ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 14 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 261 - 280 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
261 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (นายกัมพล ตติยกวี) | วธ | 11/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายกัมพล ตติยกวี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
262 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | วธ | 21/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates : UAE) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ มีนาคม ๒๕๖๒ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการพัฒนาความรู้ของ UAE ในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การปรับเปลี่ยนร่างความตกลง (Memorandum of Agreement : MOA) โดยฝ่ายไทยได้แจ้งขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาร่าง MOU ฉบับใหม่ของฝ่ายไทยให้ UAE ทราบ ซึ่ง UAE ได้ตอบรับที่จะเดินทางมาลงนาม MOU ที่ไทยด้วยแล้ว (๒) การหารือถึงแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับนานาประเทศ โดยการนำมิติศิลปะและวัฒนธรรมมาใช้เพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรี ตลอดจนการเผยแพร่และส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม และ (๓) การหารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนการจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ การแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ องค์ความรู้ และประสบการณ์การบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงอาบูดาบี (The Louvre Abu Dhabi) เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลไทย ประจำปี ๒๕๖๒ (Thai Festival 2019) ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี โดยมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยและการจัดนิทรรศการโดยใช้ผ้าไทยเป็นแนวคิดหลัก เพื่อสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตและความเป็นเลิศในศิลปวัฒนธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
263 | การรับรองร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. 2562 ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 | วธ | 14/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ (ASEAN Leader’s Statement on the ASEAN Cultural Year 2019) เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสสำหรับคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๖ ในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ที่ประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ และที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญในการแสดงความเห็นชอบการประกาศปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ และกิจกรรมในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน เคารพในความหลากหลายและเพิ่มพูนความรู้สึกถึงอัตลักษณ์ของอาเซียน รวมถึงส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียนในระดับนานาชาติ ในฐานะแรงผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยกำหนดนำเสนอวัฒนธรรมอาเซียนในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมให้ประเทศคู่เจรจา (dialogue partners) และภาคีภายนอก (external parties) เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมภายใต้ปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๒ ตลอดจนสนับสนุนการทำงานของศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน ณ กรุงเทพมหานคร ให้ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือกับศูนย์อื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในประเทศสมาชิกอาเซียน และเสริมสร้างความร่วมมือกับศูนย์วัฒนธรรมในประเทศคู่เจรจา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและประธานการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๓ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ในฐานะประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ผู้นำฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
264 | สรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชน และสิทธิในการพัฒนา กรณีกล่าวอ้างว่า คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2559 และ ที่ 4/2559 เกี่ยวกับการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายและกฎกระทรวง ว่าด้วยการผังเมืองและการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และสำหรับการประกอบกิจการบางประเภทละเมิดสิทธิมนุษยชน) | สม | 24/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชน และสิทธิในการพัฒนา กรณีกล่าวอ้างว่า คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๕๙ และที่ ๔/๒๕๕๙ เกี่ยวกับการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายและกฎกระทรวงว่าด้วยการผังเมืองและการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและสำหรับการประกอบกิจการบางประเภทละเมิดสิทธิมนุษยชน) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
265 | การจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับปี พ.ศ. 2562-2564 | วธ | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ (Executive Program for Cultural Cooperation for the Years 2019-2021 between the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Culture and Tourism of the People’s Republic of China) ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. ๒๕๔๔ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนอื่นที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในแผนปฏิบัติการฯ ซึ่งฝ่ายจีนเสนอที่จะให้มีการลงนามในปลายเดือนเมษายน ๒๕๖๒ โดยสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการฯ มุ่งเน้นความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น คณะผู้แทนรัฐบาลด้านวัฒนธรรม บุคลากรและเจ้าหน้าที่ทางด้านวัฒนธรรม ศิลปิน และบุคคลที่มีบทบาทในด้านศิลปะและวัฒนธรรมทั้งจากภาครัฐและเอกชน ผ่านความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนบุคลากร การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกันในสาขาทางด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาทิ การสนับสนุนความร่วมมือเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ การบริการสาธารณะทางด้านวัฒนธรรม อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และตลาดวัฒนธรรม ตลอดจนความร่วมมือทางด้านศิลปะการแสดง พิพิธภัณฑ์และหน่วยงานด้านมรดกวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังสานต่อโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย-จีน รวมถึงการแสดงดนตรีและวัฒนธรรม “สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน” การสนับสนุนการเจรจาแลกเปลี่ยนทางวิชาการและวัฒนธรรมระหว่างกัน และการสนับสนุนการจัดการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ ๔๕ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กระทรวงวัฒนธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรองรับเพื่อดำเนินการดังกล่าวไว้แล้ว จากรายการค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
266 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานการปฏิบัติงานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน | วธ | 17/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานการปฏิบัติงานพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน จำนวน ๘๗๕,๑๗๔,๑๗๘ บาท ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว โดยขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และหากมีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินการที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ขอให้นำส่งคืนสำนักงบประมาณในโอกาสแรกด้วย ๑.๒ สำหรับเงินเดือนข้าราชการ จำนวน ๒๔๗ อัตรา อัตราเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ที่ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
267 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการอ่านสร้างชาติ : ซื้อหนังสือลดหย่อนภาษี (ช้อปหนังสือช่วยชาติ) | วธ | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการอ่านสร้างชาติ : ซื้อหนังสือลดหย่อนภาษี (ช้อปหนังสือช่วยชาติ) ระหว่างวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑-๑๖ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการอ่านสร้างชาติ : ซื้อหนังสือลดหย่อนภาษี (ช้อปหนังสือช่วยชาติ) พบว่า ส่วนใหญ่รับทราบโครงการจากโทรทัศน์มากที่สุด และมีความพึงพอใจต่อโครงการดังกล่าว โดยเห็นว่ารัฐบาลควรให้การสนับสนุนหรือจัดให้มีโครงการลักษณะนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ให้แก่ประชาชน รวมถึงควรขยายเวลาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและลดวงเงินในการซื้อเพื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจแต่มีรายได้น้อย ๒. ผลการสำรวจยอดจำหน่ายหนังสือของสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย พบว่า การประกาศใช้มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตร ชุมชน และทุนมนุษย์ของรัฐบาลครั้งนี้ส่งผลดีต่อธุรกิจหนังสือ ช่วยให้วงการหนังสือมีรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและสิ่งพิมพ์ของร้านหนังสือเชนสโตร์ (Chain Store) ร้านหนังสืออิสระและการขายทางออนไลน์ของสำนักพิมพ์มียอดขายเพิ่มขึ้น โดยมีข้อเสนอแนะที่เห็นควรสนับสนุนมาตรการภาษีดังกล่าวตลอดทั้งปี รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์มากกว่านี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
268 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ. 2562 - 2566 | มท | 09/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ประกอบด้วยกิจกรรมแบบเบ็ดเสร็จ ๓ ประการ ได้แก่ (๑) การคัดเลือกนักศึกษา โดยกระทรวงมหาดไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของรัฐรวม ๙ แห่ง ปีละ ๔๔ คน (๒) การจัดสรรเงินทุนอุดหนุนการศึกษาปีละ ๔๔ ทุน จำแนกเป็น สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ๒๗ ทุน ๆ ละ ๔๐,๐๐๐ บาท และสาขาวิชาสังคมศาสตร์ ๑๗ ทุน ๆ ละ ๓๐,๐๐๐ บาท และ (๓) การสงวนอัตราเข้ารับราชการ โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ ที่ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สงวนอัตราเพื่อรองรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษากระทรวงละ ๔ อัตรา สำหรับส่วนราชการอื่นให้สงวนอัตราไว้อย่างน้อยกระทรวงละ ๑ อัตรา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การจัดสรรทุนรัฐบาลให้แก่หน่วยงานของรัฐ) ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งที่มีความประสงค์จะขอรับการจัดสรรทุนการศึกษาจากรัฐบาลจัดส่งเรื่องพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้กับสำนักงาน ก.พ. พิจารณาก่อนดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าว เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีแนวทางการเพิ่มจำนวนทุนการศึกษา ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์โดยให้มีการผสมผสานกลุ่มเป้าหมายจากศาสนา และวัฒนธรรมอื่น ๆ มีโอกาสเข้าถึงทุนการศึกษา ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีงานทำของนักศึกษาภายหลังจบการศึกษาในพื้นที่ของตนเอง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับการสงวนอัตราเข้ารับราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ [เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยต่าง ๆ (พ.ศ. ๒๕๔๗-๒๕๕๑)] ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองหารือร่วมกับหน่วยงานหลักตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการสงวนอัตราเข้ารับราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสาขาที่นักศึกษาเรียนจบ เพื่อให้การจัดสรรกำลังคนของหน่วยงานเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดสรรโควตาทุนสาขาแพทย์ให้กับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาบุคลากรด้านการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังขาดแคลนในปัจจุบัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
269 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ (จำนวน 26 คน) | ทส | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบรวม ๒๖ คน ประกอบด้วย คณะที่ปรึกษา จำนวน ๔ คน คณะกรรมการ จำนวน ๒๒ คน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ แนวทางในการใช้ประโยชน์ การบริหารจัดการถ้ำ และแนวทางในการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่น และบูรณาการการบริหารจัดการการท่องเที่ยวถ้ำ โดยมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ควรพิจารณาถึงความจำเป็น เหมาะสม รวมทั้งรูปแบบการบริหารและดำเนินการในภาพรวม เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการงานเรื่องดังกล่าว และไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในภาพรวม (๒) การสำรวจ ศึกษา วิจัย จัดทำข้อมูลและประเมินศักยภาพถ้ำ ควรจะต้องมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในการดำเนินการควรคำนึงถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๓) หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เช่น ค่าเบี้ยประชุม ควรกำหนดให้ได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
270 | แนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2562 (สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย) | วธ | 02/04/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๒ ดำเนินการภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย” โดยมีแนวทางในการจัดกิจกรรมภาพรวมของประเทศ ๓ แนวทาง ได้แก่ (๑) การรณรงค์จัด “สงกรานต์แบบไทย” (๒) การรณรงค์ “ใช้น้ำคุ้มค่า” และ (๓) การรณรงค์ “ทุกชีวาปลอดภัย” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
271 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. 2551 (นายไชยยันต์ เศรษฐไพศาล) | วธ | 26/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้ง นายไชยยันต์ เศรษฐไพศาล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย สาขาทัศนศิลป์ในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
272 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 7 | กต | 19/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย (Minutes of the Meeting of the Seventh Session of the Joint Russian-Thai Commission on Bilateral Cooperation) ครั้งที่ ๗ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้มีการทบทวนผลการดำเนินงานตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๖ เมื่อปี ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา และการผลักดันความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต ได้แก่ การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเกษตร การศึกษา วัฒนธรรม พลังงาน และสาธารณสุข รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่ไทยและรัสเซียเป็นสมาชิกร่วมกัน และมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบติดตามและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้แก่ (๑) ไทยและรัสเซียมีความสนใจที่จะขยายความร่วมมือร่วมกันในมิติต่าง ๆ ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะในกรอบความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม โดยฝ่ายรัสเซียประสงค์ที่จะให้มีการหารือร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งและเปิดศูนย์วัฒนธรรมรัสเซียในไทย ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องพิจารณาการจัดทำร่างความตกลงดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎระเบียบภายในประเทศและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั้งสองประเทศในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม (๒) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรใช้ข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลไกในการแลกเปลี่ยนข้อมูล กฎระเบียบ และมาตรฐานการนำเข้าสินค้าของรัสเซีย ซี่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการประกอบธุรกิจของไทยและการส่งออกสินค้าไปรัสเซีย และ (๓) ประเด็นด้านการเมืองและความมั่นคงที่ไทยควรเร่งผลักดันคือ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ ซึ่งจะช่วยเน้นย้ำบทบาทสำคัญของไทย ตลอดจนสร้างโอกาสในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียในระยะยาว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
273 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2561 | ทส | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการเสนอภาพรวมการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขาที่มีสถานการณ์ดีขึ้นและที่น่าเป็นห่วง ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ การคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในอนาคต และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ แบ่งออกเป็น (๑) มาตรการระยะสั้น (ควรดำเนินการในช่วง ๑-๒ ปี) ได้แก่ การพัฒนาระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อม การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองพื้นที่ที่มีความสำคัญหรือมีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม และ (๒) มาตรการระยะยาว (ควรดำเนินการในช่วง ๓-๑๐ ปี) ได้แก่ การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การป้องกันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินศักยภาพการรองรับของพื้นที่ การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนากลไกความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ การสำนึกรักและหวงแหน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ การพิจารณาถึงความกลมกลืนและผลกระทบเชิงลบต่อเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และการลดทอนคุณค่าของแหล่งศิลปกรรมโดยปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
274 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยกำหนดให้คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอาจประกาศยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติการเป็นศิลปินแห่งชาติในภายหลังได้ เนื่องจากผู้นั้นขาดคุณสมบัติในเรื่องการมีสัญชาติไทยหรือเป็นผู้ขาดคุณธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์กรณีศิลปินแห่งชาติอาจขอลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติได้เมื่อมีเหตุขาดคุณสมบัติ และให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับกรณีศิลปินที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติแล้วต่อมาถูกยกเลิกการยกย่องเนื่องจากขาดคุณสมบัติในเรื่องคุณธรรม นั้น การยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติพิจารณาจากผลงาน ไม่ได้เน้นที่ตัวบุคคล เพื่อเป็นต้นแบบในการประพฤติหรือปฏิบัติเช่นรางวัลอื่นหรือไม่ ประกอบกับศิลปินบางท่านก่อนได้รับการยกย่องอาจมีวิถีชีวิตเฉพาะตัว ดังนั้น การกำหนดว่าขาดคุณสมบัติในเรื่องคุณธรรมได้กำหนดชัดเจนหรือไม่ว่าเป็น “คุณธรรม” เรื่องใด เช่น ดื่มสุราเมามาย เรื่องชู้สาว เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความในภายหลัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
275 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยใช้มิติทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เสริมสร้างการเป็นประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง และสานต่อความร่วมมือทางศาสนาและวัฒนธรรมให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือและยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือระหว่างกันในหลายประเด็น เช่น ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการมรดกโลก ความร่วมมือด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
276 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวัฒนธรรม | นร10 | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) จำนวน ๒๐ อัตรา และกระทรวงวัฒนธรรม (สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม) จำนวน ๒๔๗ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว เห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้ส่วนราชการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสมตามความสามารถในการใช้จ่ายตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
277 | การเสนอโนราเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโก | วธ | 12/03/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เอกสารนำเสนอโนราขึ้นบัญชีเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) (สำหรับขึ้นบัญชีฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓) โดยเอกสารฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ชื่อการนำเสนอ คือ โนรา (Nora, Dance Drama in Southern Thailand) (๒) ชื่อชุมชน/คณะ/กลุ่มบุคคล หรือปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง (๓) พื้นที่และขอบเขตอาณาบริเวณของเรื่องที่นำเสนอ และ (๔) หลักเกณฑ์การพิจารณาสำหรับการเสนอรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อ UNESCO ๒. ให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารฯ ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยเพื่อเสนอขึ้นบัญชีฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
278 | ขอเสนอให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ | กษ | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธานกรรมการ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า มิติวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้ปลากัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติแล้ว มิติด้านประโยชน์ใช้สอย ปลากัดไทยได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยในหลายประการ โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และการสร้างนวัตกรรมด้านการเพาะพันธุ์ ซึ่งนำไปสู่การนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์การประมงเพื่อสะท้อนความเป็นไทยได้ และมิติด้านความเป็นเจ้าของและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว “ปลากัดไทย” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Betta splendens) นั้น เป็นที่รู้จักในระดับสากล ผ่านชื่อ “Siamese Fighting Fish” หรือ “Siamese Betta” จึงเป็นเครื่องสะท้อนอย่างชัดเจนว่า ปลากัดไทยมีต้นกำเนิดมาจากไทย และสามารถใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ จึงเห็นควรให้ใช้เหตุผลนี้ประกาศให้ “ปลากัดไทย” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
279 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา | วธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชา โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ฝ่ายไทยได้แสดงความยินดีในโอกาสที่ละครโขลวัดสวายอันแดตของกัมพูชาได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก และได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยและกัมพูชาซึ่งมีร่วมกัน เช่น มวยและหมอลำ รวมถึงความเป็นไปได้ในการขอขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ เช่น วัฒนธรรมข้าว เป็นต้น (๒) ฝ่ายไทยได้เชิญกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาส่งคณะเข้าร่วมกิจกรรมในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ๒๕๖๒ ที่ไทยจะจัดขึ้น รวมทั้งกิจกรรมวัฒนธรรมสัญจรอาเซียนสู่โลก เช่น การเดินทางไปเผยแพร่แลกเปลี่ยนศิลปะการแสดงในนามของคณะนักแสดงอาเซียน ณ ประเทศคู่เจรจา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศในทวีปยุโรป ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๖๒ เป็นต้น (๓) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เช่น การศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการการอนุรักษ์ทางโบราณคดี เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษาและจัดเตรียมข้อมูลนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีลักษณะแหล่งคล้ายคลึงกัน ซึ่งปัจจุบันไทยได้เสนอบัญชีรายชื่อเบื้องต้นในนามเส้นทางวัฒนธรรมที่มีคล้ายคลึงกับมรดกโลก เช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ เป็นต้น และ (๔) กิจกรรมอื่น ๆ เช่น การฟังบรรยายเกี่ยวกับการบริหารจัดการหลักสูตรการเรียนการสอน ของสถาบันเทคโนโลยีกัมปงเฌอเตียล ณ อำเภอปราสาทสมโบร์ จังหวัดกำปงธม ซึ่งเป็นสถาบันที่มุ่งเน้นการศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการเกษตร การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมชุมชน รวมถึงการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและแหล่งโบราณคดี เพื่อรองรับกิจกรรมทางวัฒนธรรม เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
280 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ (จำนวน 8 คน 1. นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ฯลฯ) | วธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารหอภาพยนตร์ รวม ๘ คน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ประธานกรรมการ ๒. หม่อมหลวงวราภา อุกฤษณ์ กรรมการผู้ทรงคณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม ๓. นายประวิทย์ แต่งอักษร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์ ๔. นายนนทรีย์ นิมิบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์ ๕. หม่อมราชวงศ์ปิยฉัตร ฉัตรชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๖. นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร ๗. นางสาววันเพ็ญ นิโครวนจำรัส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชีและการเงิน ๘. นายมารุต บูรณรัช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
|
.....