ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 134 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2661 - 2680 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2661 | รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (การปรับปรุงระบบภาษีที่ดิน) | กค | 31/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานการปรับปรุงระบบภาษี
ที่ดิน โดยในส่วนของการเสนอร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการนี้ กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับ และเตรียมความ พร้อมในการนำภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาใช้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความพร้อมในการนำภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างมาใช้แทนภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ ส่วนการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดเก็บ ภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้าตามขนาดการถือครองตามข้อเสนอของมูลนิธิสถาบันที่ดิน เห็นว่า การจัดเก็บภาษี ที่ดินดังกล่าว สมควรยุติ โดยให้เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นภาษีท้องถิ่น (Local Tax) ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เนื่องจากสามารถช่วยให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินได้ในระดับหนึ่ง และกระตุ้นให้ใช้ที่ดินที่เกิดประโยชน์มากขึ้นโดยเพิ่มบทลงโทษกรณีทิ้งที่ดินว่างเปล่าเกิน 5 ปีเพิ่มขึ้นอีกเพื่อลด การกักตุนที่ดินเพื่อเก็งกำไร สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับภาษีมรดก ได้มีการศึกษาในรายละเอียดเกี่ยวกับ หลักในการจัดเก็บ รวมไปถึงวิธีการจัดเก็บและอัตราภาษีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพตามบทบาทหน้าที่ของ ระบบภาษีทรัพย์สินที่ดีต่อไป และมอบให้กระทรวงการคลังไปหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และมูลนิธิสถาบันที่ดิน เกี่ยวกับความเหมาะสมที่จะยุติการจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้าตามขนาดการถือ ครอง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||
2662 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 | กค | 31/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางการดำเนินงานกรณีที่ส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาห กิจถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ผ่อนผันให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจก่อหนี้ผูกพันได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2547 สำหรับรายการที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และงบอุดหนุนเฉพาะกิจ ที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น เนื่องจากในปีนี้มีการเลือกตั้งใหญ่ ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรอให้มีการประชุมสภาท้อง ถิ่น เพื่อพิจารณาร่างข้อบัญญัติ เทศบัญญัติหรือข้อบังคับงบประมาณประจำปีก่อน จึงจะสามารถเบิกจ่ายได้ รวมทั้งงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) เนื่องจากโครงการที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนิน งาน และงบกลาง (59,000 ล้านบาท) บางโครงการต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการ จึงไม่ สามารถเบิกจ่ายได้ทัน |
|||||||||||||||
2663 | สรุปผลการประชุม (ชี้แจงแนวทางและขั้นตอนการจัดที่ทำกิน ตามนโยบายแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ ฯลฯ วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2547 และวันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม 2547) | นร | 31/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการประชุมคณะ
อนุกรรมการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการประกอบอาชีพและที่อยู่อาศัย (อ.จทอ.) เพื่อชี้แจงแนวทางและ ขั้นตอนการจัดที่ทำกิน ตามนโยบายแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มิถุนา ยน 2547 และการประชุม อ.จทอ. ครั้งที่ 4/2547 เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม 2547 สรุปได้ว่า การดำเนิน การจัดที่ทำกินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมธนารักษ์ กรมป่าไม้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กรมที่ดิน กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมประมง ได้มีการ เตรียมความพร้อมในการดำเนินการ และอยู่ระหว่างการทำคำขอเบิกงบประมาณสนับสนุนการดำเนินการ โดย ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายจากเงินงบกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ทั้งนี้ มีหน่วยงานจัดที่ทำกินที่สามารถดำเนิน การได้ โดยใช้งบประมาณปกติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้แก่ กรมธนารักษ์ กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก. ส่วนกรม ที่ดิน ได้ดำเนินการโดยใช้งบประมาณท้องถิ่น โดยมีผลการดำเนินการสามารถจัดที่ทำกิน/รับรองสิทธิ เนื้อที่ ประมาณ 618,577 ไร่ ให้แก่ราษฎรจำนวน 75,935 ครอบครัว
|
|||||||||||||||
2664 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน | ทส | 24/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน และรับทราบและเห็นชอบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาข้อเสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ในเรื่องดังกล่าว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยให้รายงานผลการดำเนินการ ปัญหาและอุปสรรค (หากมี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสบปัญหาและอุปสรรคจนไม่สามารถดำเนินการต่อ ไปได้ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ด้วย ทั้งนี้ มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดดำเนินการปรับ แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับความเห็นของสภาที่ปรึกษา ฯ จึงเห็นควรมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างความพร้อมด้านบริหารจัดการระบบบำบัด น้ำเสียให้เกิดประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืนเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหา รือเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการ วางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างมีเงื่อนไขเวลาและสามารถ เชื่อมโยงกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดและท้องถิ่น แล้วสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบภายใน 3 เดือน และมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนซักซ้อมความเข้าใจขั้นตอนการ ดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 และวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 เรื่อง แนวทางการจัดทำ ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการในเรื่องที่สภาที่ปรึกษา ฯ ให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะ ต่อคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดตามประเด็นอภิปราย ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||
2665 | นางรัตนา สัจจเทพ ขอความเป็นธรรม | นร | 24/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (คกก.8)
ซึ่งพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาข้อเรียกร้องของนางรัตนา สัจจเทพ กรณีกรุงเทพมหานครมีมติสั่งให้รื้อถอนบ้าน เลขที่ 19/556 ซอยบุญส่งโสพิศ หมู่ที่ 5 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่มกรุงเทพมหานคร เนื่องจาก การก่อสร้างอาคาร ไม่เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 25 และมาตรา 40 และมาตรา 43 (2) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 โดย คกก.8 มีมติมอบให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กรุงเทพ มหานคร และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันพิจารณาแนวทางในการเจรจากับผู้ประกอบ การโครงการ เอราวัณ แลนด์แอนด์ เฮาส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายบ้านและที่ดินให้แก่ นางรัตนา ฯ เพื่อแก้ปัญหา ความเดือดร้อนให้กับนางรัตนา ฯ โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย และมอบให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้ บริโภครับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมที่ดิน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมการจัด สรรและออกโฉนดที่ดิน องค์กรปกครองท้องถิ่น ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการอนุญาตก่อสร้างเพื่อกำหนดมาตร การป้องกันมิให้ผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตกระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคเช่นนี้อีก |
|||||||||||||||
2666 | ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น) | ลต | 24/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรม
นูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไข เพิ่มเติมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ร่างพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่ม เติมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภา ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายการเลือกตั้งสมาชิก สภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภา ท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนน เสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า เมื่อมีการนำเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งมาใช้ แล้ว ลักษณะการทุจริตเกี่ยวกับการลงคะแนนและนับคะแนนเลือกตั้งก็จะมีความซับซ้อน และเป็นระบบมากยิ่ง ขึ้น จึงสมควรพิจารณากำหนดโทษให้สูงขึ้นตามความเหมาะสมด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภา ผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป และให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือก ตั้งรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยใช้เครื่องลงคะแนนเลือกตั้ง ควรมีระบบรองรับการใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (smart card) และการนับคะแนนโดยเปิดเผย ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งแต่เพียงแห่งเดียว (นับคะแนนรวม) เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้เครื่องลงคะแนนมีระบบที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ สมควรให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งชาติซึ่งมีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมและให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ อย่าง ไรก็ตาม ควรดำเนินการให้มีความพร้อมในทุกด้านก่อนนำเครื่องลงคะแนนมาใช้ในการเลือกตั้งจริงต่อไป |
|||||||||||||||
2667 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนกรกฎาคม 2547 | กค | 24/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณพ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2547 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพ รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 789,008 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.75 ของวงเงินงบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 66,216 ล้านบาท หรือร้อยละ 48.87 ของวงเงินงบประมาณดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนาและ บริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,720 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 41,771 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการ แข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 2,261 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ฯ จำนวน 8,464 ล้านบาท ส่วนผลการเบิกจ่ายเงินจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) มี การเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน 686,597 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.52 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (831,997 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน จำนวน 102,411 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.25 ของงบประมาณ รายจ่ายลงทุน (196,003 ล้านบาท) รวมทั้งผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรราย จ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มีจำนวน 70,552 ล้านบาท หรือร้อยละ 51.98 ของงบ ประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (135,717 ล้านบาท) |
|||||||||||||||
2668 | บันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ระหว่างจังหวัดกับแขวงชายแดนไทย - ลาว และจังหวัดกับจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา | มท | 24/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมมือ
รักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนระหว่างจังหวัดกับแขวงชายแดนไทย-ลาว รวม 6 จังหวัด คือ จังหวัดหนองคาย นครพนม น่าน อุบลราชธานี อุตรดิตถ์ และจังหวัดพะเยา โดยสาระสำคัญของบันทึกการ ประชุม ฯ ได้มีการหารือในเรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน การรักษาเส้นเขตชายแดน ไทย-ลาว กรณีบุคคลของแต่ละฝ่ายถูกจับกุมคุมขัง การอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยให้แก่บุคคล เข้า-ออก ตามด่านชายแดน และการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และบันทึกการประชุมคณะกรรม การร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนระหว่างจังหวัดกับจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา รวม 3 จังหวัด คือ จังหวัดบุรีรัมย์ ตราด และจังหวัดศรีสะเกษ โดยสาระสำคัญของบันทึกการประชุม ฯ ได้มีการ หารือในเรื่อง การประสานงานและการรักษาความสงบเรียบร้อย การกำหนดจุดผ่อนปรนและเวลาเปิด- ปิดจุดผ่อนปรน การปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้า-ออกของบุคคลและของยานพาหนะ และความร่วมมือด้านการ ค้าและการลงทุน และให้กระทรวงมหาดไทยรับไปสั่งการ/ดำเนินการกรณีไทย-กัมพูชา ให้เป็นไปตาม ความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่า ภาพรวมโครงการความร่วมมือส่วนใหญ่ ตั้งอยู่บนวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์อันดีในระดับท้องถิ่น และเสริมสร้างประสิทธิภาพของการ ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล แต่ยังมีบางประเด็นที่ ไม่สอดคล้องกับหลักการและความตกลงที่รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาลกัมพูชา อาทิ การออกบัตรอนุญาตชั่ว คราวสำหรับประชาชนและบัตรอนุญาตพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ เป็นต้น และยังมีข้อสังเกตว่า ผู้ว่าราชการ จังหวัดกัมพูชา เป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง โดยเป็นการแบ่งสรรที่อาศัยระบบโควตาของ พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเป็นหลัก ดังนั้น การขยายความร่วมมือกับแต่ละจังหวัดชายแดนของกัมพูชาจึง ควรคำนึงถึงความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ด้วย เพราะหากมีการริเริ่มดำเนินการที่แตกต่างกันไปจากที่ได้ ตกลงให้ดำเนินการได้ นอกจากจะเกิดความลักลั่นด้านการปฏิบัติแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้หาก เรื่องที่ได้ริเริ่มดังกล่าวถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ในทางการเมืองของฝ่ายกัมพูชา |
|||||||||||||||
2669 | การส่งเสริมการกีฬาของไทย | นร | 17/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการส่งเสริมการกีฬาของไทย ซึ่งไทย
ควรส่งเสริมการเล่นกีฬาในทุกมิติและทุก ๆ ด้านอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับมาตรฐานการกีฬาของไทยมุ่ง สู่ความเป็นเลิศในการแข่งขัน และเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพพลานามัยของประชาชนไทย โดยการ พัฒนาและส่งเสริมการเล่นกีฬาดังกล่าวอาจแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ การส่งเสริมการกีฬาเพื่อสุขภาพ การส่ง เสริมการเล่นกีฬาเพื่อการพัฒนากีฬาในท้องถิ่น และการส่งเสริมกีฬาไทยเพื่อการแข่งขันในระดับโลก โดย จะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องเหมาะสมกับความพร้อมในด้านต่าง ๆ นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้องที่เป็นตัวแทน ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันต่าง ๆ ควรจะต้องได้รับการดูแลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม จึงมอบ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) รับแนวทางดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนการพัฒนาการกีฬาของประเทศ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||
2670 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) | คค | 17/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานในพื้นที่ 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2547 สรุปได้ดังนี้ โครงการ ที่ได้รับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 จำนวน 22 โครงการ/งาน วงเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2547 จำนวน 1,467.55 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว 450.44 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 30.88 ล้านบาท และโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย โครงการที่ผ่าน ความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขภาคใต้จำนวน 13 โครงการ รวม 4 หน่วยงาน วงเงินงบประมาณจำนวน 1,961.41 ล้านบาท อ ยู่ระหว่างขออนุมัติเงินงวด 4 โครงการ จัดหาผู้รับจ้าง 2 โครงการ ประเมินราคากลาง 1 โครงการ ออกแบบ 4 โครงการ ร่าง TOR 1 โครงการ และจัดหาที่ดิน 1 โครงการ และโครงการที่ไม่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ และมีความจำเป็นต้องดำเนินการจำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณจำนวน 1,795.07 ล้าน บาท ถ้าได้รับอนุมัติจะเกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 140.50 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มี 2 โครงการอยู่ ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคมเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม สำหรับโครงการที่ได้ รับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 จำนวน 18 โครงการ/งาน วงเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 940.81 ล้านบาท ซึ่งตามแผนเกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 78.66 ล้านบาท และโครงการที่มี ความจำเป็นแต่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 5 งาน วงเงินงบประมาณ 761.70 ล้านบาท ขณะนี้ มี 1 งานอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคมเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม นอกจาก นี้ ยังมีกิจกรรมของกระทรวงคมนาคมที่จะดำเนินการเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้เกิดการจ้างแรงงาน และรายได้ให้แก่ประชาชนจำนวน 8 กิจกรรม
|
|||||||||||||||
2671 | มาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ | มท | 17/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลาย ป่าไม้ ซึ่งมีการดำเนินการในแต่ละมาตรการโดยสังเขปดังนี้ มาตรการด้านการปลุกจิตสำนึกของประชาชน โดยการปลูกฝังค่านิยมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ให้กับเด็กและเยาวชนทั้งในและนอกโรง เรียน รวมทั้งสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกัน ปราบปราม และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ให้คง ความสมดุลตามธรรมชาติอย่างยั่งยืน มาตรการด้านการป้องกัน โดยทำการสำรวจและจัดทำบัญชีผู้มีพฤติ กรรมเกี่ยวข้องกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เพื่อเฝ้าระวังมิให้กระทำความผิด มาตรการด้านการปราบ ปราม โดยเร่งรัด ติดตามให้ได้ตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษและใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินคดีกับผู้กระทำ ผิดอย่างเฉียบขาดและจริงจัง ตลอดจนเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ผู้รู้เห็นเป็นใจ หรือให้การสนับสนุน ผู้กระทำผิด กฎหมายป่าไม้อย่างเด็ดขาดและจริงจัง มาตรการด้านการฟื้นฟู โดยการปลูกป่าทดแทนอย่างต่อเนื่อง การ ป้องกันไฟป่าที่มีประสิทธิภาพ และการให้ประชาชนในท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟู ควบคู่กับการ ใช้ประโยชน์จากป่าไม้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง มาตรการด้านการตรวจสอบและติดตามผล โดยมีระบบราย งานและติดตามประเมินอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศ (GIS) และข้อมูลจากดาวเทียมใน การตรวจสอบสภาพป่าที่ถูกทำลาย (มากขึ้นหรือน้อยลง) เพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และ มาตรการด้านการบริหารจัดการ โดยให้จังหวัดและอำเภอจัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลาย ป่า เพื่อรวบรวมข้อมูลและแสดงสถานการณ์ความรุนแรงของปัญหา โดยมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบที่ชัดเจนและ เป็นรูปธรรม
|
|||||||||||||||
2672 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาค | กก | 10/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ
ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในส่วนภูมิ ภาค และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ มีดังนี้ ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการท่องเที่ยว จังหวัดขึ้น โดยอาศัยการบริหารงานแบบบูรณาการที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานรับผิดชอบอย่างเป็น ระบบและเบ็ดเสร็จ มีหน่วยงานทุกระดับที่เกี่ยวข้องในทุกมิติของการพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นกรรมการ มี หน้าที่ควบคุม ดูแล ติดตามและประสานความร่วมมือในการจัดทำแผนพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จังหวัดในภาพรวมและการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนควรสอดคล้องกับศักยภาพของ พื้นที่ แผนพัฒนาประเทศ และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด สำหรับการดำเนินงานของทุกหน่วยงานภายใต้ อำนาจการสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวต้อง อยู่ภายใต้แผน และกรอบการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จัดทำ โดยคณะกรรมการการท่องเที่ยว จังหวัด ส่วนการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นอิสระ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณา การไม่สามารถสั่งการได้โดยตรงนั้น ขอให้มีผู้ว่าราชกาจังหวัดแบบบูรณาการและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่อง เที่ยวทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เป็นที่ปรึกษา เพื่อให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวของส่วนท้องถิ่นสอดคล้อง กับแผนและกรอบการพัฒนาดังกล่าว |
|||||||||||||||
2673 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) | นร | 10/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รายงานผลการประชุม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากรณีปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) เมื่อ วันที่ 23 กรกฎาคม 2547 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไป ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและนำเสนอที่ประชุมอีกครั้งหนึ่งดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จัดทำแผนแม่บทการใช้น้ำบาดาลให้มีความชัดเจน เปรียบเทียบข้อมูล การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในอดีตมีการตั้งงบประมาณ และมีการขาดแคลนน้ำเป็น จำนวนปีละเท่าใด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดวงเงินในการแก้ไขปัญหาและสำรวจเครื่องมือขุดเจาะบ่อบาดาลว่ามีความ ต้องการใช้ในภารกิจจำนวนเท่าใด กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นสำรวจพื้นที่ที่ขาด แคลนน้ำร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยจำแนกพื้นที่ที่ต้องการน้ำประปาหมู่บ้าน/ชนบท พื้นที่ที่ต้อง การน้ำบาดาล สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นพิจารณารวบรวมภารกิจสำคัญที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น เช่น การก่อสร้างถนน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำมาเปรียบเทียบในการพิจารณาการจัดสรรงบ ประมาณในภาพรวมในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาสืบเนื่อง จากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอันเนื่องจากพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ ใน ส่วนประเด็นปัญหาอื่น ๆ ต่อไป และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนภารกิจตามแผนปฏิบัติ การกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเร่งดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้เกิดผลเป็นรูป ธรรมโดยเร็ว |
|||||||||||||||
2674 | รายงานผลการดำเนินงานอาหารปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ประจำเดือนมิถุนายน 2547 | สธ | 10/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินงานอาหารปลอดภัย
ประจำเดือนมิถุนายน 2547 สรุปดังนี้ (1) ตรวจการนำเข้าเภสัชเคมีภัณฑ์ 1,041 รายการ มูลค่า 735.44 ล้านบาท ตรวจสอบอาหาร นำเข้า 8,166 รายการ มูลค่า 4,749.6 ล้านบาท (2) ตรวจสอบ GMP โรงงานอาหารแปรรูป 54 ประเภท (3) การสุ่มตรวจเคลื่อนที่ 157 ตลาด ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร (4) จัดเตรียมการประกวดด้านความปลอดภัยด้านอาหารในโรงเรียน (5) แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับอาหารและยา (6) จัดดำเนินงานด้านอาหารสะอาด รสชาติอร่อย และตลาดสดน่าซื้อ (7) จัดกิจกรรมรวมพลังงานอาหารปลอดภัย และกิจกรรมแผงอาหารปลอดภัย (8) ปรับปรุง พัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์อาหาร และให้การสนับสนุน Test kit หรือใช้ ทดสอบอาหาร (9) รณรงค์ให้ความรู้ด้านอาหารปลอดภัยและประสานให้ท้องถิ่นร่วมรับผิดชอบ (10) รณรงค์ล้างตลาดสดทั่วประเทศ |
|||||||||||||||
2675 | รายงานผลการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงแรงงาน ครั้งที่ 1 | รง | 10/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพ
ให้แก่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 1 สรุปได้ดังนี้ (1) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยศูนย์ พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้ดำเนินการให้บริการประชาชนในการพัฒนาฝีมือ แรงงานโดยทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ยกระดับฝีมือแรงงาน ฝึกเพื่อประกอบอาชีพอิสระ และฝึกเตรียม เข้าทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและความต้อง การของตลาดแรงงาน โดยในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2546 - มิถุนายน 2547 ได้ให้บริการประชาชน รวม ทั้งสิ้น 6,267 คน ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับชุดทักษิณสัมพันธ์ที่ 402 ดำเนินโครง การสุไหงปาตีร่วมใจสร้างสันติสุข ศูนย์ ฯ จังหวัดปัตตานี ร่วมกับ กอ.รมน. จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ซ่อม อุปกรณ์เครื่องยนต์และเครื่องยนต์การเกษตรให้แก่กลุ่ม อผป. ปัตตานี ศูนย์ ฯ จังหวัดสตูล ร่วมกับหน่วย ทักษิณพัฒนาที่ 5 6 7 และ กอ.รมน. ดำเนินการฝึกอาชีพให้กับประชาชน (2) กระทรวงแรงงานได้ดำเนิน งานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างเศรษฐกิจใหม่และยก ฐานะเศรษฐกิจเดิมให้เข้มแข็งและยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาคนและสังคม เพื่อสร้างงาน สร้าง อาชีพให้กับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสร้างอาคารแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ในจังหวัด นราธิวาส และยะลา อบรมอาชีพให้กับเยาวชนในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม/ปอเนาะ/ชุมชน ใน 3 จังหวัด และส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มเยาวชน/สตรี/วัยแรงงาน นอกจากนี้ ได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมภายใต้แผน งานปกติของหน่วยงาน โดยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางไปทำงานยังประเทศมาเลเซีย ตรวจเยี่ยมและดูสภาพการทำงานของคนหางาน รวมทั้งประชาสัมพันธ์การเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ให้กับคนหางานในจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งได้จัดระบบแรงงานต่างด้าวปี 2547 สามารถจ้างแรงงานต่าง ด้าว 3 สัญชาติ ได้ในกรณีพิเศษ |
|||||||||||||||
2676 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมปศุสัตว์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 10/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (คกก.8) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีหน่วยงานในส่วนภูมิภาคระดับอำเภอใน การให้บริการและให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการทำการประมง และร่างกฎ กระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด ให้มีหน่วยงานในส่วนภูมิภาคระดับอำเภอในการให้บริการและให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนเกี่ยวกับการปศุสัตว์ ทั้งด้านสุขภาพสัตว์ สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยีและอื่น ๆ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับประเด็นอภิปราย ของ คกก.8 เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานประมงอำเภอและสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ ให้เกลี่ยอัตรากำลังภายใน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ให้มีเงินประจำตำแหน่ง และต้องมีการควบคุมเงินงบประมาณ โดยให้สำนักงานทั้ง สองแห่งใช้ที่ทำการ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และยานพาหนะ เป็นต้น ร่วมกัน รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับไปพิจารณาศึกษา เปรียบเทียบ ระหว่างการจัดตั้งหน่วยงานในระดับอำเภอกับการจัดตั้งหน่วยบริการเกษตร เคลื่อนที่ (Mobile Unit) แล้วประเมินว่า มีผลดี ผลเสียต่างกันอย่างไร ไปดำเนินการต่อไปด้วย และมอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า เนื่องจากสภาพพื้นที่ สภาพปัญหา และความต้องการของชุมชนแต่ละประชาชนในและท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน การให้บริการแก่ ประชาชนในรูปแบบการจัดตั้งสำนักงานในระดับอำเภอ และรูปแบบหน่วยบริการเกษตรเคลื่อนที่ (Mobile Unit) จึงควรเป็นไปตามความเหมาะสม |
|||||||||||||||
2677 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย กอ.สสส.จชต. ครั้งที่ 10/2547 | นร | 03/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงานผลการประชุมคณะกรรม
การกำหนดนโยบายของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ครั้งที่ 10/ 2547 วันที่ 26 กรกฎาคม 2547 โดยที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจสังคม และด้านความมั่นคง รวมทั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ข้อเสนอเกี่ยวกับแผนงานโครงการที่ เสนอใหม่ ที่ประชุมเห็นชอบให้ชะลอการพิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการที่เสนอใหม่ไว้ก่อนโดยเน้นการเร่ง รัดการดำเนินงานตามที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว พร้อมการประเมินผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก กันงบประมาณด้านความมั่น คงไว้เตรียมรองรับความจำเป็นเร่งด่วนให้กับหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ และให้กับโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริม ศาสนาบางโครงการที่มีความสำคัญ และจะต้องเริ่มดำเนินการภายในปี พ.ศ. 2547 กับเห็นชอบการแบ่งมอบ ความรับผิดชอบใหม่ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ใน 4 กลุ่มงาน และให้มีหน่วยงานหลักสนับสนุนการ ดำเนินงานของแต่ละกลุ่ม ส่วนการปรับปรุงจัดทำ Code of Conduct และ Rule of Engagement นั้น ให้ เสธ. ทบ. พิจารณากรอบการใช้กำลังและอาวุธในสนามตามกฎในพื้นที่ ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ที่ประชุม เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกลไกระดับตำบลให้เป็นแหล่งพบปะ ประจำลักษณะศูนย์ประสานการบูรณาการรองรับการบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้กรมการปก ครองประสานกับประชาชนในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในการจัดตั้งคณะกรรมการตำบลเป็น ศูนย์ประสานบูรณาการ การปกครองท้องถิ่น สำหรับการปรับแบ่งพื้นที่การ รปภ. ที่ประชุมเห็นชอบมอบให้ กอ.สสส.จชต. หารือกับ ทภ.4 สน. เพื่อกำหนดรายละเอียดในการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบและรายละเอียดในทาง ปฏิบัติต่อไป |
|||||||||||||||
2678 | โครงการก่อสร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ 2547 | มท | 03/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการก่อสร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 สำหรับงบประมาณดำเนินการอนุมัติในวงเงิน 214,006,800 บาท โดยให้กรมส่ง เสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2547 ในแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐ กิจและสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนทั่วไป : เงินอุดหนุนสำหรับพัฒนาองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน จำนวน 2,000,000,000 บาท ก่อน โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และหากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้กำหนดโครงการขอเงินอุดหนุนทั่วไปรายการ ดังกล่าวไว้ครบวงเงินแล้วไม่สามารถดำเนินการได้ ก็เห็นควรให้กระทรวงการคลังประสานงานกับสำนักงานสลาก กินแบ่งรัฐบาล เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของ คกก.3 ว่า ควรที่จะมีการระบุหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลและสถานที่ก่อ สร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างในที่ดินสาธารณประโยชน์ โรงเรียน วัด หรือสถาน ที่ราชการ รวมทั้งประสานการจัดการในการให้บริการแก่ผู้มาเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายในลานกีฬาทั้งหมด อย่างเป็นระบบ เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายอย่างสูงสุดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือหน่วย งานอื่น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) รับไป ประสานการดำเนินการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินโครง การ ฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง และความพร้อมขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละแห่ง สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนั้น หากกรมส่งเสริมการปก ครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 ในแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐ กิจและสังคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนทั่วไป : เงินอุดหนุนสำหรับพัฒนาองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือไม่สามารถประสานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศักยภาพและความพร้อมทางการเงิน ใช้จ่ายเงินของตนเพื่อการนี้ได้ ก็อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายจากเงินงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ หรือให้ประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอรับการสนับสนุน จากเงินรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศลพิเศษของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไปตามความเหมาะสม |
|||||||||||||||
2679 | การสำรวจข้อมูลสำมะโนประชากรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 03/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอสรุปผลการสำรวจข้อมูลสำมะโนประชา
กร ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ นำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณา ดำเนินการต่อไป โดยสรุปผลการสำรวจข้อมูล ฯ มีดังนี้ ประชากรในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มี 1,424,728 คน อายุต่ำกว่า 18 ปี ร้อยละ 33.43 อายุ 18-45 ปี ร้อยละ 45.43 อายุ 46 ปีขึ้นไป ร้อย ละ 21.14 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 85.16 (1,213,387 คน) ศาสนาพุทธ ร้อยละ 14.53 (207,033 คน) มีถิ่นที่อยู่อาศัยประจำ ร้อยละ 89.05 ความรู้ต่ำกว่า ป.6 ร้อยละ 44.85 (489,796 คน) สำเร็จ ปริญญาตรี ร้อยละ 3.58 (39,097 คน) ประกอบอาชีพ ร้อยละ 66.88 กำลังศึกษา ร้อยละ 23.66 ว่าง งาน ร้อยละ 6.48 มีอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 33.77 (460,608 คน) รับจ้าง ร้อยละ 21.06 (287,290 คน) พูดภาษามลายูท้องถิ่น (ยาวี) ร้อยละ 62.21 (204,922 ครัวเรือน) จากการสำรวจความต้องการ ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล จำนวน 2,041,200 รายการ ปรากฏว่า ต้องการให้จัดหาอาชีพร้อยละ 18.5 ส่งเสริมการศึกษา ร้อยละ 15.95 ช่วยเหลือด้านเงินทุน ร้อยละ 11.50 ช่วยเหลือด้านรักษาพยาบาล ร้อยละ 10.54 ส่งเสริมด้านกีฬา ร้อยละ 9.31 |
|||||||||||||||
2680 | รายงานสรุปผลการสำรวจและรายงานตัวคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (พม่า ลาว และกัมพูชา) | มท | 03/08/2547 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง (สำนักทะเบียนกลาง)
รายงานสรุปผลการสำรวจและรายงานตัวคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (พม่า ลาว และกัมพูชา) เพิ่มเติม ระหว่าง วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2547 ประกอบด้วย สัญชาติพม่า 905,881คน แยกเป็น ชาย 497,372 คน หญิง 408,509 คน สัญชาติลาว 181,614 คน แยกเป็น ชาย 80,981 คน หญิง 100,633 คน และสัญชาติ กัมพูชา 181,579 คน แยกเป็น ชาย 123,998 คน หญิง 57,581 คน ทั้งนี้ จากการสำรวจ/รับรายงานตัว คนต่างด้าว 3 สัญชาติดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีจำนวนคนต่างด้าว 3 สัญชาติ รายงานตัว ทั้งสิ้น 207,642 คน ส่วนจังหวัดที่สำรวจ/รับรายงานตัวน้อยที่สุด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง มีจำนวนคนต่างด้าว 3 สัญชาติ รายงานตัวทั้งสิ้น 163 คน และจากการดำเนินการดังกล่าว กรมการปกครอง (สำนักทะเบียน กลาง) โดยสำนักทะเบียนอำเภอ/กิ่งอำเภอ และสำนักทะเบียนท้องถิ่นจะบันทึกข้อมูล เพื่อจัดทำทะเบียน ประวัติเป็นรายบ้านลงในระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งให้คนต่างด้าวที่ได้รับการสำรวจและรับรายงานตัวพิมพ์ ลายนิ้วมือและถ่ายรูป และออกใบรับรองรายการทะเบียนประวัติเป็นรายคน รวมทั้งจัดทำบัตรประจำตัวผู้ ไม่มีสัญชาติไทยสำหรับบุคคลที่ไม่ได้ทำงาน ส่วนกรณีบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจะออกใบอนุญาต ทำงานในบัตรใบเดียวกันกับบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสัญชาติไทย |