ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 136 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2701 - 2720 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2701 | แผนการจัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ และการจัดการปัญหาน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการ
จัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ ประกอบ เป้าหมายหลักในการทำให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป้าหมายรอง คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมสามารถบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายในปี พ.ศ. 2554 และมีการดำเนินการจัดการน้ำเสียชุมชนในชุมชนเมือง 291 พื้นที่ เพื่อควบ คุมปริมาณของเสียให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่เกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2551 และมีการ บริหารจัดการน้ำเสียในชุมชนเมือง 1,130 พื้นที่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพภายในปี พ.ศ. 2560 สำหรับ รายละเอียดที่จะดำเนินการตามแผนการจัดการน้ำเสียชุมชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน และคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างระบบ รวมทั้งติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูป ธรรม และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อ ไป และให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยหากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ามีส่วนใดที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่ายในปีต่อไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป สำหรับการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนโดยที่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งมีฟาร์มสุกรขนาดเล็กเป็นจำนวนมากประกอบกับยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อย ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการปรับ ปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสีย เดินระบบ และดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยไม่ครอบคลุมถึงน้ำเสียจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก อาจไม่สามารถแก้ไขต้นตอของ ปัญหาได้อย่างแท้จริงและไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าที่ควร จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ถูกต้องชัด เจนอีกครั้งหนึ่ง หากเห็นควรดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวประการใด และจำเป็นต้องใช้ งบประมาณเพิ่มเติมเท่าใด ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2702 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) | คค | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม
ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ประกอบด้วย โครงการที่ได้รับงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2547 และอยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน 22 โครงการ วงเงิน 1,509.73 ล้านบาท เกิดการ จ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 213.54 ล้านบาท ส่วนโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ประกอบด้วย โครงการที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขภาคใต้ (รอง นายกรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธาน และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เป็นเลขานุการ) จำนวน 13 โครงการ วงเงิน 1,961.41 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่น ประมาณ 138.00 ล้านบาท และโครงการที่หน่วยงานในสังกัดเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติแล้วไม่ผ่านการพิจารณา และมีความจำเป็นต้องดำเนินการ จำนวน 10 โครงการ วงเงิน 1,875.54 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 164.65 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ได้รับ งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 จำนวน 43 โครงการ วงเงิน 1,129.75 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้อง ถิ่นประมาณ 86.37 ล้านบาท โครงการที่มีความจำเป็นแต่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 14 โครง การ วงเงิน 795.31 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 80.36 ล้านบาท รวมทั้งกิจกรรมของ กระทรวงคมนาคมที่จะดำเนินการเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้เกิดการจ้างแรงงานและรายได้ให้แก่ประชา ชน จำนวน 7 กิจกรรม
|
||||||||||||||||||
| 2703 | การบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติ ดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลหลายฉบับได้กำหนดภาระหน้าที่และภารกิจตามกฎหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล หากมีความจำเป็นต้องจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืนก็สามารถกระทำได้ หากไม่ขัดหรือแย้ง หรือมีผลในการยกเลิกกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลที่มีอยู่เดิม และไม่กระทบต่อภาระหน้าที่และการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามกฎหมาย โดยในการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายดังกล่าว ควรเน้นการส่งเสริมบทบาทของส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็ต้องให้มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกันด้วยและสามารถตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 2. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการบริหารจัดการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ และดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการนี้ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรปรับปรุงวัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ ให้ครอบคลุมทั้งปัญหาในด้านการถูกกัดเซาะและการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการกัดเซาะและการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลได้อย่างยั่งยืน 2.2 เห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลและบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล ทั้งหน่วยราชการส่วนกลาง หน่วยราชการส่วนภูมิภาค และหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ สำหรับพื้นที่บริเวณชายหาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหาดที่มีชื่อเสียง และมีความสวยงาม ซึ่งเป็นที่สาธารณะ ประชาชนโดยทั่วไปมักจะไม่สามารถเข้าไปชมความสวยงามหรือใช้บริเวณชายหาดเหล่านั้นเพื่อการพักผ่อนได้ เพราะมีเอกชนหลายรายดำเนินการแสวงหาประโยชน์จากชายหาดดังกล่าว และดำเนินการในลักษณะกีดกันหรือหวงห้ามประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ทั้งๆ ที่เป็นที่สาธารณะหรือเป็นที่ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่เหมาะสมและหรือโดยไม่ถูกต้อง จึงเห็นควรรับปัญหานี้ไปพิจารณาแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมมีผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นควรนำผลการศึกษาวิจัยเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับชายฝั่งทะเลต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2704 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (แนวทางการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ) (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | สสป | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่
4.2 (ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภา ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่อง แนวทางการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน ทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าของเรื่องรับไปพิจารณาร่วม กับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ตาม ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ฯ และประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า ในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสบปัญหาและอุปสรรค มาโดยตลอด ทั้งด้านขาดงบประมาณ ขาดบุคลากรที่ชำนาญ และขาดความพร้อมในการบริหารจัดการ รวมทั้ง การจัดสรรงบประมาณเพื่อการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียในชุมชนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีความสอดคล้องกับ การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องอื่น ๆ ด้วย จึงเห็นควรที่ต้องมีการพิจารณาทบ ทวนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการมีระบบแก้ไขและป้องกันภัยน้ำเสียในชุมชน เช่น การให้มีที่ดักไขมันในร้านอาหาร และครัวเรือน และการควบคุมประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียของโรงงานเล็ก ๆ ในชุมชนซึ่งเป็นแหล่งที่ทำให้ น้ำเสียมีความเข้มข้นสูง เป็นต้น จึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้า ของเรื่องรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องจัดทำความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 2705 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของหน่วยงานราชการภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กค | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของหน่วยงานราชการภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ดังนี้ (1) กรมศุลกากร ได้นำ เรือศุลกากร (เรือเร็ว และเรือยาง) ไปใช้ในการลาดตระเวน การปันส่วนน้ำมันดีเซลและน้ำมันปาล์ม การ บริจาคเงินให้แก่โรงเรียน จำนวน 600,000 บาท และการจ้างคนในพื้นที่เป็นลูกจ้างของกรมศุลกากร (2) กรมสรรพสามิต ได้จัดอบรมและพัฒนาบุคลากรของกรมสรรพสามิตให้มีความเข้าใจในวัฒนธรรม ค่านิยม ภาษาท้องถิ่น (ยาวี) และสนับสนุนส่งเสริมสินค้า OTOP ประเภทน้ำผัก และผลไม้ (3) กรมสรรพากร ได้ เร่งรัดการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น (4) กรม ธนารักษ์ ได้ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารราชพัสดุ สร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างตามยุทธศาสตร์หรือตามความ ต้องการของจังหวัด และจัดหาที่อยู่อาศัยและหรือที่ทำกินให้ราษฎรผู้มีรายได้น้อย และ (5) กรมบัญชี กลาง ได้ช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ดังนี้ อนุมัติสิทธิในการนับเวลาราชการทวีคูณแก่ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้า ที่อยู่ในเขตที่มีการประกาศกฎอัยการศึก, จ่ายเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้น ที่พิเศษ (สปพ.) ในอัตรา 1,000 บาท ต่อคนต่อเดือน ให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติงาน ประจำในพื้นที่ดังกล่าว, กำหนดเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนเพิ่มเติมให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำดัง กล่าวให้มีสิทธิได้รับเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนในอัตรา 2,500 บาท ทั้งนี้ ผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ นอกเหนือ จากที่กล่าวไว้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดนั้น ๆ เป็นผู้พิจารณากำหนดบุคคลผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สมควรได้รับเงินตอบแทนพิเศษรายเดือน โดยให้มีสิทธิได้รับเงินตอบแทนใน อัตรา 1,000 บาท ต่อคนต่อเดือน หากเป็นผู้ปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ ให้ได้รับเงินพิเศษเพิ่มเติม อีก 2,500 บาท นอกจากนี้ ยังได้จ่ายเงินช่วยเหลือจากโครงการเพื่อการสาธารณประโยชน์จากรายได้ โดยการออกสลากพิเศษ รวมทั้งอนุมัติการช่วยเหลือบุตรของข้าราชการหรือลูกจ้างประจำที่เสียชีวิตจาก การปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้รับสิทธิสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรตามหลัก เกณฑ์ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่ม เติมต่อไปจนกว่าจะหมดสิทธิ |
||||||||||||||||||
| 2706 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กค | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ดังนี้ (1) ธนาคารอิสลามแห่ง ประเทศไทย ได้จัดทำโครงการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการและประชาชนในท้องถิ่น พร้อมทั้งบริจาคอุปกรณ์การ เรียนและคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนในพื้นที่ (2) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้ให้สินเชื่อ แก่ลูกค้าส่งออกในพื้นที่ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และให้ลูกค้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการป้องกันความ เสี่ยงที่อาจเกิดจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน (3) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ง ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อ OTOP ในวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินหมุนเวียนใน การผลิตสินค้าและรวบรวมข้อมูลสินค้า OTOP เพื่อให้บริษัทรวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด (Allied Retail Trade : ART) เลือกซื้อสินค้าไปไว้ในร้าน (4) บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ จำนวน 4.5 ล้านบาท กับช่วยเหลือลูกค้าบรรษัท ฯ โดยผ่อนปรนการชำระหนี้สินเชื่อคงค้าง และงดคิดดอกเบี้ย เพิ่มจากการผิดชำระหนี้ (5) ธนาคารออมสิน จะให้ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียน และนักศึกษา จังหวัดละ 300 ทุน รวม 900 ทุน ทุนละไม่เกิน 10,000 บาทต่อคน และจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการศึกษา จำนวน 1,000 ล้าน บาท สำหรับการศึกษาระดับมัธยมตอนปลายถึงระดับปริญญาโท ทุนละ 60,000-100,000 บาท และสนับสนุน เงินค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบียของประชาชนใน 3 จังหวัด จังหวัดละ 100 คน รวม 300 คน คนละ 20,000 บาท และ (6) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้ความ ช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นลูกค้าในการปรับโครงสร้างหนี้ และสนับสนุนภารกิจด้านการศาสนาอิสลาม และสังคม มุสลิม สำหรับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะสนับสนุนทางการเงินในการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอน ศาสนาอิสลามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ใน 9 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 108 แห่ง เป็นเงิน รวมทั้งสิ้น 464 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
| 2707 | รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | พณ | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2 ตามกรอบอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย (1) ด้านการ ส่งเสริม และพัฒนาอาชีพ รวมทั้งการสร้างรายได้ อาทิเช่น การส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตสินค้า OTOP ของทั้ง 3 จังหวัด โดยหมุนเวียนนำสินค้ามาจำหน่ายที่ห้างเทสโก โลตัส และห้างแม็คโคร ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อให้สินค้าของกลุ่มแม่บ้านและกลุ่มผู้ผลิตในท้องถิ่นมีช่องทางการจำหน่ายและสร้างรายได้ กลับสู่ชุมชน (2) ด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้า ได้เตรียมการเพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจการค้า และโครงการส่งเสริมการประกอบธุรกิจบริการ โดยวางระบบและให้ความรู้เชิงปฏิบัติ การในด้านการบริหารการจัดการ การตลาดแก่ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร อู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ และสนับ สนุนอุปกรณ์ตกแต่งร้านและอุปกรณ์ในการทำธุรกิจ (3) ด้านการส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เช่น การส่งเสริมกลุ่มผู้ค้าชายแดนรายใหม่ทำการค้ากับประเทศมาเลเซีย และอำนวยความสะดวกในการออก เอกสารรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อสนับสนุนการส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย (4) ด้าน การให้ความคุ้มครองผู้บริโภคและประชาชน (ด้านราคาปัญหาการขาดแคลนและการกักตุนสินค้า ด้านการ ประกันภัย) ได้ทำการตรวจสอบสถานประกอบการกำกับดูแลราคาสินค้า/บริการ และการชั่งตรงวัด เพื่อดู แลคุ้มครองผู้บริโภคและเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัด มิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบในเรื่องราคาและน้ำหนักของ สินค้า ตลอดจนช่วยเหลือและดูแลผลประโยชน์ของประชาชนในเรื่องการประกันภัยและประกันชีวิตโดยเฉพาะ ในเรื่องการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมข้อพิพาท การร้องเรียนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม (5) ด้านการ พัฒนาเศรษฐกิจการค้าและพัฒนาตามศักยภาพของจังหวัด อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดเบิกเงินงบประมาณ และแผนปฏิบัติการในแต่ละโครงการที่กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ ได้แก่ โครงการจัดตั้งศูนย์รวบรวมและ กระจายสินค้าระดับอำเภอ (60 ล้านบาท) โครงการจัดสร้างห้องเย็นจังหวัดยะลา (5 ล้านบาท) โครงการ ส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้า (6 ล้านบาท) โครงการส่งเสริมการประกอบธุรกิจบริการ (13 ล้านบาท) และโครงการพัฒนาสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (20 ล้านบาท) นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินการใน ส่วนขงการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ โดยได้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาราคาลองกอง ลาดสาด ปี 2547 และ การพัฒนาเพื่อสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจการค้า ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อมุ่งเน้นการ พัฒนาเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้พลิกฟื้นสถานการณ์กลับสู่ความ เจริญรุ่งเรืองได้เร็วที่สุด
|
||||||||||||||||||
| 2708 | แผนการจัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ และการจัดการปัญหาน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการ
จัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ ประกอบ เป้าหมายหลักในการทำให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป้าหมายรอง คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมสามารถบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายในปี พ.ศ. 2554 และมีการดำเนินการจัดการน้ำเสียชุมชนในชุมชนเมือง 291 พื้นที่ เพื่อควบ คุมปริมาณของเสียให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่เกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2551 และมีการ บริหารจัดการน้ำเสียในชุมชนเมือง 1,130 พื้นที่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพภายในปี พ.ศ. 2560 สำหรับ รายละเอียดที่จะดำเนินการตามแผนการจัดการน้ำเสียชุมชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน และคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างระบบ รวมทั้งติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูป ธรรม และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อ ไป และให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยหากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ามีส่วนใดที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่ายในปีต่อไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป สำหรับการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนโดยที่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งมีฟาร์มสุกรขนาดเล็กเป็นจำนวนมากประกอบกับยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อย ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการปรับ ปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสีย เดินระบบ และดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยไม่ครอบคลุมถึงน้ำเสียจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก อาจไม่สามารถแก้ไขต้นตอของ ปัญหาได้อย่างแท้จริงและไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าที่ควร จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ถูกต้องชัด เจนอีกครั้งหนึ่ง หากเห็นควรดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวประการใด และจำเป็นต้องใช้ งบประมาณเพิ่มเติมเท่าใด ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2709 | โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | กร | 16/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ
ราชดำริเสนอ ดังนี้ เห็นชอบในหลักการของแผนงานพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่ม น้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปี พ.ศ. 2548 โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของโครงการต่าง ๆ ภาย ใต้แผนงาน ฯ ในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และหน่วย งานอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และตามผลการสำรวจความคิดเห็น และความ ต้องการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งคณะทำงานสำรวจข้อมูลของนายกรัฐมนตรีกำลังดำเนินการอยู่ และให้ดำเนินการได้ โดยยึดหลักการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ไม่เกิดซ้ำซ้อนใน การดำเนินงาน โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับแผนงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ กับเห็น ชอบในหลักการแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำเสียชุมชน ในระยะเร่งด่วนในปี พ.ศ. 2548 โดยการจัดทำระบบบำบัด น้ำเสียแบบติดที่ในบริเวณที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งน้ำ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับไปหารือและทำความเข้าใจให้สอดคล้องตรงกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ แล้ว ให้ขอทำความตกลงด้านการเงินกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนในระยะยาว ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามผลการศึกษาและเร่งรณรงค์ทำความเข้าใจกับ ประชาชนในพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียชุมชนและดูแลรักษาแหล่งน้ำ รวมทั้งเห็นชอบ ในหลักการโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ป่าพรุลุ่มน้ำปากพนัง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถแก้ไข ปัญหาในระยะยาว และมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืนต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2710 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครู ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 06/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉาย
แสง) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอขอรับเรื่องการสนับสนุนงบ ประมาณ เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปพิจารณาในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากสำนักงบประมาณมีความเห็นว่า เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น คงเหลือในจำนวนจำกัด และ ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยใช้จ่าย จากงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการใดรายการหนึ่งก่อน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องขอรับการ สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อการนี้ประการใดหรือไม่ จะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2711 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบในส่วนของกระทรวงมหาดไทย | มท | 06/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความ
ยากจนกระทรวงมหาดไทย (ศตจ.มท.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ (ครั้งที่ 3) ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2547 โดยในส่วนของด้านหนี้สินนอกระบบ มียอดผู้ลงทะเบียนที่ผ่าน การประชาคม ในแบบ สย.6 (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) 1,715,468 ปัญหา มูลหนี้ 122,054,017,214 บาท สำหรับการดำเนินการเจรจาประนอมหนี้ ศตจ.อำเภอ ได้เชิญลูกหนี้และเจ้าหนี้มาเจรจา โดยตั้งทีม เจรจา 5,644 ทีม ได้เชิญมาเจรจา 503,248 ปัญหา มูลหนี้ 34,497,971,245 บาท ได้ข้อยุติ 436,809 ปัญหา มูลหนี้ 24,544,758,382 บาท ยังไม่ได้ข้อยุติ 66,439 ปัญหา มูลหนี้ 9,953,212,863 บาท ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานของคณะเจรจาประนอมหนี้นอกระบบของ ศตจ.จังหวัด/อำเภอ คณะเจรจาหนี้ มีความคล่องตัวในการเจรจาหนี้และปรับเปลี่ยนวิธีการตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ มีการตรวจสอบ ยอดเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยให้ชัดเจนก่อนการเจรจา รวมทั้งการวางแผนเพื่อป้องกันมิให้มีการสมยอม กันระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ หรือเพื่อเพิ่มจำนวนเงิน นอกจากนี้ คณะเจรจาหนี้ที่เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ ระดับตำบล หมู่บ้าน ได้รับความร่วมมือ สนับสนุนช่วยเหลือและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี ทั้งจากส่วนราชการ ธนาคาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ |
||||||||||||||||||
| 2712 | รายงานผลการปฏิบัติราชการ (จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครสวรรค์ และ จังหวัดชัยภูมิ) | มท | 06/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการใน
พื้นที่จังหวัดสระบุรี นครสวรรค์ และจังหวัดชัยภูมิ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ระหว่าง วันที่ 1 - 2 กรกฎาคม 2547 เพื่อตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและนโยบาย ของกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งรับทราบปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินงานตามนโยบาย ซึ่งภาพรวม การปฏิบัติราชการในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติ เช่น การแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ ในส่วนของการจดทะเบียนและการตรวจสอบข้อ มูลของประชาชนผู้ประสบปัญหาสังคมและความยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ขอ ให้ตรวจสอบทะเบียนให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากประชาชนบางคนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนในหลักการของการ ดำเนินงานของทางราชการ และให้ทุกฝ่ายเร่งรัดรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงค่านิยมในการก่อหนี้ การ แก้ไขปัญหายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล ให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ข้าราชการต้องไม่เข้าไปสนับ สนุนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ที่จะเป็นการส่งเสริมผู้มีอิทธิพลโดยเด็ดขาด การดำเนินงานระหว่างท้อง ที่และท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำงานอย่างใกล้ชิด ให้ความ ร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติงาน ตลอดจนประสานงานซึ่งกันและกัน สำหรับเรื่อง การบริหารจัดการน้ำ รัฐบาลได้กำหนดนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยจะต้องบูรณาการการดำเนิน งานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง พร้อมทั้งเป็นการ ป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก ซึ่งอาจต้องใช้งบประมาณและระยะเวลาในการดำเนินการเป็นจำนวนมากก็ ตาม เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
| 2713 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ไม่ยืนยันมติ) | กค | 06/07/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี)
เสนอผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิ วาส) ประกอบด้วย การดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามที่ได้รับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 จำนวน 22 โครงการ วงเงิน 1,509.73 ล้านบาท ดังนี้ กรมทางหลวง 4 โครงการ วงเงิน 829.09 ล้านบาท เกิดการจ้าง แรงงานท้องถิ่นประมาณ 176.56 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท 5 แผนงาน วงเงินงบประมาณ 508.83 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 15.29 ล้านบาท กรมการขนส่งทางบก 1 โครงการ เกิดการ จ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 3.17 ล้านบาท กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี 5 โครงการ วงเงิน 125.71 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 4.44 ล้านบาท สำนักงานนโยบายและแผนการขน ส่งและจราจร 1 โครงการ คือ โครงการฝึกอบรม ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนที่จังหวัด นราธิวาส เดือนสิงหาคม 2547 วงเงิน 0.38 ล้านบาท ประมาณการมูลค่าสร้างงาน 0.26 ล้านบาท และ การรถไฟแห่งประเทศไทย 6 โครงการ วงเงิน 42.55 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 13.82 ล้านบาท สำหรับโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 13 โครงการ วงเงิน 1,961.41 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 138 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวง คมนาคม โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ในสังกัด ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างงานอาชีพและให้เกิดการ จ้างแรงงานและรายได้ให้แก่ประชาชน อีกจำนวน 7 กิจกรรม เช่น การจัดฝึกอบรม เรื่อง การขนส่งและ จราจรอย่างยั่งยืนให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นที่จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งการก่อสร้างสนามฟุตบอลที่ตำบล บาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และการจัดพื้นที่บริเวณหน้าที่อาคารท่าอากาศยานหาดใหญ่ สำหรับให้ประชาชนจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นต้น |
||||||||||||||||||
| 2714 | ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว พ.ศ. 2547 - 2551 (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กก | 29/06/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอยุทธศาสตร์การ
ท่องเที่ยว พ.ศ. 2547-2551 และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวให้ บังเกิดผลและมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ นั้น ให้ยึดหลักการในภาพรวมว่า ภารกิจด้าน การรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เป็น หน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการ ส่วนภารกิจด้านการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ต่าง ๆ ให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นหน่วยงานที่เข้ามามีบท บาทในเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณา ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ภารกิจต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ฯ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องและ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์จังหวัด และกลุ่มจังหวัดและท้องถิ่นด้วย โดยให้สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง พิจารณา ดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบให้เหมาะสม โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ การประชาสัมพันธ์ รณรงค์ เชิญชวน ให้นัก ท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ประสบความสำเร็จ จึงควรดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการที่นักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นรูปแบบหนึ่ง ของการจำหน่ายสินค้าส่งออกของประเทศ โดยมิต้องส่งออกไปต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงควรประสานและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อควบคุม ดูแลสินค้าต่าง ๆ ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน ทัดเทียมกับของที่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ และให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวง พาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงระบบภาษีสินค้านำเข้าชนิดต่าง ๆ เพื่อให้กรุงเทพมหา นครเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางเข้ามาเพื่อหาซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่าที่จำหน่ายอยู่ใน แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภูมิภาค ในส่วนของจังหวัดต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ จำเป็นจะต้องปรับ ปรุง พัฒนา และบำรุงรักษาสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม จึงขอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งประสานการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับห้องน้ำที่สะอาด ถูกสุข อนามัย และเพียงพอ เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญประการหนึ่งในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ เดินทางไปท่องเที่ยวในแหล่งต่าง ๆ จึงควรสร้างให้เหมาะสม ทันสมัย สอดคล้องกับบรรยากาศและสภาพ แวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่ง รวมไปถึงการปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทางด้าน การจราจรและขนส่งเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยว ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาและเร่งรัดการ ดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ การปรับปรุง พัฒนา และบำรุงรักษาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนการ ดำเนินการใดที่ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศซึ่งปัจจุบันได้ถ่ายโอนภารกิจนั้น ๆ จากราชการ ส่วนกลางไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการแต่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นยังไม่สามารถดำเนินการ หรือไม่พร้อมที่จะดำเนินการ ให้ส่วนราชการส่วนกลางที่เคยรับผิดชอบอยู่ เดิมพิจารณาดำเนินการแทน โดยให้ยึดผลประโยชน์โดยรวมของประเทศเป็นที่ตั้ง และมิให้นำประเด็นเรื่อง การกระจายอำนาจและการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว มาเป็นข้ออ้างว่าเป็นอุป สรรคในการดำเนินการ ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2546 เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม แนวทางการส่งเสริมและขยายแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมประการหนึ่งที่อาจดำเนิน การได้ คือ การให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพแห่งใหม่ แต่ยังอยู่ในที่ห่างไกล โดยอาจจะ กำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำที่จะต้องนำมาลงทุน และกำหนดระยะเวลาที่จะให้สัมปทานแก่เอกชนนั้น ๆ เข้า ทำประโยชน์ในพื้นที่ โดยจะต้องกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ มิให้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและ สภาพธรรมชิตของพื้นที่ด้วย เช่น การเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่ชายทะเลแห่งใหม่ในเขตสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดให้สัมปทานเป็นเวลา 99 ปี และต้องนำเงินมาลงทุนไม่น้อยกว่า 5 เท่าของมูลค่าของพื้นที่ตามราคาประเมิน เป็นต้น จึงขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับไปพิจารณาความ เหมาะสมและเป็นไปได้ต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2715 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองศูนย์กลางภาคเหนือตอนบน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | นร | 29/06/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ (สศช.) เสนอ และให้ สศช. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ ฯ ต่อ ไป โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตบางประการของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน รวมทั้งความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางไปตรวจราชการ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในเร็ว ๆ นี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ต่าง ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ ฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป หลังจากที่ได้ทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์เรียบร้อยแล้วตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ คณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ ในภาพรวมของยุทธศาสตร์ ฯ ยังไม่ครอบคลุมถึงแผนงาน/โครงการที่จะแก้ ไขปัญหาสังคมต่าง ๆ ในพื้นที่ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่สูง จึงขอให้ สศช. และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการกำหนดแผนงาน/โครงการเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควรต่อ ไป และการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือตอนบนดังกล่าว จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดผลกระทบต่อเขตเมือง เก่า เขตโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งควรอนุรักษ์ไว้โดยกระทรวงมหาดไทยควรเร่งรัดดำเนินการ ให้กฎหมายเกี่ยวกับผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะแล้วเสร็จ และมีผลใช้บังคับโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครง การพัฒนาต่าง ๆ สอดคล้องกับกฎหมายผังเมืองดังกล่าว สำหรับโครงการด้านการพัฒนาระบบการจราจร และขนส่งควรคำนึงถึงการประหยัดพลังงานโดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้การขนส่งทางน้ำ ตลอด จนการสร้างทางรถจักรยานเป็นทางเลือกให้มากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันจังหวัดลำพูนมีการขยายตัวทาง ด้านอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก จึงควรพิจารณาจัดทำโครงการพัฒนาที่มีความเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดลำพูน และเชียงใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว รวมถึงโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค นอกเหนือจากโครงการในด้านการแก้ไขปัญหาการจราจร ส่วนปัญหาการจราจรติดขัดในจังหวัดเชียงใหม่ สมควรเร่งดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ในส่วนของแผน งาน/โครงการตามยุทธศาสตร์จังหวัดเชียงรายทั้งหมดรวม 4 โครงการซึ่งได้แก่ โครงการปรับปรุงฝายเชียง ราย โครงการผันน้ำแม่กรณ์-แม่กก โครงการอ่างเก็บน้ำดอยงู และโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สรวย มอบให้ สศช. พิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำเรื่อง ผลการพิจารณาและบูรณาการแผนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลางปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในส่วนของจังหวัดเชียงราย ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลังมารวมพิจารณา ด้วย กับเห็นชอบให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนาเมืองศูนย์กลางความเจริญภาคเหนือตอนบน เชียงใหม่-ลำพูน และการจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นฐานการรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ และการ เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างเมือง โดยมอบให้ สศช. รับไปดำเนินการ โดยค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ในวงเงิน 43 ล้านบาท ให้ สศช. ขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามขั้นตอนต่อ ไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนิน งานเร่งรัดการจัดทำผังเมืองให้มีผลบังคับตามกฎหมายโดยเร็ว โดยลดขั้นตอนการดำเนินงานลง ให้องค์ การบริหารส่วนจังหวัดเป็นกลไกการประสานแผนงานการพัฒนาระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย เฉพาะพื้นที่ส่วนขยายของเมืองกับเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล โดยใช้ผังเมืองเป็นกรอบ และจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาพื้นที่ระหว่างเมืองร่วมกัน คือ เชียงใหม่-ลำพูน โดยใช้ยุทธศาสตร์การ พัฒนาเมืองศูนย์กลางภาคเหนือตอนบนเป็นหลักในการพัฒนา |
||||||||||||||||||
| 2716 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) | มท | 29/06/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะ
กรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) จำนวน 5 คน ดังนี้ นายบรรโลม ภุชงค กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารงานท้องถิ่น นายสมศักดิ์ ศรีวรรธนะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้าน บริหารงานบุคคล นายอัษฎางค์ ปาณิกบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบราชการ นายประวิทย์ ทอง ศรีนุ่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารและการจัดการ และนายจำเนียร ชวนะพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณ วุฒิด้านกฎหมาย โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 มิถุนายน 2547) เป็นต้นไป |
||||||||||||||||||
| 2717 | ผลการจัดงาน "OTOP นรา ยะลา ตานี เทิดไท้องค์ราชินี" | มท | 29/06/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดงาน "OTOP นรา ยะลา ตานี
เทิดไท้องค์ราชินี" ณ จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2547 โดยการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการจำหน่ายสินค้า OTOP เผยแพร่ภูมิ ปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ประจักษ์แก่คนทั่วไป และ ให้กลุ่มเยาวชนและสตรี ได้เข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP การสาธิตและประกวดสินค้า OTOP การฝึกวิชาชีพระยะสั้น และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การประกวดวาดภาพ OTOP เทิดไท้องค์ราชินี โดยกลุ่มเด็ก และเยาวชน การแสดงศิลปะ วัฒนธรรมท้องถิ่นของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคอื่น ๆ และการแลกเปลี่ยน สินค้าระบบหักบัญชีระหว่างเครือข่ายผู้ผลิตสินค้า OTOP ภาคกลางและภาคใต้ ทั้งนี้ ผลที่ได้รับจากการจัดงาน กลุ่มผู้เข้าชมงานและเข้าร่วมกิจกรรมเห็นว่า มีประโยชน์มากเนื่องจากได้มีโอกาสชมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ท้องถิ่นและสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งได้รับความรู้ในการพัฒนาฝีมือ และอาชีพซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และขยายโอกาสช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้น และเกิดกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
|
||||||||||||||||||
| 2718 | กระทู้ถามที่ 1351 ร. เรื่อง มาตรการส่งเสริมงานศึกษาวิจัยพันธุกรรมมะเกี๋ยง | สผ | 29/06/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1351 ร. เรื่อง
มาตรการส่งเสริมงานศึกษาวิจัยพันธุกรรมมะเกี๋ยง ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า การส่ง เสริมงานศึกษาวิจัยพันธุกรรมมะเกี๋ยง กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีนโยบายให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านวิชาการ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ งบประมาณ และด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพืชในเป้าหมายทางเศรษฐกิจหรือพืชที่อยู่ในความสนใจของ เกษตรกรหรือภาคเอกชนที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีที่มีผลในเชิงการค้าและเพื่อการส่งออก แต่ เนื่องจากงบประมาณที่มีอยู่จำกัด จึงจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญเพื่อจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น พืชใน ตระกูลมะเกี๋ยงและหว้าจึงได้รับการสนับสนุนในอันดับรองลงมา นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ โดย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาตามภาคต่าง ๆ ของ ประเทศได้ศึกษาวิจัยที่สนองตอบต่อความต้องการของท้องถิ่น ตลอดจนบูรณาการการวิจัยในลักษณะสห สาขาวิชา เพื่อแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น และสนับสนุนการวิจัยขั้นพื้นฐานโดยเร่งผลักดันการทำวิจัยที่สอด คล้องกับนโยบายของรัฐบาลเป็นหลักก่อน รวมทั้งให้การส่งเสริมและสนับสนุนสถาบันอุดมศึกษานำผล การวิจัยที่มีประโยชน์ไปเผยแพร่ให้ประชาชนในทุกระดับในวงกว้าง เช่น โครงการเผยแพร่ผลงานวิจัยเพื่อ นำไปใช้ประโยชน์ จะเป็นการนำผลงานวิจัยจากสถาบันอุดมศึกษาที่นำเสนอมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ทางโทรทัศน์ |
||||||||||||||||||
| 2719 | รายงานความก้าวหน้าโครงการพัฒนา 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ของกระทรวงพลังงาน | พน | 29/06/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความก้าวหน้าในโครงการสนับสนุนการ
ประกอบอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงพลังงาน โดยมีหน่วยงานในกำกับดูแลดำเนินการส่ง เสริมอาชีพในพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดำเนินการจ้างงานในเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา และสถานีไฟฟ้าแรงสูง จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส ประกอบด้วย การจ้างรายเดือน (1-6 เดือน) 125 คน และการจ้างรายปี 122 คน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจ้างงานในโครง การท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทยมาเลเซีย ประกอบด้วย การจ้างรายเดือน (1-6 เดือน) 1,500-2,000 คน และการจ้างรายปี 400 คน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ให้นโยบายกับหน่วยงานในสังกัดให้เน้นการจ้าง แรงงานจากประชาชนในท้องถิ่น โดยพิจารณาด้านวุฒิ ประสบการณ์ และความเหมาะสมเพื่อประกอบการ พิจารณา โดยจะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีได้ทราบต่อไป |
||||||||||||||||||
| 2720 | การใช้ปุ๋ยชีวภาพ | นร | 22/06/2547 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้กระทรวง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งดำเนินการจัดตั้งโรงงานต้นแบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมีและปุ๋ยชีวภาพ ให้ทั่วถึงทุกจังหวัด และให้ขยายผลโดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกรท้องถิ่น โดยให้ประสานการดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนิน การรณรงค์ส่งเสริมและแนะนำให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการปรับปรุงดินด้วยอินทรีย์ วัตถุ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจังเพื่อการพัฒนาคุณภาพดิน ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและสาร เคมี เนื่องจากการใช้ปุ๋ยเคมีมากจะเกิดผลเสียต่อสภาพดินและสภาพแวดล้อมโดยรวมในระยะยาว ประกอบกับ ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับซึ่งจะส่งผลกระทบให้ปุ๋ยเคมีมีราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้น ใน การเร่งการผลิตและรณรงค์การใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยชีวภาพให้แพร่หลาย จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้อง ดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นเจ้าภาพ รับผิดชอบเรื่องนี้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยให้กำกับติดตามการ ดำเนินการอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ถือว่า เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว |
||||||||||||||||||
.....
