ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 135 จากทั้งหมด 199 หน้า แสดงรายการที่ 2681 - 2700 จากข้อมูลทั้งหมด 3975 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2681 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 6 | นร | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการสัมมนา
โครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 6 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะของสื่อสารมวลชนท้องถิ่นไปดำเนินการต่อไป สำหรับผลการสัมมนาโครงการ "รัฐบาล สื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 6 ซึ่งสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ และโฆษกกระทรวง จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2547 ณ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธานการสัมมนา โดยหัวข้อการสัมมนาในครั้งนี้ ได้แก่ เรื่อง แนวทาง การทำงานร่วมกันระหว่างสื่อมวลชนท้องถิ่นกับหน่วยงานประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นในการทำงานร่วมกัน โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นได้เสนอความคิดเห็นและปัญหาต่าง ๆ ในการ ทำงาน อาทิเช่น สื่อมวลชนจังหวัดสมุทรปราการ ต้องการให้ อบต. และหน่วยงานต่าง ๆ ส่งข้อมูลข่าว สารให้แก่ประชาสัมพันธ์จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์ข่าวที่สื่อมวลชนจะสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ไปเผยแพร่แก่ ประชาชนได้ต่อไป สื่อมวลชนจังหวัดจังหวัดสระแก้ว ได้เสนอขอให้จังหวัดจัดตั้งทีมเฉพาะกิจในการให้ข้อ มูลข่าวสาร เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งกรณีที่ไม่ได้รับความร่วม มือจากองค์กรอิสระในเรื่องข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น ซึ่งประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะที่สื่อมวลชนได้นำ เสนอในการสัมมนา คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะโฆษกกระทรวง จะได้นำไปพิจารณา ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในการทำงานร่วมกัน นอก จากนี้ ที่ประชุมสัมมนาได้ชี้แจงนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนใน ประเด็นต่าง ๆ อาทิเช่น การเร่งรัดดำเนินโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรมที่อำเภอปากน้ำ จังหวัด สมุทรปราการ ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าโดยเฉพาะการเวนคืนที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว และขอทราบการจ่าย เงินชดเชยให้เกษตรกรในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ว่าจะดำเนินการจ่ายได้เมื่อใด เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
2682 | การแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | นร | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ โดยให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือ ดูแลราษฎรที่ประสบความเดือด ร้อนเป็นการเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็วและทั่วถึง รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนด แนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้เป็นระบบครบ วงจรสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศของพื้นที่ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการ แก้ไขปัญหาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2683 | การขออนุมัติโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร | นร | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรม
การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การขออนุมัติโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรร เทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร โดยการประชุมของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2547 เห็นชอบให้สนับสนุนงบ ประมาณเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรร เทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร โดยจ่ายจากเงินอุดหนุนของรัฐบาล ร้อยละ 60 และกรุงเทพ ฯ สมทบ ร้อยละ 40 โดยเงินอุดหนุน เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวให้รวมอยู่ในวงเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2549-2553 ที่กรุงเทพ ฯ จะได้รับตามสัดส่วนการจัดสรรของ กกถ. สำหรับวงเงินงบประมาณให้เป็นไป ตามข้อเท็จจริงในการสำรวจตรวจสอบตามมติคณะรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||
2684 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานผลการดำเนินงานในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการที่ถ่ายโอน ไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2547 พิจารณาเห็นว่า เงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อลดช่อง ว่างทางการคลังปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในส่วนที่สำรองไว้ร้อยละ 5 เพื่อแก้ไขปัญหาการกระจายอำนาจ เป็นการสำรองจากเงินอุดหนุนในส่วนที่จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตำบล ประกอบกับได้มีการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 เพิ่มเติมให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น จำนวน 12,300 ล้านบาท ดังนั้น การจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูดังกล่าว รวมไปถึง ข้าราชการที่ถ่ายโอนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อลดช่องว่าง ทางการคลัง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในส่วนที่สำรองไว้ร้อยละ 5 ให้แก่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้อง ถิ่น จำนวน 396,401,200 บาท สำหรับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาให้ใช้จ่ายจากรายได้ของตนเองหรือ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้เพิ่มเติม หรือเงินอุดหนุนอื่นใด |
||||||||||||||||||||||||
2685 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไตรมาสที่ 3 (ตุลาคม 2546 - มิถุนายน 2547) | กค | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546-มิถุนายน 2547 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 704,058 ล้านบาท หรือร้อยละ 68.49 ของวงเงินงบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ซึ่งไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) สูงกว่าผลการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี งบประมาณก่อนร้อยละ 3.49 (68.49-65.00) และหากไม่รวมงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักย ภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) ซึ่งมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 6,111 ล้านบาท จะทำให้มีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 697,947 ล้านบาท หรือร้อยละ 69.00 ของวงเงินงบประมาณ (1,011,500 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 จำนวน 10,553 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.00 (70.00-69.00) สำหรับผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 56,746 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.88 ของวงเงินงบประมาณ 135,500 ล้านบาท ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการ พัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,696 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 38,217 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 599 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ฯ จำนวน 4,234 ล้านบาท ในส่วนของผลการเบิกจ่ายเงินจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ซึ่งไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน 622,063 ล้านบาท หรือร้อยละ 74.77 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (831,939 ล้านบาท) และรายจ่ายลง ทุน จำนวน 81,995 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.82 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (196,061 ล้านบาท) และผล การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มี การเบิกจ่ายจำนวน 58,658 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.12 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (136,019 ล้านบาท) |
||||||||||||||||||||||||
2686 | รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครั้งที่ 3) | พณ | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 5 โดยกรมการค้าภายในได้ส่งเสริม พัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้ ให้แก่ ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดจ้างอาสาสมัครในท้องถิ่นจำนวน 33 อัตรา เป็นระยะเวลา 3 เดือน (1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2547) เพื่อช่วยงานด้านการตรวจสอบพฤติกรรมผู้ประกอบการค้า และ เป็นแนวร่วมในการดำเนินงานให้ผู้บริโภคในพื้นที่ได้รับความเป็นธรรม ด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ การค้า ได้จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในด้านการประกอบธุรกิจการค้าชายแดน และการรักษาระดับ ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคแก่ผู้ประกอบการในจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ด้านการส่งเสริม การค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ได้จัดคณะผู้แทนนำผู้ประกอบการของ 3 จังหวัด เดินทางไปเจรจาการค้ากับนัก ธุรกิจจากสมาคมธุรกิจขนาดย่อมของมาเลเซีย (SMI ASSOCIATION OF MALASIA) ณ สถานทูตไทยกรุงกัวลา ลัมเปอร์ ด้านการให้ความคุ้มครองผู้บริโภคและประชาชน ได้จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าราคาถูกในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและเป็นการแสดงความห่วงใยของภาครัฐต่อประชาชนในเรื่องความเป็นอยู่และความสงบ สุข นอกจากนี้หน่วยงานในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้ดำเนินโครงการจัดหาสินค้าจำเป็นราคาถูกไปจำหน่ายให้ ประชาชนที่อยู่ห่างไกลร่วมกับจังหวัดตามโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและ พัฒนาตามศักยภาพของจังหวัด ได้ดำเนินโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติ ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขขายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) และ โครงการตามข้อเสนอของประชาคม 3 จังหวัด รวมทั้งหมด 7 โครงการ โดยในส่วนของการเบิกเงินงบประมาณ ได้จัดทำรายละเอียดและส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรแล้ว และการจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติงาน และจัดเจ้าหน้าที่เพื่อไปชี้แจงให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่เตรียมการและดำเนินการในส่วนที่สามารถดำเนินการล่วง หน้าได้ ส่วนโครงการอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องจัดหาสถานที่และพิจารณาความเหมาะสมอยู่ระหว่างการจัด ทำรายละเอียด เพื่อชี้แจงผู้ปฏิบัติดำเนินการต่อไป รวมทั้งโครงการที่เป็นความต้องการของประชาชน อยู่ระหว่าง การประสานกับท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||
2687 | รายชื่อกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว จำนวน 2 เรื่อง 1.1 กระทู้ถามที่ 708 ร. เรื่อง ขอให้กรมชลประทาน และกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก หรือขนาดกลางเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง 1.2 กระทู้ถามที่ 1033 ร. เรื่อง ปัญหาความแออัดและการสร้างบ้านในกรุงเทพมหานคร | นร | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 708 ร.
เรื่อง ขอให้กรมชลประทาน และกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง และกระทู้ถามที่ 1033 ร. เรื่อง ปัญหาความแออัดและการสร้างบ้านในกรุงเทพมหา นคร ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 708 ร. สรุปได้ว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ใน จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำซับเพิก มีปริมาณน้ำต้นทุนจำกัด ไม่สมควรดำเนินการก่อสร้าง อ่างเก็บน้ำด่านเจริญชัย สามารถดำเนินการได้โดยใช้ชื่อโครงการว่า ท่อระบายน้ำด่านเจริญชัย โดยจะจัด ทำแผนงานสำรวจออกแบบต่อไป อ่างเก็บน้ำด่านประตูเกวียน อ่างเก็บน้ำลำเหียง และอ่างเก็บน้ำลำห้วย หวาย ได้ศึกษาจัดทำรายงานเบื้องต้นเสร็จแล้ว อ่างเก็บน้ำยางสาว กำลังดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ส่วน อ่างเก็บน้ำซับน้อย และอ่างเก็บน้ำวังใหญ่ บริเวณที่ขอสร้างเป็นบริเวณเดียวกับโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วย หวาย และการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดเล็กนั้น ผู้ร้องขอต้องจัดทำคำขอโครงการเสนอผ่านสภา ตำบล อำเภอ และจังหวัด ตามขั้นตอนของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก เมื่อโครงการได้รับการอนุมัติ จัดเข้าแผนพัฒนาจังหวัด จึงจะสำรวจออกแบบได้ เมื่อสำรวจออกแบบเสร็จแล้ว จึงจะประเมินราคาค่าก่อ สร้างได้ กรณีเป็นโครงการขนาดกลาง โครงการที่ได้รับอนุมัติจัดเข้าแผนงานก่อสร้างได้ ต้องจัดทำแผน การทำงาน ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ จัดทำรายงานการศึกษาเบื้องต้น ฯลฯ เสร็จแล้วจึงจะ ประเมินราคาค่าก่อสร้างได้ และการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดเล็กเป็นงานพัฒนาชนบท ตาม ระบบคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะ ส่งให้กรมชลประทานพิจารณาจัดทำแผนงานประจำปีตามกำลังงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปี กรณีที่เป็น เรื่องเร่งด่วนและงบประมาณปกติของกรมชลประทานไม่เพียงพอ คณะกรรมการพัฒนาจังหวัดจะต้องหา แนวทางในการหาแหล่งเงินกู้มาดำเนินการ เนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทาน ไม่มีนโยบายในการจัดหาแหล่งเงินกู้ในโครงการชลประทานขนาดเล็ก ส่วนคำตอบกระทู้ถามที่ 1033 ร. สรุปได้ว่า รัฐบาลมีแผนและนโยบายที่จะสร้างบ้านขยายออกไปยังส่วนภูมิภาค เพื่อลดความแออัดในกรุง เทพมหานคร โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการเรื่องนี้โดยตรง คือ การเคหะแห่งชาติ สำหรับการ แก้ไขปัญหาเพื่อลดปริมาณความแออัดในกรุงเทพ ฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำลังพิจารณาศึกษาเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติเพื่อรองรับการดำเนินงานด้านการพัฒนา ที่อยู่อาศัยทั้งระบบ ส่วนกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพ ฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหา ชุมชนริมคูคลองและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเมือง แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการพัฒนาที่ อยู่อาศัยกรุงเทพ ฯ ฯลฯ และสถาบันการศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยยังไม่เคยทำการศึกษาวิจัยโดย ตรงเกี่ยวกับปัญหาความแออัด และปัญหาการสร้างบ้านในเขตกรุงเทพ ฯ แต่ทบวง ฯ ได้ให้การสนับสนุน และส่งเสริมการศึกษาถึงความสัมพันธ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว และการเพิ่มของ ประชากรในแต่ละพื้นที่ขึ้นอยู่กับปริมาณพื้นที่ของเขต ทำเลที่ตั้งที่มีความแตกต่างกันทางเศรษฐกิจ สังคม อายุการตั้งถิ่นฐาน ฯลฯ ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติมีแผนและนโยบายที่จะสร้างบ้านให้กับราษฎรในชนบท และต่างจังหวัดในช่วงปี พ.ศ. 2546-2547 คือ แผนงานพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการเคหะชุมชน และแผน งานโครงการบ้านเอื้ออาทร |
||||||||||||||||||||||||
2688 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2546 | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานการ
จัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยเนื้อหาที่สำคัญเช่น บทที่ 1 กระบวนการทางการเมืองและสิ่ง แวดล้อมเป็นการนำเสนอความเป็นมาของการเมืองไทย ประกอบด้วย กระบวนการทางเมืองกับการบริหาร จัดการสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมโดยกระบวนการอื่น ข้อจำกัดของการบริหารจัดการสิ่ง แวดล้อม โดยกระบวนการทางการเมือง และกระบวนการทางการเมืองและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ของไทย บทที่ 2 การปฏิรูประบบราชการ ประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม เป็นการนำเสนอระบบบริหารราชการแผ่นดินของไทยและแนวทางปฏิรูประบบราชการ ประกอบ ด้วย องค์กรหลักของการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในช่วงการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งมีการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบราชการ กำหนด วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ตลอดจนประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ บทที่ 3 การกระจายอำนาจการจัดการสิ่งแวดล้อมไปสู่ท้องถิ่น เป็นการนำเสนอ การบริหารจัดการบ้านเมืองและแนวทางการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2540 พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 สถาน การณ์การกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปัญหาของการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
2689 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผนปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาดประจำปี พ.ศ. 2546 | นร | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ
สร้างราชการใสสะอาด ประจำปี พ.ศ. 2546 ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งสิ้น 125 แห่ง จำแนกเป็น กระทรวง กรม 118 แห่ง รัฐวิสาหกิจ 1 แห่ง มหาวิทยาลัย 5 แห่ง และองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น 1 แห่ง โดยมีผลการดำเนินการดังนี้ (1) การส่งเสริมจิตสำนึกราชการใสสะอาด ช่วยให้ข้าราชการ มีสำนึกและพฤติกรรมการทำงานที่มีคุณธรรม จริยธรรม เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน ของส่วนราชการ ลดปัญหาร้องเรียนและทุจริต ประชาชนได้รับบริการที่ดี (2) การป้องกันเหตุการณ์และ พฤติกรรมที่อาจเป็นภัยต่อประเทศไทยใสสะอาด ช่วยให้หน่วยงานมีบรรยากาศการทำงานที่ดี ลดขั้นตอน รวมทั้งข้อผิดพลาดในการทำงาน ข้าราชการมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดี และเกิดความร่วมมือกัน (3) การจัดการกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น ช่วยให้การบริหารงานของหน่วยงานมีมาตรฐานและ มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและข้อผิดพลาดในการทำงาน ลดการทำผิดวินัยและทุจริต ข้าราชการปฏิบัติ งานอย่างโปร่งใสเป็นธรรม และข้อร้องเรียนของประชาชนได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการตาม แผน ฯ ดังกล่าว กิจกรรมที่ส่วนราชการให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การป้องกันพฤติกรรมที่อาจเป็นภัยต่อ ประเทศไทยใสสะอาด รองลงมาคือ การสร้างจิตสำนึกราชการใสสะอาด และการดำเนินการกรณีทุจริตที่ เกิดขึ้นหรือจะเกิดขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
2690 | การพิจารณาสนับสนุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในชนบท | นร | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการพิจารณาสนับสนุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในชนบท โดยรัฐอาจให้การสนับสนุนวัสดุก่อสร้างบางส่วนที่จำเป็นหรือขอความ ร่วมมือให้ใช้ไม้ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แทนการอุดหนุนในรูปของตัวเงิน และให้ผู้มีรายได้น้อย ที่เป็นเจ้าของดำเนินการก่อสร้าง โดยอาศัยความร่วมมือและแรงงานจากเพื่อนบ้าน และก่อสร้างในรูปแบบที่ เหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่นและความจำเป็นในการอยู่อาศัยของตนเพื่อให้เกิดการประหยัดและไม่เป็นภาระ แก่เจ้าของบ้าน จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) รับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณา ความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยอาจเชิญภาคเอกชนเข้าร่วม ประชุมหารือเรื่องดังกล่าวด้วยเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยในชนบทได้มีบ้านพักอาศัยเป็นของตนเองได้โดย เร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2691 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธาน
กรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการเพื่อลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย รวม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย-ดินถล่ม โดยดำเนินการใน ระยะเร่งด่วนในพื้นที่คัดเลือก จำนวน 136 หมู่บ้าน งบประมาณรวม 20.4 ล้านบาท และโครงการป้อง กันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย โดยรวบรวมวิเคราะห์โครงการต่าง ๆ ที่จังหวัดที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เสนอมา รวม 51 จังหวัด 578 โครงการ งบประมาณรวม 285.5 ล้านบาท โดยโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย-ดินถล่ม ให้กรมทรัพยากรน้ำ และโครงการป้องกันและมีความเสียหายเนื่อง จากอุทกภัย ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนิน การร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง โดยงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เบิกจ่ายจากเงินทด รองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการ จังหวัดอยู่แล้ว (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณีตามความเหมาะสม โดยกรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการใดที่ มีวงเงินเกินกว่า 5 ล้านบาท ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป และหากกระทรวงมหาดไทย เห็นควรกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมประการใดเพื่อให้ผู้ว่าราชการ จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างชัดเจนถูกต้อง ก็ให้ดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
2692 | การเดินทางไปตรวจราชการต่างจังหวัดของนายกรัฐมนตรี (ภาคกลางและภาคเหนือ) ระหว่างวันที่ 17-22 กรกฎาคม 2547 | นร | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จาการเดินทางไปตรวจราชการในภาค
กลางและภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 17 - 22 กรกฎาคม 2547 ได้รับทราบปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ของแต่ละ จังหวัด จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมจากที่ได้สั่งการในระดับ พื้นที่ไว้แล้ว ดังนี้ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เร่ง รัดปรับปรุง ซ่อมแซม สถานีรถไฟ และภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงาม และให้ชานชลาขึ้น-ลงมีมาตร ฐานและปลอดภัย จัดการเดินรถไฟสายชานเมืองให้มากขึ้น รวมทั้งบริการเดินรถไฟระหว่างอยุธยา-บาง ซื่อ-อยุธยา เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้ามาในกรุงเทพมหานคร โดยใช้ บริการรถไฟฟ้าใต้ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจาก นี้ ให้สำรวจสภาพตู้โดยสารรถไฟที่ชำรุด โดยประเภทที่ชำรุดมากไม่สามารถซ่อมแซมให้ใช้งานได้อีกแล้ว ให้นำไปใช้ประโยชน์ในการทำปะการังเทียม ส่วนประเภทที่ยังสามารถซ่อมแซมเพื่อให้มีสภาพที่สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ให้จ้างสถาบันอาชีวศึกษาในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการซ่อมแซม ปรับปรุงเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น วางไว้ในสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ จัดทำเป็นห้องสมุดเล็ก ๆ ภายใน ชุมชน เป็นต้น ส่วนจังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชร ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำ/ปรับปรุงผังเมือง ของจังหวัดให้เหมาะสม เป็นระบบ และมีความเชื่อมโยงกันในทุกมิติ โดยระดมความร่วมมือและการมีส่วน ร่วมจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ และให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการ แก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่อันเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลป วัฒนธรรมของประเทศ โดยประสานกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และให้ทบทวนแนวทางการดำเนิน การด้วยว่า กรณีสถานที่หรือสิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก จนเหลือเป็นซากปรักหักพังควรจะมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้คืนสภาพบางส่วนหรือทั้งหมด โดยให้หารือ รองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) ตามความจำเป็นด้วย สำหรับจังหวัดแพร่ ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพการผลิตเสื้อม่อฮ่อม รวมถึงการตลาด และการออกแบบ ให้เป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพคงที่ มีการออกแบบที่สวยงาม และมีขีดความ สามารถในการผลิตที่สอดคล้องรองรับกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ให้ ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนในการผลิต กล่าวคือ เป็นการผลิตในเชิงหัตถกรรมเพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่น ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ |
||||||||||||||||||||||||
2693 | แผนการจัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ และการจัดการปัญหาน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการ
จัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ ประกอบ เป้าหมายหลักในการทำให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป้าหมายรอง คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมสามารถบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายในปี พ.ศ. 2554 และมีการดำเนินการจัดการน้ำเสียชุมชนในชุมชนเมือง 291 พื้นที่ เพื่อควบ คุมปริมาณของเสียให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่เกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2551 และมีการ บริหารจัดการน้ำเสียในชุมชนเมือง 1,130 พื้นที่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพภายในปี พ.ศ. 2560 สำหรับ รายละเอียดที่จะดำเนินการตามแผนการจัดการน้ำเสียชุมชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน และคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างระบบ รวมทั้งติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูป ธรรม และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อ ไป และให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยหากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ามีส่วนใดที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่ายในปีต่อไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป สำหรับการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนโดยที่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งมีฟาร์มสุกรขนาดเล็กเป็นจำนวนมากประกอบกับยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อย ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการปรับ ปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสีย เดินระบบ และดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยไม่ครอบคลุมถึงน้ำเสียจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก อาจไม่สามารถแก้ไขต้นตอของ ปัญหาได้อย่างแท้จริงและไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าที่ควร จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ถูกต้องชัด เจนอีกครั้งหนึ่ง หากเห็นควรดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวประการใด และจำเป็นต้องใช้ งบประมาณเพิ่มเติมเท่าใด ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2694 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) | คค | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม
ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ประกอบด้วย โครงการที่ได้รับงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2547 และอยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน 22 โครงการ วงเงิน 1,509.73 ล้านบาท เกิดการ จ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 213.54 ล้านบาท ส่วนโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ประกอบด้วย โครงการที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขภาคใต้ (รอง นายกรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธาน และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เป็นเลขานุการ) จำนวน 13 โครงการ วงเงิน 1,961.41 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่น ประมาณ 138.00 ล้านบาท และโครงการที่หน่วยงานในสังกัดเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติแล้วไม่ผ่านการพิจารณา และมีความจำเป็นต้องดำเนินการ จำนวน 10 โครงการ วงเงิน 1,875.54 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 164.65 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ได้รับ งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 จำนวน 43 โครงการ วงเงิน 1,129.75 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้อง ถิ่นประมาณ 86.37 ล้านบาท โครงการที่มีความจำเป็นแต่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 14 โครง การ วงเงิน 795.31 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 80.36 ล้านบาท รวมทั้งกิจกรรมของ กระทรวงคมนาคมที่จะดำเนินการเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้เกิดการจ้างแรงงานและรายได้ให้แก่ประชา ชน จำนวน 7 กิจกรรม
|
||||||||||||||||||||||||
2695 | การบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติ ดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลหลายฉบับได้กำหนดภาระหน้าที่และภารกิจตามกฎหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล หากมีความจำเป็นต้องจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืนก็สามารถกระทำได้ หากไม่ขัดหรือแย้ง หรือมีผลในการยกเลิกกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลที่มีอยู่เดิม และไม่กระทบต่อภาระหน้าที่และการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามกฎหมาย โดยในการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายดังกล่าว ควรเน้นการส่งเสริมบทบาทของส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็ต้องให้มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกันด้วยและสามารถตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 2. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการบริหารจัดการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ และดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการนี้ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรปรับปรุงวัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ ให้ครอบคลุมทั้งปัญหาในด้านการถูกกัดเซาะและการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการกัดเซาะและการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลได้อย่างยั่งยืน 2.2 เห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลและบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล ทั้งหน่วยราชการส่วนกลาง หน่วยราชการส่วนภูมิภาค และหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ สำหรับพื้นที่บริเวณชายหาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหาดที่มีชื่อเสียง และมีความสวยงาม ซึ่งเป็นที่สาธารณะ ประชาชนโดยทั่วไปมักจะไม่สามารถเข้าไปชมความสวยงามหรือใช้บริเวณชายหาดเหล่านั้นเพื่อการพักผ่อนได้ เพราะมีเอกชนหลายรายดำเนินการแสวงหาประโยชน์จากชายหาดดังกล่าว และดำเนินการในลักษณะกีดกันหรือหวงห้ามประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ทั้งๆ ที่เป็นที่สาธารณะหรือเป็นที่ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่เหมาะสมและหรือโดยไม่ถูกต้อง จึงเห็นควรรับปัญหานี้ไปพิจารณาแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมมีผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นควรนำผลการศึกษาวิจัยเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับชายฝั่งทะเลต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
2696 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (แนวทางการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ) (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | สสป | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่
4.2 (ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภา ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่อง แนวทางการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน ทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าของเรื่องรับไปพิจารณาร่วม กับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ตาม ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ฯ และประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า ในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสบปัญหาและอุปสรรค มาโดยตลอด ทั้งด้านขาดงบประมาณ ขาดบุคลากรที่ชำนาญ และขาดความพร้อมในการบริหารจัดการ รวมทั้ง การจัดสรรงบประมาณเพื่อการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียในชุมชนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีความสอดคล้องกับ การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเรื่องอื่น ๆ ด้วย จึงเห็นควรที่ต้องมีการพิจารณาทบ ทวนในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการมีระบบแก้ไขและป้องกันภัยน้ำเสียในชุมชน เช่น การให้มีที่ดักไขมันในร้านอาหาร และครัวเรือน และการควบคุมประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียของโรงงานเล็ก ๆ ในชุมชนซึ่งเป็นแหล่งที่ทำให้ น้ำเสียมีความเข้มข้นสูง เป็นต้น จึงเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้า ของเรื่องรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องจัดทำความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
2697 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของหน่วยงานราชการภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กค | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของหน่วยงานราชการภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ดังนี้ (1) กรมศุลกากร ได้นำ เรือศุลกากร (เรือเร็ว และเรือยาง) ไปใช้ในการลาดตระเวน การปันส่วนน้ำมันดีเซลและน้ำมันปาล์ม การ บริจาคเงินให้แก่โรงเรียน จำนวน 600,000 บาท และการจ้างคนในพื้นที่เป็นลูกจ้างของกรมศุลกากร (2) กรมสรรพสามิต ได้จัดอบรมและพัฒนาบุคลากรของกรมสรรพสามิตให้มีความเข้าใจในวัฒนธรรม ค่านิยม ภาษาท้องถิ่น (ยาวี) และสนับสนุนส่งเสริมสินค้า OTOP ประเภทน้ำผัก และผลไม้ (3) กรมสรรพากร ได้ เร่งรัดการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น (4) กรม ธนารักษ์ ได้ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารราชพัสดุ สร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างตามยุทธศาสตร์หรือตามความ ต้องการของจังหวัด และจัดหาที่อยู่อาศัยและหรือที่ทำกินให้ราษฎรผู้มีรายได้น้อย และ (5) กรมบัญชี กลาง ได้ช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ดังนี้ อนุมัติสิทธิในการนับเวลาราชการทวีคูณแก่ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้า ที่อยู่ในเขตที่มีการประกาศกฎอัยการศึก, จ่ายเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้น ที่พิเศษ (สปพ.) ในอัตรา 1,000 บาท ต่อคนต่อเดือน ให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติงาน ประจำในพื้นที่ดังกล่าว, กำหนดเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนเพิ่มเติมให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำดัง กล่าวให้มีสิทธิได้รับเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนในอัตรา 2,500 บาท ทั้งนี้ ผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ นอกเหนือ จากที่กล่าวไว้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของจังหวัดนั้น ๆ เป็นผู้พิจารณากำหนดบุคคลผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สมควรได้รับเงินตอบแทนพิเศษรายเดือน โดยให้มีสิทธิได้รับเงินตอบแทนใน อัตรา 1,000 บาท ต่อคนต่อเดือน หากเป็นผู้ปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ ให้ได้รับเงินพิเศษเพิ่มเติม อีก 2,500 บาท นอกจากนี้ ยังได้จ่ายเงินช่วยเหลือจากโครงการเพื่อการสาธารณประโยชน์จากรายได้ โดยการออกสลากพิเศษ รวมทั้งอนุมัติการช่วยเหลือบุตรของข้าราชการหรือลูกจ้างประจำที่เสียชีวิตจาก การปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้รับสิทธิสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรตามหลัก เกณฑ์ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่ม เติมต่อไปจนกว่าจะหมดสิทธิ |
||||||||||||||||||||||||
2698 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | กค | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ดังนี้ (1) ธนาคารอิสลามแห่ง ประเทศไทย ได้จัดทำโครงการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการและประชาชนในท้องถิ่น พร้อมทั้งบริจาคอุปกรณ์การ เรียนและคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนในพื้นที่ (2) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้ให้สินเชื่อ แก่ลูกค้าส่งออกในพื้นที่ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และให้ลูกค้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการป้องกันความ เสี่ยงที่อาจเกิดจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน (3) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ง ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนสินเชื่อ OTOP ในวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินหมุนเวียนใน การผลิตสินค้าและรวบรวมข้อมูลสินค้า OTOP เพื่อให้บริษัทรวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด (Allied Retail Trade : ART) เลือกซื้อสินค้าไปไว้ในร้าน (4) บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ จำนวน 4.5 ล้านบาท กับช่วยเหลือลูกค้าบรรษัท ฯ โดยผ่อนปรนการชำระหนี้สินเชื่อคงค้าง และงดคิดดอกเบี้ย เพิ่มจากการผิดชำระหนี้ (5) ธนาคารออมสิน จะให้ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียน และนักศึกษา จังหวัดละ 300 ทุน รวม 900 ทุน ทุนละไม่เกิน 10,000 บาทต่อคน และจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการศึกษา จำนวน 1,000 ล้าน บาท สำหรับการศึกษาระดับมัธยมตอนปลายถึงระดับปริญญาโท ทุนละ 60,000-100,000 บาท และสนับสนุน เงินค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบียของประชาชนใน 3 จังหวัด จังหวัดละ 100 คน รวม 300 คน คนละ 20,000 บาท และ (6) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้ความ ช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นลูกค้าในการปรับโครงสร้างหนี้ และสนับสนุนภารกิจด้านการศาสนาอิสลาม และสังคม มุสลิม สำหรับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะสนับสนุนทางการเงินในการพัฒนาโรงเรียนเอกชนสอน ศาสนาอิสลามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ ใน 9 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 108 แห่ง เป็นเงิน รวมทั้งสิ้น 464 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
2699 | รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | พณ | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2 ตามกรอบอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย (1) ด้านการ ส่งเสริม และพัฒนาอาชีพ รวมทั้งการสร้างรายได้ อาทิเช่น การส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตสินค้า OTOP ของทั้ง 3 จังหวัด โดยหมุนเวียนนำสินค้ามาจำหน่ายที่ห้างเทสโก โลตัส และห้างแม็คโคร ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อให้สินค้าของกลุ่มแม่บ้านและกลุ่มผู้ผลิตในท้องถิ่นมีช่องทางการจำหน่ายและสร้างรายได้ กลับสู่ชุมชน (2) ด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้า ได้เตรียมการเพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจการค้า และโครงการส่งเสริมการประกอบธุรกิจบริการ โดยวางระบบและให้ความรู้เชิงปฏิบัติ การในด้านการบริหารการจัดการ การตลาดแก่ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร อู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ และสนับ สนุนอุปกรณ์ตกแต่งร้านและอุปกรณ์ในการทำธุรกิจ (3) ด้านการส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เช่น การส่งเสริมกลุ่มผู้ค้าชายแดนรายใหม่ทำการค้ากับประเทศมาเลเซีย และอำนวยความสะดวกในการออก เอกสารรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อสนับสนุนการส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย (4) ด้าน การให้ความคุ้มครองผู้บริโภคและประชาชน (ด้านราคาปัญหาการขาดแคลนและการกักตุนสินค้า ด้านการ ประกันภัย) ได้ทำการตรวจสอบสถานประกอบการกำกับดูแลราคาสินค้า/บริการ และการชั่งตรงวัด เพื่อดู แลคุ้มครองผู้บริโภคและเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัด มิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบในเรื่องราคาและน้ำหนักของ สินค้า ตลอดจนช่วยเหลือและดูแลผลประโยชน์ของประชาชนในเรื่องการประกันภัยและประกันชีวิตโดยเฉพาะ ในเรื่องการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมข้อพิพาท การร้องเรียนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม (5) ด้านการ พัฒนาเศรษฐกิจการค้าและพัฒนาตามศักยภาพของจังหวัด อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดเบิกเงินงบประมาณ และแผนปฏิบัติการในแต่ละโครงการที่กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ ได้แก่ โครงการจัดตั้งศูนย์รวบรวมและ กระจายสินค้าระดับอำเภอ (60 ล้านบาท) โครงการจัดสร้างห้องเย็นจังหวัดยะลา (5 ล้านบาท) โครงการ ส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้า (6 ล้านบาท) โครงการส่งเสริมการประกอบธุรกิจบริการ (13 ล้านบาท) และโครงการพัฒนาสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (20 ล้านบาท) นอกจากนี้ ยังมีผลการดำเนินการใน ส่วนขงการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ โดยได้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาราคาลองกอง ลาดสาด ปี 2547 และ การพัฒนาเพื่อสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจการค้า ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อมุ่งเน้นการ พัฒนาเศรษฐกิจทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้พลิกฟื้นสถานการณ์กลับสู่ความ เจริญรุ่งเรืองได้เร็วที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||
2700 | แผนการจัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ และการจัดการปัญหาน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการ
จัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ ประกอบ เป้าหมายหลักในการทำให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป้าหมายรอง คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมสามารถบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายในปี พ.ศ. 2554 และมีการดำเนินการจัดการน้ำเสียชุมชนในชุมชนเมือง 291 พื้นที่ เพื่อควบ คุมปริมาณของเสียให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่เกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2551 และมีการ บริหารจัดการน้ำเสียในชุมชนเมือง 1,130 พื้นที่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพภายในปี พ.ศ. 2560 สำหรับ รายละเอียดที่จะดำเนินการตามแผนการจัดการน้ำเสียชุมชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน และคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างระบบ รวมทั้งติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูป ธรรม และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อ ไป และให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยหากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ามีส่วนใดที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่ายในปีต่อไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป สำหรับการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนโดยที่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งมีฟาร์มสุกรขนาดเล็กเป็นจำนวนมากประกอบกับยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อย ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการปรับ ปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสีย เดินระบบ และดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยไม่ครอบคลุมถึงน้ำเสียจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก อาจไม่สามารถแก้ไขต้นตอของ ปัญหาได้อย่างแท้จริงและไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าที่ควร จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ถูกต้องชัด เจนอีกครั้งหนึ่ง หากเห็นควรดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวประการใด และจำเป็นต้องใช้ งบประมาณเพิ่มเติมเท่าใด ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
.....