน
ดิบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทองคำ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรและส่วนประกอบ
เคมีภัณฑ์ และการนำเข้าสินค้าตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ในส่วนของดุลการค้าในเดือนพฤศจิกายน 2548
ไทยได้ดุลการค้า  55.3  ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ  ทำให้ดุลการค้าในระยะ 11  เดือนแรกของปี 2548  ขาดดุลรวม
7,197.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกในแต่ละศูนย์ภูมิภาค
ไว้ โดยศูนย์ภูมิภาคที่คาดว่าจะมีการขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ อินเดีย จีน  และอาเซียน  ที่ร้อยละ 60.0  29.9
และ 18.7 ตามลำดับ

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับแผนการบริหารจัด
การน้ำปี 2549  ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง ดังนี้ จังหวัดชลบุรี ความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรม รวม
132.774 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 7 แห่ง  ณ  วันที่ 1 ธันวาคม 2548  รวม 82.798
ล้านลูกบาศก์เมตร ภายหลังจากส่งน้ำสนับสนุนการใช้น้ำทุกกิจกรรม  กรณีไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แล้ว ปริมาณ
น้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอ โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนจนสิ้นฤดูแล้ง และกรณี
ดำเนินการผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงและจากคลองนครเนื่องเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณ
น้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น   ในส่วนของจังหวัดระยอง  ความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรม  รวม  278.061
ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี  ซึ่งรวมปริมาณน้ำที่ต้องสนับสนุนช่วยเหลือพื้นที่จังหวัดชลบุรี  ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ
หลักทั้ง 4  แห่ง ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2548 รวม 194.60 ล้านลูกบาศก์เมตร   ภายหลังจากส่งน้ำสนับสนุนการ
ใช้น้ำในทุกกิจกรรมกรณีไม่ได้ดำเนินการใด ๆ   ปริมาณน้ำคาดการณ์คงเหลือน้อยที่สุดจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหา
คม 2549 คือ มีปริมาณน้ำจำนวน 67.80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
ที่ระดับเก็บกักปกติซึ่งมีปริมาณเพียงพอโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลน  กรณีดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน
(2  สิงหาคม  2548)  มาตรการเสริมและการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์  จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคง
เหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดย
กรมอุตุนิยมวิทยา  เกี่ยวกับรายงานสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่ 3 - 8 มกราคม
2549)  สภาวะฝนในภาคใต้ ซึ่งมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป กับมีฝนตกหนักถึงหนัก
มากในบางพื้นที่  ส่วนสภาวะความหนาวเย็น  มีอากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบริเวณยอดดอยสูง บริเวณ
ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำ
ให้ภาคเหนือ  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคกลาง  และภาคตะวันออกมีอากาศหนาวเย็นลงโดยทั่วไป
และได้เกิดแผ่นไหวขนาด 3.1 ริคเตอร์  ที่อำเภอดอกคำใต้  จังหวัดพะเยา  สำหรับสภาวะอากาศ  7  วันข้าง
หน้า (ระหว่างวันที่ 9 - 12 มกราคม 2549) ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจาย และคลื่นลมใน
อ่าวไทยตอนล่างจะยังคงมีกำลังแรง ทะเลจะมีคลื่นสูง  ส่วนบริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉีpงเหนือ ภาค
กลาง และภาคตะวันออกจะมีอากาศอุ่นขึ้นเนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุม
ประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติเสนอรายงานผลการติดตามมาตรการเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 ครั้งที่ 6/2548 ผลของมาตรการ
ต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ   การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี  2548   ได้ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจ
ขยายตัวได้ดีขึ้นในครึ่งหลังของปีโดยในไตรมาสที่สามเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ  5.3  และมีอัตราการขยายตัว
เฉลี่ย 9 เดือนแรกร้อยละ 4.4  สูงขึ้นจากร้อยละ 3.9  ในครึ่งปีแรก ผลการดำเนินมาตรการช่วยกระตุ้นการขยาย
ตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ  ร้อยละ  1.34   ในด้านเสถียรภาพการดำเนินมาตรการช่วยลดแรงกดดันไม่ให้
อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วเกินไปซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน หากไม่ได้มีการควบคุมราคาสินค้าอัตราเงินเฟ้อ
ในครึ่งหลังของปีจะสูงถึงร้อยละ 7.9 และทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีเท่ากับร้อยละ 5.6  นอกจากนี้ การดำเนิน
มาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพได้ลดความรุนแรงของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ประมาณ 1,436 ล้านดอลลาร์
สหรัฐ ฯ   ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการ  และติดตามผลของมาตรการเศรษฐกิจที่สำคัญ   มาตรการที่มีความ
สำคัญสูงและต้องติดตามเร่งรัดหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง   อาทิ  การปรับราคาน้ำมันดีเซลให้สะท้อนต้นทุนราคา
น้ำมันที่แท้จริง  โดยรัฐบาลยังให้การสนับสนุนด้วยการลดภาษีสรรพสามิต  (มาตรการที่ 1)  การปรับเพิ่มฐาน
เงินเดือนข้าราชการขึ้น ร้อยละ  5   โดยยังคงเงินค่าส่วนเพิ่มที่รัฐบาลได้ปรับเพิ่มให้ก่อนหน้านี้แล้ว   และรวมถึง
การปรับฐานเงินเดือนของข้าราชการบำนาญ ร้อยละ  5  (มาตรการที่  2)  เป็นต้น    และมาตรการที่มีลักษณะ
เป็นการดำเนินงานประจำของหน่วยงาน   การปรับปรุงกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์การทำงาน  อาทิ  สนับสนุนให้
ภาคเอกชนปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับภาวะค่าครองชีพและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายทั้งนายจ้างและ
ลูกจ้าง รวมทั้งพิจารณาให้เหมาะสมกับระดับทักษะฝีมือ (มาตรการที่ 3) การใช้หลักฐานค้ำประกันจากธนาคาร 
(Bank Guarantee)  มาค้ำประกันการส่งมอบงานของผู้รับเหมา (มาตรการที่ 9) เป็นต้น และมอบหมายหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปศึกษาและปรับปรุงการดำเนินการในขั้นตอนตามปกติต่อไป

                 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 
(กรมอุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่ 19 - 25 ธันวาคม 2548)  
ลักษณะอากาศโดยทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่เสริม
ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยทำให้ภาคเหนือ  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ    ภาคกลาง    และภาคตะวันออก    
มีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป  ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนตัวผ่านประเทศพม่าเข้าปกคลุม
ภาคเหนือ  และลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกที่พัดพาความชื้นเข้ามากขึ้น  ทำให้
มีฝนตกในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคกลาง และภาคตะวัน
ออก กับทำให้มีหมอกหนาในหลายพื้นที่สำหรับสภาวะอากาศ  7 วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 
2548-1 มกราคม 2549) สภาวะฝนในภาคใต้จะยังคงมีตกไม่มาก  เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่
พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง   และบริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก  
จะมีอากาศอุ่นขึ้น  ทำให้มีอากาศเย็นสบายโดยทั่วไปกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้  ระหว่างวันที่ 14-26 ธันวาคม 2548  สรุปได้ดังนี้  ในส่วนของ
จังหวัดนครศรีธรรมราชเกิดน้ำท่วม 20 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ กรมชลประทาน โดยโครงการชลประทาน
นครศรีธรรมราช   ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยสูบน้ำในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช   รวม 10 
เครื่อง จังหวัดตรัง เกิดน้ำท่วมในเขตอำเภอต่าง ๆ  รวม 4 อำเภอ  สถานการณ์น้ำท่วมได้เริ่มคลี่คลาย
แล้ว  จังหวัดสงขลา เกิดน้ำท่วมรวม 15 อำเภอ สถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ได้ลดลงและเข้าสู่ภาวะ
ปกติแล้ว จังหวัดพัทลุง เกิดน้ำท่วมในอำเภอต่างๆ รวม 11 อำเภอ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขัง 5 อำเภอ
และคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายในสัปดาห์นี้ จังหวัดนราธิวาส เกิดน้ำท่วมขังใน 2 อำเภอ สถานการณ์
น้ำท่วมได้คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จังหวัดปัตตานีเกิดน้ำท่วมขังในเขตอำเภอต่างๆ รวม 10 อำเภอ  
ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังใน 4 อำเภอคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ใน 1-2 วัน  จังหวัดยะลา เกิดน้ำท่วม
ขังเป็นบริเวณกว้างอำเภอรอบนอกรวม  8  อำเภอ  ปัจจุบันมีน้ำท่วมขัง 4 อำเภอ คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะ
ปกติใน  1-2  วัน  และจังหวัดสตูล  เกิดน้ำท่วมในเขตอำเภอต่าง ๆ  รวม  5  อำเภอ และ 1 กิ่งอำเภอ 
สถานการณ์น้ำท่วมได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

               สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 
(กรมอุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 12-18 ธันวาคม 2548) 
ลักษณะอากาศโดยทั่วไปความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน   ทำให้มีอากาศหนาว
เย็นลงหลายจังหวัดของภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเริ่มมีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 
องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยและเทือกเขามีอากาศหนาวจัด สำหรับภาคใต้มีหย่อมความกดอากาศต่ำ
เคลื่อนตัวเข้าปกคลุม  ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากตกต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง   ทำให้เกิดน้ำท่วมเพิ่ม
มากขึ้นในพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช   พัทลุง   สงขลา  ปัตตานี  ยะลา  นราธิวาส  ตรัง และสตูล   
นอกจากนี้    ได้เกิดแผ่นดินไหวบริเวณ  อำเภอเทิง  และอำเภอป่าแดด  จังหวัดเชียงราย สำหรับสภาวะ
อากาศในช่วง 7 วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ 19-25 ธันวาคม 2548)  พายุดีเปรสชั่นที่ก่อตัวขึ้นในทะเล
จีนใต้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทยซึ่งจะทำให้ภาคใต้กลับมีฝนเพิ่มมากขึ้น พื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมควรเตรียม
การรับสภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง    สำหรับภาคตะวันออกและภาคกลางตอนล่าง จะมีฝนได้บาง
พื้นที่

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้  ในช่วงวันที่ 7-19 ธันวาคม 2548 กรณีเกิดมรสุมตะวันออกเฉียง
เหนือมีกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ 
เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก      และน้ำล้นตลิ่งในที่ลุ่มโดยได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดใน
ภาคใต้   ได้แก่   จังหวัดสุราษฎร์ธานี  นครศรีธรรมราช ตรัง  สงขลา  พัทลุง  นราธิวาส ปัตตานี  ยะลา 
และสตูล     เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้เกิดน้ำท่วมขังในที่ลุ่ม   และบริเวณสองฝั่งคลอง
ธรรมชาติ  และถนนบางสายโดยในบางพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมได้คลี่คลายลงและเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรม
อุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม 2548) ลักษณะ
อากาศโดยทั่วไป   ความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีก
ครั้งหนึ่งส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักในบางแห่ง สำหรับอุณหภูมิบริเวณประเทศไทยตอน
บนมีอากาศหนาว  บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด   ส่วนภาคใต้ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออก
เฉียงเหนือ   ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศมาเลเซียได้
เคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง   ทำให้มีฝนตกหนาแน่น   และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก   น้ำป่าไหล
หลากในหลายอำเภอตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปคลื่นอ่าวไทยมีกำลังแรงตลอดช่วง สำหรับสภาวะอากาศ  
7  วันข้างหน้า  (ระหว่างวันที่ 12-18  ธันวาคม  2548)  ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจะ
แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง
ทำให้ภาคเหนือ  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 
ทำให้มีอากาศเย็นลงโดยทั่วไป    ส่วนบริเวณเทือกเขามีอากาศหนาวถึงหนาวจัด   สำหรับภาคใต้มีฝนตกชุก
หนาแน่นต่อไปอีกกับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่

          คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้
รับทราบสรุปภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3/2548  และแนวโน้มเศรษฐกิจปี  2548-2549  และเห็นชอบให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดและจัดทำมาตรการเศรษฐกิจปี 2549 รวม 8 มาตรการ ได้แก่ การส่งเสริมการ
ใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ   (NGV) และแก๊สโซฮอล์ (Gasohol) เป็นต้น  การส่งเสริม
การลงทุนภาคเอกชนให้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปี  2549   การเร่งรัดการลงทุนโครง
การขนาดใหญ่ (Mega  Projects) ให้เป็นไปตามแผนเพื่อสร้างความทันสมัยให้กับประเทศ และสร้างความ
เชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและธุรกิจเอกชนถึงความชัดเจนของแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ และสามารถ
คาดการณ์ถึงการมีบริการของโครงสร้างพื้นฐานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้      ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาค
ธุรกิจเอกชนใช้ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินและการขยายธุรกิจ การเร่งรัดการดำเนินการโครงการ
พัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) โครงการศูนย์ซ่อมสร้างประจำตำบล (Fix-it Centers) และการ
ใช้จ่ายเงินงบกลาง   รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด
และจังหวัด 40,000 ล้านบาท) การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและการส่งเสริมการพัฒนามูลค่าเพิ่มของ
ผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตร     การส่งเสริมการท่องเที่ยว   โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจท่องเที่ยวให้สอด
คล้องกับตลาดกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม และใช้ประโยชน์จากการเปิดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิต่อ
การดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อให้เป็นศูนย์การบินภูมิภาค  การผลักดันการส่งออกสินค้าให้สามารถ
ขยายตัวได้ตามเป้าหมายอย่างน้อยร้อยละ 17 โดยให้ความสำคัญของกลุ่มสินค้าส่งออกใหม่ที่มีศักยภาพ
และเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง  การส่งเสริมการออมอย่างเป็นระบบเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและลดภาระ
ค่าใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต    รวมทั้งเพื่อสนับสนุนสภาพคล่องภายในประเทศเพื่อการระดมทุน   และให้
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ    ประสานกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐ
มนตรี จัดประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
กับเศรษฐกิจ เพื่อวิเคราะห์และกำหนดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในปี 2549 ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้นำเสนอสาระสำคัญของแนวโน้มเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ และ
มาตรการเศรษฐกิจที่ต้องดำเนินการ

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรม
อุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 
2548)  ลักษณะอากาศโดยทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูง   หรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอน
บน   มีกำลังอ่อนลงแต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นทั่วไป   สำหรับ
สภาวะอากาศ  7  วันข้างหน้า  (ระหว่างวันที่  5-11  ธันวาคม  2548)  บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวล
อากาศเย็นกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน  ทำให้ภาคเหนือ  ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคกลาง  และภาคตะวันออก  มีอากาศหนาวเย็นลงอีกครั้ง คาดว่าจะมีอากาศหนาว
จัดได้บริเวณเทือกเขาสูง  และสภาวะฝนในภาคใต้จะยังคงมีตกต่อเนื่องต่อไปอีกตลอดช่วง   อาจทำให้เกิดน้ำ
ท่วมได้ในพื้นที่ลุ่มใกล้ทางน้ำไหลได้บางพื้นที่

            คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาล
ทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2548/2549  โดยที่ปริมาณผลผลิตอ้อยในฤดูการผลิตปี  2548/2549 จะต่ำกว่า
ประมาณการเป็นจำนวนมากเนื่องจากภาวะภัยแล้ง   ประกอบกับต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงขึ้น อันเนื่อง
มาจากราคาปุ๋ยเคมีและน้ำมันเชื้อเพลิง  ดังนั้น จึงให้กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต  ปี 2548/2549  ใน
อัตราตันอ้อยละ 800 บาท  ณ ระดับความหวานที่  10  ซี.ซี.เอส   และให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
รับไปดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ในกรณีที่ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย
ขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปีดังกล่าวสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้น
ต้น   ให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายพิจารณากำหนดให้นำเงินที่ชาวไร่อ้อยได้รับชำระค่าอ้อยเพิ่มจาก
โรงงานไปจ่ายคืนให้แก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อลดภาระหนี้ของกองทุนด้วย

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการเตรียมรับ
ปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกในฤดูแล้งปี 2549 และสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ โดยในส่วนของ
จังหวัดชลบุรี  ได้มีการเตรียมรับปัญหาขาดแคลนน้ำปี  2549  โดยแต่งตั้งคณะกรรมการปรับเกณฑ์การใช้
น้ำและจัดสรรน้ำจังหวัดชลบุรี   เพื่อพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์การใช้น้ำ   และการจัดสรรน้ำให้เหมาะสมกับ
สถานการณ์น้ำต้นทุนที่มีอยู่    และพิจารณาวางแนวท่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับโรงกรองน้ำมาบประชัน  และ
ชากนอก รวมทั้งก่อสร้างแนวท่อผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกง ส่วนจังหวัดระยอง  ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน
เฉพาะกิจ  เพื่อจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดระยอง  คณะกรรมการปรับเกณฑ์การใช้น้ำ
และจัดสรรน้ำจังหวัดระยอง   และคณะกรรมการประชาสัมพันธ์   รวมทั้งให้กรมชลประทานเร่งศึกษาแนว
ทางการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการดำเนินการวาง
ท่อประแสร์    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้   ได้แก่   จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  สงขลา  พัทลุง  ยะลา 
นครศรีธรรมราช  ตรัง  สุราษฎร์ธานี  สตูล  และนราธิวาส  สถานการณ์น้ำท่วมได้ลดลงและเข้าสู่สภาวะ
ปกติแล้ว

                สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  
(กรมอุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่ 21-27 พฤศจิกายน 
2548)  ลักษณะอากาศโดยทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากจากประเทศ
จีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน  ทำให้มีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดบริเวณ
ยอดเขาสูงของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ    สำหรับสภาวะอากาศ 7  วันข้างหน้า  (ระหว่าง
วันที่  28 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2548)  บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประ
เทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง  ทำให้อากาศอุ่นขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้น และบริเวณความกดอากาศสูง
ระลอกใหม่จะแผ่ซึมลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน   และจะมีความกดอากาศสูงกำลังแรงอีกระลอก
แผ่เสริมลงมาปกคลุมซึ่งจะทำให้ประเทศไทยกลับมีอากาศหนาวเย็นลงอีกครั้ง

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โดยกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 14-20 พฤศจิกายน  
2548) กระแสลมตะวันออกและกระแสลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดพาความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมประ 
เทศไทย  ยังคงส่งผลให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกได้ในหลายพื้นที่ บริเวณความกดอากาศสูงหรือ
มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมประเทศไทย  ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น
ลงโดยทั่วไปมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดบริเวณยอดเขาสูงในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือสำหรับ
สภาวะอากาศ  7  วันข้างหน้า  (ระหว่างวันที่ 21-26 พฤศจิกายน 2548)  บริเวณความกดอากาศสูงจาก
ประเทศจีนจะยังแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทย    ทำให้ลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นลมตะ
วันออกเฉียงเหนือทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลาง มีอากาศหนาว
เย็นโดยทั่วไป ส่วนภาคใต้ตอนบนจะมีฝนลดลงเล็กน้อย   โดยฝนจะไปตกหนาแน่นและมีฝนตกหนักได้ใน
บริเวณจังหวัดพัทลุง  สงขลา  ปัตตานี  นราธิวาส  และยะลา อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหล
หลากได้ในพื้นที่เสี่ยงภัย

                สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 
(กรมอุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่  6-13  พฤศจิกายน  
2548)    กระแสลมตะวันออกและกระแสลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดพาความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้าปกคลุม
ประเทศไทยส่งผลให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกได้ในหลายพื้นที่ ประกอบกับพายุดีเปรสชั่นที่ก่อ
ตัวขึ้นทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน "เทมบิง" และได้อ่อน
กำลังลงสลายตัวไป   สำหรับสภาวะอากาศ  7  วันข้างหน้า  (ระหว่างวันที่ 14-20 พฤศจิกายน 2548)  
บริเวณความกดอากาศสูง  หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย  จะทำให้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตก และอุณภูมิจะลดลงและจะมีบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวล
อากาศเย็นระลอกใหม่ แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน จะทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ  มีอากาศหนาวเย็นลงโดยทั่วไป และอาจจะมีอากาศหนาวจัดได้บริเวณเทือกเขาสูง

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดัชนีราคา
ผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม 2548  ดังนี้  ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป
ของประเทศเดือนตุลาคม 2548  เท่ากับ 112.3 เทียบกับเดือนกันยายน 2548  (112.0)  สูงขึ้นร้อยละ 0.3 
และเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 6.2  โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีอยู่ในระดับสูงยังคงเป็นราคา
น้ำมันเชื้อเพลิง  ซึ่งในเดือนตุลาคม 2548  ดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ  
31.7  ทั้งนี้  ผลกระทบเกี่ยวเนื่องจากราคาน้ำมัน ทำให้มีการปรับค่ากระแสไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในปีนี้ 2 ครั้ง 
คือ  เดือนมิถุนายน ปรับ 3.55 สตางค์ต่อหน่วย และเดือนตุลาคม ปรับ 10 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนค่าโดยสาร
สาธารณะ มีการทยอยปรับราคาสูงขึ้น ทั้ง บขส. ขสมก. รถเมล์เล็ก ค่าโดยสารเรือ  และค่าธรรมเนียมสนาม
บิน โดยในเดือนนี้มีการปรับค่าโดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้างสูงขึ้น  นอกจากนี้  การปรับภาษีสรรพสามิต
สุราในเดือนกันยายน  2548  ยังมีผลต่อราคาสุราในเดือนนี้  เนื่องจากมีการทยอยปรับราคาสูงขึ้น รวมทั้ง
รถยนต์ได้ปรับราคาสูงขึ้นตามภาวะต้นทุนที่มีการปรับอุปกรณ์เสริมเพิ่มขึ้น   สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้น
ฐานของประเทศเดือนตุลาคม  2548  เท่ากับ  103.1   เทียบกับเดือนกันยายน  2548  สูงขึ้นร้อยละ  0.1  
เดือนตุลาคม 2547 สูงขึ้นร้อยละ  2.4  และเดือนมกราคม-ตุลาคม 2548 เทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปี 
พ.ศ. 2547 สูงขึ้นร้อยละ 1.4