ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 133 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2641 - 2660 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2641 | รายงานผลการสร้างงานและสร้างอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการสร้าง
งานและสร้างอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา) สรุปได้ดังนี้ ปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 ได้มีการจ้างงานท้องถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดำเนินงานภายใต้แผนงาน/ โครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลและทำความสะอาด บ้านปลา มีการจ้างแรงงาน 2,033 คน วงเงินการจ้าง 3,858,000 บาท โครงการส่งเสริมและพัฒนาการใช้ ประโยชน์ไม้เสม็ดและพันธุ์ไม้ป่าพรุแบบครบวงจร มีการจ้างแรงงาน 62 คน วงเงินการจ้าง 3,789,000 บาท โครงการส่งเสริมการพัฒนาวัดและมัสยิดเป็นศูนย์ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมชุมชน มีการจ้างแรงงาน 30 คน วงเงิน การจ้าง 504,000 บาท โครงการนำร่องพัฒนาการมีส่วนร่วมเพื่อการจัดการอุทยานแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการจ้างแรงงาน 1,671 คน วงเงินการจ้าง 7,326,400 บาท และโครงการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำภาคใต้ตอนล่าง 5 ลุ่มน้ำ (ลุ่มน้ำสายบุรี/โกลก/ปัตตานี/ บางพระ/เทพา) มีการจ้างแรงงาน 1 คน วงเงินการจ้าง 35,520 บาท รวมการจ้างงานทั้งสิ้น 3,797 คน วงเงินการจ้าง 15,512,920 บาท แยกเป็น จังหวัดปัตตานี 1,971 คน วงเงินการจ้าง 7,317,098 บาท จังหวัดนราธิวาส 1,544 คน วงเงินการจ้าง 7,024,742 บาท และจังหวัดยะลา 282 คน วงเงินการจ้าง 1,171,080 บาท สำหรับแผนงาน/โครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ โครง การส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์ไม้เสม็ดและพันธุ์ไม้ป่าพรุ โครงการส่งเสริมการพัฒนาวัดและมัสยิด เป็นศูนย์ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมชุมชน (ต่อเนื่อง) โครงการจัดทำระบบการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอยในวัด และมัสยิด โครงการสร้างความพร้อมในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน โครงการจัดการทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำภายใต้ตอนล่าง 5 ลุ่มน้ำ (ลุ่มน้ำสายบุรี/โกลก/ปัตตานี/บางพระ/เทพา) และโครงการศึกษาผลกระทบจากการบริหารจัดการลุ่มน้ำปัตตานี อยู่ระหว่างการเตรียมการในการดำเนิน การขออนุมัติงบประมาณ และกำหนดแผนปฏิบัติงานตลอดจนการจ้างแรงงานท้องถิ่นต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2642 | การปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายโภคิน พลกุล) | มท | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการ
ในพื้นที่จังหวัดนครพนมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2547 เพื่อ ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้ง รับทราบปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานตามนโยบาย ซึ่งภาพรวมการปฏิบัติราชการครั้งนี้ ได้มี การประชุมเพื่อมอบนโยบายให้แก่หัวส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชี้แจงให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นถึงผลงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาในด้านต่าง ๆ รวมทั้ง ได้ตรวจเยี่ยมจุดที่ขอเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ซึ่งเป็นจุดข้ามแม่น้ำโขงไปเชื่อมกับถนนหมายเลข 8 ที่สามแยกบ้านท่าสะอาด แขวงบริคำไซ ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งจะสามารถเดิน ทางต่อไปถึงเมืองฮาติง และเมืองวินท์ของประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้ และตรวจสภาพความ เสียหายของตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขงกัดเซาะ โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2643 | รายงานสถานการณ์ดินถล่ม ที่จังหวัดกระบี่ | มท | 19/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสถานการณ์ดินถล่มในพื้นที่บ้านอ่าวนาง
ม.2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2547 และในพื้นที่บ้านห้วยส้มไฟ ม.1 ตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2547 เป็นเหตุให้มีราษฎรเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 1 คน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 18 หลัง ซึ่งสาเหตุของดินถล่มเกิดจากฝนที่ตกหนัก ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรที่ประสบภัยในเบื้องต้น และได้มีการวางมาตรการเร่งด่วน เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นอีก โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานไปยังจังหวัดกระบี่ประกาศ ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และแจ้งให้ประชาชนออกจากบริเวณดังกล่าว รวมทั้งประสานกับสำนักงาน ทรัพยากรธรณีเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อตรวจสอบทางด้านธรณีวิทยาเพื่อประเมินความเสี่ยงและเตรียมการ ป้องกัน นอกจากนี้ ได้จัดชุดเฝ้าระวัง โดยมอบให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับ อปพร. สำรวจสภาพพื้นที่ที่อาจจะเกิดการเลื่อนไหลของดินและถล่มลง และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจ ให้ราษฎรในพื้นที่ได้ทราบ และมีความตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมิให้เกิดความตื่นตระหนักจนเกิด ความเสียหายต่อการประกอบอาชีพหรือกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2644 | แผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน | ทส | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัด เชียงใหม่-ลำพูน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผน ปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศเชียงใหม่-ลำพูน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไป ปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าวให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนี้ ให้ตรวจสอบสภาพการดำเนิน งานที่มีผลต่อการจัดการมลพิษอากาศในจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูนของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านงบประมาณที่ ได้รับ เป้าหมายและผลการดำเนินการที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยพิจารณาปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าว ตามข้อมูลที่ได้รับโดยกำหนดขอบเขต วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ กำหนดตัวชี้วัดและแนวทางบูรณา การภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และกำหนดโครงการและกิจกรรมตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติ การ ฯ เท่าที่จำเป็น ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการหรือกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่และต้องก่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถตรวจวัดได้ มีมาตรการตรวจสอบ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติ การ และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมดำเนินการตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ และ ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ และตระหนักในการมีส่วนร่วมลดมลพิษอากาศในพื้นที่ เพื่อเกิดผลสำเร็จต่อ เนื่องในระยะยาว ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ไปประกอบการปรับปรุง (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ ด้วย และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาด้วยว่า การดำเนิน การเกี่ยวกับปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ควรดำเนินการในเชิงรุกดูแลป้องกันมิให้เกิดปัญหามากกว่าที่จะ ดำเนินการแบบตั้งรับเพื่อแก้ไขฟื้นฟูหลังจากเกิดปัญหาแล้วเพราะการแก้ไขปัญหาจะทำให้เกิดภาระและสิ้น เปลืองงบประมาณค่าใช้จ่ายมากกว่า และยากที่จะแก้ไขให้สภาพธรรมชาติกลับคืนดังเดิมได้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาด้วยว่าควรนำเอาหลักการที่ว่า "ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา" (Polluter Pay Principle-PPP) มาใช้ในการดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2645 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาใช้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง เพื่อการผลิตน้ำประปา | มท | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำในแม่ น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง เพื่อการผลิตน้ำประปา โดยมีแนวทางในการ แก้ไขปัญหา รวม 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านการบริหารจัดการ โดยจัดทำแผนแม่บทแบบบูรณาการ ทรัพยากรน้ำทั้งในและนอกลุ่มน้ำทั้งหมด และมองการจัดการแบบภาพรวม และผลักดันให้มีการจัดหาน้ำ ต้นทุนเพิ่มขึ้นให้เต็มศักยภาพ ให้มีความเหมาะสมกับระบบนิเวศวิทยา และการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งในด้าน การจัดหาแหล่งน้ำดิบ และการผันน้ำเพื่อผลิตน้ำ เป็นต้น มาตรการด้านการลงทุน โดยจัดให้มีระบบประปา อย่างทั่วถึง โดยให้เป็นการบริการขั้นพื้นฐานไม่ใช้เพื่อแสวงหากำไร และสนับสนุนการลงทุนของราชการส่วน ท้องถิ่น รัฐิวสาหกิจและเอกชนในการจัดหาแหล่งน้ำดิบและการก่อสร้างระบบประปา เป็นต้น มาตรการด้าน กฎหมาย โดยปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการประปาให้มีความชัดเจนและไม่ทับซ้อนกันในทางปฏิบัติ ตลอด จนกระจายความรับผิดชอบการจัดการเรื่องน้ำประปาสู่ราชการส่วนท้องถิ่น เป็นต้น และมาตรการด้านการ ส่งเสริม โดยร่วมมือกับเอกชนและองค์กรต่าง ๆ รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และมีส่วนรับผิดชอบในการจัดการระบบประปา และสนับสนุนการวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบประปาเพื่อ ส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น รวมทั้งผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามที่กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพิจารณาข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ และให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับไปดำเนินการพิจารณากำหนดแนวทาง ปรับปรุง และแก้ไขปัญหาในเชิงบูรณาการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ โดยละเอียด อีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนิน การนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในลักษณะที่เป็นยุทธ ศาสตร์ภาพรวมของชาติโดยเร็วต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมพิจารณาดำเนินการในฐานะ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการใช้น้ำขนาดใหญ่ โดยให้พิจารณาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวตามประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2646 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. .... | ศธ | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. .... ไปเพื่อสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนัก งาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาด้วย ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. มีความเห็นว่า เนื้อหาสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ ฯ อาจก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบต่อการบริหารจัดการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการได้หลายประการ เช่น การจัดระเบียบบริหารราชการตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ ซึ่ง กำหนดให้จัดระบบที่แตกต่างกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 จึง อาจทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง และไม่เป็นเอกภาพในการจัดการศึกษาของประเทศได้ รวมทั้งการกำหนด อำนาจหน้าที่ บทบาท และภารกิจที่มีลักษณะซ้ำซ้อน ทำให้ในพื้นที่หนึ่งมีหลายหน่วยงานต่างดำเนินการใน พื้นที่โดยไม่มีการประสานหรือพิจารณาดำเนินการร่วมกันในภาพรวมของกระทรวง เป็นต้น ส่วนสำนักงาน ก.พ. มีความเห็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วน กลาง ควรมีขนาดที่เล็กลงและมุ่งเน้นเฉพาะภารกิจงานวิเคราะห์ในเชิงยุทธศาสตร์การวางนโยบายและมาตร ฐานการปฏิบัติงาน การติดตามและประเมินผล การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนให้การสนับสนุนในเชิงวิชาการ และควรมีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ สอดคล้องกับการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา สำหรับสำนักงบประมาณมีความเห็น เกี่ยวกับสถานภาพของหน่วยงาน ควรระบุให้ชัดเจน นอกจากนี้ การกำหนดให้การบริหารงานศึกษานอก โรงเรียนใช้แบบของคณะกรรมการ 3 ระดับ ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานที่ สอดคล้องกับหลักการของการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูประบบราชการควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากจะมี ผลให้เกิดภาระงบประมาณของประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2647 | รายงานผลการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจน | นร | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานผลการประชุมคณะอนุ
กรรมการพิจารณาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการแก้ไข ปัญหาความยากจน โดยมีผลการประชุมดังนี้ การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับเอกสารสิทธิในที่ดิน คณะอนุ กรรมการ ฯ ได้พิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานในการออกเอกสาร สิทธิ์ในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... ที่กรมที่ดินได้ยกร่างขึ้นแล้วเห็นว่า ระเบียบดังกล่าวเป็นการใช้มาตรการในทาง บริหารซึ่งสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาในระยะสั้นได้ เนื่องจากจะทำให้การออกเอกสารสิทธิของหน่วยงาน ของรัฐเป็นไปอย่างมีระบบ และมีมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อให้การดำเนินการเกิดผลตามวัตถุประสงค์ตาม ระเบียบดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดินในระยะยาว คณะ อนุกรรมการ ฯ ได้มีมติให้กรมที่ดินเสนอร่างพระราชบัญญัติกำหนดมาตรฐานในการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ ดินของรัฐ พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา สำหรับการดำเนินโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการจัดให้ ประชาชนเข้าไปจำหน่ายสินค้าในทางเท้าของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เห็นว่า การดำเนินโครงการ ดังกล่าวเป็นการอำนวยความสะดวกในการหาแหล่งเงินทุนให้กับผู้ค้า แต่ควรมีหลักเกณฑ์ในการควบคุมดูแล การเข้าใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้ประชาชนใช้ช่องทางของโครงการดังกล่าวเข้าไปบุกรุกที่เพื่อให้ได้สิทธิ ครอบครอง โดยเห็นควรเก็บค่าเช่าจากผู้ที่เช่าไปจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเป็นรายได้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น และเพื่อนำไปปรับปรุงและดูแลพื้นที่ให้มีความสวยงามและเป็นระเบียบ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2648 | การกำหนดโครงสร้างในราชการบริหารส่วนภูมิภาคของกระทรวงมหาดไทย | มท | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการพิจารณาเกี่ยวกับจำนวน
และจังหวัดที่สมควรจัดตั้งราชการบริหารส่วนภูมิภาค ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 19 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ปทุมธานี สระบุรี นครปฐม เพชร บุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี นคร ศรีธรรมราช ภูเก็ต นราธิวาส และสงขลา และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 19 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก พิจิตร พระนครศรีอยุธยา สระบุรี กาญจนบุรี ประจวบคีรี ขันธ์ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ ชุมพร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ปัตตานี และสงขลา |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2649 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | กค | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน
ที่ 20 กรกฎาคม 2547 เรื่อง การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย จากที่เห็นชอบให้กรม ทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย -ดินถล่ม และโครงการป้องกันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย ตามลำดับ โดยใช้จ่ายจากเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัด (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี ตามความเหมาะสม เป็นให้กรมทรัพยากรน้ำ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนิน โครงการดังกล่าวโดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการหรือจากเงินงบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้แต่ละจังหวัดบูรณาการงบประมาณ โดยปรับแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อน เป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้เสนอ ขอใช้จ่ายจากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของจังหวัดบูรณาการที่จังหวัดได้รับการจัดสรร และ หากยังไม่เพียงพอ ก็ขอให้เสนอขออนุมัติรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลจังหวัดเพื่อขอใช้จ่ายจาก งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2650 | การปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภา รองประธานสภา และสมาชิกสภาท้องถิ่น | มท | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (ฝ่าย กฎหมาย ฯ) ที่มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการปรับปรุงค่าตอบแทนของผู้บริหาร ท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล และ โดยที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ จะพิจารณาปรับปรุงค่าตอบแทนสำหรับผู้บริหาร และสมาชิก เมืองพัทยาแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ ประกอบกับการปรับปรุงค่าตอบแทนสำหรับผู้บริหารท้องถิ่นและ สมาชิกสภาท้องถิ่นที่เสนอมานี้จะนำไปใช้ในการเบิกจ่ายเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายน จึงควร รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ฯ ในส่วนของผู้บริหารและสมาชิกเมืองพัทยาเพื่อมิให้ค่าตอบแทนลักลั่น กัน อย่างไรก็ตามหากกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควรเนื่องจากอยู่ในอำนาจของกระทรวงมหาดไทยก็ให้ดำเนิน การออกระเบียบที่ได้จัดทำขึ้น ได้แก่ ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินเดือนและค่าตอบแทนนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ ดำรงตำแหน่งประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ดำรงตำแหน่ง รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลขานุการนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรรมการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. .... ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินเดือน ค่าตอบแทน และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาลที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาเทศบาล สมาชิกสภา เทศบาลที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล เลขานุการนายกเทศมนตรี ที่ปรึกษา นายกเทศมนตรี และการจ่ายเบี้ยประชุมคณะกรรมการสภาเทศบาล พ.ศ. .... และร่างระเบียบกระทรวงมหาด ไทย ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประธาน สภาองค์การบริหารส่วนตำบล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วน ตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ..... ต่อ ไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2651 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารราชการตำบล พ.ศ. .... | มท | 12/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8
(คกก.8) ที่มีมติให้ชะลอการดำเนินการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารราชการ ตำบล พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไว้ก่อน เพื่อรอผลการดำเนินการตามมติการประชุม หารือเรื่อง ขอรับการจัดสรรอัตรากำลังปลัดอำเภอประจำตำบล เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2547 ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของ คกก.8 ไปดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ ให้กระทรวง มหาดไทยพิจารณาแนวทางการบริหารราชการในส่วนท้องถิ่นให้มีความเหมาะสมไม่ขัดแย้งหรือสวน ทางการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และรวบรวมข้อมูที่สำคัญและจำเป็น ที่ได้รับจากการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อนำมาจัดทำร่างระเบียบ ฯ ได้อย่างครบถ้วนและรัดกุม รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ประกอบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2652 | รายงานผลการดำเนินงานตามโครงการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนให้แก่ท้องถิ่น พ.ศ. 2546 - 2549 | มท | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการจัดหา
เครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนให้แก่ท้องถิ่น พ.ศ. 2546-2549 โดยกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ทำสัญญาซื้อขายกับผู้เสนอราคาตามแบบสัญญาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจพิจารณาแล้วจำนวน 14 รายการ รวม 799 หน่วย (คัน/ลำ/เครื่อง/ชุด) ในวงเงิน 2,638,402,265 บาท ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว และได้ประสานงานให้กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ทั้งสิ้น 450 แห่ง ส่งเงินสมทบงบประมาณปี พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2547 ที่ตั้งไว้ กับเตรียมการจัดตั้งงบประมาณสมทบในปี พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549 ไว้ให้พร้อม โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้จัดตั้งงบประมาณให้เป็นไป ตามข้อตกลงในการเข้าร่วมโครงการ ฯ โดยเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2653 | การช่วยเหลือลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการ | นร | 05/10/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเรื่อง
การช่วยเหลือลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการ ดังนี้ ให้ลูกจ้างประจำของฝ่ายบริหารได้รับ เงินช่วยค่าครองชีพพิเศษได้เหมือนข้าราชการ และให้ลูกจ้างชั่วคราวของฝ่ายบริหารที่มีอายุงานต่อเนื่องไม่ น้อยกว่า 5 ปีบรรจุเป็นพนักงานราชการและรับเงินช่วยค่าครองชีพพิเศษได้เหมือนข้าราชการ รวมทั้งให้เจ้า สังกัดของลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการอื่น นอกจากฝ่ายบริหาร ตลอดจนลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาให้ความช่วยเหลือได้ตามที่เจ้าสังกัดกำหนด แต่ อยู่ภายในกรอบงบประมาณของตนเอง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 2654 | รายชื่อกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว (จำนวน 2 เรื่อง) 1.1 กระทู้ถามที่ 1329 ร. เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา 1.2 กระทู้ถามที่ 1406 ร. เรื่อง การแข่งขันเรือพายในแม่น้ำป่าสัก ลำสนธิ ลำเหียง คลองลำนารายณ์ จังหวัดลพบุรี | นร | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1329 ร.
เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา และคำตอบกระทู้ถามที่ 1406 ร. เรื่อง การแข่ง ขันเรือพายในแม่น้ำป่าสัก ลำสนธิ ลำเหียง คลองลำนารายณ์ จังหวัดลพบุรี ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยคำตอบกระทู้ถามที่ 1329 ร. สรุปได้ว่า กระทรวงศึกษาธิการและสถาบันการศึกษา มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษา ทะเลาะวิวาทและใช้ความรุนแรง เพื่อให้สถานศึกษาทุกระดับทุกประเภทในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการสามารถ จัดบริการทางการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้สถานศึกษาดำเนินการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหานักเรียนก่อความรุนแรง เช่น การให้สถานศึกษาประเมินสถานการณ์ พฤติกรรมเสี่ยงของนัก เรียนในโรงเรียน และสภาวะแวดล้อมชุมชน โดยสร้างการมีส่วนร่วมของครู ผู้ปกครองนักเรียน ผู้แทนชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อกำหนดเป็นแนวทางป้องกันและแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เป็นต้น และมีนโยบายให้ข้าราชการครู อาจารย์ ได้สอนอยู่ในท้องถิ่นของตนเอง เพื่ออยู่ใกล้ชิดครอบครัวและ สามารถดูแลลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด ได้แก่ โครงการย้ายครูคืนถิ่น โครงการเพชรในตม ส่วนคำตอบกระทู้ถามที่ 1406 ร. สรุปได้ว่า การที่จะจัดให้มีการแข่งขันเรือพาย เรือแจวขึ้น เป็นวิธีการหนึ่งในการรณรงค์ส่งเสริมและ สนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปในทุกท้องถิ่นที่มีแม่น้ำลำคลองมีความตื่นตัวในการออกกำลังกาย โดยการใช้เรือ พาย เรือแจว เป็นสื่อ และยังเป็นการอนุรักษ์เรือพาย เรือแจว ของแต่ละภาคแต่ละท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไปอีก ด้วยจึงควรมีการส่งเสริม สนับสนุน ให้มีการจัดการแข่งขันขึ้นทุกจังหวัด ทุกท้องถิ่น เป็นประจำทุกปี หรือ ตามสภาพความเหมาะสมของท้องถิ่น ซึ่งในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการได้มีนโยบายในการส่งเสริมการออก กำลังกายให้ผู้เรียนมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ โดยได้ดำเนินการจัดการแข่งขันเรือพาย และให้สถาบันการ ศึกษา/สถานศึกษา ได้มีส่วนร่วมกับท้องถิ่นในการจัดการแข่งขันเรือพาย หรือกีฬาทางน้ำอื่น ๆ รวมถึงการ ประชาสัมพันธ์ให้ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา มีความสนใจและชมการแข่งขันที่ท้องถิ่นได้จัดขึ้นได้ตาม ความเหมาะสม |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2655 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนสิงหาคม 2547 | กค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 โดยการเบิกจ่ายเงิน ในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 875,017 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.12 ของวงเงินงบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังจำนวน 74,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 54.89 ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับ การเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,725 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 4,531 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 43,098 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ประเทศจำนวน 3,034 ล้านบาท รวมทั้งเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯ จำนวน 9,983 ล้าน บาท ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ไม่รวมงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) มีการเบิกจ่ายในส่วนของราย จ่ายประจำจำนวน 758,386 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.16 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (831,937 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุนจำนวน 116,631 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.49 ของงบประมาณรายจ่าย ลงทุน (196,063 ล้านบาท) และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุน เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 81,308 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.91 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (135,716 ล้านบาท) ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจรีบ ดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามแผนงาน งาน โครงการที่กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินจากคลังภายในวันที่ 20 กันยายน 2547 ยกเว้นกรณีที่มีเหตุผลหรือความจำเป็นให้วางฎีกาเบิกจ่าย เงินไม่เกินวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2547 |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2656 | แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดชุดใหม่ (จำนวน 13 ราย) | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธาน
กรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด จำนวน 13 ราย ดังนี้ นายสาโรช คัชมาตย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานกรรมการ นายธวัชชัย ฟักอังกูร รองอธิบดีกรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นรองประธานกรรมการ นายธีรยุทธ ทุมมานนท์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลม ฉบัง พลตำรวจโท ชลอ ชูวงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร นางเบญจา หลุยเจริญ ผู้แทนกระทรวงการคลัง นางสาวสุพัตรา สังข์มงคล ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ นางพงศ์เดช เทียนชวลิต ผู้อำนวยการกองอนามัย สิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย นักธุรกิจ นายโสภณ วัชรสินธุ์ นักธุรกิจ นาย ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฎ ทนายความ นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย ฯ บริษัทกรุงไทยแทรก เตอร์ จำกัด พันเอก ธวัชชัย ชวนสมบูรณ์ หัวหน้ากองยุทธการ มณฑลทหารบกที่ 11 และพันตำรวจเอก ฉันทวิทย์ รามสูต รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นกรรมการ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2657 | รายงานผลการเตรียมป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ การตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเตรียมป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ การตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา สรุปดังนี้ สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนร่วมกับจังหวัดเพชรบุรีได้จัดให้มี การฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัยจังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรร เทาอุทกภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในหลักการ ขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ สามารถรองรับและเข้าจัด การอุทกภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ส่วนการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและสถานการณ์น้ำลุ่ม เจ้าพระยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้ดำเนินการตรวจแนวคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา นพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และปทุมธานี และตรวจสภาพแม่น้ำเจ้าพระยา โดยในส่วนของกรุงเทพ ฯ ได้ดำเนิน การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ แล้วเสร็จที่สามารถ ป้องกันที่ระดับ+2.40 ม. (รทก) ยาว 50 กม. และกำลังก่อสร้างอยู่อีก 8 กม. แล้วเสร็จในปี 2548 และอยู่ในขั้น ตอนดำเนินการประกวดราคาอีก 17 กม. คาดว่าแล้วเสร็จประมาณปี 2551 จังหวัดนนทบุรี ได้มีการเตรียมการ ฯ จัดทำประตูกั้นน้ำ ซ่อมแซมประตูระบายน้ำ การพร่องน้ำในแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ จัดเตรียมเครื่องสูบ น้ำไว้ พร้อม และได้จัดประชุมผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อม ให้หน่วยงานชลประทานแจ้งสถานการณ์น้ำให้ทราบทุกระยะ จังหวัดปทุมธานี ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำปิดปากแม่น้ำและคลองธรรมชาติริมฝั่งเจ้าพระยา สร้าง คันกั้นน้ำจากพื้นที่รอบข้างไม่ให้น้ำไหลเข้าจังหวัดปทุมธานี พร้อมทั้งได้จัดเตรียมกระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำ และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมรับสถานการณ์ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2658 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) | คค | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานในพื้นที่ 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2547 สรุปดังนี้ (1) โครงการที่ได้รับ งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 จำนวน 22 โครงการ/งาน วงเงินงบประมาณปี 2547 จำนวน 1,467.55 ล้านบาท ซึ่งตามแผนเกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 132.08 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ มีการเบิกจ่ายเงินแล้ว 540.61 ล้านบาท และเกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 49.95 ล้านบาท (2) โครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย โครงการที่ผ่านความเห็นชอบ ของคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขภาคใต้ 13 โครงการ รวม 4 หน่วยงาน วงเงินงบประมาณ จำนวน 1,961.41 ล้านบาท ซึ่งตามแผนเกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 137.72 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ ระหว่างรอการลงนาม 3 โครงการ ขอนุมัติเงินประจำงวด 1 โครงการ การจัดหาผู้รับจ้าง 5 โครงการ การ ประเมินราคากลาง 1 โครงการ การออกแบบ 1 โครงการ การร่างรายการข้อกำหนด (TOR) และเตรียมการ เชิญชวนที่ปรึกษายื่นข้อเสนอเทคนิคและราคา 1 โครงการ และการจัดหาที่ดิน 1 โครงการ และโครงการ ที่หน่วยงานเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว ไม่ผ่านการพิจารณา และมีความจำเป็นต้องดำเนินการ 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ 1795.07 ล้านบาท (3) โครงการที่ได้รับ งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 จำนวน 19 โครงการ/งาน วงเงินงบประมาณปี 2548 จำนวน 1,260.81 ล้านบาท ซึ่งตามแผนเกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 93.54 ล้านบาท (4) โครงการที่มีความจำเป็น แต่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 งาน วงเงินงบประมาณรวม 761.70 ล้านบาท ถ้าได้รับการอนุมัติจะเกิดการจ้างแรงงานในท้องถิ่นประมาณ 36.02 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่าง การขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม และ (5) กิจกรรมของกระทรวงคมนาคมที่จะดำเนินการเพื่อสร้าง งาน สร้างอาชีพ และให้เกิดการจ้างแรงงานและรายได้ให้แก่ประชาชน จำนวน 9 กิจกรรม |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2659 | การจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (คกก.8)
ที่มีมติเกี่ยวกับการจัดสรรเงินรางวัลจากการประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น โดยให้กระทรวงการคลังนำหลักเกณฑ์การกันเงินงบประมาณเหลือจ่ายไว้เบิกเหลื่อมปีกรณี ไม่มีหนี้ผูกพันเพื่อนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแจ้งให้ส่วน ราชการถือปฏิบัติต่อไป โดยให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์ตามประเด็นอภิปรายของ คกก.8 ด้วย ดังนี้ กรณีเงิน รางวัลที่จะนำมาจัดสรรเป็นสิ่งจูงใจ ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันออกหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดสรรเงินรางวัลตามหลัก Good Governance ทั้งของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค รวมทั้งราชการส่วนท้องถิ่นด้วย โดยให้พิจารณาเรื่องการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ การ เลื่อนขั้นกรณีพิเศษ การไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ และการได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นในปีถัดไป เป็นต้น และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 2660 | รายงานความก้าวหน้าตามมาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | มท | 28/09/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม
มาตรการเร่งรัดงานโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของหน่วยงานในสังกัดประกอบด้วย กรมโยธา ธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และการไฟฟ้านครหลวง สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินงาน ของกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดทำโครงการวางและจัดทำผังเมืองเฉพาะ พื้นที่บริเวณโดยรอบสนามบิน ฯ เพื่อใช้เป็นกรอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์ในการดำเนินการจัดทำ ผังพัฒนาทางด้านกายภาพที่กำหนดโครงการพัฒนาในแต่ละย่าน ผังการใช้ที่ดินและอาคาร แผนปฏิบัติการ เพื่อปรับปรุงพื้นที่เฉพาะ โครงการคมนาคมและขนส่งครบวงจร ผังสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ การ ป้องกันน้ำท่วม การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการนำเสนอของบประมาณ และการนำเสนอกลยุทธ์ ที่ส่งเสริมภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา ส่วนผลการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ แต่งตั้งคณะกรรมการ รวม 2 คณะ เพื่อทำหน้าที่กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับบทบาทขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและประสานแผนการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่พัฒนา สำหรับผลการดำเนินงานของการไฟฟ้านครหลวง ในส่วนของผลการดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า และน้ำเย็นสำหรับท่าอากาศยาน ฯ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2548 นั้น ขณะนี้มีผล ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ ฯ ในส่วนของงานจัดจ้างก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับ โรงไฟฟ้า งานปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซ งานก่อสร้างระบบผลิตน้ำเย็น งานก่อสร้างโรงผลิตน้ำเย็นให้แก่ อาคาร และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า คาดว่าจะเสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนโครงการจ่ายไฟฟ้าให้ระบบ ขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ในขั้นตอนการสำรวจออกแบบ คาดว่า จะสามารถดำเนิน การตามโครงการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด |
|||||||||||||||||||||||||||
