ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(องค์การมหาชน) หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)
และสำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ตามร่างกฎกระทรวงฯ
เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
จึงไม่อาจกำหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๖๓/๑๕
แต่สามารถกำหนดให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
เป็นหน่วยงานของรัฐดตามมาตรา ๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | การถวายพระสมัญญา “สิริศิลปิน” แด่ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี | วธ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง
การถวายพระสมัญญา “สิริศิลปิน” แด่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬากรณวลัยลักษณ์
อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติราชนารี มีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมสำนึกถึงพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อวงการศิลปะร่วมสมัย
ประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถที่เป็นเลิศในการสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัยหลากหลายสาขา
ทั้งงานทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ ดนตรี และการออกแบบสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพระองค์
กอปรกับมีพระทัยมุ่งมั่นและพระวิริยะอุตสาหะในการทรงงานด้านศิลปะ
โดยทรงใช้พระอัจฉริยภาพในมิติของศิลปะในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และนำไปต่อยอดหารายได้สมทบทุนมูลนิธิในพระดำริ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ภาษาต่างประเทศและการประชาสัมพันธ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | สลค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เป็นภาษาต่างประเทศ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานงานกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกรมประชาสัมพันธ์
ในการจัดทำสื่อเผยแพร่ผลงานและข่าวสารที่สำคัญของรัฐบาลเป็นภาษาต่างประเทศ
เพื่อใช้เป็นแหล่งข่าวที่ถูกต้อง ทันเหตุการณ์ น่าเชื่อถือ
และเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานและองค์กรระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยที่จะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไป
ทั้งนี้ ในการจัดทำสื่อดังกล่าวอาจพิจารณาขอความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
ที่มีศักยภาพเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย
โดยให้เร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วภายใน ๖ เดือน ๒.
การประชาสัมพันธ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมในการจัดกิจกรรมให้คณะทูตานุทูตและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศประจำประเทศไทยได้ไปเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในจังหวัดต่าง
ๆ
เพื่อเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างถูกต้อง
ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยด้วย ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแลและติดตามการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง
ๆ ให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | การรับรองเอกสารผลการประชุมทางไกลรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (AMCA) ครั้งที่ 9 และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา | วธ. | 20/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
ครั้งที่ ๙ (Draft Joint Media Statement of the 9th AMCA) และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน (The Narrative of ASEAN
Identity) ที่จะมีการรับรองในการประชุมทางไกลรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙
และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองและนโยบายที่มีนัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมฯ
รับรองร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙ และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน ๑.๓
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ ร่วมรับรองเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน (The
Narrative of ASEAN Identity) ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ [24th Meeting of the ASEAN Socio-Cultural Community
(ASCC) Council] ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙ และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | มาตรการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืน 4 มิติ (เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สุขภาพ และสังคม) | พม. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืน
๔ มิติ (เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สุขภาพ และสังคม)
เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืนในอนาคต
โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการขับเคลื่อนงานทุกมิติ
และเพื่อให้มีกลไกขับเคลื่อนงานรองรับสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืนอย่างต่อเนื่อง
โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการ เช่น
การบูรณาการระบบบำนาญ และระบบการออมเพื่อยามสูงอายุ
การปรับปรุงกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ/ผู้สูงอายุให้มีผลใช้บังคับให้สอดคล้อง
ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้มากขึ้น การยกระดับผู้บริบาลมืออาชีพ
และเพิ่มบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการบูรณาการและขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ก.พ.
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น (๑)
ควรบูรณาการและประสานการทำงานระหว่างส่วนราชการทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่
โดยเฉพาะกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) ไม่ควรออกมาตรการให้มีการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับย้อนหลังกับอาคารเก่าที่สร้างก่อนออกกฎกระทรวง
(ที่เสนอให้ปรับปรุงใหม่) ควรใช้มาตรการอื่นและควรจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินการดังกล่าวด้วย
(๓)
ควรกำหนดขอบเขตการดำเนินการระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับกรมกิจการผู้สูงอายุ
และ (๔)
ควรพิจารณาเพิ่มมาตรการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืน
๔ มิติ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ) | วธ. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน
และทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายกิตติพันธ์
พานสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเกรียงศักดิ์
บุญประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนา ๓. นายกฤษฎา คงคะจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายประสพ
เรียงเงิน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ | นร.04 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษและการเลื่อนวันหยุดชดเชยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม
๒๕๖๓ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้วันพฤหัสบดีที่ ๑๙
และวันศุกร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาด้วยว่า การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษดังกล่าวไม่ใช่วันหยุดราชการปกติประจำปี
จึงอาจไม่จำเป็นต้องถือเป็นวันหยุดตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานฯ
ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ในการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษในวันหยุดราชการประจำปีและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ๑.๒
ให้เลื่อนวันหยุดชดเชยวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ จาก วันจันทร์ที่
๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็น วันศุกร์ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๑.๓
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น
หรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวที่ได้กำหนด หรือนัดหมายไว้ก่อนแล้วซึ่งหากยกเลิก
หรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร
โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน ๑.๔ ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน
และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน
พิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดเป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่ชัดเจนกรณีหน่วยงานของรัฐมีกำหนดการถวายผ้ากฐิน
ณ วัดในต่างจังหวัดในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ซึ่งข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของรัฐ
อาจต้องเดินทางไปเตรียมการล่วงหน้าในวันศุกร์ หรือเดินทางกลับในวันจันทร์
โดยให้ถือเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติ และไม่ถือเป็นการลาสำหรับหน่วยงานนั้น ๆ ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักรับไปศึกษาความจำเป็นเหมาะสมร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาคตามเทศกาลประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของแต่ละภูมิภาคซึ่งไม่มีนัยสำคัญต่อภูมิภาคอื่น
เช่น ประเพณียี่เป็งของภาคเหนือ ประเพณีไหลเรือไฟของภาคอีสาน
ประเพณีสารทเดือนสิบของภาคใต้ รวมทั้งการกำหนดวันหยุดราชการครึ่งวันเป็นกรณีพิเศษ
เช่น ครึ่งบ่ายของวันศุกร์ และครึ่งเช้าของวันจันทร์ ตามข้อเสนอของผู้ประกอบการ
และรายงานผลการศึกษาให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ทราบโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ที่จังหวัดยะลา | อก. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด เฉพาะในพื้นที่ตามประทานบัตรเดิม
ที่ ๑๒๓๓๘/๑๕๑๕๔ เนื้อที่ ๖๙ ไร่ ๑ งาน ๗๘ ตารางวา ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคม เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมควรรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านอุปทานและความต้องการใช้แร่ในระยะปานกลางและระยะยาว
เพื่อใช้ประกอบกับการพิจารณาศักยภาพในการรองรับด้านสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำการศึกษาเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ป่าต้นน้ำของประเทศไทยให้ชัดเจนทั้งระดับความจำเป็นที่ต้องรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำและความเพียงพอของพื้นที่ที่คงเหลืออยู่
พื้นที่ใดที่อยู่ในภาวะวิกฤติ
เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามสภาพความเป็นจริง แล้วพิจารณาตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่าต้นน้ำต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในพื้นที่นอกเหนือจากที่ได้รับการอนุมัติตามข้อ
๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมให้ชัดเจนโดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแหล่งโบราณคดีในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับประทานบัตรดำเนินการเพื่อป้องกันผลกระทบจากการดำเนินการต่อแหล่งโบราณคดีในบริเวณโดยรอบหรือพื้นที่ใกล้เคียงไม่ให้ได้รับความเสียหายและให้ได้รับการอนุรักษ์อย่างเหมาะสมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ (เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา และห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา
ที่จังหวัดยะลา) ๒.๒
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อเท็จจริงกรณีพื้นที่ทำเหมืองแร่บริเวณเขายะลา
และพิจารณากำหนดแผนผังการใช้พื้นที่ดังกล่าวในภาพรวมให้ชัดเจน เช่น
พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังหรือมีข้อจำกัด
พื้นที่ที่สามารถเสนอขอใช้ประโยชน์ได้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดทางเลือกในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันกับภาคประชาชนได้อย่างเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | การยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก 2020 ณ ประเทศไทย | วธ. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับสมาคมดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทสากลกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๒๘ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ในประชาคมโลกยังคงมีความไม่แน่นอน
ไม่สามารถประเมินสถานการณ์เพื่อวางแผนการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมได้ ดังนั้น
ที่ประชุมวิสามัญโดยกรรมการบริหารของ World Association of Marching Show
Bands (WAMSB) ได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ให้ยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก ๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อน ให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา และค่าควบคุมงานปรับปรุงอาคารฯ | นร. | 08/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา
และค่าควบคุมงานปรับปรุงอาคารฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕๐,๖๔๖,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ๒ รายการ
ได้แก่ (๑) ค่าปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา
จำนวน ๔๖,๖๗๘,๘๐๐ บาท โดยผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๙,๖๐๙,๘๐๐ บาท
และผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ จำนวน ๓๗,๐๖๙,๐๐๐
บาท และ (๒)
ค่าควบคุมงานปรับปรุงอาคารเรียนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา
จำนวน ๓,๙๖๗,๗๐๐ บาท โดยผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๘๑๖,๘๐๐ บาท
และผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ จำนวน ๓,๑๕๐,๙๐๐ บาท
ตามที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภาเสนอ
๒.
ให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภารับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล โครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
และควรให้มีการเก็บข้อมูลระหว่างการดำเนินการโดยละเอียด
ตั้งแต่ขั้นตอนการสำรวจพื้นที่ การบูรณปฏิสังขรณ์ การก่อสร้าง และรวบรวมข้อมูลไว้
ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ตามระเบียบกรมศิลปากรว่าด้วยการอนุรักษ์โบราณสถาน พ.ศ.
๒๕๒๘ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์โบราณสถานสำคัญของชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | พปส. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
จำนวน ๗ คน เนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
และให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกวาระหนึ่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑
กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นางปริศนา
พงษ์ทัดศิริกุล ประธานกรรมการ ๒. นายสุรนันท์
วงศ์วิทยกำจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๓. นางจินตนา
พันธุฟัก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๔.
รองศาสตราจารย์ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม ๕. นายสุรพล
ทิพย์เสนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. รองศาสตราจารย์ลือชัย
ศรีเงินยวง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๗.
รองศาสตราจารย์นรีวรรณ จินตกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร) | วธ. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | ร่างแผนพัฒนาด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2563 - 2565) | วธ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแผนพัฒนาด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนร่างแผนพัฒนาฯ
โดยร่างแผนพัฒนาฯ จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ผลิตสื่อมีจริยธรรม มีผลผลิตสื่อที่มีความปลอดภัยและสร้างสรรค์
ประชาชนทุกกลุ่มมีความรู้เท่าทันสื่อ มีจริยธรรมและความรับผิดชอบในการสื่อสาร
มีกลไกการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มีความเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
และมีกฎหมายที่มีความทันสมัยและมีกลไกในการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะมีการขับเคลื่อนผ่าน ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (๑)
การสนับสนุนการผลิตและเผยแพร่สื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (๒)
การส่งเสริมความรู้เท่าทันสื่อ พฤติกรรมการใช้สื่อเชิงสร้างสรรค์
เฝ้าระวังและตรวจสอบสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ (๓) การบูรณาการกลไกการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนผ่านการสื่อสารสาธารณะ
และ (๔)
การพัฒนาและบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกระทรวงมหาดไทย
ข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ควรมุ่งเน้นการส่งเสริมและการพัฒนาศักยภาพและองค์ความรู้ด้านดิจิทัล
โดยเน้นการรู้เท่าทันสื่อ การใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์
และเกิดความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างบูรณาการในกลุ่มประชาชน โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน
ผู้สูงอายุ และคนพิการ รวมทั้งควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการผลิต เผยแพร่สื่อที่สร้างสรรค์
มีคุณภาพ และควรมีการติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้สื่อเพื่อนำมาวิเคราะห์
วางแผนผลิตสื่อที่เป็นประโยชน์ตรงกับความต้องการที่หลากหลายของประชาชน และ (๒)
ควรดำเนินการตรวจสอบโครงการและหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ชัดเจนอย่างถูกต้องตามข้อเท็จจริง
เพื่อให้ตรงกับภารกิจที่จะดำเนินการจริงอย่างเคร่งครัด
และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการ
เห็นควรที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องคำนึงถึงความครอบคลุมของงบประมาณ
โดยตรวจสอบกรอบวงเงินและแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการให้ครบถ้วนสมบูรณ์
รวมทั้งการใช้จ่ายต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด พิจารณาเป้าหมาย
ประโยชน์ที่จะได้รับ ผลสัมฤทธิ์ และประสิทธิภาพของหน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นสำคัญ
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามแผนพัฒนาดังกล่าวเห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เป็นลำดับแรก
ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย
ก็เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 3 | กต. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ของการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๓
และร่างถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการทำงานร่วมกันและสอดคล้องกันระหว่างกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างกับระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศแห่งใหม่
ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๓ ในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับประเด็นที่อาจจะกระทบต่อความมั่นคง
ตลอดจนสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนในอนุภูมิภาคแม่โขง-ล้านช้าง
ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหว อาทิ การจัดการทรัพยากรน้ำ
ควรจะได้มีการหารืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
จำนวน ๑๔ ราย ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง หนึ่งปี โดยลำดับที่ ๑-๔ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ ลำดับที่ ๕-๑๐ ในวันที่
๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ และลำดับที่ ๑๑-๑๔ ในวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ให้คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ๓. นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๔. นายนพดล พลเสน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๖. นายสากล ม่วงศิริ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๗. นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ๘. นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ๙. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ๑๐. นายสำเริง
แหยงกระโทก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ๑๑. นายนราพัฒน์
แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑๒. พลตำรวจโท
ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ๑๓. นายปรเมศวร์
งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ๑๔. นายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | การปรับปรุงกลไกการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาล | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินการรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาลเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามและมาตรฐานสากล
เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวมุสลิมทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลเพื่อการส่งออก
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม
และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงกลไกและกฎระเบียบเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ฮาลาลให้ชัดเจน
เหมาะสม และมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งให้พิจารณากำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องกรณีที่กระทำการไม่ถูกต้องตามหลักการฮาลาลด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 12 พ.ศ. 2562 | สช | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งประกอบด้วย ๔ มติ ได้แก่ มติ ๑ ทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ มาตรการทำให้สังคมไทยไร้ใยหิน มติ ๒ วิถีเพศภาวะ : เสริมพลังสุขภาวะครอบครัว มติ ๓ รวมพลังชุมชนต้านมะเร็ง และมติ ๔ การจัดการเชิงระบบสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล โดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามมติที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake New Center) เป็นช่องทางในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนและสร้างความรู้ความเข้าใจหรือแนะนำแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องโรคภัยและสุขภาพให้แก่สังคม (๒) กระทรวงวัฒนธรรมเห็นว่า ในมติ ๒ วิถีเพศภาวะ : เสริมพลังสุขภาวะครอบครัว ควรมีแนวทางการสร้างการรับรู้และความเข้าใจของเด็กและเยาวชนในเรื่องวิถีเพศภาวะอย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้างการยอมรับและเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างสมาชิกในระดับครอบครัวและชุมชน และ (๓) สำนักนายกรัฐมนตรีเห็นว่า กรมบัญชีกลางในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ ควรพิจารณากำหนดรายละเอียดและแนวทางปฏิบัติให้หน่วยงานภาครัฐใช้วัสดุและผลิตภัณฑ์ปลอดแร่ใยหินต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย | มท | 09/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนตามมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เช่น ควรมีการจัดหาช่องทางจำหน่ายผ้าไทยและผ้าพื้นเมืองให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงผู้ผลิตและผู้จำหน่ายผ้าไทยได้ง่าย ควรดำเนินมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทยในลักษณะเป็นการเชิญชวน มิได้เป็นคำสั่งหรือการบังคับ แต่ให้ดำเนินการด้วยความสมัครใจของแต่ละบุคคล และควรให้ความสำคัญกับแนวทางการผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับผ้าไทยให้สวมใส่สบาย ดูแลรักษาง่าย คงทน ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยให้คำนึงถึงมาตรฐาน การดูแลรักษา ราคาที่เหมาะสม และรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของผ้าไทย เพื่อให้ผ้าไทยสามารถจำหน่ายและแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนวัด เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | นร | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนวัด เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสมโดยให้พิจารณาให้ครอบคลุมถึงการให้ความช่วยเหลือแก่ศาสนสถานของศาสนาอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งต่อไป ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติบูรณาการร่วมกับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสำรวจจำนวนวัดและพระภิกษุ สามเณร ที่ประสบปัญหาความขาดแคลน และไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับเงินอุปถัมภ์นิตยภัต ตลอดจนวัดที่มีศักยภาพเพียงพอที่สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยคำนึงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งความสอดคล้องกับระยะเวลาที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว เห็นควรให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และใช้จ่ายจากงบประมาณที่เหลือจ่ายจากการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์แล้ว หรือรายการที่หมดความจำเป็นมาดำเนินการก่อนในลำดับแรก หากไม่เพียงพอ ขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดทำแผนการใช้จ่ายเพื่อขอรับการสนับสนุนจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในลำดับต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการลดภาระค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าให้แก่ศาสนสถานต่าง ๆ ในแนวทางเดียวกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานสำหรับประชาชนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | เสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน (หลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) | สม | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน (หลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ไปใช้ประโยชน์ในการสร้างความตระหนักและส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย ซึ่งในภาพรวมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับหน้าที่และอำนาจต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสถาบันพระปกเกล้ามีความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมด้วย เช่น ๑.๑ หลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ควรมีการออกแบบโครงสร้างหลักสูตรโดยกำหนดรูปแบบและองค์ประกอบหลักสูตรที่เป็นมาตรฐาน พร้อมทั้งมีคู่มือการดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานจัดทำและเผยแพร่ในลักษณะเดียวกัน หรืออาจนำหลักสูตรเหล่านี้ไปใช้เป็นกรอบหลักสูตรกลางเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นตัวแบบในการสอนและการเรียนรู้ในอนาคต นอกจากนี้ อาจพัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ด้วย รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักในหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมายโดยเฉพาะหน้าที่ของปวงชนชาวไทยในหมวด ๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย และควรเพิ่มช่องทางการส่งเสริมให้มีหลายช่องทาง เช่น การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) การเผยแพร่ประเด็นสำคัญทาง Infographic และควรบูรณาการการฝึกอบรมร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่มีภารกิจในการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ และการส่งเสริมให้มีการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นต้น ๑.๒ คู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรมีการเผยแพร่เอกสารคู่มือเพิ่มเติมและเผยแพร่ไฟล์เอกสารออนไลน์ ควรมีการอบรมผู้สอนเพื่อให้สามารถนำไปถ่ายทอดได้อย่างเหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ ควรให้ความสำคัญกับการวางแนวทางการติดตามการประยุกต์ใช้คู่มือการจัดการเรียนการสอนสิทธิมนุษยชนให้เกิดผลได้จริง และควรเพิ่มเติมเนื้อหาหลักการพื้นฐานหรือความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในส่วนของคู่มือฯ ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาตอนต้น และระดับประถมศึกษาตอนปลาย เป็นต้น ๒. เห็นชอบให้ส่งความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสถาบันพระปกเกล้า ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป |