สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรม
อุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน  
2548) พายุไต้ฝุ่น "ไคตั๊ก" ในทะเลจีนใต้ได้เคลื่อนตัวทางตะวันตกเข้าหาฝั่งประเทศเวียดนามและเนื่องจากมี
อากาศเย็นและแห้งแล้งจากประเทศจีนเข้ามาปะทะพายุ   จึงได้เปลี่ยนทิศทางเลียบชายฝั่งประเทศเวียดนาม
ขึ้นไปยังอ่าวตังเกี๋ยและอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งใกล้กรุงฮานอยและมีกระแส 
ลมตะวันออก      และกระแสลมตะวันออกเฉียงใต้พัดพาความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ   ภาคตะวันออก   ภาคกลางและภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนาแน่น   สำหรับสภาวะ
อากาศ  7  วันข้างหน้า  (ระหว่างวันที่ 7 - 13 พฤศจิกายน 2548) คาดว่า กระแสลมตะวันออกและกระแส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดพาความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมในประเทศไทยจะยังส่งผลให้ทั่วทุกภาคของ
ประเทศไทยมีฝนตกได้ในหลายพื้นที่

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับสรุปสถานการณ์
น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา   และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 
ข้อมูล ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2548 ในส่วนของสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้า
พระยาไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์จำนวน 1,554 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระ
ยาจำนวน 1,343 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ประกอบกับเขื่อนพระรามหกปิดการระบายน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำ
ในแม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ในเกณฑ์ 1,343 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  
ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลผ่านกรุงเทพมหานครและปริมณฑล   จะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำ
เจ้าพระยาทั้งสองฝั่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล   สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังพื้นที่ฝั่งตะวัน
ออกของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรมชลประทาน ได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณพื้น
ที่ดังกล่าว ด้วยการเร่งระบายน้ำผ่านคลองแสนแสบ และคลองประเวศบุรีรมย์ ทำให้ปริมาณน้ำที่ท่วมขังลด
ลงเหลือพื้นที่ลุ่มบางพื้นที่เท่านั้น  คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 3-5 วัน หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม  ส่วน
แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต   กรมชลประทาน   ได้ศึกษาความเหมาะสมแนว
ทางการระบายน้ำพบว่า  แนวทางผันน้ำออกทางด้านข้างของพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก โดยการ
ปรับปรุงคลองต่าง ๆ  ได้แก่  ขุดขยายคลองระพีพัฒน์  และคลองพระองค์ไชยานุชิต  รวมทั้งเร่งดำเนินการ
ขุดคลองสายใหม่สำโรง-ชายทะเลให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2551

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  
(กรมอุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 24-30 ตุลาคม 2548) 
ลักษณะอากาศโดยทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประ
เทศไทยตอนบน ทำให้มีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้าและทำให้ร่องความกดอากาศต่ำเคลื่อนที่พาดผ่าน
อยู่ภาคใต้ มีกำลังแรง สำหรับสภาวะอากาศ 7 วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 
2548)  คาดว่าพายุไต้ฝุ่น  "ไคตั๊ก"  ในทะเลจีนใต้จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามบริเวณเมืองกวาง
งาย  พายุนี้จะสลายตัวลงอย่ารวดเร็ว   เนื่องจากมีอากาศหนาวเย็นและแห้งจากประเทศจีนลงมาปะทะ    
และคาดว่าร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงไปพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่าง  และอ่าวไทย     ทำให้
บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช  พัทลุง  และสงขลามีฝนหนาแน่น

               สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  (กรม
อุตุนิยมวิทยา ) เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 17-23 ตุลาคม 2548) ลักษณะ
อากาศโดยทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน 
ทำให้เริ่มมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า   และทำให้ร่องความกดอากาศต่ำเลื่อนลงไปพาดผ่านอยู่บริเวณภาคใต้
โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง  และสงขลา    
สำหรับสภาวะอากาศ  7  วันข้างหน้า  (ระหว่างวันที่ 24-30 ตุลาคม  2548)  คาดว่าร่องความกดอากาศต่ำที่
พาดผ่านอยู่บริเวณภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลงทำให้มีฝนลดลงระยะหนึ่ง และพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อน
ตัวจากมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลสู่ทะเลจีนใต้และอาจเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทยในระยะต่อไป

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ
ในเขตพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก     กรณีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมอ่าวไทยตอนล่าง   และ
เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกผ่านภาคใต้ ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก เกิดสภาพน้ำท่วมในหลาย
พื้นที่  ในส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่ม และมีน้ำขังบริเวณผิวถนนบางสาย 
โครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์ได้ประสานงานตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลพงศ์
ประศาสน์เพื่อทำการซ่อมแซมแล้ว   นอกจากนี้  ได้เกิดน้ำท่วมในเขตอำเภอหัวหิน  ปราณบุรี บางสะพาน 
และกิ่งอำเภอสามร้อยยอด  ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้โครงการชลประทานประจวบคีรีขันธ์เข้า
ร่วมกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง     เพื่อให้ความช่วยเหลือราษฎรและแก้ไขปัญหา
สถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด  ส่วนจังหวัดชุมพรเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้เกิดน้ำท่วมเป็น
บริเวณกว้างในหลายพื้นที่  ได้รับความเสียหาย 4 อำเภอ  35 ตำบล  228 หมู่บ้าน  บ้านเรือนเสียหาย 7 
หลัง ถนน 331 สายสะพาน 8 แห่ง ฝาย 12 แห่งและพื้นที่การเกษตรประมาณ 10,000 ไร่ สำหรับสถาน
การณ์น้ำในลุ่มน้ำท่าตะเภา จากสภาพฝนที่ตกหนักเหนือลุ่มน้ำท่าตะเภาทำให้มีน้ำเอ่อท่วมท่อระบายน้ำ
เข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำและถนนบางสาย  กรมชลประทานได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ  5  เครื่อง  ทำการสูบน้ำช่วย
เหลือพื้นที่ท่วมขัง  ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในเขตเทศบาลเมืองชุมพรได้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว และเนื่องจาก
ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนยังคงพาดผ่านภาคใต้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมชล
ประทานมอบหมายให้สำนักชลประทานและโครงการชลประทานในพื้นที่เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่  9  ธันวาคม
2540 เรื่อง แผนปฏิบัติการบรรเทาปัญหาการว่างงาน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจได้ปรับปรุงเข้มแข็งขึ้น ประกอบ
กับการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันสามารถทดแทนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการว่างงานได้

               สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ
ประชาชนที่ประสบภัยของกระทรวงกลาโหม ในห้วงระหว่างวันที่  15  กันยายน ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2548  
โดยกองบัญชาการทหารสูงสุด   โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา  กองทัพบก  กองทัพเรือ  และกองทัพ
อากาศ  ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยต่าง  ๆ  ตามรายงานสภาวะ
อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร โดยได้จัดกำลังพล
และยุทโธปกรณ์ให้การช่วยเหลือประชาชน อาทิเช่น รถยนต์บรรทุก เรือยาง เรือท้องแบน รถกู้ภัย เครื่อง
สูบน้ำ กระสอบทราย ชุดเครื่องมือซ่อมรถยนต์ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่หลัง
น้ำลดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างเต็มความสามารถ    รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์  แจ้งเตือนการ
ปฏิบัติตนระหว่างน้ำท่วมและหลังน้ำลดด้วย

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
อุตสาหกรรมประจำเดือนกันยายน 2548 ดังนี้  การผลิตอุตสาหกรรมอาหารเพื่อส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก
เดือนก่อน  ในขณะที่แนวโน้มการส่งออกยังขยายตัวได้โดยเฉพาะกุ้งที่ได้รับ GSP จาก EU ชั่วคราว และสินค้า
อื่น ๆ จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น  การผลิต  การจำหน่ายในอุตสาหกรรมสิ่งทอ  และเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีการสั่ง
ซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามความต้องการบริโภค และคาดว่าจะขยายตัวสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป
จนถึงสิ้นปี   การผลิตเหล็กยังคงทรงตัว โดยในส่วนของเหล็กทรงยาวเนื่องจากภาวะการตลาดในประเทศยัง
คงซบเซาอย่างต่อเนื่องประกอบกับอยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้การก่อสร้างชะลอตัวลง ส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ 
ในเดือนกันยายน 2548  ขยายตัว เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในประ
เทศและต่างประเทศ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในเดือนสิงหาคม 2548 การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
ลดลง  เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝนทำให้การก่อสร้างชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่เดือนกันยายน และเดือนตุลาคม  
คาดว่า การผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มทรงตัว  เนื่องจากการชะลอการลงทุนของธุรกิจการ
ก่อสร้างในภาคเอกชน   สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออก
ที่ยังสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น และผู้ผลิตเตรียมเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับกับความต้องการที่คาดว่าจะมี
มากขึ้นในช่วงเทศกาลคริสมาสต์   และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง    ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมคาดว่าจะ
ปรับตัวสูงขึ้น   เนื่องจากความต้องการของตลาดโลกสูงขึ้น    โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการ
คาดว่ายังมีการขยายตัวได้สูง  เช่น  คอมพิวเตอร์  อุปกรณ์สื่อสารไร้สาย  เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่าย
สาธารณสุข  ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างพระราชบัญญัติพันธุ์พืช
(ฉบับที่  ..)  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ให้ยกเลิกความในมาตรา  4 (1)  แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช
พ.ศ. 2518  ในส่วนของ  "เมล็ดพันธุ์ควบคุม"  และแก้ไขคุณสมบัติของผู้ที่เจ้าหน้าที่จะออกใบอนุญาตให้ใน
มาตรา 16(1) และ (2) ดังนี้ "(1) เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กรมวิชาการเกษตรประกาศกำหนด  และ (2)
เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ" รวมทั้งแก้ไขมาตรา 22 (ง)  เกี่ยวกับข้อความที่ต้องแสดงในฉลากของภาชนะบรรจุ
เมล็ดพันธุ์ควบคุม  ดังนี้  "(ง) น้ำหนักสุทธิของเมล็ดพันธุ์ควบคุมตามระบบเมตริก  หรือจำนวนเมล็ดพันธุ์
ควบคุมหรือหน่วยวัดอื่น ๆ ตามหลักสากลของแต่ละชนิดพืช"  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณา  โดยรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าว
ควรแก้ไขบทบัญญัติในภาพรวม เพื่อให้เป็นเครื่องมือที่จะสนับสนุนให้เกิดการพัฒนา และยังความก้าวหน้า
ในการพัฒนาพันธุ์พืชยิ่งขึ้น หากมีบทบัญญัติใดที่ยังมีลักษณะเป็นการควบคุมอยู่โดยไม่จำเป็นก็ควรยกเลิก
การควบคุมนั้นเสีย ไปประกอบการพิจารณาด้วย  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
พิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  
(กรมอุตุนิยมวิทยา)  เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่  10-16  ตุลาคม 
2548) ลักษณะอากาศโดยทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ปก
คลุมตอนบนของประเทศไทยทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ภาคเหนือ และภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ    เริ่มมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า   สำหรับสภาวะอากาศ  7  วันข้างหน้า 
(ระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม 2548)  คาดว่าร่องความกดอากาศต่ำ หรือร่องฝนจะยังคงพาดผ่านอยู่
บริเวณภาคใต้และอ่าวไทย   ทำให้มีฝนตกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณความ
กดอากาศสูงระลอกใหม่จะแผ่ปกคลุมถึงประเทศไทยส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมี
อากาศหนาวเย็นมากขึ้น

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่น 
"ดอมเรย"  (เพิ่มเติม)  โดยสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 กันยายน-10 ตุลาคม 2548  มีพื้นที่ประ
สบภัยรวม 13 จังหวัด 59 อำเภอ 7 กิ่งอำเภอ 217 ตำบล  1,173 หมู่บ้าน  ได้แก่  จังหวัดลำปางเชียงใหม่ 
เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน กาฬสินธุ์  เพชรบูรณ์  มุกดาหาร  อุตรดิตถ์  เลย  และตาก  ความ
เสียหาย  ด้านชีวิต  ราษฎรเสียชีวิต  10  คน บาดเจ็บ 7 คน เดือดร้อน 121,238 คน  58,710  ครัวเรือน
อพยพ  2,108  คน ด้านทรัพย์สิน ถนน 182 สาย สะพาน 29 แห่ง อ่างเก็บน้ำ  1  แห่ง  ฝาย/พนังกั้นน้ำ 
36 แห่ง บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 92 หลัง เสียหายบางส่วน 314 หลัง บ่อปลา/กุ้ง 39 แห่ง  โรงเรียน  3  
แห่งมูลค่าความเสียหายประมาณในเบื้องต้นไม่น้อยกว่า  1,000  ล้านบาท   สำหรับการให้ความช่วยเหลือ
ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย   ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย/จังหวัด/อำเภอ/องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น  ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเรือท้องแบน
และรถยนต์บรรทุก  ไปช่วยเหลือและอพยพราษฎรที่ประสบภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัย   รวมทั้งสั่งการให้ผู้ว่า
ราชการจังหวัดใช้จ่ายเงินทดรองราชการ  (งบ  50  ล้านบาท)  เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้าน
เครื่องอุปโภคบริโภคค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย  ค่าจัดการศพ  และซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ที่
ชำรุดเสียหาย    สำหรับพื้นที่การเกษตรและปศุสัตว์   บ่อปลาที่เสียหาย  อยู่ระหว่างการสำรวจและจะให้
ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป   นอกจากนี้  ได้วิทยุแจ้งไปยังจังหวัด/กรุงเทพมหานครและศูนย์ ปภ.เขต ที่
อยู่ในพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา   เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสภาวะน้ำในแม่น้ำ
เจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่ง เป็นต้น

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกรมอุตุนิยม
วิทยารายงานสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่  3-9 ตุลาคม 2548) ลักษณะอากาศ
โดยทั่วไปของประเทศไทยบริเวณความกดอากาศสูง   หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมตอน
บนของประเทศไทยทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลงและเริ่มมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับ
สภาวะอากาศ 7 วันข้างหน้า  (ระหว่างวันที่ 10-16 ตุลาคม 2548) คาดว่าร่องความกดอากาศต่ำหรือร่อง
ฝนจะยังคงพาดผ่านอยู่บริเวณภาคใต้ตอนบนทำให้มีฝนตกหนาแน่น  อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน  น้ำป่า
ไหลหลากได้บางพื้นที่ของจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยอย่างบูรณา
การ และมีความยั่งยืน โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบเรื่องการ
นำแหล่งรับน้ำธรรมชาติ  (sump)  ที่มีอยู่ทั่วประเทศมาใช้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในภาวะที่เกิดภัย
แล้ง รวมทั้งเป็นแหล่งรองรับน้ำเมื่อเกิดภาวะน้ำท่วม  โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  สำรวจพื้นที่และแหล่งรับน้ำธรรมชาติที่มี
อยู่ทั้งหมดทั่วประเทศทั้งที่เป็นพื้นที่ว่าง หรือที่ถูกบุกรุก และถูกยึดครอง เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดเสนอรองนายก
รัฐมนตรี  (นายพินิจ จารุสมบัติ)  พิจารณาดำเนินการในภาพรวมต่อไป แล้วให้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบ
ด้วย   สำหรับกรณีปัญหาอุทกภัยที่จังหวัดเชียงใหม่ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เป็น
ประธานคณะทำงานโดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เป็นกรรมการ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็น
กรรมการ  เพื่อศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริง   และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยดังกล่าว ทั้งระยะสั้นและ
ระยะยาว แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รายงานสรุปผลการ
ตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากพายุโซนร้อยดอมเรยและการช่วยเหลือราษฎรในเขตตรวจราชการ
ที่ 1  เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2548  สรุปได้ดังนี้  สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพะเยา น่าน ลำพูน แพร่ เชียงราย
ในภาพรวมเข้าสู่สภาวะปกติ และได้ช่วยเหลือราษฎร รวมทั้งฟื้นฟูบูรณะอาคารสถานที่และโครงสร้างพื้นฐาน
ให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว  สำหรับจังหวัดที่ยังคงประสบกับภาวะน้ำท่วม  ได้แก่  จังหวัดลำปาง ที่อำเภอเถิน
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่อำเภอปาย และอำเภอปางมะผ้า และในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยแนวทางใน
การแก้ไขปัญหาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน คือ ต้องเร่งแก้ปัญหาดินปนทรายบนยอดเขาที่มากับกระแสน้ำ และเร่ง
รัดการปลูกป่าให้คลุมดินโดยเฉพาะพื้นที่บางแห่งบนเขาเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะผิวดิน ที่จังหวัดลำปาง หน่วย
งานที่รับผิดชอบควรพิจารณาเสริมผนังกันน้ำริมตลิ่งให้สูงขึ้น เพิ่มความกว้างของลำน้ำให้มากขึ้น  สร้างอ่าง
เก็บน้ำแม่สอย แม่ปาน แม่ปาย ซึ่งอยู่ตอนบนของอำเภอเมืองลำปาง เพื่อช่วยกักเก็บน้ำเสริมเขื่อนกิ่วลมเพื่อ
ไม่ต้องระบายน้ำล้นจากเขื่อนมาท่วมพื้นที่ตอนใต้ของจังหวัดลำปางอีก และที่จังหวัดเชียงใหม่ ควรจัดทำแผน
แม่บทในการป้องกันน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่โดยเร่งด่วน  โดยให้ขุดลอกเพื่อเพิ่มเติมพื้นที่เก็บกักน้ำในลำน้ำปิง
แก้ไขปัญหาการบุกรุกต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอัตราความเร็วของกระแสน้ำ  ทำเขื่อมริมตลิ่ง  และยกระดับถนนเลียบ
น้ำปิงให้เป็นแนวกั้นน้ำในตัวโดยดูแลด้านภูมิทัศน์ไปพร้อมกัน    และในระยะยาวควรพัฒนาจัดระบบระบาย
น้ำออกจากแม่น้ำปิงในช่วงเวลาที่ระดับน้ำสูงไปยังพื้นที่กักเก็บน้ำตอนบนของแม่น้ำปิง

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 
(กรมอุตุนิยมวิทยา) เกี่ยวกับสรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์  (ระหว่างวันที่  26  กันยายน - 
2 ตุลาคม 2548) ลักษณะอากาศโดยทั่วไปของประเทศไทยมีฝนตกชุก โดยเฉพาะภาคเหนือและภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือหลังจากที่พายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย" ในทะเลจีนตอนบนได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซน
ร้อน ก่อนเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม และเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศลาวและอ่อนกำลังลงเป็นพายุ
ดีเปรสชั่น ก่อนเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณจังหวัดน่าน  สำหรับสภาวะอากาศ  7  วันข้างหน้า 
(ระหว่างวันที่  3-9  ตุลาคม  2548)   บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน 
เริ่มแผ่ปกคลุมถึงตอนบนของประเทศไทยทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดน้อยลง และเริ่มมีอากาศ
หนาวเย็น ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนคาดว่าจะเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณภาคกลางและภาค
ตะวันออก  และจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ฝนตกเพิ่มมากขึ้น

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) 
เกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและการช่วยเหลือจากพายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย"  ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2548  จาก
กรณีเกิดพายุไต้ฝุ่น "ดอมเรย" ในทะเลจีนใต้และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เกาะไหหลำประเทศจีน  แล้วเคลื่อนตัว
มาทางฝั่งตะวันตกขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น และเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศ
ไทย  ผ่านจังหวัดนครพนม   น่าน  ทำให้บริเวณตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   และภาคเหนือมี
ฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก  โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่   และ
จังหวัดลำปาง   ในส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน   ระดับน้ำท่วมได้ลดลงและคืนสู่สภาวะปกติแล้ว   ส่วนจังหวัด
เชียงใหม่และเชียงราย ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการแจ้งเตือนจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องเพื่อแจ้งเตือนราษฎรให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว     พร้อมทั้งได้ส่งเครื่องสูบ
น้ำและรถบรรทุกเข้าช่วยเหลือ  จังหวัดลำปาง  ระดับน้ำท่วมได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว  จังหวัดสุโขทัย  แนว
โน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  จังหวัดพิษณุโลก    ปริมาณน้ำในลำน้ำยมตอนเหนือจากสุโขทัยได้ไหลเข้า
ท่วมพื้นที่การเกษตร (เก็บเกี่ยวแล้ว) ในเขตอำเภอบางระกำ และจังหวัดกาฬสินธุ์  ระดับน้ำท่วมเริ่มทรง
ตัว  คาดว่าจะเริ่มลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติประมาณวันที่ 8 ตุลาคม 2548

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำน้อย  ณ  วันที่ 3 ตุลาคม 2548 ได้แก่  อ่างเก็บน้ำหนอง
ปลาไหล ดอกกราย ประแสร์ บางพระ คลองสียัด กระเสียว ทับเสลา ลำตะคอง ลำพระเพลิง น้ำมูลบน 
ลำแซะ  และบางวาด  ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม  ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่สภาวะน้ำท่วมตัวเมืองเข้าสู่
สภาวะปกติ  จังหวัดลำพูน  ลำปาง  เชียงราย  ตาก  ปริมาณน้ำลดลง   ส่วนจังหวัดสุโขทัยมีน้ำท่วมใน
อำเภอศรีสำโรง พิษณุโลก มีน้ำท่วมในอำเภอบางระกำ  หนองคาย  มีน้ำท่วมใน  8  อำเภอ กาฬสินธุ์  
มีน้ำท่วมในพื้นที่ด้านท้ายอำเภอเมือง  ยางตลาด  กมลาไสย   และฆ้องชัย    สกลนคร   อุบลราชธานี 
สุพรรณบุรี  ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ยังมีน้ำท่วมขัง สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยา  และใน
ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง  ระดับน้ำในคลองต่าง ๆ  ต่ำกว่าตลิ่ง    สำหรับจังหวัดชลบุรี  ได้มี
การแก้ไขการขาดแคลนน้ำ โดยได้ดำเนินโครงการวางท่อส่งน้ำบางปะกง-ชลบุรี ผลิตน้ำประปาให้แก่
ผู้อุปโภคบริโภค  รวมทั้งดำเนินการลงนามก่อสร้างปรับปรุงระบบท่อจ่ายน้ำ   ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือน
สิงหาคม 2549

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปภาวะราคาขายปลีกสินค้าอุปโภค
บริโภคประจำสัปดาห์ที่ 4 เดือนสิงหาคม 2548  (วันที่ 22-26 สิงหาคม 2548)  โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น
ได้แก่  เครื่องปั๊มน้ำ  ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.96  เนื่องจากวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบที่นำเข้ามี
ราคาสูงขึ้น และไก่สด ราคาขายปลีกสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.87 เนื่องจากปริมาณไก่ออกสู่ตลาดน้อยลง  ส่วน
สินค้าที่มีราคาลดลง  ได้แก่  ปุ๋ยเคมี  ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 0.87-2.70  สาเหตุจากราคาแม่ปุ๋ย
ยูเรียในตลาดโลกลดลง  และสุกรชำแหละ  ราคาขายปลีกลดลงเฉลี่ยร้อยละ 1.03  เนื่องจากความต้องการ
ของตลาดเริ่มชะลอตัว รวมทั้งผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ปรับราคาจำหน่ายเพื่อให้ตลาดมีความคล่องตัวขึ้น สำหรับ
สินค้าที่มีราคาทรงตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำซีอิ๊ว ผงชูรส  อาหารกึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า
สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยารีดผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ และยากำจัดยุงและแมลง

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขยาย
เวลาการเบิกจ่ายเงินเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด (ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมเพื่อความมั่นคง
สายสุคริน-ศรีสาคร  จังหวัดนราธิวาส) โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติเกี่ยวกับการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการ
ขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินรวมกันได้ไม่เกิน  2  ปีงบประมาณ  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  22  กันยายน
2541 โดยให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินออกไปอีก 1 ปีงบประมาณถึงสิ้นเดือนกันยายน 2549 ได้เป็นกรณี
พิเศษ  สำหรับการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม  จำนวน  3,422,766  บาท  เพื่อเป็นการเพิ่มค่างานให้กับ
โครงการ ฯ  นั้น  ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  18  มกราคม
2548  ที่เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ให้คำนวณราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์ปกติและบวก
เพิ่มเป็นค่าตอบแทนพิเศษเพื่อจูงใจในการปฏิบัติงานจำนวนร้อยละ 5 ของราคากลางที่คำนวณได้เป็นราคา
กลางงานก่อสร้างนั้น  จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติตามประกาศของราชการ  ทั้งนี้  ค่าใช้จ่าย
ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างดังกล่าว ให้หน่วยงาน
ของรัฐเจ้าของโครงการพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีในโอกาสแรกก่อน

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) รายงานสถานการณ์
น้ำของอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำน้อย  ณ  วันที่ 26 กันยายน 2548  ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ
หนองปลาไหลและดอกกราย  ประแสร์  บางพระ  คลองสียัด ภาคกลาง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำกระเสียว และทับ
เสลา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ได้แก่  อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ลำพระเพลิง  น้ำมูลบน ลำแซะ  ภาคใต้ ได้แก่ 
อ่างเก็บน้ำบางวาด ในส่วนของสถานการณ์น้ำท่วม จังหวัดตาก น้ำท่วมที่อยู่อาศัยและพื้นที่เกษตรกรรมใน 
2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามเงาและอำเภอบ้านตาก ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จังหวัดสุโขทัยน้ำท่วม 5 
อำเภอ  ได้แก่ อำเภอกงลาศ สวรรคโลก ศรีสำโรง ทุ่งเสลี่ยม และเมืองสุโขทัย จังหวัดพิษณุโลก น้ำท่วมพื้น
ที่การเกษตรที่เก็บเกี่ยวแล้วในอำเภอบางระกำ  ส่วนจังหวัดหนองคาย  สกลนคร  ร้อยเอ็ด และฉะเชิงเทรา 
ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร    พื้นที่ราบลุ่ม    และพื้นที่นา   สำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา  
ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนพระรามหก  และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา   
จะยังไม่ส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมกรุงเทพมหานคร  และปริมณฑลแต่อย่างใด     ส่วน 
สถานการณ์น้ำทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง สภาพน้ำในคลองต่างๆ โดยเฉลี่ยมีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง  
และได้มีการควบคุมโดยระบายน้ำส่วนหนึ่งออกแม่น้ำเจ้าพระยา  โดยการสูบน้ำและระบายน้ำ  ทั้งนี้  กรม
ชลประทานได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยสูบระบายน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร   รวมทั้งเสริมเครื่องสูบ
น้ำเคลื่อนที่ และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ ส่วนจังหวัดระยองได้ดำเนินวางท่อผันน้ำตามโครงการผันน้ำจาก
คลองทับมาไปยังคลองน้ำหูแล้วเสร็จ  และได้ทดสอบระบบสูบจ่ายน้ำ   โดยมีปริมาณน้ำที่สูบได้ประมาณ 
50,000-80,000 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะสามารถสูบจ่ายน้ำได้ตามเป้าหมาย