ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 139 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2761 - 2780 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2761 | กระทู้ถามที่ 452 เรื่อง การก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกต | สผ | 30/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 452
เรื่อง การก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกต ของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรังและมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อ ไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า การดำเนินการก่อสร้างที่จอดเรือบริเวณหน้าถ้ำมรกตเพื่ออำนวย ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของจังหวัดสามารถตั้งงบประมาณเพื่อการนั้นได้ แต่หากเป็นโครงการใหญ่เกินความสามารถของท้องถิ่น ก็สามารถเสนอโครงการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา หรืออาจเสนอโครงการมายังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอรับการพิจารณากลั่นกรอง คัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของโครงการงบประมาณเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. 2547-2549 ได้ สำหรับการกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวถ้ำมรกต องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบสามารถขอความร่วมมือและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนด มาตรการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยวได้ สำหรับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำลังดำเนินการ ประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใน ระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยว และ พิจารณากำหนดมาตรการในการรักษาสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณถ้ำมรกตด้วย |
|||||||||||||||
| 2762 | การดำเนินงานของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ | 30/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินงานของสถาบันวิจัย
ระบบสาธารณสุข (สวรส.) ระหว่างปี พ.ศ. 2545-2546 ได้แก่ งานวิจัยที่เป็นฐานความรู้ให้กับภาคประชา คมและภาคีการวิจัย เพื่อให้สามารถร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย และภาพของระบบสุขภาพอันพึง ประสงค์ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับชาติ นวัตกรรมงานวิจัยและกระบวนการทางวิชาการ ให้เกิดเครื่องมือในการพัฒนากลไกองค์กร และวิธีการในการบริหารจัดการให้ระบบสุขภาพที่พึงประสงค์ให้ เกิดผลเป็นจริงดำเนินการได้ รวมทั้งให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สร้างเครือข่ายนักวิจัยที่เป็น พื้นฐานในการพัฒนาองค์ความรู้ และเครื่องมือจำเป็นในระบบสุขภาพที่กำลังปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพื่อ เป็นหลักประกันว่า การปฏิรูประบบสุขภาพที่ดำเนินอยู่นี้สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของคน ในสังคม นอกจากนี้ สวรส. กำลังพัฒนากระบวนการและเครือข่ายนักวิจัยที่เข้ามาร่วมมือกันศึกษาประเมิน ผลลัพธ์และผลกระทบจากการดำเนินการของกระบวนการต่าง ๆ ในระบบสุขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นการ เรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มประชาคมต่าง ๆ เพื่อร่วมกันปรับเปลี่ยนให้ระบบสุขภาพสามารถตอบสนองต่อ ประชาชนไทยได้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ทั้งนี้ แผนงานวิจัยในปี พ.ศ. 2545-2546 สวรส. ได้จัดแผนงาน วิจัยเป็น 7 แผนหลัก ประกอบด้วย แผนงานวิจัยการอภิบาลระบบสุขภาพ แผนงานวิจัยนโยบายสาธารณะ เพื่อสุขภาพและระบบการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบการควบคุมป้องกันภาวะคุก คามทางสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบบริการสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบวิจัยสุขภาพ แผนงานวิจัยระบบข้อ มูลข่าวสารสุขภาพ และแผนงานวิจัยระบบสร้างเสริมศักยภาพผู้บริโภค |
|||||||||||||||
| 2763 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติแก้ไข
เพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คืนไปได้ โดยให้พิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะประเด็น การจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจ เพื่อให้การปฏิบัติ งานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาศึกษาขอบเขตอำนาจหน้าที่และเกณฑ์การ จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งระบบ รวมทั้งพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ สอดคล้องไปในคราวเดียวกัน |
|||||||||||||||
| 2764 | หลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ซึ่ง
พิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลเป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เนื่องจากหลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 ที่กำหนด ให้เลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในวันที่ 1 เมษายน กำหนดให้เลื่อนเงินเดือน 1 ขั้นได้ไม่เกิน ร้อยละ 15 ของ จำนวนข้าราชการ ณ วันที่ 1 มีนาคม โดยต้องอยู่ในวงเงินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้าราช การ ณ วันที่ 1 กันยายน ด้วย และครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 ตุลาคม ให้เลื่อนได้ไม่เกินร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนข้า ราชการ ณ วันที่ 1 กันยายน โดยให้นำเงินที่ใช้ในการเลื่อนขั้นเงินเดือนในครั้งที่ 1 มาหักออกก่อน นั้น ทำให้ พนักงานส่วนตำบลในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขนาดเล็กที่มีพนักงานส่วนตำบลจำนวนไม่เกิน 7 คน ซึ่งมีมากกว่า 5,000 แห่ง จาก อบต. ทั้งหมด 6,738 แห่ง ไม่สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งปี 2 ขั้นได้ เนื่องจาก ติดขัดในเรื่องโควตา ร้อยละ 15 ของจำนวนพนักงานส่วนตำบล ณ วันที่ 1 มีนาคม และเรื่องโควตา ร้อยละ 6 ของอัตราเงินเดือนพนักงานส่วนตำบล ณ วันที่ 1 กันยายน ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นเจ้าของเรื่องรับประเด็น อภิปรายของ คกก.7 ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับปัญหาการเลื่อน ขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนตำบลทั้งระบบ โดยให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และไม่ขัดต่อกฎ หมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยในระหว่างนี้ เห็นควรให้ ใช้เกณฑ์การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 กับการพิจารณาเลื่อน ขั้นเงินเดือนของพนักงานส่วนตำบลต่อไป แต่ให้นำโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของพนักงานส่วนตำบลขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนทั้งปี 2 ขั้นได้ในจังหวัด นั้น ให้คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล จังหวัด พิจารณาจัดสรร โดยให้มีเกณฑ์การประเมินที่โปร่งใสและเป็นธรรม |
|||||||||||||||
| 2765 | รายงานการศึกษาดูงาน การบริหารงานกระบวนการยุติธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกา | ยธ | 30/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานการศึกษาดูงาน การบริหารงานกระบวน
การยุติธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะ ระหว่างวันที่ 18-30 สิงหา คม 2546 โดยวัตถุประสงค์ในการเดินทางศึกษาดูงานครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจในวิธีการประสานงานกันของ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งในระดับสหพันธรัฐ มลรัฐ และท้องถิ่น ของสหรัฐ ฯ ศึกษาและทำความเข้า ใจในเรื่องบทบาทของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในระดับต่าง ๆ ของกระบวนการยุติธรรม และความสัมพันธ์ กับหน่วยงานตุลาการ ศึกษาดูงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ และการสืบสวนและรักษาสถานที่เกิดเหตุ ศึกษา ดูงานมาตรการต่อต้านการฟอกเงิน การค้ายาเสพติด การก่อการร้ายและอาชญากรรมระดับนานาชาติ และ ศึกษาถึงแนวทางในการส่งเสริมความซื่อตรงต่อหน้าที่ การป้องกันการคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการ ยุติธรรมทั้งในแง่การตรวจสอบภายในกันเอง และการตรวจสอบจากภายนอก ทั้งนี้ จากผลการศึกษาดูงาน สรุปเป็นข้อสังเกตได้ดังนี้ (1) การจัดโครงสร้างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและเขตอำนาจ รัฐบาลกลาง จะเป็นหน่วยงานที่กำหนดนโยบายประสานงาน การสร้างมาตรฐาน และเป็นผู้นำในด้านวิชาการให้กับหน่วย งานในระดับของมลรัฐและท้องถิ่น ทำให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในส่วนของขอบเขตอำนาจ หน้าที่มีการกำหนดฐานความผิดที่เป็นของรัฐบาลกลางไว้ชัดเจนเช่น ด้านยาเสพติด การก่อการร้าย การปลอม แปลงเงินตรา การฟอกเงิน อาวุธปืน แสตมป์และยาสูบ ฯลฯ โดยให้ผู้รักษากฎหมายแต่ละฉบับซึ่งเป็นหน่วย งานต่างกระทรวงกันเป็นพนักงานสอบสวนในคดีอาญาดังกล่าวนั้นด้วย สำหรับหน่วยงานตำรวจ (ตำรวจภูธร) จะทำหน้าที่ดูแลอาชญากรรมพื้นฐานในเขตอำนาจเท่านั้น (2) การตรวจสอบและคานอำนาจ เนื่องจากหน่วย งานในกระบวนการยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่และเกี่ยวพันกับความสงบสุขของสังคม การปฏิบัติงานจึงต้องมีการ ตรวจสอบถ่วงดุลย์กันตลอดเวลา โดยหน่วยงานตรวจสอบจะมีทั้งหน่วยงานวินัย ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดเดียว กันหน่วยงานตรวจสอบภายนอกที่อยู่ในสังกัดอื่น เช่น Office of Professional Responsibility, Office of Police Accountability ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อร้องเรียนการทำงานของเจ้าหน้าที่ และมี Office of Inspector General ทำหน้าที่ตรวจสอบในระดับกระทรวง (3) การแบ่งแยกอำนาจและความสัมพันธ์ในแต่ละระดับ หน่วยงานใน กระบวนการยุติธรรมของ สหรัฐ ฯ มีการกระจายอำนาจค่อนข้างมาก และแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบออก ไปหลายหน่วยงาน ตามความชำนาญเฉพาะด้านโดยไม่ให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งมีอำนาจมากเกินไป (4) การรักษามาตรฐานการปฏิบัติงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงาน FBI เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างมาตรฐาน และถ่วงดุลย์ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในระดับล่าง และเป็นผู้นำในการสร้างงานด้านวิชาการ เทคนิค ในการปฏิบัติหน้าที่ ผ่านทางวิทยาลัย FBI เพื่อให้หน่วยงานในระดับอื่นนำไปเป็นแบบอย่าง และเพื่อสร้าง ความชำนาญในวิชาชีพของตน (5) การสรรหาและพัฒนาบุคลากร จะเน้นการสรรหาในระบบเปิด เพื่อให้ผู้ บริหารที่เป็นหัวหน้าหน่วยงานมีความรับผิดชอบโดยตรงต่อบุคลากรในความรับผิดชอบของตน โดยรับสมัคร คนที่มีความสามารถเข้าทำงานในตำแหน่งใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะรับเข้ามาในระดับล่าง แล้วเลื่อนตำแหน่ง ขึ้นไปตามลำดับ ส่วนการพัฒนาบุคลากร มีการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายต่าง ๆ ที่ กำหนดโดยกระทรวงยุติธรรม (6) การกลั่นกรองและการหันเหคดีออกจากระบบ หน่วยงานในทุกระดับมี การใช้ดุลพินิจเพื่อหันเหคดีออกจากสาระบบกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งดำเนินการเกือบในทุกระดับในชั้นตำรวจ และอัยการ ทำให้คดีที่ขึ้นสู่ศาลมีจำนวนน้อย (7) การใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มาช่วยในการสืบสวน สอบสวน หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐในทุกระดับให้ความสำคัญกับงานด้านนิติวิทยาศาสตร์และ การพิสูจน์หลักฐาน จึงมีระบบในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่รัดกุมและเป็นระบบ มีห้องปฏิบัติการที่ทัน สมัย และมีหน่วยงานควบคุมมาตรฐานห้องปฏิบัติการทางนิติวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่ตรวจสอบและออกใบรับ รองการปฏิบัติงาน (8) การดำเนินการตามนโยบายสำคัญ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ฯ เน้นหนักในเรื่องการ ปราบปรามการก่อการร้ายและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอาชญากรรม การฟอกเงิน การ ค้ามนุษย์ การคอรัปชั่น และการค้ายาเสพติด ดังนั้น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมทั้งหมด รวมทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ จึงมุ่งเป้าหมายไปที่การดำเนินการนโยบายดังกล่าวในทิศทางเดียวกัน และมีการ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอย่างเป็นระบบ ทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และ (9) การปลูกฝังอุดม การณ์และสร้างจรรยาวิชาชีพ ถือเป็นกฎเหล็กของหน่วยงาน เช่น ไม่โกง ไม่โกหก และไม่ขโมย และยังมีข้อ กำหนดในการปฏิบัติหน้าที่ที่ชัดเจน เช่น ห้ามใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปในทางเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและญาติพี่ น้อง ฯลฯ |
|||||||||||||||
| 2766 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่เร่งด่วน | มท | 30/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแก้ไข
รายละเอียดรายการก่อสร้างถนนผังเมืองสาย ข 7 พร้อมระบบระบายน้ำ จากถนนกาญจนวณิชย์ถึงปลายถนน รัถการ โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่เร่งด่วน แผนงานพัฒนาเมือง ของเทศบาลนครหาด ใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในวงเงินเดิมจำนวน 133,600,000 บาท |
|||||||||||||||
| 2767 | แนวทางการผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 | กค | 30/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแนวทางผ่อนผันสำหรับรายการที่ไม่สามารถ
ก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ต่อไป ดังนี้ รายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 (มิถุนายน 2547) ประกอบด้วย (1) รายการที่อยู่ ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างก่อนสิ้นไตรมาสที่ 2 (2) รายการที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการ เอง ได้แก่ งานที่ต้องดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาหรือฤดูกาล (3) รายการที่มีปัญหาอุปสรรค เนื่องจากปัจจัยภายนอก หรือรายการที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานอื่น (4) รายการที่ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจได้รับจัดสรรงบประมาณ ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และ/หรือส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนปฏิบัติการและแผน การใช้จ่ายงบประมาณที่จะจัดซื้อจัดจ้างหลังไตรมาสที่ 2 ซึ่งสำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบแผน ฯ แล้ว และ (5) รายการที่หน่วยงานสังกัดส่วนราชการส่วนกลางแต่มีสำนักงานที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค หรือส่วนราชการ ในภูมิภาคได้รับการโอนจัดสรรเงินประจำงวดจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจส่วนกลางล่าช้า จนไม่สามารถ ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในไตรมาสที่ 2 และรายการที่เห็นควรผ่อนผันถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2547 ประกอบด้วย (1) งบอุดหนุน ที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (2) งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อ การเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) และงบกลาง ราย การค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้านบาท) ทั้งนี้ ให้หัวหน้าส่วนราชการเร่งโอนเงินประจำงวดให้หน่วยงานในภูมิภาคโดยเร็ว และให้ถือว่า การดำเนินการ ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาประสิทธิภาพของหัวหน้าส่วนราชการ |
|||||||||||||||
| 2768 | กระทู้ถามที่ 565 ร. เรื่อง โครงการฝึกอบรมมัคคุเทศก์เยาวชน | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 565 ร. เรื่อง
โครงการฝึกอบรมมัคคุเทศก์เยาวชน ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และให้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กรมสามัญศึกษามีโครงการที่จะฝึกอบรม มัคคุเทศก์เยาวชนในโรงเรียนที่อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น โดยมอบหมายให้โรงเรียนภูผาม่าน ดำเนินการตั้ง แต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 เนื่องจากโรงเรียนนี้ได้ดำเนินการในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมร่วมกับโรงเรียนประถมศึกษาในละแวกใกล้เคียงมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2544 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพิ่ม ขีดความสามารถในการเสริมสร้างการท่องเที่ยว โดยผ่านโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีเป้าหมายดำเนินการอบรมให้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) ระดับชั้นละ 20 คน รวม 60 คน และจะดำเนินการต่อในปี พ.ศ. 2546 พร้อมทั้งขยายผลไปยังโรงเรียนมัธยมหนองเขียด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ส่วนสถานศึกษาอื่น ๆ กระทรวงศึกษาธิการโดยกรมสามัญศึกษา มีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้โรงเรียนจัดทำโครงการอบรมยุวมัคคุ เทศก์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เป้าหมายการท่องเที่ยว ขณะนี้โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษา หลายแห่งเริ่มดำเนินการโครงการแล้วตามศักยภาพของโรงเรียน และจะขยายการฝึกอบรม เมื่อได้รับการพิจารณา สนับสนุนจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวนเงิน 58,000 ล้านบาท ตามโครงการเพิ่มขีดความสามารถใน การส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กำหนดบทบาทและแนวทางใน การพัฒนาการท่องเที่ยว อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติ โดยมีแหล่งท่อง เที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน น้ำตกตาดใหญ่ ถ้ำค้างคาว ถ้ำพระ เป็นต้น ในการนี้ การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย ได้จัดทำแผนปฏิบัติการการจัดการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยกำหนดให้อำเภอภูผาม่าน จังหวัด ขอนแก่น เป็นพื้นที่นำร่อง โดยพิจารณาภายใต้องค์ประกอบในการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คือ องค์ประกอบ ทางด้านทรัพยากรท่องเที่ยว และกิจกรรมที่เหมาะสม การมีส่วนร่วมขององค์กรท้องถิ่น การสร้างจิตสำนึกในการ รักษาสิ่งแวดล้อม และการจัดการเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่น |
|||||||||||||||
| 2769 | กระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การสัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด | คค | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1297 ร. เรื่อง การ
สัญจรไปมาไม่สะดวกเนื่องจากถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง บ้านห้วยสีดาชำรุด ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบ สรุปได้ว่า ถนนสายบ้านใหม่ศาลาเฟือง ตำบลนาซ่าว ถึง บ้านห้วยสีดา ตำบลหาดทรายขาว อำเภอเชียง คาน จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวง ท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว คือ สาย ลย 5178 บ้านใหม่ศาลาเฟือง-บ้านผา มุม ระยะทาง 4.247 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลนาซ่าว และสาย ลย 5177 บ้านห้วยสีดา-บ้านสาระแพ ระยะทาง 8.768 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหาร ส่วนตำบลหาดทรายขาว ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุง ถนนสายดังกล่าว |
|||||||||||||||
| 2770 | กระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1298 ร. เรื่อง การ
ก่อสร้างทางเชื่อมอำเภอในจังหวัดเลย ของนายสุวิชญ์ โยทองยศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า ถนนสายบ้านห้วยบ่อซืน ตำบล ห้วยบ่อซืน อำเภอปากชม เชื่อมต่อบ้านนาดอกคำ ตำบลนาดอกคำ อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย ประกอบด้วย ถนนของกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบทเดิม จำนวน 2 สาย ซึ่งเป็นทางหลวงท้องถิ่นที่ได้ถ่ายโอนให้องค์การ บริหารส่วนจังหวัดเลยรับผิดชอบแล้ว คือ สาย ลย 3023 บ้านกลาง-บ้านโพนสว่าง อำเภอปากชม ระยะทาง 33.500 กิโลเมตร และสาย ลย 3045 บ้านนาด้วง-บ้านนาดอกคำ อำเภอนาด้วง ระยะทาง 7.881 กิโล เมตร ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงถนนสายดังกล่าว รวม ทั้งการก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวงในชนบทปัจจุบันมีการแบ่งแยกให้มีความชัดเจนตามความรับผิดชอบ กระทรวงคมนาคมจึงไม่มีนโยบายในการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด |
|||||||||||||||
| 2771 | กระทู้ถามที่ 1279 ร. เรื่อง ปัญหาท่อระบายน้ำทรุด | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1279 ร. เรื่อง ปัญหา
ท่อระบายน้ำทรุด ของนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ และให้ประกาศในราช กิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักของประเทศ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายคมนาคมภายในประเทศ เพื่อให้เชื่อมโยงต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และมีหน่วยงานในสังกัดที่มีภารกิจด้านการก่อสร้างถนน คือ กรมทางหลวง รับผิดชอบก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างจังหวัด อำเภอต่าง ๆ ส่วนกรมทางหลวงชนบท รับผิดชอบ โครงข่ายสายรองที่เชื่อมระหว่างกรมทางหลวง และยังมีภารกิจที่ต้องสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ รับโอนภารกิจถนนในท้องถิ่นด้านวิชาการเพื่อให้สามารถดำเนินการเองได้ในอนาคต ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท ได้ตรวจสอบสายทางพบว่า ถนน รพช. สายสมเด็จ - หนองหญ้าปล้อง ตำบลยอด แกง อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นสายเดียวกันกับถนนสาย กส 3061 สี่แยกสมเด็จ - บ้านยอดแก่ง อำเภอสมเด็จ อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้ถ่ายโอนไปอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วน จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2545 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอันเกิดมาจากการทรุด ตัวของถนนช่วง กม. ที่ 3+000 เนื่องจากการทรุดตัวของท่อระบายน้ำที่ถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย สำนักงานทาง หลวงชนบทจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ดำเนินการซ่อมผิวทางที่ทรุดตัวให้สามารถใช้การได้เป็นปกติในเบื้องต้นก่อน แล้ว ส่วนการแก้ไขในระยะยาว กรมทางหลวงชนบทได้ประสานงานให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ซึ่ง รับผิดชอบโครงการดังกล่าวทราบเพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณอุดหนุนมาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาของ ประชาชนในพื้นที่ต่อไป โดยกรมทางหลวงชนบทยังคงดำเนินการให้การสนับสนุนในด้านวิชาการเพื่อการแก้ ไขปัญหาดังกล่าวต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
| 2772 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศึกษา | สผ | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอรายงานผลการ
พิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร รวม 5 เรื่อง ได้แก่ รายงานผลการ พิจารณาศึกษาปัญหาการทำผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการครูในระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศัก ราช 2544 รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาอัตรากำลังครูและบุคลากรทางการศึกษา ราย งานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง การกระจายอำนาจงบประมาณด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารกลางวันและอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และรายงาน ผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง สภาพและปัญหาการบริหารเขตพื้นที่การศึกษา และมอบให้สำนักนายก รัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงศึกษาธิการ รับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อนำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||
| 2773 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวงแทนกรรมการอื่นที่ขอลาออก (จำนวน 3 ราย) | มท | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นางสาวสุพัตรา สังข์มงคล ที่ปรึกษา
สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง แทนนายเชาว์ อรรถมานะ ที่ขอลาออก และแต่งตั้ง นายสาโรช คัชมาตย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และนายฐิติกร ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจเซอร์วิส จำกัด เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานคร หลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (23 มีนาคม 2547) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||
| 2774 | รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี "โครงการเรียนรู้ร่วมกัน สรรค์สร้างชุมชน" | ศธ | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงาน "โครงการเรียนรู้ร่วมกัน สรรค์สร้างชุมชน" ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งให้ นักศึกษาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง (Activity Based Learning) การพัฒนาความเป็นผู้นำ (Leadership Development) นักศึกษามีงานทำและได้รับเงินจำนวนหนึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ขณะเดียวกันก็ ได้ประสบการณ์ รู้ขนบธรรมเนียม ประเพณีท้องถิ่น มีความมานะ อดทน รู้จักและเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ ที่แท้จริงของชาวชนบท โดยให้นักศึกษาเข้าไปคลุกคลีหรืออาศัยอยู่กับราษฎรในพื้นที่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้ตั้งงบประมาณ จำนวน 107,850,000 บาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการเป็นปีที่ 2 พร้อมทั้งตั้งงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 จำนวน 168,000,000 บาท เพื่อดำเนินงานโครงการต่อเป็นปี ที่ 3 โดยในปีนี้ได้มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น คือ จากเดิม 152 ตำบล/ชุมชน ทั่วประเทศ เป็น 228 ตำบล/ชุมชน และเพิ่มจำนวนนิสิตนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ จาก 6,080 คน เป็น 9,120 คน |
|||||||||||||||
| 2775 | โครงการฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมครอบครัวผาสุก | พม | 23/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการขยายผลโครงการฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมครอบครัวผาสุก โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานเพื่อทำความเข้าใจกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องนี้ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำโครงการเพื่อ เสนอของบประมาณดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของ คกก.6 ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย ดังนี้ กรณีให้กระทรวงมหาดไทยจัดสรรงบประมาณร้อยละ 3-5 จากงบประมาณขององค์การบริหารส่วน จังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลมาดำเนินการจัดทำโครงการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ จะขอความ ร่วมมือได้มากน้อยแค่ไหน หรือจะใช้วิธีตั้งงบประมาณในส่วนกลาง และหากคณะกรรมการการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในโครงการจะสามารถทำได้หรือไม่ ประกอบ กับขณะนี้เรื่องทุนทางสังคมและการแก้ไขปัญหายากจนได้ถูกกำหนดเป็นกรอบยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ซึ่งสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ดังนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ สามารถใช้อ้างอิงในการของบประมาณปี พ.ศ. 2548 ได้ โดยจัดทำแผน งาน/โครงการ และงบประมาณในรายละเอียด มีดัชนีตัวชี้วัด และการประเมินผลในลักษณะเดียวกับโครงการ ทางเศรษฐกิจ และต้องมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ไม่ตั้งงบประมาณซ้ำซ้อนกัน รวมทั้ง จะต้องพิจารณาจากศักยภาพของหน่วยงานด้วยว่า จะสามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอาจจะมี ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการได้ และเนื่องจากเงินที่ท้องถิ่นได้รับจัดสรรจะได้ไม่เท่ากัน จำนวนประชากรแต่ ละท้องถิ่นก็ไม่เท่ากัน จะทำให้ขาดความชัดเจนแน่นอนของการใช้เงิน อีกทั้งโครงการไม่ได้มีมาตรการบังคับ ให้ต้องจัดทำ เมื่อจำนวนเงินแตกต่าง รูปแบบก็จะแตกต่างกันด้วย หากกระทรวงการพัฒนาสังคม ฯ ทำคู่มือ ให้องค์การบริหารส่วนตำบลเห็นว่าถ้าอยากร่วมโครงการควรต้องทำอย่างไร สถานภาพเป็นอย่างไร บทบาท ของหน่วยสนับสนุนเป็นอย่างไร ครบถ้วนเป็นสูตรที่พร้อมปฏิบัติการได้ นอกจากนี้ ควรมีการสนับสนุนใน เรื่องของสื่อและในเรื่องของวิทยากรทั้งจากท้องถิ่นเองหรือจากส่วนกลาง ซึ่งในส่วนของท้องถิ่นต้องขอความ ร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมโดยพิจารณาศักยภาพของหน่วยงานด้วยว่าจะสามารถ ดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอาจจะมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการได้ โดยให้กระทรวงการพัฒนา สังคม ฯ ควรตั้งงบประมาณในส่วนของกระทรวงขึ้นมา และให้กระทรวงมหาดไทยทำความเข้าใจกับองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น สำหรับสำนักงบประมาณควรพิจารณาจากยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัดในหลายด้าน ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะศักยภาพการแข่งขันเท่านั้น ควรพิจารณาในด้านการพัฒนาสังคมเพื่อให้การพัฒนาเกิด ความสมดุลด้วย |
|||||||||||||||
| 2776 | โครงการแสงสว่างพื้นฐานเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 16/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เสนอ โครง
การแสงสว่างพื้นฐานเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ เพื่อให้ประชาชน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดสงขลาสตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ได้รับการบริการสาธารณะด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างทั่วถึงเพียงพอ และเหมาะสมแก่ ประชากรและสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและการอำนวย ความมั่นคงแก่หน่วยราชการและเอกชน เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น เพื่อสร้างความ เข้าใจอันดีและสร้างความมั่นใจในภาครัฐที่มีความเสมอภาคต่อประชาชนในทุกพื้นที่ และเพื่อขจัดปัญหาการสร้าง ความไม่เข้าใจในการยุยง ให้เห็นปัญหาระหว่างประชาชนที่ไม่ปรารถนาดีกับทางราชการในการให้บริการของรัฐ โดยระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2547 เป็นต้นไป |
|||||||||||||||
| 2777 | โครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส (วาระสำคัญของรัฐบาล) | มท | 16/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม
ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วม กับกรมการพัฒนาชุมชนจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถสร้างและดำเนินการตามภารกิจ อำนาจหน้าที่ ในการพัฒนาสังคมและชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกในความมั่นคงของการอยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนในองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง และเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการพัฒนาชุมชนในการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ทั้งนี้ จะดำเนินการในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น จำนวน263 แห่ง งบประมาณดำเนินการแห่งละ 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 52,600,000 บาท โดยเบิก จ่ายจากเงินอุดหนุนทั่วไป สำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ระยะเวลาดำเนินการเดือนมีนาคม 2547 ถึงเดือนกันยายน 2547 |
|||||||||||||||
| 2778 | การปรับปรุงทัศนียภาพบริเวณทางหลวง | นร | 16/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาจัดระเบียบการปลูกต้นไม้ตามแนวเส้นทางจราจรสายต่าง ๆ ปัจจุบัน ทางหลวงต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณใกล้ชุมชนยังขาดความสวยงามและความเป็นระเบียบ จึงขอให้ กระทรวงคมนาคมหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำหนดมาตรการในการดูแล โดยอาจเริ่มจากเส้น ทางหลักๆ เป็นการนำร่องซึ่งอาจขอความร่วมมือจากกระทรวงกลาโหมในการใช้ฝีมือและแรงงานของทหาร ในการปรับปรุง แล้วมอบให้ท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่รับไปดูแลรักษาต่อไป |
|||||||||||||||
| 2779 | มติการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น | นร | 09/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ครั้ง ที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2547 เรื่องการปรับบทบาทและภารกิจของ กนภ. และเกณฑ์พื้นฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย โดยในส่วนของการปรับบทบาทและภารกิจของคณะกรรมการ กนภ. ที่ ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับบทบาท และภารกิจของคณะกรรมการ กนภ. โดยเน้นการกำหนดนโยบายหรือ ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจนระยะยาว และให้คณะกรรมการ กนภ. มีบทบาทและภารกิจในการ กำหนดนโยบายขั้นพื้นฐานในการแก้ปัญหาความยากจน กำหนดนโยบายหรือยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา ความยากจนในระยะยาว และการสร้างองค์ความรู้และการติดตามประเมินผล กับเห็นชอบการปรับปรุงกลไก การบริหารจัดการของ กนภ. โดยให้ยุบองค์กรหรือกลไกปฏิบัติในระดับพื้นที่และคงไว้ของกลไกการบริหารจัด การในส่วนกลาง คือ คณะอนุกรรมการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค (กจภ.) คณะอนุกรรมการประสาน การวางแผนพัฒนาจังหวัด (อผจ.) และคณะอนุกรรมการบูรณาการแผนชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของชุมชนและ เอาชนะความยากจน พร้อมทั้งให้ฝ่ายเลขานุการ ฯ ดำเนินการปรับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีให้สอดคล้อง กับบทบาทใหม่และการปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการของคณะกรรมการ กนภ. ต่อไป สำหรับเกณฑ์พื้น ฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขอบเขต/นิยาม และตัวชี้วัดของเกณฑ์พื้น ฐาน 10 ประการ ในการดำรงชีวิตของคนไทย ประกอบด้วย หลักคิด 1 ความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ได้แก่ เกณฑ์พื้นฐาน 3 เกณฑ์ คือ (1) ทุกคนได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียนไม่น้อยกว่า 12 ปี และมีโอกาสเรียน รู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะฝีมือ และวิชาชีพที่จำเป็นในการดำรงชีวิต (2) ทุกคนได้รับการประกันสุข ภาพที่ได้มาตรฐาน (3) ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี และไม่มีรายได้เพียงพอในการยังชีพ ได้รับหลักประกันความมั่น คงในการดำรงชีวิต หลักคิด 2 ความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ประกอบด้วย เกณฑ์พื้นฐาน 5 เกณฑ์ คือ (4) ทุกคนได้รับอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (5) ทุกคนมีความมั่นคงในที่พักพิง (6) ทุกคนมีน้ำสะอาดเพื่อดื่มอย่างน้อย 5 ลิตร/คน/วัน และมีน้ำใช้อย่างน้อย 45 ลิตร/คน/วัน (7) ทุกครัว เรือนมีไฟฟ้าใช้ (8) ทุกคนมีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ และหลักคิด 3 ความมั่น คงในชีวิต ประกอบด้วย เกณฑ์พื้นฐาน 2 เกณฑ์ คือ (9) ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและแหล่งทุนในการ ประกอบอาชีพ (10) ทุกครัวเรือนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและปลอดจากยาเสพติด ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุก ท่านนำเอาหลักเกณฑ์พื้นฐาน 10 ประการ ดังกล่าว ไปเป็นกรอบและแนวทางในการพิจารณาดำเนินการ ตามภารกิจที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||
| 2780 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนนมิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น | ทส | 09/03/2547 | ||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติเห็นชอบ
ในหลักการตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการแก้ไขปัญหาระบบระบายน้ำบริเวณสี่แยกถนน มิตรภาพตัดกับถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สำหรับงบประมาณดำเนินการให้ขอรับการสนับสนุน งบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตรง โดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปรับแผน การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 แผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนสำหรับพัฒนา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน ซึ่งตั้งงบประมาณปี พ.ศ. 2547 ไว้จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือปรับ แผนการใช้จ่ายของแผนงาน/งานอื่นใดที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นสมควรแล้ว หากยังไม่เพียงพอ ก็ ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||
.....
