ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 135 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 2681 - 2700 จากข้อมูลทั้งหมด 3983 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 2681 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) | นร | 10/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รายงานผลการประชุม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากรณีปัญหาสืบเนื่องจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (ประปาหมู่บ้าน) เมื่อ วันที่ 23 กรกฎาคม 2547 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไป ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและนำเสนอที่ประชุมอีกครั้งหนึ่งดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จัดทำแผนแม่บทการใช้น้ำบาดาลให้มีความชัดเจน เปรียบเทียบข้อมูล การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในอดีตมีการตั้งงบประมาณ และมีการขาดแคลนน้ำเป็น จำนวนปีละเท่าใด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดวงเงินในการแก้ไขปัญหาและสำรวจเครื่องมือขุดเจาะบ่อบาดาลว่ามีความ ต้องการใช้ในภารกิจจำนวนเท่าใด กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นสำรวจพื้นที่ที่ขาด แคลนน้ำร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยจำแนกพื้นที่ที่ต้องการน้ำประปาหมู่บ้าน/ชนบท พื้นที่ที่ต้อง การน้ำบาดาล สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นพิจารณารวบรวมภารกิจสำคัญที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น เช่น การก่อสร้างถนน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำมาเปรียบเทียบในการพิจารณาการจัดสรรงบ ประมาณในภาพรวมในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาสืบเนื่อง จากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอันเนื่องจากพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ ใน ส่วนประเด็นปัญหาอื่น ๆ ต่อไป และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนภารกิจตามแผนปฏิบัติ การกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเร่งดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้เกิดผลเป็นรูป ธรรมโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
| 2682 | รายงานผลการดำเนินงานอาหารปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ประจำเดือนมิถุนายน 2547 | สธ | 10/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินงานอาหารปลอดภัย
ประจำเดือนมิถุนายน 2547 สรุปดังนี้ (1) ตรวจการนำเข้าเภสัชเคมีภัณฑ์ 1,041 รายการ มูลค่า 735.44 ล้านบาท ตรวจสอบอาหาร นำเข้า 8,166 รายการ มูลค่า 4,749.6 ล้านบาท (2) ตรวจสอบ GMP โรงงานอาหารแปรรูป 54 ประเภท (3) การสุ่มตรวจเคลื่อนที่ 157 ตลาด ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร (4) จัดเตรียมการประกวดด้านความปลอดภัยด้านอาหารในโรงเรียน (5) แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับอาหารและยา (6) จัดดำเนินงานด้านอาหารสะอาด รสชาติอร่อย และตลาดสดน่าซื้อ (7) จัดกิจกรรมรวมพลังงานอาหารปลอดภัย และกิจกรรมแผงอาหารปลอดภัย (8) ปรับปรุง พัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์อาหาร และให้การสนับสนุน Test kit หรือใช้ ทดสอบอาหาร (9) รณรงค์ให้ความรู้ด้านอาหารปลอดภัยและประสานให้ท้องถิ่นร่วมรับผิดชอบ (10) รณรงค์ล้างตลาดสดทั่วประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
| 2683 | รายงานผลการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงแรงงาน ครั้งที่ 1 | รง | 10/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพ
ให้แก่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 1 สรุปได้ดังนี้ (1) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยศูนย์ พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้ดำเนินการให้บริการประชาชนในการพัฒนาฝีมือ แรงงานโดยทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ยกระดับฝีมือแรงงาน ฝึกเพื่อประกอบอาชีพอิสระ และฝึกเตรียม เข้าทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและความต้อง การของตลาดแรงงาน โดยในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2546 - มิถุนายน 2547 ได้ให้บริการประชาชน รวม ทั้งสิ้น 6,267 คน ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับชุดทักษิณสัมพันธ์ที่ 402 ดำเนินโครง การสุไหงปาตีร่วมใจสร้างสันติสุข ศูนย์ ฯ จังหวัดปัตตานี ร่วมกับ กอ.รมน. จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ซ่อม อุปกรณ์เครื่องยนต์และเครื่องยนต์การเกษตรให้แก่กลุ่ม อผป. ปัตตานี ศูนย์ ฯ จังหวัดสตูล ร่วมกับหน่วย ทักษิณพัฒนาที่ 5 6 7 และ กอ.รมน. ดำเนินการฝึกอาชีพให้กับประชาชน (2) กระทรวงแรงงานได้ดำเนิน งานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างเศรษฐกิจใหม่และยก ฐานะเศรษฐกิจเดิมให้เข้มแข็งและยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาคนและสังคม เพื่อสร้างงาน สร้าง อาชีพให้กับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยสร้างอาคารแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ในจังหวัด นราธิวาส และยะลา อบรมอาชีพให้กับเยาวชนในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม/ปอเนาะ/ชุมชน ใน 3 จังหวัด และส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มเยาวชน/สตรี/วัยแรงงาน นอกจากนี้ ได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมภายใต้แผน งานปกติของหน่วยงาน โดยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางไปทำงานยังประเทศมาเลเซีย ตรวจเยี่ยมและดูสภาพการทำงานของคนหางาน รวมทั้งประชาสัมพันธ์การเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ให้กับคนหางานในจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งได้จัดระบบแรงงานต่างด้าวปี 2547 สามารถจ้างแรงงานต่าง ด้าว 3 สัญชาติ ได้ในกรณีพิเศษ |
||||||||||||||||||||||||
| 2684 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมปศุสัตว์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 10/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (คกก.8) ที่มี
มติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมประมง กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีหน่วยงานในส่วนภูมิภาคระดับอำเภอใน การให้บริการและให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการทำการประมง และร่างกฎ กระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด ให้มีหน่วยงานในส่วนภูมิภาคระดับอำเภอในการให้บริการและให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนเกี่ยวกับการปศุสัตว์ ทั้งด้านสุขภาพสัตว์ สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยีและอื่น ๆ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับประเด็นอภิปราย ของ คกก.8 เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานประมงอำเภอและสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ ให้เกลี่ยอัตรากำลังภายใน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ให้มีเงินประจำตำแหน่ง และต้องมีการควบคุมเงินงบประมาณ โดยให้สำนักงานทั้ง สองแห่งใช้ที่ทำการ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และยานพาหนะ เป็นต้น ร่วมกัน รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับไปพิจารณาศึกษา เปรียบเทียบ ระหว่างการจัดตั้งหน่วยงานในระดับอำเภอกับการจัดตั้งหน่วยบริการเกษตร เคลื่อนที่ (Mobile Unit) แล้วประเมินว่า มีผลดี ผลเสียต่างกันอย่างไร ไปดำเนินการต่อไปด้วย และมอบให้รอง นายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า เนื่องจากสภาพพื้นที่ สภาพปัญหา และความต้องการของชุมชนแต่ละประชาชนในและท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน การให้บริการแก่ ประชาชนในรูปแบบการจัดตั้งสำนักงานในระดับอำเภอ และรูปแบบหน่วยบริการเกษตรเคลื่อนที่ (Mobile Unit) จึงควรเป็นไปตามความเหมาะสม |
||||||||||||||||||||||||
| 2685 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบาย กอ.สสส.จชต. ครั้งที่ 10/2547 | นร | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงานผลการประชุมคณะกรรม
การกำหนดนโยบายของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) ครั้งที่ 10/ 2547 วันที่ 26 กรกฎาคม 2547 โดยที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจสังคม และด้านความมั่นคง รวมทั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ข้อเสนอเกี่ยวกับแผนงานโครงการที่ เสนอใหม่ ที่ประชุมเห็นชอบให้ชะลอการพิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการที่เสนอใหม่ไว้ก่อนโดยเน้นการเร่ง รัดการดำเนินงานตามที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว พร้อมการประเมินผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก กันงบประมาณด้านความมั่น คงไว้เตรียมรองรับความจำเป็นเร่งด่วนให้กับหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ และให้กับโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริม ศาสนาบางโครงการที่มีความสำคัญ และจะต้องเริ่มดำเนินการภายในปี พ.ศ. 2547 กับเห็นชอบการแบ่งมอบ ความรับผิดชอบใหม่ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ใน 4 กลุ่มงาน และให้มีหน่วยงานหลักสนับสนุนการ ดำเนินงานของแต่ละกลุ่ม ส่วนการปรับปรุงจัดทำ Code of Conduct และ Rule of Engagement นั้น ให้ เสธ. ทบ. พิจารณากรอบการใช้กำลังและอาวุธในสนามตามกฎในพื้นที่ ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ที่ประชุม เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกลไกระดับตำบลให้เป็นแหล่งพบปะ ประจำลักษณะศูนย์ประสานการบูรณาการรองรับการบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้กรมการปก ครองประสานกับประชาชนในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในการจัดตั้งคณะกรรมการตำบลเป็น ศูนย์ประสานบูรณาการ การปกครองท้องถิ่น สำหรับการปรับแบ่งพื้นที่การ รปภ. ที่ประชุมเห็นชอบมอบให้ กอ.สสส.จชต. หารือกับ ทภ.4 สน. เพื่อกำหนดรายละเอียดในการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบและรายละเอียดในทาง ปฏิบัติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 2686 | โครงการก่อสร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ 2547 | มท | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 (คกก.3) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการก่อสร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 สำหรับงบประมาณดำเนินการอนุมัติในวงเงิน 214,006,800 บาท โดยให้กรมส่ง เสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2547 ในแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐ กิจและสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนทั่วไป : เงินอุดหนุนสำหรับพัฒนาองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน จำนวน 2,000,000,000 บาท ก่อน โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และหากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้กำหนดโครงการขอเงินอุดหนุนทั่วไปรายการ ดังกล่าวไว้ครบวงเงินแล้วไม่สามารถดำเนินการได้ ก็เห็นควรให้กระทรวงการคลังประสานงานกับสำนักงานสลาก กินแบ่งรัฐบาล เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวต่อไป และให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของ คกก.3 ว่า ควรที่จะมีการระบุหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลและสถานที่ก่อ สร้างลานกีฬาอเนกประสงค์ให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างในที่ดินสาธารณประโยชน์ โรงเรียน วัด หรือสถาน ที่ราชการ รวมทั้งประสานการจัดการในการให้บริการแก่ผู้มาเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายในลานกีฬาทั้งหมด อย่างเป็นระบบ เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายอย่างสูงสุดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือหน่วย งานอื่น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น) รับไป ประสานการดำเนินการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินโครง การ ฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง และความพร้อมขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละแห่ง สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนั้น หากกรมส่งเสริมการปก ครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 ในแผนงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งานส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐ กิจและสังคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายการเงินอุดหนุนทั่วไป : เงินอุดหนุนสำหรับพัฒนาองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในกรณีเร่งด่วน จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือไม่สามารถประสานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศักยภาพและความพร้อมทางการเงิน ใช้จ่ายเงินของตนเพื่อการนี้ได้ ก็อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายจากเงินงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ หรือให้ประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอรับการสนับสนุน จากเงินรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศลพิเศษของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไปตามความเหมาะสม |
||||||||||||||||||||||||
| 2687 | การสำรวจข้อมูลสำมะโนประชากรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอสรุปผลการสำรวจข้อมูลสำมะโนประชา
กร ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ นำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณา ดำเนินการต่อไป โดยสรุปผลการสำรวจข้อมูล ฯ มีดังนี้ ประชากรในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มี 1,424,728 คน อายุต่ำกว่า 18 ปี ร้อยละ 33.43 อายุ 18-45 ปี ร้อยละ 45.43 อายุ 46 ปีขึ้นไป ร้อย ละ 21.14 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 85.16 (1,213,387 คน) ศาสนาพุทธ ร้อยละ 14.53 (207,033 คน) มีถิ่นที่อยู่อาศัยประจำ ร้อยละ 89.05 ความรู้ต่ำกว่า ป.6 ร้อยละ 44.85 (489,796 คน) สำเร็จ ปริญญาตรี ร้อยละ 3.58 (39,097 คน) ประกอบอาชีพ ร้อยละ 66.88 กำลังศึกษา ร้อยละ 23.66 ว่าง งาน ร้อยละ 6.48 มีอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 33.77 (460,608 คน) รับจ้าง ร้อยละ 21.06 (287,290 คน) พูดภาษามลายูท้องถิ่น (ยาวี) ร้อยละ 62.21 (204,922 ครัวเรือน) จากการสำรวจความต้องการ ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล จำนวน 2,041,200 รายการ ปรากฏว่า ต้องการให้จัดหาอาชีพร้อยละ 18.5 ส่งเสริมการศึกษา ร้อยละ 15.95 ช่วยเหลือด้านเงินทุน ร้อยละ 11.50 ช่วยเหลือด้านรักษาพยาบาล ร้อยละ 10.54 ส่งเสริมด้านกีฬา ร้อยละ 9.31 |
||||||||||||||||||||||||
| 2688 | รายงานสรุปผลการสำรวจและรายงานตัวคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (พม่า ลาว และกัมพูชา) | มท | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง (สำนักทะเบียนกลาง)
รายงานสรุปผลการสำรวจและรายงานตัวคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (พม่า ลาว และกัมพูชา) เพิ่มเติม ระหว่าง วันที่ 1-31 กรกฎาคม 2547 ประกอบด้วย สัญชาติพม่า 905,881คน แยกเป็น ชาย 497,372 คน หญิง 408,509 คน สัญชาติลาว 181,614 คน แยกเป็น ชาย 80,981 คน หญิง 100,633 คน และสัญชาติ กัมพูชา 181,579 คน แยกเป็น ชาย 123,998 คน หญิง 57,581 คน ทั้งนี้ จากการสำรวจ/รับรายงานตัว คนต่างด้าว 3 สัญชาติดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีจำนวนคนต่างด้าว 3 สัญชาติ รายงานตัว ทั้งสิ้น 207,642 คน ส่วนจังหวัดที่สำรวจ/รับรายงานตัวน้อยที่สุด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง มีจำนวนคนต่างด้าว 3 สัญชาติ รายงานตัวทั้งสิ้น 163 คน และจากการดำเนินการดังกล่าว กรมการปกครอง (สำนักทะเบียน กลาง) โดยสำนักทะเบียนอำเภอ/กิ่งอำเภอ และสำนักทะเบียนท้องถิ่นจะบันทึกข้อมูล เพื่อจัดทำทะเบียน ประวัติเป็นรายบ้านลงในระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งให้คนต่างด้าวที่ได้รับการสำรวจและรับรายงานตัวพิมพ์ ลายนิ้วมือและถ่ายรูป และออกใบรับรองรายการทะเบียนประวัติเป็นรายคน รวมทั้งจัดทำบัตรประจำตัวผู้ ไม่มีสัญชาติไทยสำหรับบุคคลที่ไม่ได้ทำงาน ส่วนกรณีบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจะออกใบอนุญาต ทำงานในบัตรใบเดียวกันกับบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสัญชาติไทย |
||||||||||||||||||||||||
| 2689 | รายงานผลการจัดสัมมนาโครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 6 | นร | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการสัมมนา
โครงการ "รัฐบาลสื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 6 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะของสื่อสารมวลชนท้องถิ่นไปดำเนินการต่อไป สำหรับผลการสัมมนาโครงการ "รัฐบาล สื่อสารสู่สื่อท้องถิ่น" ครั้งที่ 6 ซึ่งสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ และโฆษกกระทรวง จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2547 ณ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธานการสัมมนา โดยหัวข้อการสัมมนาในครั้งนี้ ได้แก่ เรื่อง แนวทาง การทำงานร่วมกันระหว่างสื่อมวลชนท้องถิ่นกับหน่วยงานประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นในการทำงานร่วมกัน โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นได้เสนอความคิดเห็นและปัญหาต่าง ๆ ในการ ทำงาน อาทิเช่น สื่อมวลชนจังหวัดสมุทรปราการ ต้องการให้ อบต. และหน่วยงานต่าง ๆ ส่งข้อมูลข่าว สารให้แก่ประชาสัมพันธ์จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์ข่าวที่สื่อมวลชนจะสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ไปเผยแพร่แก่ ประชาชนได้ต่อไป สื่อมวลชนจังหวัดจังหวัดสระแก้ว ได้เสนอขอให้จังหวัดจัดตั้งทีมเฉพาะกิจในการให้ข้อ มูลข่าวสาร เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งกรณีที่ไม่ได้รับความร่วม มือจากองค์กรอิสระในเรื่องข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น ซึ่งประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะที่สื่อมวลชนได้นำ เสนอในการสัมมนา คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะโฆษกกระทรวง จะได้นำไปพิจารณา ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในการทำงานร่วมกัน นอก จากนี้ ที่ประชุมสัมมนาได้ชี้แจงนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนใน ประเด็นต่าง ๆ อาทิเช่น การเร่งรัดดำเนินโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรมที่อำเภอปากน้ำ จังหวัด สมุทรปราการ ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าโดยเฉพาะการเวนคืนที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว และขอทราบการจ่าย เงินชดเชยให้เกษตรกรในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ว่าจะดำเนินการจ่ายได้เมื่อใด เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
| 2690 | การแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | นร | 03/08/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ โดยให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือ ดูแลราษฎรที่ประสบความเดือด ร้อนเป็นการเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็วและทั่วถึง รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนด แนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้เป็นระบบครบ วงจรสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศของพื้นที่ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการ แก้ไขปัญหาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 2691 | การขออนุมัติโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร | นร | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรม
การการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การขออนุมัติโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรร เทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร โดยการประชุมของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2547 เห็นชอบให้สนับสนุนงบ ประมาณเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรร เทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร โดยจ่ายจากเงินอุดหนุนของรัฐบาล ร้อยละ 60 และกรุงเทพ ฯ สมทบ ร้อยละ 40 โดยเงินอุดหนุน เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวให้รวมอยู่ในวงเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2549-2553 ที่กรุงเทพ ฯ จะได้รับตามสัดส่วนการจัดสรรของ กกถ. สำหรับวงเงินงบประมาณให้เป็นไป ตามข้อเท็จจริงในการสำรวจตรวจสอบตามมติคณะรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||
| 2692 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ
การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานผลการดำเนินงานในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการที่ถ่ายโอน ไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2547 พิจารณาเห็นว่า เงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อลดช่อง ว่างทางการคลังปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในส่วนที่สำรองไว้ร้อยละ 5 เพื่อแก้ไขปัญหาการกระจายอำนาจ เป็นการสำรองจากเงินอุดหนุนในส่วนที่จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตำบล ประกอบกับได้มีการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 เพิ่มเติมให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น จำนวน 12,300 ล้านบาท ดังนั้น การจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ/พนักงานครูดังกล่าว รวมไปถึง ข้าราชการที่ถ่ายโอนไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อลดช่องว่าง ทางการคลัง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ในส่วนที่สำรองไว้ร้อยละ 5 ให้แก่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้อง ถิ่น จำนวน 396,401,200 บาท สำหรับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาให้ใช้จ่ายจากรายได้ของตนเองหรือ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้เพิ่มเติม หรือเงินอุดหนุนอื่นใด |
||||||||||||||||||||||||
| 2693 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไตรมาสที่ 3 (ตุลาคม 2546 - มิถุนายน 2547) | กค | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546-มิถุนายน 2547 โดยผลการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 704,058 ล้านบาท หรือร้อยละ 68.49 ของวงเงินงบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ซึ่งไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) สูงกว่าผลการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี งบประมาณก่อนร้อยละ 3.49 (68.49-65.00) และหากไม่รวมงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักย ภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) ซึ่งมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 6,111 ล้านบาท จะทำให้มีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 697,947 ล้านบาท หรือร้อยละ 69.00 ของวงเงินงบประมาณ (1,011,500 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 จำนวน 10,553 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.00 (70.00-69.00) สำหรับผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 56,746 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.88 ของวงเงินงบประมาณ 135,500 ล้านบาท ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการ พัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,696 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 38,217 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 599 ล้านบาท และเงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ฯ จำนวน 4,234 ล้านบาท ในส่วนของผลการเบิกจ่ายเงินจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ซึ่งไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน 622,063 ล้านบาท หรือร้อยละ 74.77 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (831,939 ล้านบาท) และรายจ่ายลง ทุน จำนวน 81,995 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.82 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (196,061 ล้านบาท) และผล การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มี การเบิกจ่ายจำนวน 58,658 ล้านบาท หรือร้อยละ 43.12 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (136,019 ล้านบาท) |
||||||||||||||||||||||||
| 2694 | รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครั้งที่ 3) | พณ | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความก้าวหน้าการสร้างงานและอาชีพใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 5 โดยกรมการค้าภายในได้ส่งเสริม พัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้ ให้แก่ ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจัดจ้างอาสาสมัครในท้องถิ่นจำนวน 33 อัตรา เป็นระยะเวลา 3 เดือน (1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2547) เพื่อช่วยงานด้านการตรวจสอบพฤติกรรมผู้ประกอบการค้า และ เป็นแนวร่วมในการดำเนินงานให้ผู้บริโภคในพื้นที่ได้รับความเป็นธรรม ด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ การค้า ได้จัดสัมมนาเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในด้านการประกอบธุรกิจการค้าชายแดน และการรักษาระดับ ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคแก่ผู้ประกอบการในจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ด้านการส่งเสริม การค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ได้จัดคณะผู้แทนนำผู้ประกอบการของ 3 จังหวัด เดินทางไปเจรจาการค้ากับนัก ธุรกิจจากสมาคมธุรกิจขนาดย่อมของมาเลเซีย (SMI ASSOCIATION OF MALASIA) ณ สถานทูตไทยกรุงกัวลา ลัมเปอร์ ด้านการให้ความคุ้มครองผู้บริโภคและประชาชน ได้จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าราคาถูกในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและเป็นการแสดงความห่วงใยของภาครัฐต่อประชาชนในเรื่องความเป็นอยู่และความสงบ สุข นอกจากนี้หน่วยงานในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้ดำเนินโครงการจัดหาสินค้าจำเป็นราคาถูกไปจำหน่ายให้ ประชาชนที่อยู่ห่างไกลร่วมกับจังหวัดตามโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและ พัฒนาตามศักยภาพของจังหวัด ได้ดำเนินโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติ ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขขายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) และ โครงการตามข้อเสนอของประชาคม 3 จังหวัด รวมทั้งหมด 7 โครงการ โดยในส่วนของการเบิกเงินงบประมาณ ได้จัดทำรายละเอียดและส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรแล้ว และการจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติงาน และจัดเจ้าหน้าที่เพื่อไปชี้แจงให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่เตรียมการและดำเนินการในส่วนที่สามารถดำเนินการล่วง หน้าได้ ส่วนโครงการอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องจัดหาสถานที่และพิจารณาความเหมาะสมอยู่ระหว่างการจัด ทำรายละเอียด เพื่อชี้แจงผู้ปฏิบัติดำเนินการต่อไป รวมทั้งโครงการที่เป็นความต้องการของประชาชน อยู่ระหว่าง การประสานกับท้องถิ่น |
||||||||||||||||||||||||
| 2695 | รายชื่อกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบคำตอบแล้ว จำนวน 2 เรื่อง 1.1 กระทู้ถามที่ 708 ร. เรื่อง ขอให้กรมชลประทาน และกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก หรือขนาดกลางเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง 1.2 กระทู้ถามที่ 1033 ร. เรื่อง ปัญหาความแออัดและการสร้างบ้านในกรุงเทพมหานคร | นร | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 708 ร.
เรื่อง ขอให้กรมชลประทาน และกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง และกระทู้ถามที่ 1033 ร. เรื่อง ปัญหาความแออัดและการสร้างบ้านในกรุงเทพมหา นคร ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบกระทู้ถามที่ 708 ร. สรุปได้ว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ใน จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำซับเพิก มีปริมาณน้ำต้นทุนจำกัด ไม่สมควรดำเนินการก่อสร้าง อ่างเก็บน้ำด่านเจริญชัย สามารถดำเนินการได้โดยใช้ชื่อโครงการว่า ท่อระบายน้ำด่านเจริญชัย โดยจะจัด ทำแผนงานสำรวจออกแบบต่อไป อ่างเก็บน้ำด่านประตูเกวียน อ่างเก็บน้ำลำเหียง และอ่างเก็บน้ำลำห้วย หวาย ได้ศึกษาจัดทำรายงานเบื้องต้นเสร็จแล้ว อ่างเก็บน้ำยางสาว กำลังดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ส่วน อ่างเก็บน้ำซับน้อย และอ่างเก็บน้ำวังใหญ่ บริเวณที่ขอสร้างเป็นบริเวณเดียวกับโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วย หวาย และการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดเล็กนั้น ผู้ร้องขอต้องจัดทำคำขอโครงการเสนอผ่านสภา ตำบล อำเภอ และจังหวัด ตามขั้นตอนของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก เมื่อโครงการได้รับการอนุมัติ จัดเข้าแผนพัฒนาจังหวัด จึงจะสำรวจออกแบบได้ เมื่อสำรวจออกแบบเสร็จแล้ว จึงจะประเมินราคาค่าก่อ สร้างได้ กรณีเป็นโครงการขนาดกลาง โครงการที่ได้รับอนุมัติจัดเข้าแผนงานก่อสร้างได้ ต้องจัดทำแผน การทำงาน ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ จัดทำรายงานการศึกษาเบื้องต้น ฯลฯ เสร็จแล้วจึงจะ ประเมินราคาค่าก่อสร้างได้ และการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดเล็กเป็นงานพัฒนาชนบท ตาม ระบบคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะ ส่งให้กรมชลประทานพิจารณาจัดทำแผนงานประจำปีตามกำลังงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปี กรณีที่เป็น เรื่องเร่งด่วนและงบประมาณปกติของกรมชลประทานไม่เพียงพอ คณะกรรมการพัฒนาจังหวัดจะต้องหา แนวทางในการหาแหล่งเงินกู้มาดำเนินการ เนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทาน ไม่มีนโยบายในการจัดหาแหล่งเงินกู้ในโครงการชลประทานขนาดเล็ก ส่วนคำตอบกระทู้ถามที่ 1033 ร. สรุปได้ว่า รัฐบาลมีแผนและนโยบายที่จะสร้างบ้านขยายออกไปยังส่วนภูมิภาค เพื่อลดความแออัดในกรุง เทพมหานคร โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการเรื่องนี้โดยตรง คือ การเคหะแห่งชาติ สำหรับการ แก้ไขปัญหาเพื่อลดปริมาณความแออัดในกรุงเทพ ฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำลังพิจารณาศึกษาเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติเพื่อรองรับการดำเนินงานด้านการพัฒนา ที่อยู่อาศัยทั้งระบบ ส่วนกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพ ฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหา ชุมชนริมคูคลองและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเมือง แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการพัฒนาที่ อยู่อาศัยกรุงเทพ ฯ ฯลฯ และสถาบันการศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยยังไม่เคยทำการศึกษาวิจัยโดย ตรงเกี่ยวกับปัญหาความแออัด และปัญหาการสร้างบ้านในเขตกรุงเทพ ฯ แต่ทบวง ฯ ได้ให้การสนับสนุน และส่งเสริมการศึกษาถึงความสัมพันธ์และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว และการเพิ่มของ ประชากรในแต่ละพื้นที่ขึ้นอยู่กับปริมาณพื้นที่ของเขต ทำเลที่ตั้งที่มีความแตกต่างกันทางเศรษฐกิจ สังคม อายุการตั้งถิ่นฐาน ฯลฯ ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติมีแผนและนโยบายที่จะสร้างบ้านให้กับราษฎรในชนบท และต่างจังหวัดในช่วงปี พ.ศ. 2546-2547 คือ แผนงานพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงการเคหะชุมชน และแผน งานโครงการบ้านเอื้ออาทร |
||||||||||||||||||||||||
| 2696 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2546 | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานการ
จัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยเนื้อหาที่สำคัญเช่น บทที่ 1 กระบวนการทางการเมืองและสิ่ง แวดล้อมเป็นการนำเสนอความเป็นมาของการเมืองไทย ประกอบด้วย กระบวนการทางเมืองกับการบริหาร จัดการสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมโดยกระบวนการอื่น ข้อจำกัดของการบริหารจัดการสิ่ง แวดล้อม โดยกระบวนการทางการเมือง และกระบวนการทางการเมืองและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ของไทย บทที่ 2 การปฏิรูประบบราชการ ประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม เป็นการนำเสนอระบบบริหารราชการแผ่นดินของไทยและแนวทางปฏิรูประบบราชการ ประกอบ ด้วย องค์กรหลักของการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในช่วงการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งมีการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบราชการ กำหนด วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ตลอดจนประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ บทที่ 3 การกระจายอำนาจการจัดการสิ่งแวดล้อมไปสู่ท้องถิ่น เป็นการนำเสนอ การบริหารจัดการบ้านเมืองและแนวทางการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2540 พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 สถาน การณ์การกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปัญหาของการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
| 2697 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแผนปฏิบัติการสร้างราชการใสสะอาดประจำปี พ.ศ. 2546 | นร | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ
สร้างราชการใสสะอาด ประจำปี พ.ศ. 2546 ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งสิ้น 125 แห่ง จำแนกเป็น กระทรวง กรม 118 แห่ง รัฐวิสาหกิจ 1 แห่ง มหาวิทยาลัย 5 แห่ง และองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น 1 แห่ง โดยมีผลการดำเนินการดังนี้ (1) การส่งเสริมจิตสำนึกราชการใสสะอาด ช่วยให้ข้าราชการ มีสำนึกและพฤติกรรมการทำงานที่มีคุณธรรม จริยธรรม เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน ของส่วนราชการ ลดปัญหาร้องเรียนและทุจริต ประชาชนได้รับบริการที่ดี (2) การป้องกันเหตุการณ์และ พฤติกรรมที่อาจเป็นภัยต่อประเทศไทยใสสะอาด ช่วยให้หน่วยงานมีบรรยากาศการทำงานที่ดี ลดขั้นตอน รวมทั้งข้อผิดพลาดในการทำงาน ข้าราชการมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดี และเกิดความร่วมมือกัน (3) การจัดการกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น ช่วยให้การบริหารงานของหน่วยงานมีมาตรฐานและ มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและข้อผิดพลาดในการทำงาน ลดการทำผิดวินัยและทุจริต ข้าราชการปฏิบัติ งานอย่างโปร่งใสเป็นธรรม และข้อร้องเรียนของประชาชนได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการตาม แผน ฯ ดังกล่าว กิจกรรมที่ส่วนราชการให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การป้องกันพฤติกรรมที่อาจเป็นภัยต่อ ประเทศไทยใสสะอาด รองลงมาคือ การสร้างจิตสำนึกราชการใสสะอาด และการดำเนินการกรณีทุจริตที่ เกิดขึ้นหรือจะเกิดขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
| 2698 | การพิจารณาสนับสนุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในชนบท | นร | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการพิจารณาสนับสนุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในชนบท โดยรัฐอาจให้การสนับสนุนวัสดุก่อสร้างบางส่วนที่จำเป็นหรือขอความ ร่วมมือให้ใช้ไม้ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แทนการอุดหนุนในรูปของตัวเงิน และให้ผู้มีรายได้น้อย ที่เป็นเจ้าของดำเนินการก่อสร้าง โดยอาศัยความร่วมมือและแรงงานจากเพื่อนบ้าน และก่อสร้างในรูปแบบที่ เหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่นและความจำเป็นในการอยู่อาศัยของตนเพื่อให้เกิดการประหยัดและไม่เป็นภาระ แก่เจ้าของบ้าน จึงขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) รับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณา ความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยอาจเชิญภาคเอกชนเข้าร่วม ประชุมหารือเรื่องดังกล่าวด้วยเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยในชนบทได้มีบ้านพักอาศัยเป็นของตนเองได้โดย เร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 2699 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธาน
กรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการเพื่อลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย รวม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย-ดินถล่ม โดยดำเนินการใน ระยะเร่งด่วนในพื้นที่คัดเลือก จำนวน 136 หมู่บ้าน งบประมาณรวม 20.4 ล้านบาท และโครงการป้อง กันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย โดยรวบรวมวิเคราะห์โครงการต่าง ๆ ที่จังหวัดที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เสนอมา รวม 51 จังหวัด 578 โครงการ งบประมาณรวม 285.5 ล้านบาท โดยโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย-ดินถล่ม ให้กรมทรัพยากรน้ำ และโครงการป้องกันและมีความเสียหายเนื่อง จากอุทกภัย ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนิน การร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง โดยงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เบิกจ่ายจากเงินทด รองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการ จังหวัดอยู่แล้ว (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณีตามความเหมาะสม โดยกรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการใดที่ มีวงเงินเกินกว่า 5 ล้านบาท ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป และหากกระทรวงมหาดไทย เห็นควรกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมประการใดเพื่อให้ผู้ว่าราชการ จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างชัดเจนถูกต้อง ก็ให้ดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 2700 | การเดินทางไปตรวจราชการต่างจังหวัดของนายกรัฐมนตรี (ภาคกลางและภาคเหนือ) ระหว่างวันที่ 17-22 กรกฎาคม 2547 | นร | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จาการเดินทางไปตรวจราชการในภาค
กลางและภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 17 - 22 กรกฎาคม 2547 ได้รับทราบปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ของแต่ละ จังหวัด จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมจากที่ได้สั่งการในระดับ พื้นที่ไว้แล้ว ดังนี้ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เร่ง รัดปรับปรุง ซ่อมแซม สถานีรถไฟ และภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงาม และให้ชานชลาขึ้น-ลงมีมาตร ฐานและปลอดภัย จัดการเดินรถไฟสายชานเมืองให้มากขึ้น รวมทั้งบริการเดินรถไฟระหว่างอยุธยา-บาง ซื่อ-อยุธยา เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้ามาในกรุงเทพมหานคร โดยใช้ บริการรถไฟฟ้าใต้ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจาก นี้ ให้สำรวจสภาพตู้โดยสารรถไฟที่ชำรุด โดยประเภทที่ชำรุดมากไม่สามารถซ่อมแซมให้ใช้งานได้อีกแล้ว ให้นำไปใช้ประโยชน์ในการทำปะการังเทียม ส่วนประเภทที่ยังสามารถซ่อมแซมเพื่อให้มีสภาพที่สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ให้จ้างสถาบันอาชีวศึกษาในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการซ่อมแซม ปรับปรุงเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น วางไว้ในสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ จัดทำเป็นห้องสมุดเล็ก ๆ ภายใน ชุมชน เป็นต้น ส่วนจังหวัดสุโขทัยและกำแพงเพชร ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำ/ปรับปรุงผังเมือง ของจังหวัดให้เหมาะสม เป็นระบบ และมีความเชื่อมโยงกันในทุกมิติ โดยระดมความร่วมมือและการมีส่วน ร่วมจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ และให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการ แก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่อันเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลป วัฒนธรรมของประเทศ โดยประสานกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และให้ทบทวนแนวทางการดำเนิน การด้วยว่า กรณีสถานที่หรือสิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก จนเหลือเป็นซากปรักหักพังควรจะมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ให้คืนสภาพบางส่วนหรือทั้งหมด โดยให้หารือ รองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) ตามความจำเป็นด้วย สำหรับจังหวัดแพร่ ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนส่งเสริมและปรับปรุงคุณภาพการผลิตเสื้อม่อฮ่อม รวมถึงการตลาด และการออกแบบ ให้เป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพคงที่ มีการออกแบบที่สวยงาม และมีขีดความ สามารถในการผลิตที่สอดคล้องรองรับกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ให้ ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนในการผลิต กล่าวคือ เป็นการผลิตในเชิงหัตถกรรมเพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่น ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ |
||||||||||||||||||||||||
.....
