ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 138 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2741 - 2760 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2741 | การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งควรมีการสำรวจ
แหล่งน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ แล้วพัฒนาให้เกิดความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ บางพื้นที่อาจใช้ระบบประปาผิวดิน บางแห่งอาจจะต้องขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแทน และโดยที่งานเจาะบ่อน้ำบาดาลเป็นงานที่ต้องถ่ายโอนงาน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบันส่วน ใหญ่ยังขาดความพร้อมที่จะดำเนินการ จึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับเรื่องนี้ไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน และ กรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ เพื่อเร่งสำรวจพื้นที่เพื่อการ พัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเพิ่มเติมตามความจำเป็น ความเร่งด่วน และเหมาะสมของแต่ ละพื้นที่
|
|||||||||||||||
2742 | การสร้างงานและสร้างอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัญหาความยากจนของ 3 จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ส่วนหนึ่งเกิดจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ จึงต้องไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน สภาพเศรษฐกิจ ในท้องถิ่นจึงอ่อนแอ และทำให้เกิดปัญหาด้านอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะกรณีที่เป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผล ประโยชน์ในท้องถิ่นและได้ปลุกระดมคนในท้องถิ่นให้ต่อต้านภาครัฐและก่อความไม่สงบขึ้น โดยใช้กลุ่มวัยรุ่นที่ ครอบครัวยากจนและติดยาเสพติดเป็นเครื่องมือ ภาครัฐจึงควรเน้นให้มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อให้มีการ จ้างแรงงาน และให้ประชาชนกลับมาประกอบอาชีพในท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งในการสร้างงานและสร้างอาชีพ ดังกล่าวจะต้องให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวต่อท้องถิ่น รวมทั้งสามารถทำให้เกิดรายได้อย่างยั่งยืนแก่ประชาชน ด้วย เช่น การส่งเสริมการประกอบอาชีพเพาะเห็ดชนิดต่าง ๆ การทำถนนปูนซิเมนต์ในหมู่บ้าน เป็นต้น จึง ขอให้รัฐมนตรีทุกท่านรับไปพิจารณาภายในกรอบอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการกำกับดูแล เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้เกิดการจ้างแรงงานและรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นให้มากที่สุด แล้วให้รายงานผลการ ดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๆ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณจัดเตรียมงบประมาณเพื่อรองรับ การดำเนินการดังกล่าวได้ด้วย |
|||||||||||||||
2743 | การส่งเสริมเผยแพร่พุทธศาสนา | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการส่งเสริมเผยแพร่พุทธศาสนา โดยจัด
ตั้งพุทธศาสนสถานที่มีลักษณะทำนองเดียวกับพุทธมณฑลในส่วนภูมิภาคให้แพร่หลายเพิ่มขึ้น โดยในระยะแรก ให้ขอใช้พื้นที่สวนสาธารณะ ที่วัด ที่ศาสนสมบัติกลาง ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือที่เอกชน ซึ่งยินดีให้ใช้ ประโยชน์ และสถานที่ดังกล่าวควรเป็นสวนสาธารณะที่สงบ ร่มรื่น ราษฎรใช้ออกกำลังกายได้ ประกอบพิธีการ ทางพุทธศาสนา ประชุมปรึกษาเรื่องทางศาสนา และใช้เป็นสถานที่แสดงธรรมได้ โดยรัฐจะสนับสนุนทางคณะ สงฆ์หรือท้องถิ่นในส่วนของงบประมาณ และอาจเรียกว่า อนุพุทธมณฑล พุทธอุทยาน หรืออื่นใดก็ได้ นอกจาก นี้ ควรส่งเสริมให้มีผู้ทำหน้าที่เผยแผ่ทางพระพุทธศาสนาที่มีคุณภาพให้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นในรูปของพระธรรม กถึก องค์ปาฐกแสดงธรรม หรือแม้แต่ฆารวาสที่เคยอุปสมบท อุบาสิกา (แม่ชี) ที่มีความรู้ทางศาสนา สามารถ อธิบายเรื่องทางศาสนาและจริยธรรมแก่ประชาชนและเยาวชนได้ด้วยภาษาง่าย ๆ ทันสมัย ตรงประเด็นที่เป็น ปัญหา โดยอาจสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งซึ่งทำหน้าที่ในส่วนการศึกษาอยู่แล้วเข้ามามีบทบาท ในการฝึกอบรมวิทยากรอาสาสมัครด้วยก็ได้ ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับประเด็น ดังกล่าวไปประสานสั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินำไปรายงานต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อ ทราบและขอคำแนะนำเพิ่มเติม และพิจารณาดำเนินการต่อไป แล้วรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย |
|||||||||||||||
2744 | (ร่าง) กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่
มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ (ร่าง) กรอบ ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ใช้เป็นกรอบในการจัดทำ (ร่าง) นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2547-2556 และแผนปฏิบัติการต่อไป โดยให้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และให้สำนักงบ ประมาณสนับสนุนงบประมาณการพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ เพื่อให้การแปลงยุทธศาสตร์เป็นไป อย่างครบวงจร โดยให้รับข้อสังเกตของ คกก.6 ไปพิจารณาดำเนินการด้วยดังนี้ ขณะนี้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีงบประมาณประจำปีอยู่บ้างแล้ว อาจเป็นการไม่บูรณาการ แต่ขอให้ใช้งบประจำปีไปก่อน สำนักงบประมาณได้ กำหนดแนวทางในการจัดสรรงบประมาณจากวาระแห่งชาติ ซึ่งในปี พ.ศ. 2548 ได้เน้นเรื่องการเพิ่มการพัฒนา ทุนทางสังคมหากจะให้ชัดเจนควรเตรียมการวางแผนแบบบูรณาการในปี พ.ศ. 2549 โดยให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเจ้าภาพกำหนดเป้าหมายร่วมกันหาวิธีการจัดทำแนวทางให้บรรลุเป้าหมาย และกำหนดผลตอบแทนของแผน กำหนดหน่วยงานสนับสนุน และแต่ละกระทรวงไปกำหนดงบประมาณ ทั้งนี้ ควรมีแผนหลักของรัฐบาลเป็นแผนเดียว เมื่อพิจารณารายละเอียดของยุทธศาสตร์การพัฒนาแล้วเห็นว่าเกี่ยวข้อง กับหลายกระทรวง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ ควรจะบูรณาการในส่วน นี้ได้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่แล้วก็ควรเพิ่มบทบาทบูรณาการ กับหน่วยงานอื่น ก็จะสามารถเตรียมดำเนินการปี พ.ศ. 2549 ได้ หากจะขยายไปอีก 10 ปี ก็ค่อยทำแผนต่อไป และหากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะดำเนินการกิจกรรมควรเชิญผู้แทนท้องถิ่นเข้ามา ร่วมคิดและร่วมดำเนินการด้วย เนื่องจากส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณอยู่แล้ว จึงควรเข้ามามีส่วนร่วมในการแปลง แผนไปสู่การปฏิบัติจะทำให้ภาครัฐดำเนินการได้สำเร็จ และหากแผนนโยบายดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และ ไม่ขัดแย้งกับกรอบยุทธศาสตร์ ฯ ของ สศช. ก็ควรที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ส่วน การบูรณาการแผนอาจเริ่มในปี พ.ศ. 2548-2549 เมื่อทำแผนบูรณาการก็ควรเตรียมในเรื่องงบประมาณด้วย ดังนั้น สำนักงบประมาณควรสนับสนุนในเรื่องงบประมาณดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ควรเอางานเป็นตัวตั้งไม่ควรเอางบประมาณเป็นตัวตั้ง โดยที่งานทางสังคมมีความอ่อน ในทางวิชาการ หากใช้งานวิจัยนำร่องก็จะเป็นประโยชน์ เพราะสามารถประชาสัมพันธ์ผลการวิจัยเพื่อรณรงค์ให้ มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่ดีและไม่เหมาะสมในสังคมได้ นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ควรรณรงค์ให้ท้องถิ่นเห็นความสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องของความสมัครใจไม่ใช่การบังคับ และเมื่อจัด ทำโครงการ/กิจกรรมในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ให้คำนึงถึงเรื่องการสร้างระเบียบวินัยและค่านิยมที่ถูกต้อง ให้กับสมาชิกในครอบครัว ตามข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของคณะกรรมการ สศช. |
|||||||||||||||
2745 | การรายงานผลความก้าวหน้าโครงการประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด | มท | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกองอำนวยการประสานพลังแผ่นดินเอาชนะ
ยาเสพติด (กอ.ปพส.) รายงานสรุปผลความก้าวหน้าโครงการประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ดังนี้ (1) เรื่อง การกำหนดเป้าหมายและวิสัยทัศน์พลังแผ่นดิน สำนักงาน กอ.ปพส. (กรมการปกครอง) ได้ จัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดวิสัยทัศน์พลังแผ่นดิน เพื่อให้ผู้ประสานพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด มีเป้าหมายทิศทางและกรอบแนวทางที่ชัดเจนในภารกิจตาม Roadmap การต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ระยะที่ 3 และภารกิจสำคัญอื่น ๆ ของชาติ (2) เรื่อง ความก้าวหน้าการจัดตั้งชมรมพลังแผ่นดินท้องถิ่นท้องที่สามัคคี กระทรวงมหาดไทยได้มีการซัก ซ้อมความเข้าใจให้จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ส่งเสริมสนับสนุนและอำนวยการให้มีการจัดตั้งชมรมพลังแผ่นดิน ท้องถิ่นท้องที่สามัคคี ให้ครบทุกพื้นที่ภายในสิ้นเดือนเมษายน 2547 โดยขณะนี้ได้รับรายงานการจัดตั้งชมรม ฯ แล้ว 217 แห่ง จำนวนสมาชิก 173,522 คน และอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้งอีก 659 แห่ง (3) เรื่อง การจัดโครงการหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547 ของชมรมพลังแผ่นดิน ท้องถิ่นท้องที่สามัคคี ได้มีการจัดประชุมระหว่างผู้อำนวยการเขต นายอำเภอ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่ง อำเภอ กับชมรมพลังแผ่นดินท้องถิ่นท้องที่สามัคคี จัดให้มีโครงการ/กิจกรรมสาธารณประโยชน์อย่างน้อยชมรม ละ 1 โครงการ/กิจกรรม โดยให้เป็นไปตามมติร่วมกันของสมาชิกชมรมให้ถือเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสิริมงคล อย่างสูงยิ่งของสมาชิกชมรม โดยรวบรวมโครงการ/กิจกรรม ส่งให้กระทรวงมหาดไทยภายในสิ้นเดือนเมษายน 2547 เพื่อจะได้ประชาสัมพันธ์และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง (4) เรื่อง โครงการมอบทุนการศึกษาแก่บุตรผู้ประสานพลังแผ่นดิน กรมการปกครอง ได้จัดทำโครง การมอบทุนการศึกษาแก่บุตรผู้ประสานพลังแผ่นดิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาของบุตร ผู้ประสานพลังแผ่นดิน และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ประสานพลังแผ่นดิน โดยจัดสรรให้ในระดับตำบลและเทศ บาล แยกเป็น ระดับตำบล จำนวน 7,255 ตำบล ระดับเทศบาล จำนวน 1,134 เทศบาล รวม 8,389 ตำบล/ เทศบาล รวมทั้งสิ้น 25,167 ทุน เป็นจำนวนเงิน 167,780,000 บาท สำหรับทุนการศึกษา เป็นการให้ทุน การศึกษาในแต่ละปี แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา จำนวน 8,389 ทุน ๆ ละ 4,000 บาท ระดับ มัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า จำนวน 8,389 ทุน ๆ ละ 6,000 บาท และระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่า จำนวน 8,389 ทุน ๆ ละ 10,000 บาท |
|||||||||||||||
2746 | การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | ทส | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม) ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเสนอ ให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี ดังนี้ ให้กระทรวง อุตสาหกรรม โดยกรมควบคุมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ควบคุม สถานประกอบการที่ดำเนินกิจการโรงโม่ บด และย่อยหิน และการทำเหมืองหิน ให้มีการปฏิบัติเพื่อมิให้เกิด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ให้หน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค และหน่วยงานราชการส่วนท้อง ถิ่นตรวจสอบและเฝ้าระวังมิให้มีการทำเหมืองผิดกฎหมายและจับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 อย่างเคร่งครัด ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยและกรมควบคุมโรค เฝ้าระวังและศึกษา ผลกระทบของฝุ่นละอองต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมนำเรื่องการกำหนดโรงโม่ บด และย่อยหิน เป็นสถานประกอบการที่ต้องมีการจัดทำรายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเรื่องการประกาศให้พื้นที่บริเวณหน้าพระลาน เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวด ล้อมและเขตควบคุมมลพิษ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 เสนอคณะ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป กับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอขอตั้งงบประมาณเพื่อให้ท้องถิ่นดำเนินการในการควบคุมและ แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี ต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การประกาศให้ พื้นที่บริเวณดังกล่าว ให้เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและเขตควบคุมมลพิษ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 นั้น เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบแล้ว ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการออกประกาศโดยด่วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบ นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณ สุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ จนกว่าจะมีมติเปลี่ยนแปลง
|
|||||||||||||||
2747 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก ว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงานสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิกในประเทศไทย | ทก | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
(ฝ่านกฎหมาย)ที่มีมติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ เห็นชอบร่างความตกลง ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก ว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงาน สหภาพไปรษณีย์ แห่งเอเชียและแปซิฟิกในประเทศไทย ซึ่งวัตถุประสงค์ของความตกลงดังกล่าวในการจัดตั้ง สำนักงานสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asian-Pacific Postal Union หรือ APPU) เพื่ออำนวย ความสะดวกในการดำเนินการตามหน้าที่ขององค์กรใหม่ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะสื่อกลางการประสานงานการ สารสนเทศ การสอบถาม และการฝึกอบรมสำหรับประเทศสมาชิกของสหภาพ และเป็นสื่อกลางระหว่าง สหภาพกับประเทศสมาชิกในการให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบในกิจกรรมไปรษณีย์ และ ทำหน้าที่กำหนดหลักสูตรฝึกอบรมและแผนงานวิจัยด้านกิจการไปรษณีย์ มีอำนาจในการออกประกาศนียบัตร และอนุปริญญาบัตร และกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม หลักสูตรฝึกอบรมต่าง ๆ โดยให้ กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบความถูกต้องของร่างความตกลง ฯ ก่อนให้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา และให้ส่งร่างความตกลง ฯ ฉบับภาษาไทยให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาให้ความเห็นชอบ และ ส่งฉบับภาษาอังกฤษเป็นเอกสารประกอบการพิจารณา และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการ ดำเนินงานของสำนักงานสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ยอมรับนับ ถือสำนักงาน ฯ เป็นนิติบุคคลและให้ถือว่ามีภูมิลำเนาในประเทศไทย และได้รับยกเว้นจากการปฏิบัติตาม กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน รวมทั้งให้สำนักงาน ฯ และเจ้าหน้าที่ได้รับการคุ้มครองการดำเนินงาน โดยได้ รับยกเว้นภาษีสำหรับทรัพย์สินอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษี บำรุงท้องที่หรือการได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และการปฏิบัติตามพระราช บัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้รับความเห็น ของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการยกเว้นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโรงเรียนเอกชนตามร่างพระราชบัญญัติดัง กล่าวควรพิจารณาถึงข้อยกเว้นในพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525 ประกอบด้วย และประเด็น อภิปรายของ คกก.7 กรณีที่กำหนดให้ทรัพย์สินของสำนักงานได้รับการยกเว้นภาษีภายในประเทศ และ ภาษีท้องถิ่นสอดคล้องกับกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ และการยกเว้นให้เจ้าหน้าที่ของสหภาพ ฯ ไม่ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 ควรปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา15 ที่บัญญัติ ให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเท่าที่อยู่ในฐานะตามที่กำหนด ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติการตาม หน้าที่ ของคนต่างด้าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา ก่อนนำเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบ เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบร่างความตกลง ฯ แล้ว นอก จากนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรวบรวมข้อเท็จจริง รายละเอียด ความเป็นมา และ เรื่องเดิมทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งมีข้อกังวลเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีให้แก่เจ้าหน้าที่ของ องค์การระหว่างประเทศ และพิจารณาด้วยว่า หากจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในสมัยหน้าจะเหมาะ สมหรือไม่ เว้นแต่จะมีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประเด็นอภิปรายไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||
2748 | การดำเนินโครงการหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน/ชุมชน | มท | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประชา มาลีนนท์) เสนอ
ขอถอนเรื่องการดำเนินโครงการหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน/ชุมชน คืนไปได้ โดยให้นำไปทบทวนแนวทางการ ดำเนินการโครงการอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการ ด้วยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการจัดสรรงบประมาณ เพื่อการดำเนินการโครงการนี้ ที่ได้จัดให้เป็นเงินอุดหนุนทั่วไปแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้แล้ว จึงควรเร่งรัด การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2546 เรื่อง การขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานหอกระจายข่าวที่ให้จัดทำระเบียบหลักเกณฑ์เกี่ยวกับหอ กระจายข่าวให้ครอบคลุมถึงค่าบริการใช้หอกระจายข่าว การครอบครองดูแลรักษาและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้ รวมถึงการจัดทำแนวทางการดำเนินการ รูปแบบ การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ (specification) และรายละเอียด อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา บำรุงรักษาและรองรับการเพิ่มเติมเทค โนโลยีในอนาคตด้วย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการและถือปฏิบัติ ร่วมกันต่อไป |
|||||||||||||||
2749 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 20/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอหลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 105,610.70 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 4/2547 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 โดยจัด สรรให้กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาตามสัดส่วนที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในกรอบสัดส่วนร้อยละ 22.50 และภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนในปี พ.ศ. 2548 โดยกรุงเทพมหานคร ได้รับ จัดสรร 11,360.03 ล้านบาท เมืองพัทยา ได้รับจัดสรร 1,352.32 ล้านบาท จัดสรรให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยตั้งงบประมาณไว้ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 2,392.84 ล้านบาท และจัดสรรให้องค์การบริหารส่วน จังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล โดยตั้งงบประมาณไว้ที่กรมส่งเสริมการปก ครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จำนวน 90,505.51 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายในบางรายการให้สำนักงบ ประมาณพิจารณาปรับปรุงให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงด้วย ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นประโยชน์และตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่าง แท้จริง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพแต่การกระจายอำนาจจากส่วนกลาง ไปสู่ส่วนท้องถิ่นจะต้องดำเนินไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงของสังคมไทย ดังนั้น กกถ. จึงควรจัดให้มีการสำรวจ ศึกษา และวิจัยในเรื่องที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ ๆ สำหรับในระยะเร่งด่วนควรจัดทำคู่มือ การปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||
2750 | สรุปผลการประชุมสัมมนาเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยากจนของประชาชนและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | ยธ | 07/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) ราย
งานสรุปผลการประชุมสัมมนาเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยากจนของประชาชนจัด ขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2547 ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งวัตถุประสงค์ของการ จัดประชุมสัมมนาครั้งนี้เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อให้ ศตจ. ในระดับพื้นที่ จังหวัด/อำเภอ /กิ่งอำเภอ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน นำไปใช้ปฏิบัติให้บรรลุ ผลสำเร็จโดยเร็ว ภายใต้กรอบ Roadmap การต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบ นโยบาย/ข้อสั่งการเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยาก จน และการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบภาครัฐในระดับพื้นที่ สำหรับปัญหาความเดือดร้อนและความยาก จน โดยในส่วนของปัญหาหนี้สิน ให้มีการเจรจาลดหนี้ แล้วนำยอดรวมมาลดให้ผู้จดทะเบียนอย่างเท่าเทียมกัน โอนหนี้มาเป็นของสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อนำเงินไปชำระหนี้นอกระบบ และสามารถผ่อนชำระกับสถาบัน การเงินของรัฐได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง พร้อมทั้งระยะเวลาการผ่อนนานขึ้น เรื่องที่ดินทำกิน หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องต้องเร่งทำให้ที่ดินเกิดประโยชน์สามารถนำไปแปลงสินทรัพย์เป็นทุนได้ โดยดำเนินการทุกอย่างตาม กฎหมาย หากกฎหมายมีปัญหา หรือสร้างความเดือดร้อน ให้ยกเลิกหรือแก้ไข ทั้งนี้ กฎหมายต้องไม่สร้าง ความเดือดร้อนแก่ประชาชน ไม่รังแกคนที่เล็กกว่า แต่ต้องให้โอกาสประชาชนในการงานหากินอย่างถูกต้อง เรื่องที่อยู่อาศัย มอบให้การเคหะแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยร่วมกันดำเนินการกำหนดความต้องการที่อยู่ อาศัย โดยการเคหะ ฯ ต้องสร้างบ้านเอื้ออาทรให้ตรงตามความต้องการของประชาชนที่แท้จริงให้เสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2547 โดยอาจต้องให้ภาคเอกชนมาช่วยดำเนินการด้วย เรื่องการมีงานทำ มอบให้กระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาแก้ไขหลักสูตรให้เด็กสามารถใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เปิดโอกาสสร้างอาชีพเสริม โดยดำเนินการ ไปพร้อม ๆ กันทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้แรงงาน ปัญญา และความชำนาญสร้างรายได้อย่างไม่จำกัด เรื่องคนเร่ร่อน ต้องมีการพิจารณาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม เช่น การตั้งแคมป์ให้อยู่อาศัย ฯลฯ โดยใช้งบ ประมาณแบบคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ โดยมี bottom line คือ การแก้ไขปัญหาให้ได้ภายใน 5 ปี และมีความ ยั่งยืน เรื่องผู้ที่ถูกหลอกลวงเรื่องที่อยู่อาศัย มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายโภคิน พลกุล) รับไปดำเนินการ โดยหากพบว่าเป็นการหลอกลวงจริงให้ดำเนินการดังนี้ ดำเนินคดีกับผู้หลอกลวงตามกฎหมาย แก้ไขปัญหา ในภาพรวม และบรรเทาความเดือดร้อน โดยให้โอกาสฟื้นตัวใหม่ เรื่องผู้มีอิทธิพล ในเบื้องต้นหากไม่สามารถ ตั้งข้อหาหลัก 7 ข้อหาตามกฎหมาย ป.ป.ง. ได้ ให้นำกฎหมายสรรพากรมาบังคับใช้ และเรื่องงบประมาณ ภาครัฐสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยากจนได้โดยใช้งบประมาณท้องถิ่น งบกลาง จังหวัด แต่หากโครงการใดที่เป็นประโยชน์ก็สามารถทำเรื่องของบกลางต่างหากได้อีก |
|||||||||||||||
2751 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2547 | ทส | 07/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับ รองเรียบร้อยแล้ว ดังนี้ (1) เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติ ครั้งที่ 7/2546 และครั้งที่ 1/2547 คำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งอนุ กรรมการเพื่อพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างของกรมควบคุมมลพิษ และความก้าวหน้าในการดำเนิน งานการจัดการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยชุมชนจังหวัดขอนแก่น (2) เรื่องรายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 1/2547 ได้แก่ การรับรองรายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2547 โดยให้ปรับแก้ไขข้อความในวาระที่ 3.1 หน้า 7 8 และ 10 เป็น "ให้ใช้ พันธุ์ไม้ท้องถิ่นดั้งเดิม" และตัดคำว่า "ร่วมด้วย" ออก รวมทั้งเพิ่มข้อความหน้า 14 วาระที่ 4.3 บรร ทัดที่ 2 เป็น "กรรมการและเลขานุการ ฯ มอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ..." ตามความเห็น ของคณะกรรมการ ฯ (3) เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ ชำนาญการ/คณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพิ่มเติม และการขอผ่อน ผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อกิจการเหมืองแร่ กรณี บริษัท ปูนซีเมนต์ นครหลวง จำกัด (มหาชน) อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (4) เรื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการขยายท่าเรือน้ำลึก ภูเก็ต การขอเปลี่ยนแปลงการใช้เชื้อเพลิงและรายละเอียดโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ การปรับปรุงมาตรฐานฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในเรื่องค่าเฉลี่ย 1 ปี การกำหนด มาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากสถานประกอบการหลอมและต้มทองคำ การมอบ อำนาจให้สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ดำเนินการแทนคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคดี หมายเลขดำที่ 2006/2545 ศาลปกครองกลาง และ (ร่าง) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณจังหวัด กระบี่ และจังหวัดพังงา (5) เรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขอต่ออายุ หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธบาทและป่าพุแค เพื่อทำ เหมืองแร่หินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ ตามประทานบัตรที่ 27314/14518 และ 27315/ 14517 ท้องที่จังหวัดสระบุรี และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการบ้านเอื้ออาทรประชา นิเวศน์
|
|||||||||||||||
2752 | กระทู้ถามที่ 994 ร. เรื่อง ยุทธศาสตร์การยกระดับรายได้เกษตรกรไทย | สผ | 07/04/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 994 ร.
เรื่อง ยุทธศาสตร์การยกระดับรายได้เกษตรกรไทย ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายดำเนินการยกระดับรายได้และฐานะของเกษตรกรไทย ได้แก่ การพัฒนาและกระจายแหล่งน้ำให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย การจัดที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรและจัดสร้าง โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นทางการเกษตรให้แก่สถาบันเกษตรกร การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตผลทาง การเกษตร การจัดให้มีศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล รวมไปถึงการจัดทำ คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ และการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรหลังการพักชำระหนี้ รวมทั้งได้มีการจัดทำแผนบูรณา การของส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการที่จะนำไปปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การยกระดับราย ได้และฐานะของเกษตรกร โดยให้หน่วยงานในสังกัด เกษตรกร และองค์กรเกษตร ร่วมกันพิจารณา กำหนดแนวทางและจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรแบบบูรณาการเพื่อนำไปปฏิบัติ สำหรับการจัดทำแผน บูรณาการร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ ในการนำไปปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การยกระดับรายได้และฐานะของเกษตร กร โดยประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนงานโครงการแบบ บูรณาการเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนเกษตร อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตผลการเกษตร โดย การเชื่อมโยงการแปรรูปผลผลิตการเกษตรกับโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ส่วนปีต่อไปมีแผน บูรณาการที่จะดำเนินการ 12 แผน ได้แก่ การฟื้นฟูหลังน้ำท่วม การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา การแก้ไขปัญหาความยากจน การวิจัยของประเทศ การพัฒนาระบบฐานข้อมูล การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ การส่งเสริมการ ท่องเที่ยว การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมและพัฒนา อาหารฮาลาลให้เป็นสินค้าออก และการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ |
|||||||||||||||
2753 | กระทู้ถามที่ 452 เรื่อง การก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกต | สผ | 30/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 452
เรื่อง การก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกต ของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรังและมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อ ไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า การดำเนินการก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกตเพื่ออำนวย ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของจังหวัดสามารถตั้งงบประมาณเพื่อการนั้นได้ แต่หากเป็นโครงการใหญ่เกินความสามารถของท้องถิ่น ก็สามารถเสนอโครงการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา หรืออาจเสนอโครงการมายังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอรับการพิจารณากลั่นกรอง คัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของโครงการงบประมาณเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. 2547-2549 ได้ สำหรับการกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวถ้ำมรกต องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบสามารถขอความร่วมมือและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนด มาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยวได้ สำหรับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำลังดำเนินการ ประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใน ระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยว และ พิจารณากำหนดมาตรการในการรักษาสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณถ้ำมรกตด้วย |
|||||||||||||||
2754 | การดำเนินงานของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ | 30/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินงานของสถาบันวิจัย
ระบบสาธารณสุข (สวรส.) ระหว่างปี พ.ศ. 2545-2546 ได้แก่ งานวิจัยที่เป็นฐานความรู้ให้กับภาคประชา คมและภาคีการวิจัย เพื่อให้สามารถร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย และภาพของระบบสุขภาพอันพึง ประสงค์ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับชาติ นวัตกรรมงานวิจัยและกระบวนการทางวิชาการ ให้เกิดเครื่องมือในการพัฒนากลไกองค์กร และวิธีการในการบริหารจัดการให้ระบบสุขภาพที่พึงประสงค์ให้ เกิดผลเป็นจริงดำเนินการได้ รวมทั้งให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สร้างเครือข่ายนักวิจัยที่เป็น พื้นฐานในการพัฒนาองค์ความรู้ และเครื่องมือจำเป็นในระบบสุขภาพที่กำลังปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพื่อ เป็นหลักประกันว่า การปฏิรูประบบสุขภาพที่ดำเนินอยู่นี้สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของคน ในสังคม นอกจากนี้ สวรส. กำลังพัฒนากระบวนการและเครือข่ายนักวิจัยที่เข้ามาร่วมมือกันศึกษาประเมิน ผลลัพธ์และผลกระทบจากการดำเนินการของกระบวนการต่าง ๆ ในระบบสุขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นการ เรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มประชาคมต่าง ๆ เพื่อร่วมกันปรับเปลี่ยนให้ระบบสุขภาพสามารถตอบสนองต่อ ประชาชนไทยได้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ทั้งนี้ แผนงานวิจัยในปี พ.ศ. 2545-2546 สวรส. ได้จัดแผนงาน วิจัยเป็น 7 แผนหลัก ประกอบด้วย แผนงานวิจัยการอภิบาลระบบสุขภาพ แผนงานวิจัยนโยบายสาธารณะ เพื่อสุขภาพและระบบการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบการควบคุมป้องกันภาวะคุก คามทางสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบบริการสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบวิจัยสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบข้อ มูลข่าวสารสุขภาพ และแผนงานวิจัยระบบสร้างเสริมศักยภาพผู้บริโภค |
|||||||||||||||
2755 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไข
เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คืนไปได้ โดยให้พิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะประเด็น การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจ เพื่อให้การปฏิบัติ งานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาศึกษาขอบเขตอำนาจหน้าที่และเกณฑ์การ จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งระบบ รวมทั้งพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ สอดคล้องไปในคราวเดียวกัน |
|||||||||||||||
2756 | หลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ซึ่ง
พิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เนื่องจากหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 ที่กำหนด ให้เลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในวันที่ 1 เมษายน กำหนดให้เลื่อนเงินเดือน 1 ขั้นได้ไม่เกิน ร้อยละ 15 ของ จำนวนข้าราชการ ณ วันที่ 1 มีนาคม โดยต้องอยู่ในวงเงินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้าราช การ ณ วันที่ 1 กันยายน ด้วย และครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 ตุลาคม ให้เลื่อนได้ไม่เกินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้า ราชการ ณ วันที่ 1 กันยายน โดยให้นำเงินที่ใช้ในการเลื่อนขั้นเงินเดือนในครั้งที่ 1 มาหักออกก่อน นั้น ทำให้ พนักงานส่วนตำบลในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขนาดเล็กที่มีพนักงานส่วนตำบลจำนวนไม่เกิน 7 คน ซึ่งมีมากกว่า 5,000 แห่ง จาก อบต. ทั้งหมด 6,738 แห่ง ไม่สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งปี 2 ขั้นได้ เนื่องจาก ติดขัดในเรื่องโควตา ร้อยละ 15 ของจำนวนพนักงานส่วนตำบล ณ วันที่ 1 มีนาคม และเรื่องโควตา ร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนพนักงานส่วนตำบล ณ วันที่ 1 กันยายน ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นเจ้าของเรื่องรับประเด็น อภิปรายของ คกก.7 ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับปัญหาการเลื่อน ขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลทั้งระบบ โดยให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และไม่ขัดต่อกฎ หมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยในระหว่างนี้ เห็นควรให้ ใช้เกณฑ์การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 กับการพิจารณาเลื่อน ขั้นเงินเดือนของพนักงานส่วนตำบลต่อไป แต่ให้นำโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของพนักงานส่วนตำบลขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งปี 2 ขั้นได้ในจังหวัด นั้น ให้คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล จังหวัด พิจารณาจัดสรร โดยให้มีเกณฑ์การประเมินที่โปร่งใสและเป็นธรรม |
|||||||||||||||
2757 | รายงานการศึกษาดูงาน การบริหารงานกระบวนการยุติธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกา | ยธ | 30/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการศึกษาดูงาน การบริหารงานกระบวน
การยุติธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะ ระหว่างวันที่ 18-30 สิงหา คม 2546 โดยวัตถุประสงค์ในการเดินทางศึกษาดูงานครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจในวิธีการประสานงานกันของ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งในระดับสหพันธรัฐ มลรัฐ และท้องถิ่น ของสหรัฐ ฯ ศึกษาและทำความเข้า ใจในเรื่องบทบาทของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในระดับต่าง ๆ ของกระบวนการยุติธรรม และความสัมพันธ์ กับหน่วยงานตุลาการ ศึกษาดูงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ และการสืบสวนและรักษาสถานที่เกิดเหตุ ศึกษา ดูงานมาตรการต่อต้านการฟอกเงิน การค้ายาเสพติด การก่อการร้ายและอาชญากรรมระดับนานาชาติ และ ศึกษาถึงแนวทางในการส่งเสริมความซื่อตรงต่อหน้าที่ การป้องกันการคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการ ยุติธรรมทั้งในแง่การตรวจสอบภายในกันเอง และการตรวจสอบจากภายนอก ทั้งนี้ จากผลการศึกษาดูงาน สรุปเป็นข้อสังเกตได้ดังนี้ (1) การจัดโครงสร้างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและเขตอำนาจ รัฐบาลกลาง จะเป็นหน่วยงานที่กำหนดนโยบายประสานงาน การสร้างมาตรฐาน และเป็นผู้นำในด้านวิชาการให้กับหน่วย งานในระดับของมลรัฐและท้องถิ่น ทำให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในส่วนของขอบเขตอำนาจ หน้าที่มีการกำหนดฐานความผิดที่เป็นของรัฐบาลกลางไว้ชัดเจนเช่น ด้านยาเสพติด การก่อการร้าย การปลอม แปลงเงินตรา การฟอกเงิน อาวุธปืน แสตมป์และยาสูบ ฯลฯ โดยให้ผู้รักษากฎหมายแต่ละฉบับซึ่งเป็นหน่วย งานต่างกระทรวงกันเป็นพนักงานสอบสวนในคดีอาญาดังกล่าวนั้นด้วย สำหรับหน่วยงานตำรวจ (ตำรวจภูธร) จะทำหน้าที่ดูแลอาชญากรรมพื้นฐานในเขตอำนาจเท่านั้น (2) การตรวจสอบและคานอำนาจ เนื่องจากหน่วย งานในกระบวนการยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่และเกี่ยวพันกับความสงบสุขของสังคม การปฏิบัติงานจึงต้องมีการ ตรวจสอบถ่วงดุลย์กันตลอดเวลา โดยหน่วยงานตรวจสอบจะมีทั้งหน่วยงานวินัย ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดเดียว กันหน่วยงานตรวจสอบภายนอกที่อยู่ในสังกัดอื่น เช่น Office of Professional Responsibility, Office of Police Accountability ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อร้องเรียนการทำงานของเจ้าหน้าที่ และมี Office of Inspector General ทำหน้าที่ตรวจสอบในระดับกระทรวง (3) การแบ่งแยกอำนาจและความสัมพันธ์ในแต่ละระดับ หน่วยงานใน กระบวนการยุติธรรมของ สหรัฐ ฯ มีการกระจายอำนาจค่อนข้างมาก และแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบออก ไปหลายหน่วยงาน ตามความชำนาญเฉพาะด้านโดยไม่ให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งมีอำนาจมากเกินไป (4) การรักษามาตรฐานการปฏิบัติงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงาน FBI เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างมาตรฐาน และถ่วงดุลย์ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในระดับล่าง และเป็นผู้นำในการสร้างงานด้านวิชาการ เทคนิค ในการปฏิบัติหน้าที่ ผ่านทางวิทยาลัย FBI เพื่อให้หน่วยงานในระดับอื่นนำไปเป็นแบบอย่าง และเพื่อสร้าง ความชำนาญในวิชาชีพของตน (5) การสรรหาและพัฒนาบุคลากร จะเน้นการสรรหาในระบบเปิด เพื่อให้ผู้ บริหารที่เป็นหัวหน้าหน่วยงานมีความรับผิดชอบโดยตรงต่อบุคลากรในความรับผิดชอบของตน โดยรับสมัคร คนที่มีความสามารถเข้าทำงานในตำแหน่งใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะรับเข้ามาในระดับล่าง แล้วเลื่อนตำแหน่ง ขึ้นไปตามลำดับ ส่วนการพัฒนาบุคลากร มีการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายต่าง ๆ ที่ กำหนดโดยกระทรวงยุติธรรม (6) การกลั่นกรองและการหันเหคดีออกจากระบบ หน่วยงานในทุกระดับมี การใช้ดุลพินิจเพื่อหันเหคดีออกจากสาระบบกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งดำเนินการเกือบในทุกระดับในชั้นตำรวจ และอัยการ ทำให้คดีที่ขึ้นสู่ศาลมีจำนวนน้อย (7) การใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มาช่วยในการสืบสวน สอบสวน หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐในทุกระดับให้ความสำคัญกับงานด้านนิติวิทยาศาสตร์และ การพิสูจน์หลักฐาน จึงมีระบบในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่รัดกุมและเป็นระบบ มีห้องปฏิบัติการที่ทัน สมัย และมีหน่วยงานควบคุมมาตรฐานห้องปฏิบัติการทางนิติวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่ตรวจสอบและออกใบรับ รองการปฏิบัติงาน (8) การดำเนินการตามนโยบายสำคัญ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ฯ เน้นหนักในเรื่องการ ปราบปรามการก่อการร้ายและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอาชญากรรม การฟอกเงิน การ ค้ามนุษย์ การคอรัปชั่น และการค้ายาเสพติด ดังนั้น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมทั้งหมด รวมทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ จึงมุ่งเป้าหมายไปที่การดำเนินการนโยบายดังกล่าวในทิศทางเดียวกัน และมีการ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอย่างเป็นระบบ ทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และ (9) การปลูกฝังอุดม การณ์และสร้างจรรยาวิชาชีพ ถือเป็นกฎเหล็กของหน่วยงาน เช่น ไม่โกง ไม่โกหก และไม่ขโมย และยังมีข้อ กำหนดในการปฏิบัติหน้าที่ที่ชัดเจน เช่น ห้ามใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปในทางเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและญาติพี่ น้อง ฯลฯ |
|||||||||||||||
2758 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่เร่งด่วน | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแก้ไข
รายละเอียดรายการก่อสร้างถนนผังเมืองสาย ข 7 พร้อมระบบระบายน้ำ จากถนนกาญจนวณิชย์ถึงปลายถนน รัถการ โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่เร่งด่วน แผนงานพัฒนาเมือง ของเทศบาลนครหาด ใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในวงเงินเดิมจำนวน 133,600,000 บาท |
|||||||||||||||
2759 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 | กค | 30/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถ
ก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ต่อไป ดังนี้ รายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 (มิถุนายน 2547) ประกอบด้วย (1) รายการที่อยู่ ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างก่อนสิ้นไตรมาสที่ 2 (2) รายการที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการ เอง ได้แก่ งานที่ต้องดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาหรือฤดูกาล (3) รายการที่มีปัญหาอุปสรรค เนื่องจากปัจจัยภายนอก หรือรายการที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานอื่น (4) รายการที่ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจได้รับจัดสรรงบประมาณ ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และ/หรือส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนปฏิบัติการและแผน การใช้จ่ายงบประมาณที่จะจัดซื้อจัดจ้างหลังไตรมาสที่ 2 ซึ่งสำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบแผน ฯ แล้ว และ (5) รายการที่หน่วยงานสังกัดส่วนราชการส่วนกลางแต่มีสำนักงานที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค หรือส่วนราชการ ในภูมิภาคได้รับการโอนจัดสรรเงินประจำงวดจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจส่วนกลางล่าช้า จนไม่สามารถ ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 และรายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 ประกอบด้วย (1) งบอุดหนุน ที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (2) งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อ การเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) และงบกลาง ราย การค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้านบาท) ทั้งนี้ ให้หัวหน้าส่วนราชการเร่งโอนเงินประจำงวดให้หน่วยงานในภูมิภาคโดยเร็ว และให้ถือว่า การดำเนินการ ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาประสิทธิภาพของหัวหน้าส่วนราชการ |
|||||||||||||||
2760 | กระทู้ถามที่ 565 ร. เรื่อง โครงการฝึกอบรมมัคคุเทศก์เยาวชน | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 565 ร. เรื่อง
โครงการฝึกอบรมมัคคุเทศก์เยาวชน ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กรมสามัญศึกษามีโครงการที่จะฝึกอบรม มัคคุเทศก์เยาวชนในโรงเรียนที่อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น โดยมอบหมายให้โรงเรียนภูผาม่าน ดำเนินการตั้ง แต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 เนื่องจากโรงเรียนนี้ได้ดำเนินการในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมร่วมกับโรงเรียนประถมศึกษาในละแวกใกล้เคียงมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2544 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพิ่ม ขีดความสามารถในการเสริมสร้างการท่องเที่ยว โดยผ่านโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีเป้าหมายดำเนินการอบรมให้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) ระดับชั้นละ 20 คน รวม 60 คน และจะดำเนินการต่อในปี พ.ศ. 2546 พร้อมทั้งขยายผลไปยังโรงเรียนมัธยมหนองเขียด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ส่วนสถานศึกษาอื่น ๆ กระทรวงศึกษาธิการโดยกรมสามัญศึกษา มีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้โรงเรียนจัดทำโครงการอบรมยุวมัคคุ เทศก์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เป้าหมายการท่องเที่ยว ขณะนี้โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษา หลายแห่งเริ่มดำเนินการโครงการแล้วตามศักยภาพของโรงเรียน และจะขยายการฝึกอบรม เมื่อได้รับการพิจารณา สนับสนุนจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวนเงิน 58,000 ล้านบาท ตามโครงการเพิ่มขีดความสามารถใน การส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กำหนดบทบาทและแนวทางใน การพัฒนาการท่องเที่ยว อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติ โดยมีแหล่งท่อง เที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน น้ำตกตาดใหญ่ ถ้ำค้างคาว ถ้ำพระ เป็นต้น ในการนี้ การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย ได้จัดทำแผนปฏิบัติการการจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยกำหนดให้อำเภอภูผาม่าน จังหวัด ขอนแก่น เป็นพื้นที่นำร่อง โดยพิจารณาภายใต้องค์ประกอบในการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คือ องค์ประกอบ ทางด้านทรัพยากรท่องเที่ยว และกิจกรรมที่เหมาะสม การมีส่วนร่วมขององค์กรท้องถิ่น การสร้างจิตสำนึกในการ รักษาสิ่งแวดล้อม และการจัดการเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่น |
.....