ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | รายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ 3 (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561) | นร11 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชีรายชื่อแผนระดับ ๓ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑) ที่ผ่านกระบวนการพิจารณาแล้ว จำนวน ๕ แผน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ร่างแผนพัฒนาด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงวัฒนธรรม ๒. แผนแม่บทด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และแผนปฏิบัติการโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ระยะที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๑ ฉบับปรับปรุงและขยายระยะเวลาดำเนินงาน ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖) กระทรวงศึกษาธิการ ๓. ร่างแผนยุทธศาสตร์วัคซีน ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงสาธารณสุข ๔. แผนแม่บทพัฒนาแรงงานไทยในระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงแรงงาน ๕. แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
282 | สรุปผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย | มท | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการตามผลการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR) การดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รวม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในภาวะฉุกเฉิน (๒) การยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศด้านการกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉิน (๓) การพัฒนาระบบสื่อสารและเทคโนโลยีในการจัดการสาธารณภัย (๔) การสนับสนุนงบประมาณในการจัดการภาวะฉุกเฉิน (๕) การเสริมสร้างองค์ความรู้ในระบบบัญชาการเหตุการณ์ และ (๖) การกำหนดแนวทางรับมือสาธารณภัยในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยของประเทศไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การพิจารณาปรับปรุงเพิ่มศักยภาพการจัดการภาวะฉุกเฉิน ยกระดับความร่วมมือกับต่างประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน การให้ความสำคัญในการพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษในการกู้ภัยที่ได้มาตรฐานสากล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้จัดทำฐานข้อมูล (Big Data) เกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในมิติต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เช่น ข้อมูลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านต่าง ๆ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เครื่องมืออุปกรณ์การกู้ภัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน การเตรียมความพร้อม แนวทาง ขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น เป็นต้น ๒.๒ ให้กำหนดแนวทางการบูรณาการระบบการสื่อสารในภาวะฉุกเฉินของส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้สามารถสื่อสารร่วมกันเป็นระบบกลุ่ม เช่น กลุ่มให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ (รถกู้ภัย รถพยาบาล) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจราจร เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ๒.๓ ให้นำผลการถอดบทเรียนกรณีการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เผยแพร่ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทราบ รวมทั้งให้ดำเนินการถอดบทเรียนการดำเนินการบริหารจัดการกรณีภัยพิบัติพายุปาบึก เพื่อนำผลการถอดบทเรียนดังกล่าวไปเป็นต้นแบบในการเตรียมความพร้อมหรือดำเนินการเพื่อรับมือเหตุภัยพิบัติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการสำรวจเครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับการกู้ภัยที่มีอยู่ให้ครบถ้วนและให้มีความพร้อมในการใช้งานได้ เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ทั้งนี้ หากไม่ครบถ้วน เพียงพอ ให้พิจารณาดำเนินการจัดหาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการกู้ภัยเพิ่มเติมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
283 | การรับมอบภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน | วธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนปฏิบัติงานตามภารกิจพิธีการศพทั่วประเทศ และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติภารกิจนี้ โดยให้พร้อมดำเนินการเต็มรูปแบบได้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นต้น เพื่อกำหนดเกี่ยวกับการจัดโครงสร้างรองรับการปฏิบัติงาน อัตรากำลัง วัสดุครุภัณฑ์ งบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยยึดหลักความประหยัด เหมาะสม คุ้มค่า เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ราชการ และให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
284 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม แทนนายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และแต่งตั้งให้ นายประสพ เรียงเงิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ทั้งนี้ ตามคำสั่งกระทรวงวัฒนธรรม ที่ ๒๒๙/๒๕๖๑ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม สั่ง ณ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
285 | แผนการดำเนินกิจกรรมและโครงการด้านศิลปวัฒนธรรมเพื่อเชิดชูบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนประจำปี พ.ศ. 2562 | วธ | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการดำเนินกิจกรรมและโครงการด้านศิลปวัฒนธรรมเพื่อเชิดชูบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดทำแผนงานกิจกรรมและโครงการในปี ๒๕๖๒ ซึ่งจะส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยและเชิดชูเกียรติภูมิของอาเซียนด้วยมิติทางวัฒนธรรม ตลอดจนเป็นการยืนยันความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาเซียนและประเทศคู่เจรจา เช่น (๑) การแถลงข่าวปีวัฒนธรรมอาเซียนพร้อมเปิดตัวกิจกรรมและโครงการด้านศิลปวัฒนธรรมเพื่อเชิดชูบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (๒) การเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องรามเกียรติ์ ตอน รามาวตาร เพื่อเชิดชูรามเกียรติ์ หรือมหากาพย์รามายณะอันเป็นมรดกร่วมทางวัฒนธรรมของอาเซียน (๓) การเปิดตัวหนังสือมรดกอาเซียน มรดกโลก ซึ่งรวบรวมข้อมูลแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ตลอดจนแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของอาเซียน และ (๔) การจัดงาน “มหกรรมวัฒนธรรมอาเซียน” ภายใต้การจัดงานมหกรรมวัฒนธรรม “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๗ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ประจำปี ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ เมษายน ๒๕๖๒ ณ บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ โรงละครแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
286 | รายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2562 | วธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๓ กิจกรรม เช่น กิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี ถวายเป็นพระราชกุศล เสริมสิริมงคลทั่วโลก” กิจกรรม “ไหว้พระ ๑๐ วัด สืบสิริสวัสดิ์ ๑๐ รัชกาล” กิจกรรมดนตรีและการแสดงพื้นบ้านส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๒ กิจกรรมการเปิดแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และโครงการ “อ่านสร้างชาติ ซื้อหนังสือ ลดหย่อนภาษีได้” เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
287 | การรายงานผลการดำเนินงานการส่งเสริมเกียรติภูมิ ภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกด้วยมิติทางวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | วธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการส่งเสริมเกียรติภูมิ ภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกด้วยมิติทางวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมเพื่อนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชน ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินงานรวม ๑๘๔ กิจกรรม ใน ๔๔ ประเทศ เช่น การถวายคัมภีร์พระมาลัยฉบับปริวรรตแล้วแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขสูงสุดแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก การจัดงานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน “สานสัมพันธ์ไทย-จีน” ณ มณฑลไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน และโครงการเผยแพร่ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน (ลิเก) ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และการจัดโครงการวัฒนธรรมสัญจรสำหรับคณะทูตานุทูต เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งมรดกวัฒนธรรมและศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
288 | รายงานผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน | กก | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๑ ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสาระสำคัญของการหารือ ได้แก่ (๑) เหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ฝ่ายไทยเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องอุบัติเหตุดังกล่าว และได้มอบรายงาน ๓ ฉบับ ให้แก่ฝ่ายจีน ได้แก่ มาตรการด้านความปลอดภัยในจังหวัดภูเก็ต การชดเชยค่าเสียหายให้แก่ผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต และความคืบหน้าการกู้เรือฟีนิกซ์ ซึ่งฝ่ายจีนขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น เพิ่มความปลอดภัยทางน้ำ และการดูแลความปลอดภัยด้านทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะการลักทรัพย์ เป็นต้น และ (๒) การกำกับดูแลการท่องเที่ยว ฝ่ายจีนได้มีมาตรการตรวจสอบและลงโทษบริษัทนำเที่ยวที่ผิดกฎหมาย และได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวจีนที่มาท่องเที่ยวในไทยเกี่ยวกับการบังคับให้ซื้อของและมัคคุเทศก์การขาย Optional Tour ให้แก่นักท่องเที่ยว โดยข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายไทย เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลบริษัทนำเที่ยวและร่วมกันตรวจสอบการขายรายการนำเที่ยวและสินค้าที่มีราคาแพง การกำกับดูแลการขายรายการนำเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งให้มีการตรวจสอบการติดป้ายราคาสินค้าให้ชัดเจนและไม่อนุญาตให้เปิดร้านที่รับเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน เป็นต้น และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาผลได้-ผลเสีย ในประเด็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงปรับปรุงระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
289 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ฉบับที่ 4 - 7) | ยธ | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ฉบับที่ ๔-๗) ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการรายงานการดำเนินการของประเทศไทยตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติเกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายและนโยบายเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ เช่น ความเสมอภาคด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (การเข้าถึงความเป็นพลเมือง) กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่า กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และความเสี่ยงต่อการสูญหายของภาษากลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่ม เป็นต้น ทั้งนี้ จากการดำเนินการจัดทำรายงานฯ พบว่า ประเทศไทยมีมาตรการทางกฎหมาย กฎ ระเบียบ นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่สอดรับกับหลักการของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ ซึ่งการนำเสนอรายงานฯ ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติฯ จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ทบทวนการดำเนินงานและสถานการณ์ของประเทศไทยเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในฐานะรัฐภาคีที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ โดยเฉพาะการเคารพสิทธิมนุษยชนแก่บุคคลทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิทธิมนุษยชนให้กับประเทศไทยในฐานะรัฐสมาชิกขององค์การสหประชาชาติและผู้นำอาเซียนในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานฯ ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น แก้ไขข้อความในรายงานฯ ฉบับภาษาไทย ในหัวข้อกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่า ข้อ ๒๘-๓๐ เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศให้ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
290 | มาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมสูงอายุ | พม | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมสูงอายุ และให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป โดยมาตรการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนมาตรการฯ อย่างเป็นระบบ สร้างการบูรณาการการทำงานด้านผู้สูงอายุทั้งประเทศ ทั้งระดับนโยบาย หน่วยงาน และพื้นที่ รวมทั้งติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งเป็น ๒ มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการหลักที่ ๑ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและคนทุกวัย เช่น การสร้างระบบคุ้มครองและสวัสดิการผู้สูงอายุ ระบบสุขภาพเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ ปรับสภาพแวดล้อมชุมชนและบ้านให้ปลอดภัยกับผู้สูงอายุ และมาตรการหลักที่ ๒ การยกระดับขีดความสามารถสู่การบริหารจัดการภาครัฐ ๔.๐ เช่น การปรับเปลี่ยนกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติ ข้อบังคับให้เอื้อต่อการทำงานด้านผู้สูงอายุ ปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระยะเวลาการขับเคลื่อน ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย เช่น การขยายกลุ่มเป้าหมายของมาตรการฯ ส่งเสริมความร่วมมือจากภาคเอกชน งบประมาณความสอดคล้องกับนโยบายอื่น ๆ และการแก้ไขรายละเอียดมาตรการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำพื้นที่ของโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งมีจำนวนนักเรียนน้อยและอาจถูกยุบรวมมาใช้ประโยชน์ในการจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้และดูแลผู้สูงอายุ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
291 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (จำนวน 9 คน 1. นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ฯลฯ) | วธ | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จำนวน ๙ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
ด้านกฎหมาย ๑. นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ด้านศิลปวัฒนธรรม ๒. นายบวรเวท รุ่งรุจี ด้านการศึกษา ๓. นางสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน ด้านการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว ๔. นายธวัชชัย ไทยเขียว ด้านสุขภาพจิต ๕. นายยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ด้านคนพิการและผู้สูงอายุ ๖. นายสมคิด สมศรี ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๗. นางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัย ด้านสื่อสารมวลชน ๘. รองศาสตราจารย์พนา ทองมีอาคม ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรัชญ์ ครุจิต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
292 | นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | ดศ | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) (แผนฯ ๒๐ ปี) สำหรับการประกาศใช้เป็นนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๙ หรือจนกว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุงนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๑.๒ เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) (แผนฯ ๕ ปี) โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๑.๓ มอบหมายสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกาศใช้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (แผนฯ ๒๐ ปี) โดยทำเป็นประกาศพระบรมราชโองการและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๑.๔ มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรอิสระ และหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งคณะกรรมการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกิจการใด ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (แผนฯ ๒๐ ปี) รวมทั้งนำแผนฯ ๕ ปี ไปเป็นแนวทางในการจัดทำแผนงาน โครงการรองรับ และให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณให้หน่วยงานของรัฐให้สอดคล้องเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑ ๑.๕ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำแผนฯ ๒๐ ปี และแผนฯ ๕ ปี ไปเป็นกรอบในการกำหนดยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และกรอบการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการในแต่ละปีงบประมาณ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดตัวชี้วัดของหน่วยงานของรัฐให้สอดคล้อง พร้อมทั้งให้สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการในการวางแผนการสร้างและพัฒนากำลังคนดิจิทัลของรัฐให้สอดคล้องกับความต้องการตามบริบทการพัฒนาของประเทศ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดรายละเอียดกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานรองรับ ๑.๖ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๙ เฉพาะในส่วนที่ให้กระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการดิจิทัล ระยะ ๓ ปี ของหน่วยงาน และมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดในแผนฯ ๒๐ ปี และแผนฯ ๕ ปี จัดทำหรือปรับปรุงแผนปฏิบัติการ หรือแผนงานของหน่วยงานที่มีอยู่ให้สอดคล้อง โดยมุ่งเน้นการทำงานในลักษณะบูรณาการร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำหรับนำเสนอคณะกรรมการเฉพาะด้านตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๒ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เช่น การกำหนดมาตรการและแนวทางการส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการอินเทอร์เน็ตประชารัฐให้มากขึ้น การจัดทำฐานข้อมูล แนวทางในการพัฒนาตัวชี้วัดให้ครอบคลุมเป้าหมายและยุทธศาสตร์ในแผนทั้งสองฉบับ และการกำหนดให้มีรายละเอียดการดำเนินงานในลักษณะบูรณาการระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้สามารถนำนโยบายไปถ่ายทอดสู่การปฏิบัติของหน่วยงานระดับต่าง ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาปรับปรุงระยะเวลาของแผนฯ ๒๐ ปี จากเดิม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เป็น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาของแผนฯ ให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติตามความจำเป็นเหมาะสมด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
293 | ขอเสนอแนวทางและมาตรการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมเนื่องในประเพณีลอยกระทง ประจำปีพุทธศักราช 2561 (ลอยกระทงปลอดภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ใส่ใจสายน้ำและสิ่งแวดล้อม) | วธ | 13/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางและมาตรการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมเนื่องในประเพณีลอยกระทง ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๑ ในระหว่างวันที่ ๑๖-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ภายใต้แนวคิด “ลอยกระทงปลอดภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ใส่ใจสายน้ำและสิ่งแวดล้อม” โดยมีแนวทางและมาตรการรณรงค์ เช่น การไม่เล่นพลุและดอกไม้ไฟในที่ชุมชน ไม่แต่งกายด้วยชุดล่อแหลม การจัดกิจกรรมการละเล่นและการแสดงทางวัฒนธรรมตามประเพณีท้องถิ่น เพื่อเป็นการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม การส่งเสริมการใช้วัสดุจากธรรมชาติและย่อยสลายง่ายมาประดิษฐ์กระทง และรณรงค์แนวทาง “๑ ครอบครัว ๑ กระทง” หรือ “๑ หน่วยงาน ๑ กระทง” เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
294 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อปรับปรุงมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนหรือไม่เอื้อต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตพื้นที่ดำเนินการปฏิรูปที่ดินให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในร่างประกาศฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด เนื่องจากองค์ประกอบคณะกรรมการฯ มีเพียงผู้แทนของส่วนราชการประจำจังหวัดพังงาเท่านั้น ทำให้ผู้แทนของสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นส่วนราชการในสังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโบราณสถานในเขตพื้นที่จังหวัดพังงาไม่สามารถเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการฯ ได้ และควรพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของภาคเอกชน เช่น การเพิ่มประเภทโรงงานในบัญชี ๑ ท้ายประกาศฯ โดยรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
295 | การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย น่าน พะเยา และ แพร่) | คค | 30/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ (เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน) ภายใต้แนวคิด “เหนือสุดแห่งสยาม คมนาคมเชื่อมทาง เชื่อมน้ำ เชื่อมฟ้า เชื่อมประชา ร่วมสร้างฐานเศรษฐกิจไทย สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ประกอบด้วยยุทธศาสตร์สำคัญ ๔ ด้าน คือ (๑) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงข่ายถนน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน (๒) ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบรางไทย ให้เป็นโครงข่ายหลักของประเทศ (๓) ยุทธศาสตร์เปิด Gateway ทางน้ำ สนับสนุนท่าเรือหลักเชื่อมโยงอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และ (๔) ยุทธศาสตร์เปิดห้วงอากาศ ให้เป็นประตูแห่งโอกาสการเดินทาง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งการดำเนินการปรับปรุงเส้นทางเข้าสู่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ให้เหมาะสมเพื่อให้ผู้ใช้เส้นทางได้รับความสะดวก คล่องตัว และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นโดยเร็ว ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดระเบียบการพัฒนาพื้นที่และเส้นทางการจราจรในการเดินทางเข้าสู่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในภาพรวม รวมถึงการกำหนดพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น พื้นที่สำหรับขายสินค้าและบริการ พื้นที่จอดรถ เป็นต้น เพื่อให้วนอุทยานดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ยังคงอนุรักษ์สภาพธรรมชาติและสามารถรองรับการเดินทางมาเยี่ยมชมของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นได้อย่างเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
296 | การส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 และการใช้มิติทางวัฒนธรรมสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศ : ผลการดำเนินงานกรณีถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย | วธ | 30/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ และการใช้มิติทางวัฒนธรรมสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศ : ผลการดำเนินงานกรณีถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ เช่น การส่งเสริมกิจกรรมเพื่อการสืบสานสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม และสร้างรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นและความมั่งคั่งสู่ประเทศจากต้นทุนทางวัฒนธรรม อาทิ การส่งเสริมตลาดประชารัฐ ตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม จำนวน ๑๒ แห่ง พัฒนาศักยภาพชุมชนท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ๑๓ แห่ง การยกระดับเทศกาลประเพณีเพื่อการสืบสานและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ๔๙ เทศกาล การพัฒนาต้นไม้สำคัญของชาติ ภายใต้โครงการ “รุกข-มรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี” ๖ ต้น และขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ๒๑ รายการ เป็นต้น ๒. การใช้มิติทางวัฒนธรรมสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศ ผลการดำเนินงานกรณีถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย เช่น การจัดนิทรรศการปฏิบัติการถ้ำหลวง วาระแห่งโลก ณ สถานที่ต่าง ๆ การจัดกิจกรรม ๑๓ ชีวิตหมูป่า พบสื่อมวลชน การดูแลคุ้มครองสิทธิ และให้คำปรึกษาการบริหารสิทธิประโยชน์ของผู้ประสบภัยและผู้เกี่ยวข้อง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
297 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 6 ราย 1. นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ฯลฯ) | วธ | 30/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเกรียงศักดิ์ บุญประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายประทีป เพ็งตะโก ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสมเกียรติ พันธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางสาวศิริพรรณ ทองเจิม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายประดิษฐ์ โปซิว ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
298 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. .... | ศธ | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเสนอ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการคุ้มครอง การดูแล การพัฒนาและการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึงและเท่าเทียมตามหลักวิชาการ เชื่อมโยงการดูแล พัฒนา และจัดการเรียนรู้ โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่างช่วงก่อนวัยเรียนและวัยเรียน และเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยให้เป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับความเชื่อมโยงและความสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... รวมทั้งข้อสั่งการที่ให้พิจารณาในขั้นตอนการปฏิบัติ ประสิทธิภาพและความเข้าใจที่ตรงกันขององค์กร เจ้าหน้าที่ และประชาชน มากกว่าคำนึงเพียงหลักการหรือการดำเนินการตามแบบอย่างจากต่างประเทศ และให้พิจารณาการดำเนินการในระยะแรกว่าจะฝากความหวังกับการบริหารจัดการของท้องถิ่นและหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างไร ต้องพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้พร้อม ก่อนนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และมีการประเมินผลเฉพาะจุดหรือเฉพาะพื้นที่ก่อน และความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา คณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เช่น ความจำเป็นในการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย การกำหนดหน้าที่และอำนาจของส่วนราชการหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรให้ชัดเจนและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ความจำเป็นในการกำหนดให้มีคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย การพิจารณาปรับเพิ่มอำนาจหน้าที่และกลไกการกำกับดูแลของคณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติแทนการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยขึ้นใหม่ และกรณีร่างมาตรา ๒๗ วรรคสอง ให้บรรดารายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยแล้วให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ ควรปฏิบัติตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ นอกจากนี้ มาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ได้กำหนดให้ระวางโทษปรับห้าแสนบาท กรณีที่ผู้ใดฝ่าฝืนให้มีการรับเด็กปฐมวัยเข้าในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยและสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ โดยวิธีสอบคัดเลือก อาจเป็นการตรากฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๗ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเสนอ ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย และให้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วแจ้งผลไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ๔. ให้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษารับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา คณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
299 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร04 | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเสนอ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่เสนอตามกรอบการปฏิรูปการศึกษาตามมาตรา ๕๔ และมาตรา ๒๕๘ จ. ด้านการศึกษา ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยนำหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาที่สำคัญและมีความจำเป็นมากำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนสร้างเสริมให้ระบบการศึกษามีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรเพื่อการศึกษา และสร้างเสริมธรรมาภิบาลของระบบการศึกษา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา (แก้ไขให้สอดคล้องกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม) โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาที่เห็นควรตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการรองรับรูปแบบการเรียนการสอนสมัยใหม่ โดยเฉพาะความสำคัญของดิจิทัลแพลตฟอร์ม ควรเพิ่มเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ควรกำหนดความสัมพันธ์ด้านการร่วมมือระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษาให้ชัดเจน ควรพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ ควรทบทวนความซ้ำซ้อนของหน่วยงานที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว และควรให้มีการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเสนอ ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันหลักสูตรและการเรียนรู้แห่งชาติ และศูนย์ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการศึกษาแห่งชาติ และให้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วแจ้งผลการดำเนินการการจัดตั้งหน่วยงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ๔. ให้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ คณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
300 | การรับรองเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ 8 และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ณ เมืองยอกยาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | วธ | 16/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญายอกยาการ์ตาว่าด้วยการน้อมรับหลักการวัฒนธรรมแห่งการป้องกันเพื่อเสริมสร้างอัตลักษณ์อาเซียน (Yogyakarta Declaration on Embracing the Culture of Prevention to Enrich the ASEAN Identity) สำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ ๘ (the 8th ASEAN Ministers Responsible for Culture and the Arts : AMCA) และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ เมืองยอกยาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนวัฒนธรรมการป้องกัน โดยเฉพาะการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งสันติภาพและความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม และส่งเสริมวัฒนธรรมในการสนับสนุนคุณค่าของทางสายกลางผ่านความร่วมมือข้ามสาขาและระหว่างเสาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ในอาเซียน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ ๘ และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา รับรองในร่างปฏิญญาฯ สำหรับการประชุมดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
.....