ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 140 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2781 - 2800 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2781 | ความร่วมมือพัฒนาการท่องเที่ยวในกรอบสามเหลี่ยมมรกต ระหว่าง ไทย ลาว และ กัมพูชา | กก | 02/03/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการดำเนินงานความร่วมมือ
ในพัฒนาการท่องเที่ยวในกรอบสามเหลี่ยมมรกตระหว่างไทย ลาว และกัมพูชา ตามปฏิญญาความร่วมมือพัฒนา การท่องเที่ยว (Pakse Declaration on Tourism Cooperation in the Emerald Triangle) โดยได้จัดตั้งคณะทำงาน (Working Group) ระดับชาติ และระดับท้องถิ่นขึ้นเพื่อประสานงาน ติดตามผลการดำเนินงาน รวมทั้งจัดทำแผน ปฏิบัติการที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวในกรอบสามเหลี่ยมมรกต และจัดให้มีการประชุมคณะทำงาน ระดับท้องถิ่น 3 ฝ่าย ไทย ลาว กัมพูชา เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในกรอบสามเหลี่ยมมรกต ครั้งที่ 1 ณ จังหวัดอุบล ราชธานี ระหว่างวันที่ 15 - 16 ธันวาคม 2546 โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นาย เกริกไกร จีระแพทย์) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ในการนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬา ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของปฏิญญาปากเซที่มุ่งส่งเสริมมิตรภาพ สันติภาพ ความเข้าใจ และความรุ่งเรืองของ ทั้ง 3 ประเทศ โดยใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของอนุภูมิภาคนี้ที่หลากหลายไปด้วย วัฒนธรรม และยังมีเจตจำนงในการขยายกรอบความร่วมมือไปยังสาขาอื่น ๆ เช่น เกษตรกรรม การพิทักษ์สิ่งแวด ล้อม การพัฒนาชนบทและโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงกรอบความร่วม มืออื่น ๆ เช่น กรอบอาเซียน กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐ กิจ 4 ประเทศ (กัมพูชา ลาว พม่า ไทย) ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำประเทศต่าง ๆ อย่าง ไรก็ตาม ความร่วมมือระหว่างประเทศจะสำเร็จได้ต้องมีการปฏิบัติร่วมกันเพื่อแปรเจตนารมณ์ทางการเมืองให้เป็น แผนปฏิบัติการ การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยขอให้นำทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ ทางการท่องเที่ยวมาใช้ร่วมกัน และปรับปรุงความเชื่อมโยงให้เข้าถึงอนุภูมิภาคนี้ได้ง่ายขึ้น โดยให้ภาคเอกชนและ ชุมชนท้องถิ่นบริเวณชายแดนเข้ามามีส่วนร่วมซึ่งจะเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ความสำเร็จต้อง เริ่มจากทัศนคติและความคิด ต้องไว้วางใจและเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน
|
||||||||||||||||||
2782 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคารที่เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารหรือผู้ดำเนินการต้องทำประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท | 02/03/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่
มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคารที่เจ้าของ อาคารหรือผู้ครอบครองอาคารหรือผู้ดำเนินการต้องทำประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และ ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนด นิยามคำว่า "บุคคลภายนอก" หมายความว่า บุคคลที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากสภาพหรือการใช้อาคาร ซึ่งไม่เป็นคู่สัญญากับผู้เอาประกันภัย และกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคารของเอกชนที่ต้องจัดให้มีการประกัน ภัย รวมทั้งอัตราการชดเชยค่าเสียหายที่ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของ คกก.6 เกี่ยวกับการกำหนดให้อาคารทั้ง 8 ประเภท ซึ่งได้แก่ 1. อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ 2. อาคารชุมนุมคน 3. โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม 4. สถานบริการตามกฎหมาย ว่าด้วยสถานบริการ 5. อาคารชุดและอาคารอยู่อาศัยรวมที่มีพื้นที่อาคารตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป 6. โรง งานที่สูงมากกว่าหนึ่งชั้น และมีพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป 7. ป้ายที่มีความสูงจากพื้นที่ตั้งป้ายถึงส่วน ที่สูงที่สุดของป้ายตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป และ 8. โรงมหรสพ เมื่อได้รับอนุญาตหรือใบรับแจ้งให้ก่อสร้าง ดัดแปลง เคลื่อนย้าย หรือรื้อถอนอาคารแล้ว ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งยื่นเอกสารหลักฐานการทำประกันภัยต่อ เจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนเริ่มดำเนินการไม่น้อยกว่าหกสิบวัน นั้น หากเจ้าพนักงานท้องถิ่นอนุญาต และเจ้าของ อาคารหาบริษัทประกันภัยได้ก่อนหกสิบวัน ก็น่าจะดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องรอให้ครบหกสิบวันควรกำหนดว่า ถ้าทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมทำประกันภัย ก็สามารถลงมือก่อสร้างได้ ไม่ควรกำหนดจำนวนวันตายตัว ส่วนกรณีที่เป็น อาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ที่ผู้ครอบครองห้องชุดแต่ละห้องเป็นเจ้าของ แต่ทรัพย์สินส่วนกลางเป็นของนิติบุคคล หรือเจ้าของอาคารชุดนั้น ควรกำหนดผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน โดยดูกฎหมายอาคารชุดประกอบด้วย หากอาคาร ทรุดจะได้หาผู้รับผิดชอบได้ และในกรณีที่บุคคลใดหรือบุคคลภายนอกเข้ามาใช้สอยแล้วเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ก็จะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายนี้ และกำหนดให้การประกันภัยความรับผิดต่อ บุคคลภายนอกต้องให้ความคุ้มครอง กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาทต่อคน ค่ารักษา พยาบาลไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาทต่อคนนั้น จะเพิ่มวงเงินคุ้มครองทั้ง 2 กรณีเป็นสามแสนบาทได้หรือไม่ หากเสนอ เข้าคณะรัฐมนตรีต้องมีเหตุผลชี้แจงประกอบว่า หากกำหนดวงเงินสูงขึ้นจะกระทบต่อเบี้ยประกันอย่างไร และเป็น ผลให้กระทบต่อบุคคลภายนอกอย่างไร และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกำหนดให้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้ระงับ หรือห้ามมิให้ใช้หรือเข้าไปในอาคาร หรือบริเวณที่มีการกระทำดังกล่าว อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการฝ่าฝืนกรณีการประกันภัยตามร่างกฎกระทรวงข้อ 2 วรรคสาม และข้อ 5 วรรคสอง อีก เพราะซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
2783 | กระทู้ถามที่ 440 เรื่อง การท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์ | สผ | 02/03/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 440
เรื่อง การท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์ ของนายโสภณ เพชรสว่าง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดย สาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ตามที่จังหวัดบุรีรัมย์แจ้งว่า ภายในจังหวัดบุรีรัมย์มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่า สนใจและขาดการส่งเสริม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้หน่วยงานในท้องถิ่นที่มีส่วน เกี่ยวข้องเสนอโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนตามโครงการงบประมาณเชิง บูรณาการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวต่อไป และรัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในส่วนของจังหวัด บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้า หมายของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีแผนงานด้านการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2547 และในปี พ.ศ. 2547 รัฐบาลมีโครงการพัฒนาเส้นทางฝั่งทะเล ตะวันออก-สระแก้ว-บุรีรัมย์-ยโสธร-มุกดาหาร เพื่อสร้างโอกาสให้บุรีรัมย์มีศักยภาพในการเชื่อมโยง กับพื้นที่อื่น ๆ ได้สะดวกขึ้น ตลอดจนสนับสนุนแนวทางการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของภาค อีสานตอนล่างกับประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน สำหรับกรณีที่เคยมีการจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัด บุรีรัมย์แล้วบางส่วน แต่มิได้นำมาพัฒนาในส่วนของการท่องเที่ยว นั้น ในการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว เพื่อการพัฒนาด้านท่องเที่ยว จะมีการโอนไปที่จังหวัด โดยทางจังหวัดจะเป็นผู้บริหารการใช้จ่ายเงินงบ ประมาณในส่วนนี้ ซึ่งจะมีบางจังหวัดอาจขอปรับเปลี่ยนงบเพื่อการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ประกอบ กับในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลได้ปรับบทบาทการบริหารจัดการการท่องเที่ยว และจัดตั้งกระทรวงการท่อง เที่ยวและกีฬา และในปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการแบบบูรณาการ (CEO) มีอำนาจ บริบูรณ์ในการบริหารราชการต่าง ๆ ในท้องถิ่นของตน การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวจังหวัด จึงเป็นภาร กิจโดยตรงของผู้ว่าราชการจังหวัด |
||||||||||||||||||
2784 | ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 02/03/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ
กระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการ ถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้ปรับปรุงแล้ว และให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาใช้บังคับต่อไป โดยร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การ คลัง และงบประมาณ ฯ ได้แก้ไขหน้า 25-29 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรม/ขั้นตอน ข้อ 4.1.3, 4.2.3, 4.3.3 และ 4.4.3 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณระยะปานกลางของสำนักงบประมาณ โดยแก้ไขข้อ ความจากเดิม "ของสำนักงบประมาณ" เป็น "และนโยบายของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.)" และแก้ไขหน้า 25 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรมข้อ 4.1-4.4 โดยแก้ไขข้อ ในช่องหมายเหตุ เป็น "ให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเกี่ยวกับ การจัดสรรเงินอุดหนุน โดยขอความเห็นจาก กกถ. และดำเนินการให้สอดคล้องกับมติ กกถ. ที่ได้รับความเห็น ชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ก่อนที่จะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง" ส่วนร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เพิ่ม มาตรการในขั้นตอนและวีธีการถ่ายโอนบุคลากรเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายโอนบุคลากรระยะที่ 2 ปี 2547 ซึ่งเน้นการสร้างระบบจูงใจเป็นตัวนำ ทั้งในเรื่องการปรับปรุงทางก้าวหน้า สิทธิประโยชน์เมื่อเป็น พนักงานส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มให้มีการศึกษาและปรับกำลังคนภาครัฐให้มีความหลากหลาย ปรับโครงสร้าง การบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีขนาดใหญ่ ตลอดจนปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคลสำหรับท้องถิ่น ให้ยืดหยุ่นตามสภาพปัญหาและฐานะทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้มีระบบรองรับ เมื่อไม่สามารถจัดบุคลากรลงท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ได้ปรับปรุงในส่วนของตารางสรุปรายละเอียด ของแผน โดยให้แสดงภารกิจกิจกรรมและขั้นตอน ระยะเวลา และหน่วยงานรับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม ให้ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ กำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจ ฯ และแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ กระจายอำนาจทางการเงิน ฯ ตลอดจนข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||
2785 | แผนยุทธศาสตร์การจัดการพื้นที่ป่าไม้ของชาติแบบบูรณาการ | ทส | 22/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนยุทธศาสตร์การจัดการพื้นที่ ป่าไม้ของชาติแบบบูรณาการ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับไปแปลงแผนยุทธศาสตร์การจัดการพื้นที่ป่าไม้ของชาติแบบ บูรณาการไปสู่การปฏิบัติให้มีความชัดเจน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 30 วัน และให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผน พร้อมทั้งรับ ความเห็นเพิ่มเติมกับข้อสังเกตของ คกก.3 ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ แผนยุทธศาสตร์ที่เสนอ ยังมี ความไม่ชัดเจนในประเด็นของแนวทางการดำเนินการ เป้าหมาย กลไกการจัดการพื้นที่ป่าไม้ และการแปลงแผน ไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งทำให้ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมการดำเนินการตามแผนได้ทั้งหมด จึงเห็นควรให้สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการ ปรับปรุงรายละเอียดของแผนดังกล่าวให้มีความชัดเจน เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายมีความสอดคล้อง กับแผนต่อไป สำหรับคณะกรรมการที่ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งแต่งตั้งโดยส่วนราชการต่าง ๆ หลายคณะ ทำให้การบริหารจัดการไม่มีความเป็นเอกภาพ จึงควรปรับปรุงองค์ประกอบหน้าที่ของคณะกรรม การดังกล่าวให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการระดับชาติเพียงคณะเดียวโดยให้มีผู้แทนจากหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรต่าง ๆ ร่วมเป็นองค์ประกอบของ คณะกรรมการระดับชาติด้วย เพื่อนำแผนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนความหมายของคำศัพท์ภาษา อังกฤษ คำว่า "Geographic Information System" หรือ " GIS" ที่นำมาแปลเป็นภาษาไทยยังมีความแตกต่างกัน อาจทำให้เกิดความสับสน จึงเห็นควรกำหนดให้คำศัพท์ภาษาอังกฤษดังกล่าวมีความหมายในภาษาไทยว่า "ภูมิ สารสนเทศ" นอกจากนี้ ในการแปลงแผนยุทธศาสตร์ ฯ ไปสู่การปฏิบัติ ควรทำเป็นแผนปฏิบัติการ 2 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นแผนเร่งด่วนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และระยะต่อไปเป็นแผนระยะยาว ซึ่งควรจัดทำใน เชิงบูรณาการและควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผนด้วย |
||||||||||||||||||
2786 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติภัยจากก๊าซหุงต้ม | มท | 22/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติภัย
จากก๊าซหุงต้มในระยะยาว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ให้กระทรวงพลังงาน เป็นศูนย์กลาง ในการบูรณาการการอนุญาต การควบคุม การตรวจสอบ การบรรจุ การสะสม การจำหน่าย และการตั้งสถานี จำหน่ายก๊าซหุงต้ม รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดพื้นที่จำหน่าย (zoning) การปรับปรุงแก้ไข ระเบียบกฎหมาย การห้ามมิให้มีการสะสม เก็บรักษาและจำหน่ายก๊าซหุงต้มรวมกับก๊าซ สารเคมีหรือวัตถุไวไฟ ชนิดอื่น ๆ ในสถานที่เดียวกัน ฯลฯ และให้จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้มงวดกวด ขันในการตรวจตราและกำกับดูแลการประกอบกิจการเกี่ยวกับก๊าซหุงต้มอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยพิจารณา ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและอุบัติภัยที่อาจจะเกิดจากก๊าซหุงต้ม เช่น กฎ หมายว่าด้วยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย ฯลฯ
|
||||||||||||||||||
2787 | ขอหารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับการรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายในการให้มีการเลือกตั้งใหม่ | นร | 17/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการพิจารณาในปัญหาข้อกฎ
หมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1) เกี่ยวกับการรับผิดชดใช้ค่าเสีย หายในการให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยกรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ตามมาตรา 99 แห่ง พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ซึ่งต้องไม่เกินค่าใช้จ่ายในการ ให้มีการเลือกตั้งใหม่ กรณีที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งซึ่งต้องรับผิดชอบในการเลือกตั้งใหม่ครั้งเดียวหลายคน มาตรา 99 ดังกล่าว มิได้กำหนดให้ต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จึงไม่อาจกำหนดให้บุคคลดังกล่าวต้องรับผิดชอบชดใช้ค่า เสียหายอย่างลูกหนี้ร่วมได้ และเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะพิจารณากำหนดให้บุคคลดังกล่าว แต่ละคนต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงแต่ ละรายไป สำหรับกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนิน การสอบสวนและมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องในทางแพ่ง ท างอาญา หรือทางปกครอง ในกรณีที่มี ผู้ใดกระทำความทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น โดยถือว่าคณะ กรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้เสียหายและอาจมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการแทนได้ ทั้งนี้ มาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือก พ.ศ. 2541 อย่างไรก็ตามในการที่คณะ กรรมการการเลือกตั้งจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการแทนดัง กล่าวก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||
2788 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 17/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงิน
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ผู้เกี่ยวข้องรับข้อสังเกต ของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วยดังนี้ แนวทางการจัดทำและเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของส่วนราชการและหน่วยงาน ให้สำนักงบประมาณจัดทำเอกสาร (format) หรือรายการสำหรับ ตรวจสอบ (check list) ให้แก่รองนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประโยชน์ในการพิจารณางบประมาณ ของส่วนราชการและหน่วยงานในความรับผิดชอบ ให้มีความเหมาะสม และเกิดการบูรณาการในมิติต่าง ๆ ด้วย สำหรับการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้น ประกอบด้วย ผู้แทนของกระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) สำนักงบประมาณและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปรับปรุงแนวทางและกระบวนการถ่ายโอนภารกิจ การจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งการโอนบุคลากร ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์และความพร้อมขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลทางการบริหารราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการเปลี่ยน ผ่าน และควรจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องที่มีรายละเอียดชัดเจนสำหรับให้บุคลากรขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ โดยที่มูลค่าการส่งออกสินค้าของประเทศมีแนว โน้มการขยายตัวในลักษณะที่ลดลงตามลำดับ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการประมาณการทางเศรษฐกิจและการจัด ทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ในอนาคต จึงให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณากำหนดยุทธ ศาสตร์และแนวทางการดำเนินการ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการประกอบการที่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกและเพื่อ ทดแทนการนำเข้าให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อคงสภาพการได้เปรียบดุลการค้าของประเทศในภาพรวมเอาไว้ แล้วดำเนิน การให้สัมฤทธิผลต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
2789 | การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 17/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรม
ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) เสนอ หลักเกณฑ์การพิจารณาปรับลด ปรับเพิ่ม งบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะ กิจตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และวงเงินงบประมาณที่จังหวัดต่าง ๆ ได้รับ กับให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติเงินประจำงวดในรายการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เพื่อพัฒนาองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่ได้ปรับปรุงแล้ว จำนวน 762 รายการ วงเงินงบประมาณ 2,516.343 ล้านบาท รวมทั้งมอบให้ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย พิจารณาโครงการและวงเงินที่จัดสรรเพิ่มให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ 31 จังหวัด ประมาณ 710.200 ล้านบาท และให้สำนักงบประ มาณพิจารณาอนุมัติเงินประจำงวดในโครงการที่ได้มีการพิจารณาแล้ว |
||||||||||||||||||
2790 | แผนการจัดการขยะมูลฝอยแห่งชาติ | ทส | 10/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแผนการจัดการขยะมูลฝอยแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ คณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 รับเรื่องนี้ และความเห็นเพิ่มเติมของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาทบทวน แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วยว่า การจัดทำแผนการจัดการขยะมูลฝอย ควรจะต้องพิจารณาให้ครอบคลุมครบถ้วนในทุกมิติทั้งในระดับย่อยและใน ภาพรวมของประเทศ โดยการจัดการขยะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประเภทขยะ แนวทาง วิธีการ กำจัด/ลดปริมาณ หรือการนำขยะไปใช้ประโยชน์ หน่วยงาน/องค์การ ที่จะรับผิดชอบดำเนินการ สถานที่/ที่ตั้ง ของโรงงานกำจัดขยะ ตลอดจนการประสานและร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น และการถ่าย โอนงานด้านนี้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็จะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับศักยภาพขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งและสอดคล้องกับปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||
2791 | การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 10/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
เสนอ โดยเห็นชอบในหลักการให้กำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เป็นร้อยละ 23.5 ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน ปีงบประมาณดังกล่าวมีสัดส่วนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณประจำปีแบบสมดุล ซึ่งอาจทำ ให้สถานะงบประมาณโดยรวมของประเทศมีความตึงตัวมากกว่าในปัจจุบัน และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) รับไปประสานในราย ละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประสานกับองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรต้องเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะ การจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่น เพื่อให้สามารถบริหารจัดการงบประมาณนอกเหนือจากเงินรายได้ที่ได้รับการจัด สรรจากรัฐบาลด้วย เช่น การเร่งรัดการดำเนินการเก็บภาษีประเภทต่าง ๆ ในท้องถิ่นตามที่กฎหมายกำหนดให้ เป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น กับให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาปรับปรุงโครง สร้างภาษีประเภทต่าง ๆ ของประเทศทั้งระบบให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้พิจารณาความ เหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับปรุงหรือขยายฐานภาษีเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษี ในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มรายได้ของตนเองมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในราชการส่วน กลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามภารกิจที่จะถ่ายโอนให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ที่กำหนดว่าเมื่อมีการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว หน่วยงานราชการ ยังจะต้องดูแลให้คำปรึกษา แนะนำ และความช่วยเหลือแก่ท้องถิ่น ไประยะหนึ่งก่อน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอน โ ดยให้คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนพึงจะ ได้รับเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจสำคัญ ๆ ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชา ชนโดยตรง |
||||||||||||||||||
2792 | การบูรณาการแผนปฏิบัติการและงบประมาณปี 2547-2549 ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านเคมีวัตถุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 | มท | 10/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ
ป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติเสนอ ยุทธศาสตร์/มาตรการ ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านเคมีวัตถุ แห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545-2549 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดการสารเคมีเป็นระบบมีความปลอดภัย และสอดคล้องกับแผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านเคมีวัตถุแห่งชาติ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนิน การต่อไปได้ โดยให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เป็นหน่วยงานหลักในการ กำกับ ดูแล และติดตามการดำเนินการด้านยุทธศาสตร์/มาตรการ ภายใต้แผนแม่บท ฯ ให้เกิดผลในเชิง บูรณาการ และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการดำเนินการด้วยว่า การพิจารณาอนุญาตให้ใช้สถานที่ใดเป็นสถานที่จัดเก็บสารเคมีอันตราย จะต้องสอดคล้องกับข้อกฎหมายเกี่ยวกับผังเมืองด้วย รวมทั้งการกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น หน่วยดำเนินการตามกฎหมายนั้น หน่วยงานส่วนกลางที่เกี่ยวข้องจะต้องกำกับดูแล ตรวจสอบติดตาม และ ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||
2793 | รายงานผลการจัดกิจกรรมวันรณรงค์สร้างความมั่นใจในการบริโภคไก่และไข่ | มท | 10/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดกิจกรรมวันรณรงค์สร้างความ
มั่นใจในการบริโภคไก่และไข่ หรือมหกรรมกินไก่ปลอดภัย 100% เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 จาก 75 จังหวัด ซึ่งจังหวัดได้ประสานความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบการเลี้ยงไก่ ค้าไก่ ร้านอาหารที่ใช้ ผลิตภัณฑ์จากไก่ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริม โดยได้ออกซุ้มร้านอาหารที่ปรับปรุงจากไก่และไข่เพื่อแจกให้ประชา ชนรับประทานฟรี เช่น ไก่ทอด ไก่ย่าง แกงไก่ เป็ดพะโล้ ข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ด ข้าวไข่เจียว เป็นต้น รวมจำนวน ไก่ 381,665 ตัว เป็ด 27,000 ตัว นกกระทา 12,500 ตัว เนื้อไก่ 126,590 กิโลกรัม นกกระทา 1,000 กิโล กรัม ไข่ 2,931,800 ฟอง ไข่นกกระทา 124,000 ฟอง ในส่วนของการจัดกิจกรรมบนเวทีประกอบด้วย มหกรรม ดนตรี คอนเสิร์ต และการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นต่าง ๆ การแข่งขันกินไก่ ไข่และการแข่งขันการปรุงอาหาร จากไก่และไข่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ การป้องกันโรคไข้หวัดนกและการกินอาหารปลอดภัย แก่ประชาชน การเดินรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนมั่นใจในการบริโภคไก่และไข่ การจำหน่ายสินค้าราคาถูก การ แข่งขันกีฬาต่าง ๆ และการเชิญสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมรณรงค์ในงานดังกล่าว เพื่อขยายผลในการประชาสัมพันธ์ สร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคไก่และไข่ สำหรับผู้เข้าร่วมงานในส่วนของผู้ร่วมงานชาวไทย จำนวน 713,410 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ 19,224 คน |
||||||||||||||||||
2794 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | ศธ | 10/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ฯ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมอบให้กระทรวง ศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการจัดทำคู่มือแนวทางการดำเนินการในแต่ละระดับการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้ กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
||||||||||||||||||
2795 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 10/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)
(ฝ่ายกฎหมาย) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราช การส่วนท้องถิ่น(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็น อภิปรายของคกก.7 ไปพิจารณาด้วยดังนี้ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับบำเหน็จดำรงชีพของราชการส่วน ท้องถิ่น ควรมีแนวทางเช่นเดียวกับบำเหน็จดำรงชีพที่ให้กับข้าราชการพลเรือนที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำ และ ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ยกเว้นในส่วนที่เป็นเรื่องของข้าราชการส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะ ก็ให้เป็นไปตาม ที่ร่างพระราชบัญญัติกำหนด แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภา ผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไปและมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปราย กรณีร่างมาตรา 46/1 กำหนดให้ผู้ รับบำนาญปกติหรือผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพมีสิทธิขอรับบำเหน็จดำรงชีพตามอัตรา และวิธีการ ที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ต้องไม่เกิน 15 เท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ ควรกำหนดจำนวนเงินขั้นสูงไว้ไม่ เกิน 200,000 บาท เพื่อให้เป็นอัตราเดียวกันกับการจ่ายบำเหน็จดำรงชีพให้แก่ผู้รับบำนาญของข้าราชการพล เรือน ฯ และไม่เกิดผลกระทบกับข้าราชการที่ได้รับบำเหน็จดำรงชีพไปแล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาล ในจำนวนนี้จะ มีภาระค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 803 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่รัฐบาลโดยสำนักงบประมาณจัดสรรไว้เป็นเงิน 495 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 308 ล้านบาท ให้จ่ายจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้ แทนกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่า ได้คำนวณตัวเลขแล้ว กองทุน ฯ สามารถจ่ายได้ ไปพิจารณาดำเนินการ |
||||||||||||||||||
2796 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง ผลการเยือนลังกาวีของคณะรัฐมนตรี) | พณ | 03/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง
ผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ดังนี้ (1) การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ตามที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอให้มาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 1 เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการหารือเพื่อแก้ไขประเด็นปัญหาด้านการค้าสองฝ่าย ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังประสานกับฝ่ายมาเลเซียเพื่อขอทราบความเป็นไปได้ที่มาเลเซียจะเป็น เจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว (2) มาตรการทางภาษีของไทยต่อน้ำมันปาล์ม ตามที่ได้มีการยกประเด็นที่ไทยกำหนดอัตราภาษีนำเข้า สินค้าน้ำมันปาล์มในอัตราสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียขึ้นหารือ นั้น เนื่องจากการนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มภายใต้องค์การการค้าโลก ไทยใช้มาตรการโควตาภาษีกับสิน ค้าดังกล่าวโดยกำหนดโควตาการนำเข้าประมาณ 5,000 ตัน/ปี อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 20 และ ภาษีนอกโควตาร้อยละ 144.6 และต้องขออนุญาตนำเข้า โดยให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้นำเข้า และ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีการนำเข้าในโควตา การนำเข้าเป็นการนำเข้านอกโควตาทั้งหมด ซึ่ง ต้องเสียภาษีสูงมาก โดยไทยนำเข้าจากมาเลเซียมากเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ภายใต้อาฟตา กระทรวงการคลังได้ประกาศลดภาษีจากอัตราร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 5 โดยมีผล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 และต้องขออนุญาตนำเข้าเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีการอนุญาตให้นำ เข้า โดยใช้อัตราภาษีภายใต้อาฟตา เนื่องจากมาเลเซียยังไม่นำรายการสินค้ารถยนต์เข้ามาลดภาษี ประกอบกับสินค้าน้ำมันปาล์มเป็นสินค้าอ่อนไหวของไทยเพราะมีผลกระทบต่อเกษตรกรไทยที่ยาก จนจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการการบริหารการนำเข้าภายใต้ WTO เพื่อปกป้องความเป็นอยู่ของเกษตรกร (3) กลไกการชำระเงินแบบหักบัญชี (Account Trade) ตามที่รัฐมนตรีการค้า ฯ มาเลเซีย ได้ยกประเด็น เกี่ยวกับกลไกการชำระเงินแบบหักบัญชีขึ้นหารือว่าธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า-EXIM Bank ของไทย และ Bank Negara Malaysia-BNM ของมาเลเซีย ได้ลงนามข้อตกลงระหว่างธนาคาร เมื่อ วันที่ 20 กันยายน 2545 และพร้อมจะดำเนินการการชำระเงินแบบหักบัญชีระหว่างกันแล้ว ขณะนี้ มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มาใช้บริการการชำระเงินแบบหักบัญชีกับธนาคารเพื่อ การส่งออกและนำเข้า (ธสน.)รวมถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2546 เป็นจำนวน 17 ครั้ง คิดเป็นมูล ค่า 283,534.95 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ธสน. และกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ระบบการค้าแบบหักบัญชีให้ภาคเอกชนรับทราบผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้ง ข่าวของ ธสน. (เผยแพร่ให้ผู้ส่งออก) หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และสื่อวิทยุ เป็น ต้น |
||||||||||||||||||
2797 | การแต่งตั้งกรรมการบูรณาการและปฏิรูประบบการทะเบียนแห่งชาติ (เพิ่มเติม) | นร | 03/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) รองประธานกรรมการ
บูรณาการและปฏิรูประบบการทะเบียนแห่งชาติ เสนอ ให้แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบูรณาการและปฏิรูป ระบบการทะเบียนแห่งชาติ เพิ่มเติม จำนวน 3 คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||
2798 | กระทู้ถามที่ 977 ร. เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานีเน่าเสีย | สผ | 03/02/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 977 ร. เรื่อง
มาตรการแก้ปัญหาแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เน่าเสีย ของนายโกเมศ ขวัญเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า จากการ ตรวจสอบคุณภาพน้ำของแม่น้ำตาปี ในปี พ.ศ. 2545 พบว่า คุณภาพน้ำแม่น้ำตาปีตอนบนอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ส่วนแม่น้ำตาปีตอนล่างช่วงที่ผ่านอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี พบว่า คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำ นื่องจากการขยาย ตัวของชุมชน ซึ่งมีการระบายน้ำเสียจากกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนระบายลงสู่น้ำโดยตรง ทำให้คุณภาพน้ำแม่น้ำ ตาปีมีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวม 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านการจัดการน้ำเสีย โดยสนับสนุนให้ท้องถิ่นนำวิธีการจัดการน้ำเสียที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ไป ใช้แทนการมุ่งไปที่ระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนเพียงทางเลือกเดียว ส่วนการจัดการน้ำเสียพื้นที่ลุ่มน้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สนับสนุนงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับ จังหวัดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 เทศบาลตำบลท่าข้าม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย มาตร การด้านกฎหมาย จะเข้มงวดในการบังคับใช้กฎระเบียบและข้อบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และมาตรการด้านการ ประชาสัมพันธ์ โดยสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการรณรงค์และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ และประชุมรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และร่วมตัดสินใจในการดำเนิน การจัดการน้ำเสีย นอกจากนี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณตามลำดับของความสำคัญของพื้นที่ ซึ่งกรมควบ คุมมลพิษได้จัดทำแผนการจัดการน้ำเสียชุมชน เป็นการจัดลำดับความสำคัญพื้นที่ที่ต้องมีการบำบัดน้ำเสียตาม ความจำเป็นเร่งด่วน ตามสภาพปัญหาของคุณภาพน้ำ และความสำคัญของพื้นที่ ซึ่งในส่วนของเทศบาลเมือง สุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งบนแม่น้ำตาปี-พุมดวง เป็นพื้นที่เป้าหมายระยะเร่งด่วนและเป็นพื้นที่คุณภาพน้ำเสื่อมโทรม อยู่ในระดับต้น ๆ ซึ่งหากได้รับการจัดการน้ำเสียและบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถควบคุมการ ระบายมลพิษน้ำเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของน้ำเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ลุ่มน้ำ ดังนั้น เทศ บาลเมืองสุราษฎร์ธานีจึงควรเตรียมความพร้อมของโครงการเรื่องของที่ดิน การออกแบบรายละเอียดของโครง การที่จะก่อสร้าง รวมทั้งการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ โดยงบประมาณในการดำเนินการ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเป็นผู้วิเคราะห์โครงการ หากผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแล้ว จะนำเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||
2799 | ร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 27/01/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด ฯ มีสาระสำคัญ คือ แก้ ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า "นายตรวจชั่งตวงวัด" ให้หมายถึงข้าราชการพลเรือน ข้าราชการกรุงเทพมหานคร พนักงานเมืองพัทยา พนักงานเทศบาล หรือพนักงานส่วนตำบล ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แต่งตั้ง ส่วนร่างพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ ฯ มีสาระสำคัญ คือ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 9 เพื่อให้รัฐมนตรีมีอำนาจ จัดตั้งสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อถ่ายโอนภารกิจในการรับจดทะเบียนพาณิชย์ให้ กรุงเทพมหานครได้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นควรกำหนดให้ชัดเจนว่า ให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่ในการให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดชั้นหลัง โดยไม่ต้องให้อธิบดีกำหนด และการ จัดตั้งสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ควรกำหนดให้มีสำนักงานทะเบียนพาณิชย์สาขา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
2800 | รายงานผลความก้าวหน้าในการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | พม | 27/01/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลความ
ก้าวหน้าในการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของส่วนราชการในสังกัด ดังนี้ (1) กรมพัฒนา สังคมและสวัสดิการ ภารกิจที่ถ่ายโอน ได้แก่ การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ งานสงเคราะห์และจัดสวัสดิการ เด็กและเยาวชน (อาหารกลางวัน, อาหารเสริมนม) การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ การสงเคราะห์เบี้ยยัง ชีพคนพิการ ศูนย์บริการทางสังคมผู้สูงอายุ และสถานสงเคราะห์คนชรา 13 แห่ง (2) สำนักงานกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว ภารกิจที่ถ่ายโอน ได้แก่ งานฌาปนกิจสงเคราะห์ 100 สมาคม งานฌาปนกิจสงเคราะห์ 3,147 สมาคม (3) สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ ภารกิจที่ถ่ายโอน ได้แก่ การอนุญาตให้ควบคุมหอพักเอกชนตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2507 และ (4) การเคหะแห่งชาติ ภารกิจที่ถ่ายโอน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด |
.....