ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 139 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2761 - 2780 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2761 | กระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การสัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด | คค | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การ
สัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบ สรุปได้ว่า ถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง ตำบลนาซ่าว ถึง บ้านห้วยสีดา ตำบลหาดทรายขาว อำเภอเชียง คาน จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวง ท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว คือ สาย ลย 5178 บ้านใหม่ศาลาเฟือง-บ้านผา มุม ระยะทาง 4.247 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลนาซ่าว และสาย ลย 5177 บ้านห้วยสีดา-บ้านสาระแพ ระยะทาง 8.768 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหาร ส่วนตำบลหาดทรายขาว ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุง ถนนสายดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
2762 | กระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การ
ก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ถนนสายบ้านห้วยบ่อซืน ตำบล ห้วยบ่อซืน อำเภอปากชม เชื่อมต่อบ้านนาดอกคำ ตำบลนาดอกคำ อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวงท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์การ บริหารส่วนจังหวัดเลยรับผิดชอบแล้ว คือ สาย ลย 3023 บ้านกลาง-บ้านโพนสว่าง อำเภอปากชม ระยะทาง 33.500 กิโลเมตร และสาย ลย 3045 บ้านนาด้วง-บ้านนาดอกคำ อำเภอนาด้วง ระยะทาง 7.881 กิโล เมตร ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงถนนสายดังกล่าว รวม ทั้งการก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวงในชนบทปัจจุบันมีการแบ่งแยกให้มีความชัดเจนตามความรับผิดชอบ กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด |
|||||||||||||||||||||
2763 | กระทู้ถามที่ 1279 ร. เรื่อง ปัญหาท่อระบายน้ำทรุด | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1279 ร. เรื่อง ปัญหา
ท่อระบายน้ำทรุด ของนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ และให้ประกาศในราช กิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักของประเทศ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายคมนาคมภายในประเทศ เพื่อให้เชื่อมโยงต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และมีหน่วยงานในสังกัดที่มีภารกิจด้านการก่อสร้างถนน คือ กรมทางหลวง รับผิดชอบก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างจังหวัด อำเภอต่าง ๆ ส่วนกรมทางหลวงชนบท รับผิดชอบ โครงข่ายสายรองที่เชื่อมระหว่างกรมทางหลวง และยังมีภารกิจที่ต้องสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ รับโอนภารกิจถนนในท้องถิ่นด้านวิชาการเพื่อให้สามารถดำเนินการเองได้ในอนาคต ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท ได้ตรวจสอบสายทางพบว่า ถนน รพช. สายสมเด็จ - หนองหญ้าปล้อง ตำบลยอด แกง อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นสายเดียวกันกับถนนสาย กส 3061 สี่แยกสมเด็จ - บ้านยอดแก่ง อำเภอสมเด็จ อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้ถ่ายโอนไปอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วน จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2545 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอันเกิดมาจากการทรุด ตัวของถนนช่วง กม. ที่ 3+000 เนื่องจากการทรุดตัวของท่อระบายน้ำที่ถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย สำนักงานทาง หลวงชนบทจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดำเนินการซ่อมผิวทางที่ทรุดตัวให้สามารถใช้การได้เป็นปกติในเบื้องต้นก่อน แล้ว ส่วนการแก้ไขในระยะยาว กรมทางหลวงชนบทได้ประสานงานให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่ง รับผิดชอบโครงการดังกล่าวทราบเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณอุดหนุนมาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาของ ประชาชนในพื้นที่ต่อไป โดยกรมทางหลวงชนบทยังคงดำเนินการให้การสนับสนุนในด้านวิชาการเพื่อการแก้ ไขปัญหาดังกล่าวต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2764 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศึกษา | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอรายงานผลการ
พิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร รวม 5 เรื่อง ได้แก่ รายงานผลการ พิจารณาศึกษาปัญหาการทำผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการครูในระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศัก ราช 2544 รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาอัตรากำลังครูและบุคลากรทางการศึกษา ราย งานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การกระจายอำนาจงบประมาณด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารกลางวันและอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และรายงาน ผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง สภาพและปัญหาการบริหารเขตพื้นที่การศึกษา และมอบให้สำนักนายก รัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงศึกษาธิการ รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
2765 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวงแทนกรรมการอื่นที่ขอลาออก (จำนวน 3 ราย) | มท | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นางสาวสุพัตรา สังข์มงคล ที่ปรึกษา
สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง แทนนายเชาว์ อรรถมานะ ที่ขอลาออก และแต่งตั้ง นายสาโรช คัชมาตย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และนายฐิติกร ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจเซอร์วิส จำกัด เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานคร หลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (23 มีนาคม 2547) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
2766 | รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี "โครงการเรียนรู้ร่วมกัน สรรค์สร้างชุมชน" | ศธ | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงาน "โครงการเรียนรู้ร่วมกัน สรรค์สร้างชุมชน" ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งให้ นักศึกษาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง (Activity Based Learning) การพัฒนาความเป็นผู้นำ (Leadership Development) นักศึกษามีงานทำและได้รับเงินจำนวนหนึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ขณะเดียวกันก็ ได้ประสบการณ์ รู้ขนบธรรมเนียม ประเพณีท้องถิ่น มีความมานะ อดทน รู้จักและเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ ที่แท้จริงของชาวชนบท โดยให้นักศึกษาเข้าไปคลุกคลีหรืออาศัยอยู่กับราษฎรในพื้นที่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้ตั้งงบประมาณ จำนวน 107,850,000 บาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการเป็นปีที่ 2 พร้อมทั้งตั้งงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 จำนวน 168,000,000 บาท เพื่อดำเนินงานโครงการต่อเป็นปี ที่ 3 โดยในปีนี้ได้มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น คือ จากเดิม 152 ตำบล/ชุมชน ทั่วประเทศ เป็น 228 ตำบล/ชุมชน และเพิ่มจำนวนนิสิตนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ จาก 6,080 คน เป็น 9,120 คน |
|||||||||||||||||||||
2767 | โครงการฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมครอบครัวผาสุก | พม | 23/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการขยายผลโครงการฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมครอบครัวผาสุก โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานเพื่อทำความเข้าใจกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องนี้ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำโครงการเพื่อ เสนอของบประมาณดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของ คกก.6 ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย ดังนี้ กรณีให้กระทรวงมหาดไทยจัดสรรงบประมาณร้อยละ 3-5 จากงบประมาณขององค์การบริหารส่วน จังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลมาดำเนินการจัดทำโครงการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ จะขอความ ร่วมมือได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะใช้วิธีตั้งงบประมาณในส่วนกลาง และหากคณะกรรมการการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในโครงการจะสามารถทำได้หรือไม่ ประกอบ กับขณะนี้เรื่องทุนทางสังคมและการแก้ไขปัญหายากจนได้ถูกกำหนดเป็นกรอบยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ซึ่งสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ สามารถใช้อ้างอิงในการของบประมาณปี พ.ศ. 2548 ได้ โดยจัดทำแผน งาน/โครงการ และงบประมาณในรายละเอียด มีดัชนีตัวชี้วัด และการประเมินผลในลักษณะเดียวกับโครงการ ทางเศรษฐกิจ และต้องมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ไม่ตั้งงบประมาณซ้ำซ้อนกัน รวมทั้ง จะต้องพิจารณาจากศักยภาพของหน่วยงานด้วยว่า จะสามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอาจจะมี ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการได้ และเนื่องจากเงินที่ท้องถิ่นได้รับจัดสรรจะได้ไม่เท่ากัน จำนวนประชากรแต่ ละท้องถิ่นก็ไม่เท่ากัน จะทำให้ขาดความชัดเจนแน่นอนของการใช้เงิน อีกทั้งโครงการไม่ได้มีมาตรการบังคับ ให้ต้องจัดทำ เมื่อจำนวนเงินแตกต่าง รูปแบบก็จะแตกต่างกันด้วย หากกระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ ทำคู่มือ ให้องค์การบริหารส่วนตำบลเห็นว่าถ้าอยากร่วมโครงการควรต้องทำอย่างไร สถานภาพเป็นอย่างไร บทบาท ของหน่วยสนับสนุนเป็นอย่างไร ครบถ้วนเป็นสูตรที่พร้อมปฏิบัติการได้ นอกจากนี้ ควรมีการสนับสนุนใน เรื่องของสื่อและในเรื่องของวิทยากรทั้งจากท้องถิ่นเองหรือจากส่วนกลาง ซึ่งในส่วนของท้องถิ่นต้องขอความ ร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมโดยพิจารณาศักยภาพของหน่วยงานด้วยว่าจะสามารถ ดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอาจจะมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการได้ โดยให้กระทรวงการพัฒนา สังคม ฯ ควรตั้งงบประมาณในส่วนของกระทรวงขึ้นมา และให้กระทรวงมหาดไทยทำความเข้าใจกับองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น สำหรับสำนักงบประมาณควรพิจารณาจากยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัดในหลายด้าน ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะศักยภาพการแข่งขันเท่านั้น ควรพิจารณาในด้านการพัฒนาสังคมเพื่อให้การพัฒนาเกิด ความสมดุลด้วย |
|||||||||||||||||||||
2768 | โครงการแสงสว่างพื้นฐานเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 16/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เสนอ โครง
การแสงสว่างพื้นฐานเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ เพื่อให้ประชาชน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดสงขลาสตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ได้รับการบริการสาธารณะด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างทั่วถึงเพียงพอ และเหมาะสมแก่ ประชากรและสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและการอำนวย ความมั่นคงแก่หน่วยราชการและเอกชน เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น เพื่อสร้างความ เข้าใจอันดีและสร้างความมั่นใจในภาครัฐที่มีความเสมอภาคต่อประชาชนในทุกพื้นที่ และเพื่อขจัดปัญหาการสร้าง ความไม่เข้าใจในการยุยง ให้เห็นปัญหาระหว่างประชาชนที่ไม่ปรารถนาดีกับทางราชการในการให้บริการของรัฐ โดยระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2547 เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
2769 | โครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส (วาระสำคัญของรัฐบาล) | มท | 16/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม
ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วม กับกรมการพัฒนาชุมชนจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสร้างและดำเนินการตามภารกิจ อำนาจหน้าที่ ในการพัฒนาสังคมและชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกในความมั่นคงของการอยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนในองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง และเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการพัฒนาชุมชนในการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ทั้งนี้ จะดำเนินการในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น จำนวน263 แห่ง งบประมาณดำเนินการแห่งละ 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 52,600,000 บาท โดยเบิก จ่ายจากเงินอุดหนุนทั่วไป สำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ระยะเวลาดำเนินการเดือนมีนาคม 2547 ถึงเดือนกันยายน 2547 |
|||||||||||||||||||||
2770 | การปรับปรุงทัศนียภาพบริเวณทางหลวง | นร | 16/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาจัดระเบียบการปลูกต้นไม้ตามแนวเส้นทางจราจรสายต่าง ๆ ปัจจุบัน ทางหลวงต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณใกล้ชุมชนยังขาดความสวยงามและความเป็นระเบียบ จึงขอให้ กระทรวงคมนาคมหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำหนดมาตรการในการดูแล โดยอาจเริ่มจากเส้น ทางหลักๆ เป็นการนำร่องซึ่งอาจขอความร่วมมือจากกระทรวงกลาโหมในการใช้ฝีมือและแรงงานของทหาร ในการปรับปรุง แล้วมอบให้ท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่รับไปดูแลรักษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
2771 | มติการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ครั้ง ที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2547 เรื่องการปรับบทบาทและภารกิจของ กนภ. และเกณฑ์พื้นฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย โดยในส่วนของการปรับบทบาทและภารกิจของคณะกรรมการ กนภ. ที่ ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับบทบาท และภารกิจของคณะกรรมการ กนภ. โดยเน้นการกำหนดนโยบายหรือ ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจนระยะยาว และให้คณะกรรมการ กนภ. มีบทบาทและภารกิจในการ กำหนดนโยบายขั้นพื้นฐานในการแก้ปัญหาความยากจน กำหนดนโยบายหรือยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา ความยากจนในระยะยาว และการสร้างองค์ความรู้และการติดตามประเมินผล กับเห็นชอบการปรับปรุงกลไก การบริหารจัดการของ กนภ. โดยให้ยุบองค์กรหรือกลไกปฏิบัติในระดับพื้นที่และคงไว้ของกลไกการบริหารจัด การในส่วนกลาง คือ คณะอนุกรรมการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค (กจภ.) คณะอนุกรรมการประสาน การวางแผนพัฒนาจังหวัด (อผจ.) และคณะอนุกรรมการบูรณาการแผนชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของชุมชนและ เอาชนะความยากจน พร้อมทั้งให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ ดำเนินการปรับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีให้สอดคล้อง กับบทบาทใหม่และการปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการของคณะกรรมการ กนภ. ต่อไป สำหรับเกณฑ์พื้น ฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขอบเขต/นิยาม และตัวชี้วัดของเกณฑ์พื้น ฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย ประกอบด้วย หลักคิด 1 ความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ได้แก่ เกณฑ์พื้นฐาน 3 เกณฑ์ คือ (1) ทุกคนได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียนไม่น้อยกว่า 12 ปี และมีโอกาสเรียน รู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะฝีมือ และวิชาชีพที่จำเป็นในการดำรงชีวิต (2) ทุกคนได้รับการประกันสุข ภาพที่ได้มาตรฐาน (3) ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี และไม่มีรายได้เพียงพอในการยังชีพ ได้รับหลักประกันความมั่น คงในการดำรงชีวิต หลักคิด 2 ความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ประกอบด้วย เกณฑ์พื้นฐาน 5 เกณฑ์ คือ (4) ทุกคนได้รับอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (5) ทุกคนมีความมั่นคงในที่พักพิง (6) ทุกคนมีน้ำสะอาดเพื่อดื่มอย่างน้อย 5 ลิตร/คน/วัน และมีน้ำใช้อย่างน้อย 45 ลิตร/คน/วัน (7) ทุกครัว เรือนมีไฟฟ้าใช้ (8) ทุกคนมีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ และหลักคิด 3 ความมั่น คงในชีวิต ประกอบด้วย เกณฑ์พื้นฐาน 2 เกณฑ์ คือ (9) ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและแหล่งทุนในการ ประกอบอาชีพ (10) ทุกครัวเรือนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและปลอดจากยาเสพติด ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุก ท่านนำเอาหลักเกณฑ์พื้นฐาน 10 ประการ ดังกล่าว ไปเป็นกรอบและแนวทางในการพิจารณาดำเนินการ ตามภารกิจที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
2772 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น | ทส | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติเห็นชอบ
ในหลักการตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนน มิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สำหรับงบประมาณดำเนินการให้ขอรับการสนับสนุน งบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตรง โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปรับแผน การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 แผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนสำหรับพัฒนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ซึ่งตั้งงบประมาณปี พ.ศ. 2547 ไว้จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือปรับ แผนการใช้จ่ายของแผนงาน/งานอื่นใดที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นสมควรแล้ว หากยังไม่เพียงพอ ก็ ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
2773 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการจัดสรรและ
หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 12,300 ล้านบาท ตาม มติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการจัดสรรและหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าว ตามที่ คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อลดช่องว่างทางการคลัง และเพิ่มขีดความสามารถใน การดำเนินการขยายท้องถิ่นในการจัดการภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการถ่ายโอนและภารกิจ การถ่ายโอนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอ ยกเว้น แนวทางการจัดสรรที่ให้ อปท. ต้องจัดทำโครงการ ตามอำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ บริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) และสภาท้องถิ่น สำหรับกรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอด คล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร ให้แก้ไขเป็น "ให้ อปท. จัดทำโครงการตามอำนาจหน้าที่ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดตามแนวทางที่ กบจ. กำหนด โดยให้แจ้ง อปท. ทราบ สำหรับ กรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร" ทั้งนี้ เพื่อให้ อปท. มีอิสระในการดำเนินงานและมีกรอบในการจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ กกถ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการใช้ จ่ายเงินอุดหนุน ฯ ที่ชัดเจนและมีมาตรฐานกลาง รวมทั้งเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการใช้ จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
2774 | มติการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ครั้ง ที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2547 เรื่องการปรับบทบาทและภารกิจของ กนภ. และเกณฑ์พื้นฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย โดยในส่วนของการปรับบทบาทและภารกิจของคณะกรรมการ กนภ. ที่ ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับบทบาท และภารกิจของคณะกรรมการ กนภ. โดยเน้นการกำหนดนโยบายหรือ ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจนระยะยาว และให้คณะกรรมการ กนภ. มีบทบาทและภารกิจในการ กำหนดนโยบายขั้นพื้นฐานในการแก้ปัญหาความยากจน กำหนดนโยบายหรือยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา ความยากจนในระยะยาว และการสร้างองค์ความรู้และการติดตามประเมินผล กับเห็นชอบการปรับปรุงกลไก การบริหารจัดการของ กนภ. โดยให้ยุบองค์กรหรือกลไกปฏิบัติในระดับพื้นที่และคงไว้ของกลไกการบริหารจัด การในส่วนกลาง คือ คณะอนุกรรมการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค (กจภ.) คณะอนุกรรมการประสาน การวางแผนพัฒนาจังหวัด (อผจ.) และคณะอนุกรรมการบูรณาการแผนชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของชุมชนและ เอาชนะความยากจน พร้อมทั้งให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ ดำเนินการปรับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีให้สอดคล้อง กับบทบาทใหม่และการปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการของคณะกรรมการ กนภ. ต่อไป สำหรับเกณฑ์พื้น ฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขอบเขต/นิยาม และตัวชี้วัดของเกณฑ์พื้น ฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย ประกอบด้วย หลักคิด 1 ความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ได้แก่ เกณฑ์พื้นฐาน 3 เกณฑ์ คือ (1) ทุกคนได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียนไม่น้อยกว่า 12 ปี และมีโอกาสเรียน รู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะฝีมือ และวิชาชีพที่จำเป็นในการดำรงชีวิต (2) ทุกคนได้รับการประกันสุข ภาพที่ได้มาตรฐาน (3) ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี และไม่มีรายได้เพียงพอในการยังชีพ ได้รับหลักประกันความมั่น คงในการดำรงชีวิต หลักคิด 2 ความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ประกอบด้วย เกณฑ์พื้นฐาน 5 เกณฑ์ คือ (4) ทุกคนได้รับอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (5) ทุกคนมีความมั่นคงในที่พักพิง (6) ทุกคนมีน้ำสะอาดเพื่อดื่มอย่างน้อย 5 ลิตร/คน/วัน และมีน้ำใช้อย่างน้อย 45 ลิตร/คน/วัน (7) ทุกครัว เรือนมีไฟฟ้าใช้ (8) ทุกคนมีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ และหลักคิด 3 ความมั่น คงในชีวิต ประกอบด้วย เกณฑ์พื้นฐาน 2 เกณฑ์ คือ (9) ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและแหล่งทุนในการ ประกอบอาชีพ (10) ทุกครัวเรือนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและปลอดจากยาเสพติด ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุก ท่านนำเอาหลักเกณฑ์พื้นฐาน 10 ประการ ดังกล่าว ไปเป็นกรอบและแนวทางในการพิจารณาดำเนินการ ตามภารกิจที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
2775 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น | ทส | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติเห็นชอบ
ในหลักการตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนน มิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สำหรับงบประมาณดำเนินการให้ขอรับการสนับสนุน งบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตรง โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปรับแผน การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 แผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนสำหรับพัฒนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ซึ่งตั้งงบประมาณปี พ.ศ. 2547 ไว้จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือปรับ แผนการใช้จ่ายของแผนงาน/งานอื่นใดที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นสมควรแล้ว หากยังไม่เพียงพอ ก็ ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
2776 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการจัดสรรและ
หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 12,300 ล้านบาท ตาม มติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการจัดสรรและหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าว ตามที่ คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อลดช่องว่างทางการคลัง และเพิ่มขีดความสามารถใน การดำเนินการขยายท้องถิ่นในการจัดการภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการถ่ายโอนและภารกิจ การถ่ายโอนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอ ยกเว้น แนวทางการจัดสรรที่ให้ อปท. ต้องจัดทำโครงการ ตามอำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ บริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) และสภาท้องถิ่น สำหรับกรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอด คล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร ให้แก้ไขเป็น "ให้ อปท. จัดทำโครงการตามอำนาจหน้าที่ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดตามแนวทางที่ กบจ. กำหนด โดยให้แจ้ง อปท. ทราบ สำหรับ กรุงเทพมหานครให้จัดทำโครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานคร" ทั้งนี้ เพื่อให้ อปท. มีอิสระในการดำเนินงานและมีกรอบในการจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ กกถ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการใช้ จ่ายเงินอุดหนุน ฯ ที่ชัดเจนและมีมาตรฐานกลาง รวมทั้งเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการใช้ จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
2777 | กระทู้ถามที่ 1154 ร. เรื่อง การรณรงค์ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครอนุรักษ์และพัฒนาดูแลรักษาลำคลองสายต่าง ๆ เพื่อเป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยว | สผ | 02/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1154
ร. เรื่อง การรณรงค์ให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครอนุรักษ์และพัฒนาดูแลรักษาลำคลองสายต่าง ๆ เพื่อ เป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยว ของนายศิริ หวังบุญเกิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาลมีนโยบายและแนวทาง ในการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2544 เห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ รวมทั้งได้กำหนด ให้ปี พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546 เป็น "ปีแห่งการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง" รวมทั้งให้มีการตั้งคณะ กรรมการระดับชาติ เพื่อเป็นองค์กรหลักในการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อม แม่น้ำ คู คลอง และ ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามนโยบายและแผนงานและโครงการนำร่องที่ กำหนด นอกจากนี้ ได้มีการพัฒนาและดำรงรักษาแม่น้ำ คู คลอง ไม่ให้เสื่อมโทรมไปกว่าที่เป็นอยู่ โดยเร่ง ฟื้นฟูแม่น้ำ คู คลอง ที่เสื่อมโทรม เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการคมนาคมขนส่ง การเกษตร การอุปโภคและบริโภค และวิถีชีวิตของประชาชน ให้มีกลไกในการกำกับดูแลการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภาค และระดับประเทศ โดยมีกฎหมายรองรับ และให้มีการขึ้นทะเบียนแม่ น้ำ คูคลองที่ควรอนุรักษ์ เพื่อให้มีการดูแลรักษาและใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม และมีแผนการอนุรักษ์และ พัฒนาสภาพแวดล้อมแม่น้ำ คู คลอง ได้แก่ แผนปฏิบัติงานระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546) และ แผนปฏิบัติงานระยะยาว (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2549) สำหรับมาตรการที่ให้ประชาชนหันมาใช้การคมนาคม ทางน้ำด้วยความปลอดภัย กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการจราจรและขนส่ง ได้ประสานกรมการขนส่งทาง น้ำและพาณิชยนาวี ในการขอรับโอนสถานีขนส่งทางน้ำ (ท่าเทียบเรือสาธารณะ ท่าข้าม) จากกระทรวง คมนาคม ตามแผนการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนการพัฒนาปรับปรุงลำคลอง สายต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครให้เป็นเส้นทางเดินทางและท่องเที่ยวทางน้ำ ได้มีการกำหนดไว้ในแผนงาน ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2546) และแผนปฏิบัติงานระยะยาว (พ.ศ. 2544-พ.ศ. 2549) ประกอบ ด้วย แผนงานการฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อม แผนงานการฟื้นฟูธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ท้องถิ่น และแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ |
|||||||||||||||||||||
2778 | กระทู้ถามที่ 1281 ร. เรื่อง มาตรการและนโยบายในการแก้ปัญหากระบวนการยุติธรรมและการสอบสวนคดี | สผ | 02/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1281 ร.
เรื่อง มาตรการและนโยบายในการแก้ปัญหากระบวนการยุติธรรมและการสอบสวนคดี ของนายเปรมศักดิ์ เพีย ยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของ คำตอบสรุปได้ว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดผลักดันให้มีการศึกษา วิเคราะห์ วิจัยในเรื่อง การสร้างกระบวนการ ตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจขององค์กรบังคับใช้กฎหมายในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาอย่างเป็นระบบมิ ให้การบังคับใช้กฎหมายอยู่ในอำนาจขององค์กรใดเพียงองค์กรเดียว เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและความสงบสุข ของประชาชนอันอาจเกิดจากการใช้อำนาจและหน้าที่โดยไม่ชอบจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเริ่มตั้งแต่ ในชั้นตำรวจ พนักงานอัยการ และชั้นศาล และปัจจุบัน รัฐบาลโดยกระทรวงยุติธรรมอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย เพื่อพัฒนาระบบการชันสูตรพลิกศพในประเทศไทย เพื่อให้การวินิจฉัยถึงสาเหตุการตายมีความโปร่งใสและเป็น ที่เชื่อมั่นอันจะเป็นการพัฒนาระบบการสอบสวนให้มีมาตรฐานในระดับสากลยิ่งขึ้น และในชั้นการพิจารณาของ ศาล รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้มีการนั่งพิจารณาคดีของศาลต้องมีผู้พิพากษาหรือตุลาการครบองค์คณะ ดังนั้น การใช้ดุลพินิจของศาลในการพิจารณาพิพากษาจึงมีการตรวจสอบถ่วงดุลกันโดยบทบัญญัติของกฎหมาย ส่วน วิธีการดำเนินคดีที่สำคัญ ๆ นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 บัญญัติให้พนักงาน ฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ปลัดอำเภอ และข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่นายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบ เท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไปในจังหวัดอื่น นอกจากจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี และให้ข้าราชการตำรวจ ซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไปในจังหวัดพระนครและธนบุรี มีอำนาจ สอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิด หรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือจับภายในเขตอำนาจของตนได้ และในวรรคสุดท้ายบัญญัติให้ ในเขตท้องถิ่นที่ใดมีพนักงานสอบสวนหลาย คน การดำเนินการสอบสวนให้อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนผู้เป็นหัวหน้าในท้องที่นั้น หรือผู้ รักษาการแทน สำหรับกรณีคดีนางสาวเชอรี่แอน ดันแคน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินคดีอาญากับ พัน ตำรวจเอก มงคล ศรีโพธิ์ ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการเป็นที่ เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แสดงความรับผิดชอบโดยได้ชดใช้ ค่าเสียหาย ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งที่ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง โดยไม่ได้อุทธรณ์ คำพิพากษาดังกล่าวแต่อย่างใด |
|||||||||||||||||||||
2779 | ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 02/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ
กระจายอำนาจทางการเงิน การคลัง และงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างแผนปฏิบัติการ ถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้ปรับปรุงแล้ว และให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาใช้บังคับต่อไป โดยร่างแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจทางการเงิน การ คลัง และงบประมาณ ฯ ได้แก้ไขหน้า 25-29 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรม/ขั้นตอน ข้อ 4.1.3, 4.2.3, 4.3.3 และ 4.4.3 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณระยะปานกลางของสำนักงบประมาณ โดยแก้ไขข้อ ความจากเดิม "ของสำนักงบประมาณ" เป็น "และนโยบายของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.)" และแก้ไขหน้า 25 ภารกิจการจัดสรรเงินอุดหนุน กิจกรรมข้อ 4.1-4.4 โดยแก้ไขข้อ ในช่องหมายเหตุ เป็น "ให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติเกี่ยวกับ การจัดสรรเงินอุดหนุน โดยขอความเห็นจาก กกถ. และดำเนินการให้สอดคล้องกับมติ กกถ. ที่ได้รับความเห็น ชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ก่อนที่จะนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง" ส่วนร่างแผนปฏิบัติการถ่ายโอนบุคลากรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เพิ่ม มาตรการในขั้นตอนและวีธีการถ่ายโอนบุคลากรเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายโอนบุคลากรระยะที่ 2 ปี 2547 ซึ่งเน้นการสร้างระบบจูงใจเป็นตัวนำ ทั้งในเรื่องการปรับปรุงทางก้าวหน้า สิทธิประโยชน์เมื่อเป็น พนักงานส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มให้มีการศึกษาและปรับกำลังคนภาครัฐให้มีความหลากหลาย ปรับโครงสร้าง การบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีขนาดใหญ่ ตลอดจนปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคลสำหรับท้องถิ่น ให้ยืดหยุ่นตามสภาพปัญหาและฐานะทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้มีระบบรองรับ เมื่อไม่สามารถจัดบุคลากรลงท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ได้ปรับปรุงในส่วนของตารางสรุปรายละเอียด ของแผน โดยให้แสดงภารกิจกิจกรรมและขั้นตอน ระยะเวลา และหน่วยงานรับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม ให้ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ กำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจ ฯ และแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอนการ กระจายอำนาจทางการเงิน ฯ ตลอดจนข้อเท็จจริงในปัจจุบัน |
|||||||||||||||||||||
2780 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่อง การปรับโครงสร้างกิจการพลังงานภายใต้ (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน | สสป | 02/03/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกรณีการปรับโครงสร้างกิจการพลังงานภายใต้ (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการต่อความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ของกระทรวงพลังงาน ดังนี้ จากการประชุมเชิง ปฏิบัติการยุทธศาสตร์พลังงานเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2546 ได้มีการกำหนดเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการพัฒนา พลังงานทดแทน จากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8 ใน 10 ปี ข้างหน้า และการดำเนินมาตรการสนับสนุนและส่ง เสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ และตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2546 ให้จัด ตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการพลังงานขึ้นภายใต้กระทรวงพลังงานโดยมีการแยกอำนาจหน้าที่ของการกำกับดูแล ผู้ประกอบกิจการและผู้กำหนดนโยบายออกจากกันอย่างชัดเจน แต่อยู่ภายใต้นโยบายของรัฐ เพื่อให้การจัดตั้ง องค์กรดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์จะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายและรวบรวมความเห็นทุกฝ่าย รวมไปถึงความ เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เพื่อประกอบการพิจารณาเพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ครอบคลุม ประเด็นต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้กิจการไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติในเรื่องรูปแบบ โครงสร้างกิจการไฟฟ้า Enhanced Single Buyer (ESB) โดยกำหนดให้แยกบัญชีการเงินระหว่างธุรกิจผลิตกับ ธุรกิจระบบส่งไฟฟ้า เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนสามารถแข่งขันในการผลิตไฟฟ้าได้อย่างเป็นธรรม ตลอดจนส่ง เสริมให้กิจการไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง สำหรับการส่งเสริมให้ชุมชนท้อง ถิ่นและรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีส่วนร่วมในการจัดการพลังงานและผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุน เวียน ขยะ วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรม นั้น ปัจจุบันได้มีการสนับสนุนให้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจาก พลังงานหมุนเวียน ขยะ และวัสดุเหลือใช้ทางเกษตรและอุตสาหกรรม ร้อยละ 3.5 ของกำลังการผลิตใหม่ทั้ง หมด ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2545 เห็นชอบร่างระเบียบการรับซื้อไฟฟ้า จากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นการกระจายโอกาสไปยังพื้นที่ห่างไกลให้เข้ามามีส่วน ร่วมในการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้ามามีส่วน ร่วมในการผลิตไฟฟ้าอันเป็นการใช้ทรัพยากรจากท้องถิ่นในการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองหรือขายให้กับการไฟฟ้า |
.....