ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 136 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2701 - 2720 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2701 | โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | กร | 16/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ
ราชดำริเสนอ ดังนี้ เห็นชอบในหลักการของแผนงานพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่ม น้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปี พ.ศ. 2548 โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของโครงการต่าง ๆ ภาย ใต้แผนงาน ฯ ในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และหน่วย งานอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และตามผลการสำรวจความคิดเห็น และความ ต้องการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งคณะทำงานสำรวจข้อมูลของนายกรัฐมนตรีกำลังดำเนินการอยู่ และให้ดำเนินการได้ โดยยึดหลักการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ไม่เกิดซ้ำซ้อนใน การดำเนินงาน โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับแผนงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ กับเห็น ชอบในหลักการแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำเสียชุมชน ในระยะเร่งด่วนในปี พ.ศ. 2548 โดยการจัดทำระบบบำบัด น้ำเสียแบบติดที่ในบริเวณที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งน้ำ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับไปหารือและทำความเข้าใจให้สอดคล้องตรงกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ แล้ว ให้ขอทำความตกลงด้านการเงินกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนในระยะยาว ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามผลการศึกษาและเร่งรณรงค์ทำความเข้าใจกับ ประชาชนในพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียชุมชนและดูแลรักษาแหล่งน้ำ รวมทั้งเห็นชอบ ในหลักการโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ป่าพรุลุ่มน้ำปากพนัง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถแก้ไข ปัญหาในระยะยาว และมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2702 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครู ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉาย
แสง) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอขอรับเรื่องการสนับสนุนงบ ประมาณ เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปพิจารณาในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากสำนักงบประมาณมีความเห็นว่า เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น คงเหลือในจำนวนจำกัด และ ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยใช้จ่าย จากงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการใดรายการหนึ่งก่อน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องขอรับการ สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อการนี้ประการใดหรือไม่ จะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2703 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบในส่วนของกระทรวงมหาดไทย | มท | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความ
ยากจนกระทรวงมหาดไทย (ศตจ.มท.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ (ครั้งที่ 3) ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2547 โดยในส่วนของด้านหนี้สินนอกระบบ มียอดผู้ลงทะเบียนที่ผ่าน การประชาคม ในแบบ สย.6 (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) 1,715,468 ปัญหา มูลหนี้ 122,054,017,214 บาท สำหรับการดำเนินการเจรจาประนอมหนี้ ศตจ.อำเภอ ได้เชิญลูกหนี้และเจ้าหนี้มาเจรจา โดยตั้งทีม เจรจา 5,644 ทีม ได้เชิญมาเจรจา 503,248 ปัญหา มูลหนี้ 34,497,971,245 บาท ได้ข้อยุติ 436,809 ปัญหา มูลหนี้ 24,544,758,382 บาท ยังไม่ได้ข้อยุติ 66,439 ปัญหา มูลหนี้ 9,953,212,863 บาท ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานของคณะเจรจาประนอมหนี้นอกระบบของ ศตจ.จังหวัด/อำเภอ คณะเจรจาหนี้ มีความคล่องตัวในการเจรจาหนี้และปรับเปลี่ยนวิธีการตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ มีการตรวจสอบ ยอดเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยให้ชัดเจนก่อนการเจรจา รวมทั้งการวางแผนเพื่อป้องกันมิให้มีการสมยอม กันระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ หรือเพื่อเพิ่มจำนวนเงิน นอกจากนี้ คณะเจรจาหนี้ที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ ระดับตำบล หมู่บ้าน ได้รับความร่วมมือ สนับสนุนช่วยเหลือและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี ทั้งจากส่วนราชการ ธนาคาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2704 | รายงานผลการปฏิบัติราชการ (จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครสวรรค์ และ จังหวัดชัยภูมิ) | มท | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการใน
พื้นที่จังหวัดสระบุรี นครสวรรค์ และจังหวัดชัยภูมิ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ระหว่าง วันที่ 1 - 2 กรกฎาคม 2547 เพื่อตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและนโยบาย ของกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งรับทราบปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานตามนโยบาย ซึ่งภาพรวม การปฏิบัติราชการในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติ เช่น การแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ ในส่วนของการจดทะเบียนและการตรวจสอบข้อ มูลของประชาชนผู้ประสบปัญหาสังคมและความยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ขอ ให้ตรวจสอบทะเบียนให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากประชาชนบางคนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนในหลักการของการ ดำเนินงานของทางราชการ และให้ทุกฝ่ายเร่งรัดรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงค่านิยมในการก่อหนี้ การ แก้ไขปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล ให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ข้าราชการต้องไม่เข้าไปสนับ สนุนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ที่จะเป็นการส่งเสริมผู้มีอิทธิพลโดยเด็ดขาด การดำเนินงานระหว่างท้อง ที่และท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำงานอย่างใกล้ชิด ให้ความ ร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติงาน ตลอดจนประสานงานซึ่งกันและกัน สำหรับเรื่อง การบริหารจัดการน้ำ รัฐบาลได้กำหนดนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยจะต้องบูรณาการการดำเนิน งานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง พร้อมทั้งเป็นการ ป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก ซึ่งอาจต้องใช้งบประมาณและระยะเวลาในการดำเนินการเป็นจำนวนมากก็ ตาม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2705 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ไม่ยืนยันมติ) | กค | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี)
เสนอผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิ วาส) ประกอบด้วย การดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามที่ได้รับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 จำนวน 22 โครงการ วงเงิน 1,509.73 ล้านบาท ดังนี้ กรมทางหลวง 4 โครงการ วงเงิน 829.09 ล้านบาท เกิดการจ้าง แรงงานท้องถิ่นประมาณ 176.56 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท 5 แผนงาน วงเงินงบประมาณ 508.83 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 15.29 ล้านบาท กรมการขนส่งทางบก 1 โครงการ เกิดการ จ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 3.17 ล้านบาท กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี 5 โครงการ วงเงิน 125.71 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 4.44 ล้านบาท สำนักงานนโยบายและแผนการขน ส่งและจราจร 1 โครงการ คือ โครงการฝึกอบรม ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนที่จังหวัด นราธิวาส เดือนสิงหาคม 2547 วงเงิน 0.38 ล้านบาท ประมาณการมูลค่าสร้างงาน 0.26 ล้านบาท และ การรถไฟแห่งประเทศไทย 6 โครงการ วงเงิน 42.55 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 13.82 ล้านบาท สำหรับโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 13 โครงการ วงเงิน 1,961.41 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 138 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวง คมนาคม โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ในสังกัด ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างงานอาชีพและให้เกิดการ จ้างแรงงานและรายได้ให้แก่ประชาชน อีกจำนวน 7 กิจกรรม เช่น การจัดฝึกอบรม เรื่อง การขนส่งและ จราจรอย่างยั่งยืนให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นที่จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งการก่อสร้างสนามฟุตบอลที่ตำบล บาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และการจัดพื้นที่บริเวณหน้าที่อาคารท่าอากาศยานหาดใหญ่ สำหรับให้ประชาชนจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2706 | ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว พ.ศ. 2547 - 2551 (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กก | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอยุทธศาสตร์การ
ท่องเที่ยว พ.ศ. 2547-2551 และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวให้ บังเกิดผลและมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ นั้น ให้ยึดหลักการในภาพรวมว่า ภารกิจด้าน การรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เป็น หน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการ ส่วนภารกิจด้านการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ต่าง ๆ ให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นหน่วยงานที่เข้ามามีบท บาทในเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณา ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ภารกิจต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ฯ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องและ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์จังหวัด และกลุ่มจังหวัดและท้องถิ่นด้วย โดยให้สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง พิจารณา ดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบให้เหมาะสม โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ การประชาสัมพันธ์ รณรงค์ เชิญชวน ให้นัก ท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ประสบความสำเร็จ จึงควรดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการที่นักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นรูปแบบหนึ่ง ของการจำหน่ายสินค้าส่งออกของประเทศ โดยมิต้องส่งออกไปต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงควรประสานและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อควบคุม ดูแลสินค้าต่าง ๆ ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน ทัดเทียมกับของที่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ และให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวง พาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงระบบภาษีสินค้านำเข้าชนิดต่าง ๆ เพื่อให้กรุงเทพมหา นครเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางเข้ามาเพื่อหาซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่าที่จำหน่ายอยู่ใน แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภูมิภาค ในส่วนของจังหวัดต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ จำเป็นจะต้องปรับ ปรุง พัฒนา และบำรุงรักษาสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม จึงขอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งประสานการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับห้องน้ำที่สะอาด ถูกสุข อนามัย และเพียงพอ เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญประการหนึ่งในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ เดินทางไปท่องเที่ยวในแหล่งต่าง ๆ จึงควรสร้างให้เหมาะสม ทันสมัย สอดคล้องกับบรรยากาศและสภาพ แวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่ง รวมไปถึงการปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทางด้าน การจราจรและขนส่งเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยว ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาและเร่งรัดการ ดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ การปรับปรุง พัฒนา และบำรุงรักษาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนการ ดำเนินการใดที่ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศซึ่งปัจจุบันได้ถ่ายโอนภารกิจนั้น ๆ จากราชการ ส่วนกลางไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการแต่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นยังไม่สามารถดำเนินการ หรือไม่พร้อมที่จะดำเนินการ ให้ส่วนราชการส่วนกลางที่เคยรับผิดชอบอยู่ เดิมพิจารณาดำเนินการแทน โดยให้ยึดผลประโยชน์โดยรวมของประเทศเป็นที่ตั้ง และมิให้นำประเด็นเรื่อง การกระจายอำนาจและการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว มาเป็นข้ออ้างว่าเป็นอุป สรรคในการดำเนินการ ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2546 เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม แนวทางการส่งเสริมและขยายแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมประการหนึ่งที่อาจดำเนิน การได้ คือ การให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพแห่งใหม่ แต่ยังอยู่ในที่ห่างไกล โดยอาจจะ กำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำที่จะต้องนำมาลงทุน และกำหนดระยะเวลาที่จะให้สัมปทานแก่เอกชนนั้น ๆ เข้า ทำประโยชน์ในพื้นที่ โดยจะต้องกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ มิให้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและ สภาพธรรมชิตของพื้นที่ด้วย เช่น การเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่ชายทะเลแห่งใหม่ในเขตสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดให้สัมปทานเป็นเวลา 99 ปี และต้องนำเงินมาลงทุนไม่น้อยกว่า 5 เท่าของมูลค่าของพื้นที่ตามราคาประเมิน เป็นต้น จึงขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณาความ เหมาะสมและเป็นไปได้ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2707 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองศูนย์กลางภาคเหนือตอนบน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | นร | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ (สศช.) เสนอ และให้ สศช. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ ฯ ต่อ ไป โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน รวมทั้งความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางไปตรวจราชการ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในเร็ว ๆ นี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ต่าง ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ ฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป หลังจากที่ได้ทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์เรียบร้อยแล้วตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ ในภาพรวมของยุทธศาสตร์ ฯ ยังไม่ครอบคลุมถึงแผนงาน/โครงการที่จะแก้ ไขปัญหาสังคมต่าง ๆ ในพื้นที่ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่สูง จึงขอให้ สศช. และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการกำหนดแผนงาน/โครงการเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควรต่อ ไป และการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือตอนบนดังกล่าว จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดผลกระทบต่อเขตเมือง เก่า เขตโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งควรอนุรักษ์ไว้โดยกระทรวงมหาดไทยควรเร่งรัดดำเนินการ ให้กฎหมายเกี่ยวกับผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะแล้วเสร็จ และมีผลใช้บังคับโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครง การพัฒนาต่าง ๆ สอดคล้องกับกฎหมายผังเมืองดังกล่าว สำหรับโครงการด้านการพัฒนาระบบการจราจร และขนส่งควรคำนึงถึงการประหยัดพลังงานโดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้การขนส่งทางน้ำ ตลอด จนการสร้างทางรถจักรยานเป็นทางเลือกให้มากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันจังหวัดลำพูนมีการขยายตัวทาง ด้านอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก จึงควรพิจารณาจัดทำโครงการพัฒนาที่มีความเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดลำพูน และเชียงใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว รวมถึงโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค นอกเหนือจากโครงการในด้านการแก้ไขปัญหาการจราจร ส่วนปัญหาการจราจรติดขัดในจังหวัดเชียงใหม่ สมควรเร่งดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ในส่วนของแผน งาน/โครงการตามยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงรายทั้งหมดรวม 4 โครงการซึ่งได้แก่ โครงการปรับปรุงฝายเชียง ราย โครงการผันน้ำแม่กรณ์-แม่กก โครงการอ่างเก็บน้ำดอยงู และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สรวย มอบให้ สศช. พิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำเรื่อง ผลการพิจารณาและบูรณาการแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลางปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียงราย ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลังมารวมพิจารณา ด้วย กับเห็นชอบให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนาเมืองศูนย์กลางความเจริญภาคเหนือตอนบน เชียงใหม่-ลำพูน และการจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นฐานการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ และการ เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างเมือง โดยมอบให้ สศช. รับไปดำเนินการ โดยค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ในวงเงิน 43 ล้านบาท ให้ สศช. ขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามขั้นตอนต่อ ไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนิน งานเร่งรัดการจัดทำผังเมืองให้มีผลบังคับตามกฎหมายโดยเร็ว โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานลง ให้องค์ การบริหารส่วนจังหวัดเป็นกลไกการประสานแผนงานการพัฒนาระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย เฉพาะพื้นที่ส่วนขยายของเมืองกับเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล โดยใช้ผังเมืองเป็นกรอบ และจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาพื้นที่ระหว่างเมืองร่วมกัน คือ เชียงใหม่-ลำพูน โดยใช้ยุทธศาสตร์การ พัฒนาเมืองศูนย์กลางภาคเหนือตอนบนเป็นหลักในการพัฒนา |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2708 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) | มท | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะ
กรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) จำนวน 5 คน ดังนี้ นายบรรโลม ภุชงค กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารงานท้องถิ่น นายสมศักดิ์ ศรีวรรธนะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้าน บริหารงานบุคคล นายอัษฎางค์ ปาณิกบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบราชการ นายประวิทย์ ทอง ศรีนุ่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารและการจัดการ และนายจำเนียร ชวนะพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณ วุฒิด้านกฎหมาย โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 มิถุนายน 2547) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2709 | ผลการจัดงาน "OTOP นรา ยะลา ตานี เทิดไท้องค์ราชินี" | มท | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดงาน "OTOP นรา ยะลา ตานี
เทิดไท้องค์ราชินี" ณ จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2547 โดยการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการจำหน่ายสินค้า OTOP เผยแพร่ภูมิ ปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ประจักษ์แก่คนทั่วไป และ ให้กลุ่มเยาวชนและสตรี ได้เข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP การสาธิตและประกวดสินค้า OTOP การฝึกวิชาชีพระยะสั้น และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การประกวดวาดภาพ OTOP เทิดไท้องค์ราชินี โดยกลุ่มเด็ก และเยาวชน การแสดงศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่นของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคอื่น ๆ และการแลกเปลี่ยน สินค้าระบบหักบัญชีระหว่างเครือข่ายผู้ผลิตสินค้า OTOP ภาคกลางและภาคใต้ ทั้งนี้ ผลที่ได้รับจากการจัดงาน กลุ่มผู้เข้าชมงานและเข้าร่วมกิจกรรมเห็นว่า มีประโยชน์มากเนื่องจากได้มีโอกาสชมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ท้องถิ่นและสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งได้รับความรู้ในการพัฒนาฝีมือ และอาชีพซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และขยายโอกาสช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น และเกิดกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2710 | กระทู้ถามที่ 1351 ร. เรื่อง มาตรการส่งเสริมงานศึกษาวิจัยพันธุกรรมมะเกี๋ยง | สผ | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1351 ร. เรื่อง
มาตรการส่งเสริมงานศึกษาวิจัยพันธุกรรมมะเกี๋ยง ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า การส่ง เสริมงานศึกษาวิจัยพันธุกรรมมะเกี๋ยง กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีนโยบายให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านวิชาการ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ งบประมาณ และด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพืชในเป้าหมายทางเศรษฐกิจหรือพืชที่อยู่ในความสนใจของ เกษตรกรหรือภาคเอกชนที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีที่มีผลในเชิงการค้าและเพื่อการส่งออก แต่ เนื่องจากงบประมาณที่มีอยู่จำกัด จึงจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญเพื่อจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น พืชใน ตระกูลมะเกี๋ยงและหว้าจึงได้รับการสนับสนุนในอันดับรองลงมา นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ โดย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาตามภาคต่าง ๆ ของ ประเทศได้ศึกษาวิจัยที่สนองตอบต่อความต้องการของท้องถิ่น ตลอดจนบูรณาการการวิจัยในลักษณะสห สาขาวิชา เพื่อแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น และสนับสนุนการวิจัยขั้นพื้นฐานโดยเร่งผลักดันการทำวิจัยที่สอด คล้องกับนโยบายของรัฐบาลเป็นหลักก่อน รวมทั้งให้การส่งเสริมและสนับสนุนสถาบันอุดมศึกษานำผล การวิจัยที่มีประโยชน์ไปเผยแพร่ให้ประชาชนในทุกระดับในวงกว้าง เช่น โครงการเผยแพร่ผลงานวิจัยเพื่อ นำไปใช้ประโยชน์ จะเป็นการนำผลงานวิจัยจากสถาบันอุดมศึกษาที่นำเสนอมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ทางโทรทัศน์ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2711 | รายงานความก้าวหน้าโครงการพัฒนา 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ของกระทรวงพลังงาน | พน | 29/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความก้าวหน้าในโครงการสนับสนุนการ
ประกอบอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงพลังงาน โดยมีหน่วยงานในกำกับดูแลดำเนินการส่ง เสริมอาชีพในพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดำเนินการจ้างงานในเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา และสถานีไฟฟ้าแรงสูง จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส ประกอบด้วย การจ้างรายเดือน (1-6 เดือน) 125 คน และการจ้างรายปี 122 คน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจ้างงานในโครง การท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทยมาเลเซีย ประกอบด้วย การจ้างรายเดือน (1-6 เดือน) 1,500-2,000 คน และการจ้างรายปี 400 คน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ให้นโยบายกับหน่วยงานในสังกัดให้เน้นการจ้าง แรงงานจากประชาชนในท้องถิ่น โดยพิจารณาด้านวุฒิ ประสบการณ์ และความเหมาะสมเพื่อประกอบการ พิจารณา โดยจะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีได้ทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2712 | การใช้ปุ๋ยชีวภาพ | นร | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้กระทรวง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งดำเนินการจัดตั้งโรงงานต้นแบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมีและปุ๋ยชีวภาพ ให้ทั่วถึงทุกจังหวัด และให้ขยายผลโดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกรท้องถิ่น โดยให้ประสานการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนิน การรณรงค์ส่งเสริมและแนะนำให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการปรับปรุงดินด้วยอินทรีย์ วัตถุ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจังเพื่อการพัฒนาคุณภาพดิน ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและสาร เคมี เนื่องจากการใช้ปุ๋ยเคมีมากจะเกิดผลเสียต่อสภาพดินและสภาพแวดล้อมโดยรวมในระยะยาว ประกอบกับ ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับซึ่งจะส่งผลกระทบให้ปุ๋ยเคมีมีราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้น ใน การเร่งการผลิตและรณรงค์การใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยชีวภาพให้แพร่หลาย จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้อง ดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นเจ้าภาพ รับผิดชอบเรื่องนี้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยให้กำกับติดตามการ ดำเนินการอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ถือว่า เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2713 | กรณี นายเจริญ วัดอักษร ถูกมาตกรรม | นร | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากกรณี นายเจริญ วัดอักษร ประธาน
กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ซึ่งสาเหตุของ การฆาตกรรมอาจมีความเป็นไปได้ในหลายประเด็น สมควรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเร่งดำเนินการ สืบสวนสอบสวนให้เกิดความกระจ่างชัดโดยเร็ว จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) รับไป เร่งรัดติดตามการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องดังกล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2714 | การยกฐานะสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานระดับกรมในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี | นร | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอให้ถอนร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของสำนัก งานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... คืนไปได้ โดยให้นำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไข ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ภายใน 45 วัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2715 | รายงานผลการสำรวจความต้องการของประชาชนด้านการประกอบอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครั้งที่ 2) | กษ | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเนวิน ชิดชอบ)
ประธานคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีในการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ยะลา และปัตตานี) รายงานผลการสำรวจความต้องการของประชาชนด้านการประกอบอาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นรา ธิวาส ยะลา ปัตตานี และในบางอำเภอของจังหวัดสงขลา) ครั้งที่ 2 ซึ่งจากผลการสำรวจครัวเรือนที่สำรวจ แล้ว 230,553 ครัวเรือน แยกเป็น จังหวัดนราธิวาส 80,429 ครัวเรือน จังหวัดปัตตานี 68,087 ครัวเรือน จังหวัดยะลา 48,570 ครัวเรือน และจังหวัดสงขลา 33,467 ครัวเรือน พบว่า ร้อยละ 0.42 ต้องการรถแม็คโคร สำหรับขุดบ่อ/ขยายแหล่งน้ำ สร้างปะการังเทียม และต้องการให้เกิดความสงบและปลอดภัยในพื้นที่ ร้อยละ 7.87 ต้องการให้แก้ปัญหาหนี้สิน เงินทุนประกอบอาชีพ และพักชำระหนี้/ลดดอกเบี้ยธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร้อยละ 0.51 ต้องการระบบไฟฟ้า ร้อยละ 73.54 ต้องการระบบชลประทาน การพัฒนาอาชีพประมง ปศุสัตว์ การปรับปรุงและบำรุงรักษาดิน การสนับสนุนพันธุ์พืช การฝึกอบรมและสนับ สนุนปัจจัยการผลิตพืช การตั้งสหกรณ์ในหมู่บ้าน ที่ทำกิน/ที่อยู่ การประกันราคายางและปาล์มน้ำมัน ร้อยละ 0.003 ต้องการให้สร้างท่าเทียบเรือ ร้อยละ 0.40 ต้องการระบบโทรศัพท์ ร้อยละ 0.15 ต้องการให้ปรับปรุง และสร้างสนามกีฬา สนับสนุนการกีฬา ตลอดจนจัดแข่งขันกีฬา ร้อยละ 0.08 ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ท ร้อยละ 0.14 ต้องการน้ำมันดีเซลราคาถูก ร้อยละ 1.37 ต้องการเงินทุนซ่อมแซมและต่อเติม บ้านที่อยู่อาศัย เงินช่วยเหลือคนชรา และคนพิการ ร้อยละ 1.39 ต้องการเครื่องอุปโภคบริโภค โรงสีข้าว การ จัดหาตลาดรองรับผลผลิต การประกันราคาผลผลิต และลดค่าครองชีพ ร้อยละ 0.83 ต้องการตั้งกลุ่มแม่ บ้านศูนย์พัฒนาเด็กและเยาวชน สร้างถนนสำหรับขนส่งผลผลิต OTOP สร้างหอกระจายข่าวและศาลาอเนก ประสงค์ ร้อยละ 5.65 ต้องการให้เพิ่มค่าจ้างรายวันขั้นต่ำ สร้างงานในท้องที่ จักรเย็บผ้าและอุปกรณ์เย็บผ้า การฝึกอบรมวิชาชีพต่าง ๆ ร้อยละ 0.04 ต้องการให้สร้างมัสยิดและเมรุ ตลอดจนฝึกอบรมด้านวัฒนธรรมและ สังคม ร้อยละ 6.27 ต้องการรถจักรยาน ทุนการศึกษา รถรับส่งนักเรียน วัสดุอุปกรณ์การเรียน การสร้าง โรงเรียน การอบรมภาษาอังกฤษ และห้องสมุด ร้อยละ 0.08 ต้องการให้เพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัคร และ สวัสดิการการรักษาโรค ร้อยละ 0.02 ต้องการเข้าร่วมโครงการพระราชดำริ ร้อยละ 0.91 ต้องการท่อระบาย น้ำระบบน้ำประปา การปรับปรุงและบำรุงน้ำ แก้ปัญหาน้ำเสีย ยกร่องและขยายแหล่งน้ำ และสร้างสะพานข้าม แม่น้ำลำคลอง และร้อยละ 0.32 ต้องการให้ตั้งโรงงานในท้องที่เพื่อสร้างงานในท้องถิ่น และประกันราคาอ้อย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2716 | การขออนุมัติโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร | มท | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการพัฒนาระบบบริหารและ เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดย ให้รับความเห็นของส่วนราชการและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการ ด้วย โดยในส่วนของคณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่า การจัดตั้งสถาบันหรือศูนย์ฝึกอบรมการดับเพลิงและบรร เทาสาธารณภัย หรือโรงเรียนดับเพลิงที่จะจัดตั้งขึ้น ให้เป็นหน่วยงานในสังกัดของกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ให้กรุงเทพมหานครมีส่วนร่วมในการพิจารณาดำเนินการตั้งแต่ต้น เพื่อ ให้การจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวสามารถรองรับภารกิจของกรุงเทพมหานครในฐานะที่จะเป็นผู้ใช้บริการจาก หน่วยงานดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่ได้ ทั้งนี้ การขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรีย โดยการจัดทำการ ค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) ให้ขอรับความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยในส่วนของอาคาร หาก จำเป็นต้องดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมจากที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีอยู่แล้ว ให้แยกออกจาก การขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรีย และให้ดำเนินการโดยใช้งบจากเงินงบประมาณของฝ่ายไทย เอง สำหรับวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ ยานพาหนะต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ และที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ภายใต้การดำเนินการโครงการนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร และกรมป้องกันและบรร เทาสาธารณภัย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมกันสำรวจตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่อง ความจำเป็นและจำนวนที่จะต้องจัดหาให้ชัดเจน และถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง ทั้งในส่วนที่ฝ่ายไทยมีอยู่แล้ว และ ส่วนที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยให้นำเข้าเฉพาะส่วนที่จำเป็นและที่ไม่มีหรือที่ไม่สามารถผลิตได้เองใน ประเทศเท่านั้น และให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะ กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสัดส่วน และจำนวนเงินอุดหนุนของรัฐบาลต่อกรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการดังกล่าว ซึ่งจะต้องผูกพันงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2553 ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการการทำการค้าต่างตอบแทน (Counter Trade) กับรัฐบาลออสเตรีย สำหรับโครงการ ฯ โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 เรื่อง การดำเนินการถ่ายโอนภารกิจของกองบังคับการตำรวจ ดับเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานครให้แล้วเสร็จครบถ้วน โดย เร็ว โดยในส่วนของวัสดุ อุปกรณ์ และยานพาหนะบางส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงเก็บไว้ใช้ในภาร กิจการป้องกันและระงับอัคคีภัย ให้โอนไปให้กรุงเทพมหานครทั้งหมด และให้กรุงเทพมหานครเป็นหน่วย งานรับผิดชอบภารกิจการป้องกันและระงับอัคคีภัยในกรุงเทพมหานครเพียงหน่วยงานเดียว และมอบให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประสานและติดตามการดำเนินการให้เรียบร้อยและแล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2717 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง บริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | มท | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น
ละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี โดยในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ดำเนิน การเฝ้าระวังมิให้มีการทำเหมืองผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 และจัดทำโครงการแก้ไข ปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลานบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษของกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนผลการปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองของจังหวัดสระบุรี ได้ดำเนิน การตรวจสอบดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสั่งการโรงงานโม่ บด และย่อย หินระงับการเดินเครื่องจักรในส่วนที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง และทำการปรับปรุงระบบป้องกันกำจัดฝุ่นละออง ในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเป็นเวลา 60 วัน จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547 ได้สั่งให้โรงงาน ระงับการเดินเครื่องจักรแล้ว จำนวน 31 แห่ง และได้สั่งการให้โรงงานโม่ บด และย่อยหิน แก้ไขปรับปรุง ระบบ โดยเสนอแผนการจัดการฝุ่นละออง การจัดทำลานล้างล้อรถยนต์ การทำความสะอาดเครื่องจักร การทำแนวคันดินปลูกต้นไม้ ติดตั้งมาตรวัดปริมาณการใช้น้ำ ระงับปรับปรุงการใช้ถนนภายในโรงงาน ซึ่ง นับแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2547 ถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547 ได้สั่งให้โรงงานแก้ไขปรับปรุงแล้ว รวม 27 แห่ง นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแผนฟื้นฟูเหมืองหินรกร้างบริเวณหน้าพระลาน เพื่อนำไปประกอบการจัดทำ แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2547 และดำเนินการ ตรวจสอบ ควบคุมการใช้วัตถุระเบิดในกิจการโม่ บด และย่อยหิน ของสถานประกอบการ โดยได้มีการแต่ง ตั้งคณะกรรมการควบคุมดูแลการใช้วัตถุระเบิด และให้นายทะเบียนท้องที่ตรวจสอบ ควบคุมปริมาณการ ใช้ การขนย้าย การเก็บรักษา ให้เป็นไปตามที่ทางราชการอนุญาตโดยเคร่งครัดทั้งต้นทางและปลายทาง (กรณีขนย้าย) ให้ถูกต้องตรงกัน และกำชับให้อำเภอท้องที่ ตรวจสอบ ควบคุมให้มีการระเบิดหินของ เหมืองหินต่าง ๆ ให้ตรงตามเวลาที่กำหนด (ในแต่ละวัน) เพื่อไม่ให้ราษฎรเดือดร้อน พร้อมกับได้กำหนด ให้อำเภอท้องที่จัดทำแผนการตรวจสอบการใช้วัตถุระเบิดสำหรับกิจการโรงโม่ บด และย่อยหิน ให้เป็นที่ ชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้ และมีการตั้งด่านตรวจสภาพยานพาหนะและการขนส่งมิให้มีการทำ วัสดุร่วงหล่นและเกิดฝุ่นละอองบนพื้นถนน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2718 | 1.1 กระทู้ถามที่ 874 ร. เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทย 1.2 กระทู้ถามที่ 1017 ร. เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่น 1.3 กระทู้ถามที่ 1334 ร. เรื่อง ลานกีฬาหมู่บ้าน 1.4 กระทู้ถามที่ 1339 ร. เรื่อง การแยกเก็บและกำจัดขยะเปียก ขยะแห้งเพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดและกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน | สผ | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอคำตอบกระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร รวม 4 เรื่อง ได้แก่ คำตอบกระทู้ถามที่ 874 ร. เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นของประเทศไทย คำตอบกระทู้ถามที่ 1017 ร. เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครองท้องถิ่น คำตอบกระทู้ถามที่ 1334 ร. เรื่อง ลานกีฬาหมู่บ้าน และคำตอบกระทู้ถามที่ 1339 ร. เรื่อง การแยกเก็บและ กำจัดขยะเปียก ขยะแห้งเพื่อแก้ปัญหาโรคระบาดและกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน และให้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2719 | ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(ถูกยกเลิกโดย 10125/2549 เฉพาะเรื่องการนำบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครองฯ) | นร | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่นเสนอร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่า ด้วยจราจรทางบก เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดย ให้รับความเห็นบางประการของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ปัจจุบันองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งมีพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบทับซ้อนกันอยู่ อาจมีปัญหาในการปฏิบัติตามอำนาจ หน้าที่ที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดไว้ จึงควรพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ชัดเจนและควร นำหลักการเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกทั้งหมด รวมตรวจพิจารณาเป็นร่างพระราช บัญญัติเพียงฉบับเดียว ไปพิจารณาด้วย และโดยที่พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ได้บัญญัติให้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจการให้บริการสาธารณะแก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในกำหนดเวลา และกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ให้รัฐทำหน้าที่ประสานความ ร่วมมือและช่วยเหลือการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้จัดสรรภาษี และอากร เงินอุดหนุน และรายได้อื่น ๆ ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละ ประเภทอย่างเหมาะสมซึ่งการดำเนินการตามบทบัญญัติดังกล่าวจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ หากจะยกร่างกฎหมายฉบับหนึ่งเป็นกฎหมายกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับการกระจายอำนาจ โดยให้รัฐมนตรีมี อำนาจตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นเจ้าพนักงาน และกำหนดรายได้ ตลอดจนค่าธรรมเนียมได้ แทนการแก้ไขเพิ่ม เติมเป็นรายฉบับน่าจะเหมาะสมกว่า จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณา หากเห็นว่าสามารถดำเนินการตามแนวทางนี้ได้ก็ให้ยกร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี โดย ให้ประสานงานกับคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ ร่างพระ ราชบัญญัติต่าง ๆ ของกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐ บางฉบับเป็นร่างกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ฝ่าฝืนมีความผิด ทางอาญาและมีบทกำหนดโทษ ในกรณีที่เป็นความผิดเพียงเล็กน้อยและมีโทษปรับ หากจะต้องดำเนินคดีในทาง อาญาอาจเป็นความยุ่งยากและไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันจึงควรที่กระทรวงและหน่วยงาน ภาครัฐที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้พิจารณานำบทบัญญัติในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ส่วนที่ 8 การบังคับทางปกครองซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับการยึดหรืออายัดทรัพย์ สินและขายทอดตลาดเพื่อชำระเงิน ตามมาตรา 57, 58 และมาตรา 61 ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2542) และฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2542) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าว มาใช้บังคับหรือปรับ ปรุงกฎหมายให้สามารถนำมาตรการดังกล่าวมาใช้บังคับให้มากยิ่งขึ้น น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2720 | ร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 15/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ เพื่อแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ 2507 เพื่อ กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดการหอพักในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น โดยที่พระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2507 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติหลายส่วนล้าสมัยและไม่สอด คล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เมื่อจะแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติในประเด็นตามที่ เสนอมานี้ สมควรจะได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้งฉบับเสียในคราวเดียวกัน จึงมอบให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติหอพัก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาดำเนินการ โดย รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย ดังนี้ คำนิยาม "หอพัก" ตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันไม่ ชัดเจนและมีปัญหาในทางปฏิบัติมาก สมควรพิจารณาปรับปรุงให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพสังคม ในปัจจุบันด้วย ทั้งนี้ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้น ตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ แถลงไว้ต่อรัฐสภา จึงสมควรต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน
|