ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 59 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 1166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี 2561 (รายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2561) (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงวัฒนธรรม เช่น (๑) กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ถวายเป็นพระราชกุศล เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีธรรม พุทธศักราช ๒๕๖๑ (๒) กิจกรรม “ไหว้พระ ๑๐ วัด สืบสิริสวัสดิ์ ๑๐ รัชกาล” (๓) กิจกรรมไหว้พระวังหน้า ปฏิมาแห่งแผ่นดิน (๔) กิจกรรม “สักการะพระพุทธรูปสำคัญ” (๕) กิจกรรมตลาดประชารัฐ ตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม และ (๖) กิจกรรมรณรงค์ใช้สินค้าไทย ส่งความสุขแบบไทย เป็นของขวัญปีใหม่ เป็นต้น ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
342 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการจราจรในภาพรวมทั้งหมด ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางรางภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งเส้นทางเดิมที่มีอยู่แล้ว และเส้นทางใหม่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง แล้วให้พิจารณากำหนดแนวทางการเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคมขนส่งดังกล่าวให้เป็นโครงข่ายการจราจรที่เหมาะสม มีความสะดวก รวดเร็ว และประหยัด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องก่อสร้างเส้นทางเพิ่มเติมอีก ควรพิจารณาแนวทางที่ส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยของประชาชน พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่อนุรักษ์ต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด โดยให้กระทรวงคมนาคมจัดทำเป็นแผนบูรณาการเส้นทางการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยที่เชื่อมโยงตำบล อำเภอ จังหวัด กลุ่มจังหวัด ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง แล้วเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย ๑.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการตรวจปล่อยรถยนต์ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงหรือกรณีอื่น ๆ และให้กำชับเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด นั้น ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการนำเข้ารถยนต์มาในราชอาณาจักรในภาพรวมอย่างเป็นระบบ เช่น พิจารณาความเหมาะสมของโครงสร้างภาษีเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์มาในราชอาณาจักร และรายงานผลการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้ทุกกระทรวงจัดทำเอกสารเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้เรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของกระทรวงและหน่วยงานในสังกัด เช่น ความรู้เฉพาะเรื่องที่เป็นบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงาน งานบริการที่หน่วยงานจัดให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน โดยส่งให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เพื่อประมวลเป็นชุดความรู้ในภาพรวม พร้อมทั้งส่งให้กระทรวงศึกษาธิการนำไปดำเนินการจัดทำเป็นชุดความรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษาต่อไปด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการพื้นที่ที่ได้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ราษฎรไม่สามารถครอบครองได้ เช่น เขตพื้นที่สาธารณประโยชน์ เขตพื้นที่โบราณสถาน เขตพื้นที่มรดกโลก เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนที่เข้าครอบครองหรือทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ดังกล่าวอยู่ก่อนการประกาศฯ สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันในบริเวณเขตพื้นที่ดังกล่าวได้โดยไม่ขัดกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับหลักการตามมาตรฐานสากล รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาประชาชนที่บุกรุกในเขตพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒.๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาจัดสร้างที่อยู่อาศัยในลักษณะของบ้านสำเร็จรูป (Knockdown) ให้แก่ประชาชนที่มีที่อยู่อาศัยตั้งอยู่ในแนวกีดขวางทางน้ำหรืออยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม และได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี เพื่อทดแทนที่อยู่อาศัยเดิม นั้น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์) พิจารณาดำเนินโครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในลักษณะของบ้านสำเร็จรูป (Knockdown) ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
343 | การจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ถวายเป็นพระราชกุศล เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีธรรม พุทธศักราช 2561 | วธ | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ถวายเป็นพระราชกุศล เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีธรรม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบโครงการสวดมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสรับปีใหม่ ๒๕๖๑ โดยขอให้ทุกวัดในราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศจัดให้มีการสมาทานศีล ฟังพระธรรมเทศนา สวดมนต์ และเจริญจิตตภาวนาข้ามปี ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ และให้มีพิธีทำบุญตักบาตรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และสวดมนต์ให้ประเทศไทย ในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ รวมทั้งขอให้วัดทุกวัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนพุทธศาสนิกชนพร้อมครอบครัว ลด ละ เลิกอบายมุข สิ่งเสพติด และร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นมงคลดังกล่าวที่วัดแทนการละเล่นหรือกิจกรรมที่รื่นเริงอย่างอื่น ๒. กระทรวงวัฒนธรรมได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมกันบูรณาการการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวในมิติศาสนา รวมทั้งการนำมิติทางศาสนาเป็นสิ่งจูงใจให้ประชาชนทุกศาสนา ลด ละ เลิกอบายมุขในเทศกาลปีใหม่ เช่น กิจกรรมไหว้พระ ๑๐ วัด สืบสิริสวัสดิ์ ๑๐ รัชกาล กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีอาเซียน ๑๖ จังหวัด และกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือองค์การศาสนาอื่นเชิญชวนศาสนสถานในสังกัดจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยประกอบพิธีทางศาสนาตามหลักศาสนบัญญัติของศาสนานั้น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
344 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
345 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการตรวจปล่อยรถยนต์ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง หรือกรณีอื่น ๆ ทั้งนี้ ให้กำชับเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดเตรียมการแสดงสำหรับการประชุม ASEAN ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยแบ่งการแสดงออกเป็น ๔ กลุ่ม คือ (๑) การแสดงพื้นเมืองที่สะท้อนประเพณีวัฒนธรรมของภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย (๔ ภาค) (๒) การแสดงโขนและหุ่นกระบอก (๓) การแสดงดนตรีและการขับร้องบทเพลงในรูปแบบที่ทันสมัยโดยนักร้องที่ผ่านการประกวดจากเวทีคุณภาพต่าง ๆ และ (๔) การแสดงที่สื่อเห็นถึงความมีเอกภาพและเชื่อมโยงกันของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น ASEAN Connectivity ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่อลังการ ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) กำกับให้กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีคณะปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation) ๖ คณะ ตามกลุ่มภารกิจ (ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการต่างประเทศ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านการบริหารราชการแผ่นดิน) โดยให้คณะปฏิบัติการข่าวสารดังกล่าวมีหน้าที่สำคัญในการปฏิบัติการข่าวสารในเรื่องที่เป็นนโยบายหรือภารกิจสำคัญของรัฐบาลภายใต้กลุ่มภารกิจนั้น ๆ เพื่อสื่อสารและสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่มีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หรือประเด็นที่สื่อมวลชนอาจนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ในรูปแบบและผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย มีความถี่ในการสื่อสารที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มในสังคม ทั้งนี้ ให้กรมประชาสัมพันธ์นำเสนอรายชื่อคณะปฏิบัติการข่าวสารดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๓.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยเฉพาะพื้นที่ที่แนวเขตที่ดินได้ข้อยุติแล้ว เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ๓.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดให้มีการลงทะเบียนผู้ประสบอุทกภัยที่ต้องการให้รัฐจัดหาที่อยู่อาศัยแทนที่อยู่อาศัยเดิม ซึ่งตั้งอยู่ในแนวกีดขวางทางน้ำหรืออยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม และได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดหาพื้นที่เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ให้เหมาะสมและเพียงพอ โดยให้พิจารณาจัดสร้างเป็นที่อยู่อาศัยในลักษณะของบ้านสำเร็จรูป (Knockdown) ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือสิ่งก่อสร้างที่กีดขวางทางน้ำด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
346 | ขออนุมัติดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริและขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนปากพยา - ปากนคร แปลงที่ 1 | กษ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริและขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนปากพยา-ปากนคร แปลงที่ ๑ กรอบวงเงินงบประมาณโครงการทั้งสิ้น ๙,๕๘๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รอบรับไว้แล้ว จำนวน ๒๖๕,๒๙๗,๖๐๐ บาท ส่วนงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๓ ปี โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และแนวทางปฏิบัติสำหรับการดำเนินการใช้ประโยชน์พื้นที่ชายเลนที่เกี่ยวข้อง การก่อสร้างทางระบายน้ำใหม่ควรมีการศึกษาผลกระทบด้านประวัติศาสตร์ การรักษาระดับน้ำใต้ดินในหน้าแล้ง โดยดำเนินการลักษณะฝายมีชีวิต/ฝายน้ำล้น และการนำผลการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการขอตั้งงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าหรือบำรุงป่าชายเลนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและการทำนุบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด และยื่นเรื่องขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากราษฎรที่ได้รับผลกระทบและผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
347 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงานพิจารณากำหนดมาตรการการส่งเสริมการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยสำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้ ในการจัดหาพื้นที่เพื่อการดังกล่าว ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประเด็นด้านความมั่นคงด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดหาพันธุ์สัตว์หรือน้ำเชื้อปศุสัตว์ เช่น โค กระบือ ที่มีคุณภาพให้แก่เกษตรกร เพื่อเร่งการผลิตปศุสัตว์ให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ให้กำหนดเป้าหมายของการดำเนินการในแต่ละปีให้ชัดเจนด้วย ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลต่าง ๆ เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) ให้ถูกต้อง ทั่วถึง โดยจะต้องชี้แจง เน้นย้ำให้ทราบถึงข้อควรระวังและปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนเงินสกุลดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงาน (กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) พิจารณาจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานชั่วคราวในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดต่าง ๆ หรือศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้แรงงานหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรม และมีความสนใจเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับให้สถาบันอาชีวศึกษาทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดหลักสูตรการฝึกอบรมวิชาชีพและช่างฝีมือในสาขาต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการแรงงานในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อสร้างเครือข่ายและต่อยอดการพัฒนาฝีมือในอนาคตต่อไปด้วย นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการกำหนดหลักสูตรการศึกษาอบรมของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ด้วย ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและการขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายโรงแรมและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันเพื่อกำกับดูแลให้การประกอบธุรกิจโรงแรมหรือเกสต์เฮาส์เป็นไปอย่างถูกต้อง คล่องตัวและสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ดังกล่าวประการใด ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงภาระทางภาษีที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการประสานงานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านก่อนที่จะดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการมีความสอดคล้อง เชื่อมโยง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแนวทางการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น ให้ทุกกระทรวงแต่งตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นภายในสำนักงานปลัดกระทรวงเพื่อทำหน้าที่ประสานงานเชื่อมโยงกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้าน ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมข้อมูลดังกล่าวทั้งหมดแล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายใน ๑๕ วัน ๔.๒ ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในเรื่องต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดทำภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) เพื่อให้เข้าใจง่าย ตามนัยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และได้มีการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงเพื่อทำหน้าที่สร้างการรับรู้ภารกิจและผลการดำเนินการของแต่ละกระทรวง รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล นั้น เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจผลงานของรัฐบาลที่มีข้อมูลจำนวนมากได้อย่างถูกต้องและเข้าใจง่าย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๔.๒.๑ ให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี บูรณาการการจัดทำข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ดังกล่าว โดยให้นำเสนอ (๑) ข้อมูลในภาพรวมที่มีเนื้อหาสั้น กระชับ เข้าใจได้ง่าย โดยจัดทำในลักษณะเป็นภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) ที่มีรูปแบบทันสมัยและดึงดูดความสนใจ (๒) ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดแต่ละเรื่อง ให้นำเผยแพร่ต่อสาธารณชนในสถานที่ที่มีประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่น ศูนย์การค้า สถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทราบด้วย ๔.๒.๒ ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทบทวนการนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานและแผนการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้นำผลการดำเนินงานของโฆษกกระทรวงและโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีตามข้อ ๔.๒.๑ มาประมวลด้วย ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาล และให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบการดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดการดำเนินการ/กิจกรรม ตามความเหมาะสมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน เช่น การอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ การลดภาระรายจ่ายในเรื่องต่าง ๆ ของประชาชน โดยอาจพิจารณานำแนวทางการดำเนินการในปีที่ผ่านมามาเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ๖. ให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาคัดเลือกบทเพลงที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทย เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นเพลงในการนำเสนอในเวทีหรือการจัดนิทรรศการระดับนานาชาติ ทั้งที่จัดในประเทศไทยและต่างประเทศเพื่อแสดงความเป็นไทย ๗. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการโดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการรายงานความคืบหน้าในการจัดทำแผนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินและการพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวแล้วรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑ เดือน ๘. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตามแผนเผชิญเหตุที่ได้กำหนดไว้ โดยให้ระดมกำลังเครื่องจักรกล รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้า รถสุขา และเรือท้องแบนเพื่อให้บริการประชาชนในการสัญจร ตลอดจนเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังลงสู่ทะเลโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในระยะต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดเตรียมแผนการตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาจากอุทกภัยดังกล่าวและเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
348 | ผลการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมภายใต้กรอบความร่วมมือล้านช้าง - แม่โขง ณ เมืองหนิงโป สาธารณรัฐประชาชนจีน | วธ | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมภายใต้กรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เมืองหนิงโป สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้แก่ (๑) การกล่าวถ้อยแถลงระหว่างการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมภายใต้กรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง (๒) การรับรองข้อริเริ่มหนิงโปว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมล้านช้าง-แม่โขง (Ningbo Initiative on Lancang-Mekong Cultural Cooperation) มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกด้านวัฒนธรรม การเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม สร้างรูปแบบการทำงานร่วมกันและเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนระดับบุคคลในทุกระดับให้มากขึ้น รวมทั้งการพัฒนา การรักษา การบริหารจัดการ การถ่ายทอดวัฒนธรรมและศิลปะในด้านต่าง ๆ และ (๓) การเข้าร่วมหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายจีน และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมภายใต้กรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขงเพื่อขับเคลื่อนงานตามภารกิจที่รับผิดชอบภายใต้กรอบความร่วมมือและบูรณาการดำเนินงานร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
349 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (จำนวน 3 ราย 1. นายขจร มุกมีค่า ฯลฯ) | วธ | 24/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๓ ราย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายขจร มุกมีค่า ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวดารุณี ธรรมโพธิ์ดล ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางสาวศุภร รัตนพงศ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
350 | ขอความเห็นชอบโครงการตลาดประชารัฐไทยช่วยไทย | มท | 17/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ปรับเปลี่ยนชื่อโครงการนี้จากเดิม “โครงการตลาดประชารัฐไทยช่วยไทย” เป็น “โครงการตลาดประชารัฐ” และชื่อประเภทตลาดที่ดำเนินการโดยกรมการพัฒนาชุมชน จากเดิม “โครงการตลาดประชารัฐไทยช่วยไทยคนไทยยิ้มได้” เป็น “โครงการตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้” ๒. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการตลาดประชารัฐ โดยให้เพิ่มโครงการตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม ของกระทรวงวัฒนธรรม เป็นตลาดประชารัฐอีก ๑ ประเภท รวมเป็น ๙ ประเภท ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีวิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด โดยบูรณาการตลาดประชารัฐทั้ง ๙ ประเภท ภายใต้โครงการตลาดประชารัฐ และให้ดำเนินการพร้อมกันตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายและเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลางให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๑๕,๔๘๗,๕๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๔๔๖,๗๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๕๖๒,๑๘๗,๕๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีวิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ส่งเสริมการตลาด การประชาสัมพันธ์ การค้าขาย การท่องเที่ยว รวมทั้งการสร้างแรงกระตุ้นการขาย ภายใต้การส่งเสริมตลาดประชารัฐต้องชม เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมตลาดประชารัฐทุกประเภทที่เข้าร่วมโครงการฯ ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรพื้นที่ตลาดประชารัฐแต่ละแห่งให้เหมาะสม มีความโปร่งใส เป็นธรรม และสามารถกระจายพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าเพิ่มเติม เช่น การขายผ่านช่องทางออนไลน์ การขยายตลาดในต่างประเทศ การนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้ร่วมกับตลาดรประชารัฐ ทั้งนี้ ในการดำเนินการบริหารจัดการตลาดประชารัฐ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น กฎหมายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด เป็นต้น ๕. ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีส่วนร่วมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะโครงการที่มีความเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันในพื้นที่ และควรให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานของตลาดและการกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานสินค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ อย่างสม่ำเสมอ สอดคล้องกับหลักการของโครงการฯ รวมทั้งควรมีการประสานและบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการควบคุมการผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐานและมีความปลอดภัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสอดคล้องกับความต้องการ รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๖. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
351 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การจัดประกวดแข่งขันระดับนานาชาติ | วธ | 10/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่ให้ทุกส่วนราชการจัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติ และระดับนานาชาติประเภทต่าง ๆ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการ ดังนี้
๑. จัดทำทะเบียนรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันทางศิลปวัฒนธรรมระดับชาติ และนานาชาติ โดยจัดส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้ว ๒. รวบรวมข้อมูลการส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ในรอบปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ โดยมีสรุปผลการประกวดแข่งขันการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ จำนวน ๓๐ รายการ ประกอบด้วย (๑) ด้านศาสนา จำนวน ๑ รายการ ได้รับรางวัลที่ ๔ จาก ๕ รางวัล (๒) ด้านดนตรี จำนวน ๒๕ รายการ ได้รับรางวัลเหรียญทอง/รางวัลชนะเลิศ/รางวัลยอดเยี่ยม รวม ๙๓ รางวัล และ (๓) ด้านศิลปะ จำนวน ๔ รายการ ได้รับรางวัลเหรียญทอง/รางวัลรองชนะเลิศ/รางวัลยอดเยี่ยม รวม ๑๕ รางวัล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
352 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | ทส | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลบางปะกง ตำบลท่าข้าม ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา และท้องที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน และเพื่อให้เกิดความสมดุลในการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามร่างประกาศฯ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ร่างประกาศฯ ใช้บังคับ ให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ และเห็นควรปรับปรุงร่างประกาศฯ ในข้อ ๔ เพื่อให้ยกเว้นการดำเนินการด้านความมั่นคงทางพลังงาน โดยเพิ่มเติมข้อความบางประการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
353 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (จำนวน 9 คน 1. นายโชค บูลกุล ฯลฯ) | วธ | 03/10/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร รวม ๙ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ ตุลาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายโชค บูลกุล ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์ศิราพร ณ ถลาง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิลาวัณย์ เศวตเศรนี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. รองศาสตราจารย์สุเนตร ชุตินธรานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. รองศาสตราจารย์สุรพล นาถะพินธุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. รองศาสตราจารย์ปานใจ ธารทัศนวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. ศาสตราจารย์สุวรรณา สถาอานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. รองศาสตราจารย์ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
354 | รายงานสรุปการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม | วธ | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างไทย-อินโดนีเซีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เจรจาความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาและวัฒนธรรมอินโดนีเซีย โดยทั้งสองได้แสดงเจตจำนงในการใช้มิติศิลปะและวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันนอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนทางด้านศิลปะการแสดงซึ่งมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดทำแผนปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งการหารือเรื่องการบริหารจัดการแหล่งมรดกโลกและแหล่งมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางความร่วมมือทางด้านการบริหารจัดการและเทคนิคการบูรณะโบราณสถาน ๒. การส่งเสริมความร่วมมือด้านศาสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะได้พบหารือกับเจ้าอาวาสวัดพุทธเมตตา รวมทั้งฝ่ายมหายานพระธรรมทูตไทยในอินโดนีเซีย และสมาคมวิทยาลัยพุทธศาสนาของอินโดนีเซียถึงนโยบายการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี โดยมีความเป็นไปได้ที่จะจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นที่บุโรพุทโธในช่วงสิ้นปี ๒๕๖๐ ๓. การส่งเสริมการดำเนินงานของเครือข่ายภาคธุรกิจไทย-อินโดนีเซีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้มอบโล่แก่บุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ ของไทยและอินโดนีเซียที่ได้มีบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศผ่านการประกอบการด้านธุรกิจ การค้าและการลงทุน นับเป็นการบูรณาการการทำงานด้วยการนำมิติวัฒนธรรมเชื่อมโยงทั้งการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เพิ่มพูนและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
355 | ขอความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรี พ.ศ. 2560 - 2564 | พม | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เพื่อเป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาสตรีให้มีความก้าวหน้า แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสตรีในสังคมไทย และยกระดับมาตรฐานการพัฒนาสตรีและสถานภาพของสตรีให้สอดคล้องกับหลักการสากล ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ปรับเปลี่ยนเจตคติของสังคมในประเด็นความเสมอภาคเท่าเทียมกันระหว่างหญิงชาย ยุทธศาสตร์ที่ ๒ เสริมพลัง เพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตแก่สตรีทุกกลุ่มและทุกระดับ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ พัฒนาเงื่อนไขและปัจจัยที่เอื้อต่อการพัฒนาสตรีที่มีประสิทธิผลและเสมอภาค ยุทธศาสตร์ที่ ๔ กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ขจัดปัจจัยเสี่ยง ป้องกัน คุ้มครองช่วยเหลือและเยียวยา และยุทธศาสตร์ที่ ๕ สร้างความเข้มแข็งของกลไก และกระบวนการพัฒนาสตรี ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ควรมุ่งเน้นการบูรณาการระหว่างทุกภาคส่วนให้เกิดการดำเนินงานที่ครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสตรีในสังคมไทย และควรพิจารณาเพิ่มเติมแนวทางในการจูงใจให้สถานประกอบการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นทั้งด้านเวลา สถานที่ กำหนดประเภทงาน และค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับสตรีที่มีภาระในการดูแลครอบครัว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน สำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับระยะเวลาของร่างยุทธศาสตร์ฯ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและขับเคลื่อนการดำเนินการตามร่างยุทธศาสตร์ฯ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้วย เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ปรับปรุงการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีในระยะต่อ ๆ ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔. เมื่อมีกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาทบทวนและปรับปรุงยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
356 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี | กต | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เกี่ยวกับมาตรการลงโทษสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) โดยเป็นการยกระดับและเพิ่มการลงโทษมากขึ้นโดยเพิ่มเติมรายชื่อบุคคล องค์กร เรือ และสิ่งของที่ถูกกำหนด ขยายมาตรการทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมการห้ามนำเข้าสิ่งทอและการส่งออกทรัพยากรพลังงาน รวมทั้งเน้นย้ำมาตรการเกี่ยวกับการตรวจค้นเรือในทะเลหลวง ห้ามการอนุญาตการทำงานเพิ่มเติม และห้ามเปิดกิจการร่วมค้าหรือร่วมทุนกับองค์กรหรือบุคคลของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีโดยให้ปิดกิจการดังกล่าวที่มีอยู่ ๑.๒ มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑ ถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๑.๒.๒ มอบหมายกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการตามวรรค ๔-๕ วรรค ๑๓-๑๖ และวรรค ๑๘ ของข้อมติฯ ที่ ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๗) และมาตรการตามข้อมติฯ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาระสำคัญของวรรคดังกล่าว ๑.๒.๓ มอบหมายกระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการตามวรรค ๑๗ ของข้อมติฯ ที่ ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๒๐๑๗) และมาตรการตามข้อมติฯ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาระสำคัญของวรรคดังกล่าว ๑.๒.๔ มอบหมายสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติกำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงมาตรการตามวรรค ๗-๑๒ และวรรค ๒๒ โดยเป็นไปตามกฎหมายภายในของไทย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามข้อมติ UNSC ซึ่งมีสาระสำคัญส่วนหนึ่งเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจต่อการดำเนินการต่อเรือข้างต้นตามพันธกรณีระหว่างประเทศจากข้อมติฯ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๒.๕ ปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็ปไซต์ของสหประชาชาติ (https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/1718) ทั้งนี้ สหประชาชาติ (United Nations : UN) จะปรับปรุงรายชื่อบุคคล องค์กร และเรือที่ถูกมาตรการลงโทษภายใต้หัวข้อ “Sanctions List Materials” เป็นระยะ และจะกำหนดรายการสิ่งของภายใต้หัวข้อ “Prohibited Items” ในภายหลัง ๑.๒.๖ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องพึงระวังและดำเนินการให้เป็นไปตามข้อมติฯ ๑.๒.๗ แจ้งการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อ UN ต่อไป และหากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ขอให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
357 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (จำนวน 7 ราย 1. นายไพศาล พืชมงคล ฯลฯ) | นร04 | 26/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระจำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้ลำดับที่ ๑-๖ มีผลตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป และลำดับที่ ๗ มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๒. รองศาสตราจารย์ไชยา ยิ้มวิไล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๓. พลเอก รุ่งโรจน์ จำรัสโรมรัน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๔. รองศาสตราจารย์ชวนี ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๕. พลตำรวจโท ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๖. นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม วันที่ครบวาระ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๗. นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ครบวาระ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
358 | ขอความเห็นชอบในการรับรองและลงนามเอกสารในการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมภายใต้กรอบความร่วมมือล้านช้าง - แม่โขง ณ เมืองหนิงโป สาธารณรัฐประชาชนจีน | วธ | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบข้อริเริ่มหนิงโปว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมล้านช้าง-แม่โขง (Draft of the Ningbo Initiative on Lancang-Mekong Cultural Cooperation) มีสาระสำคัญที่เน้นย้ำพันธะของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านวัฒนธรรมซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบความร่วมมือหลักที่ได้รับการระบุในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๑ รวมถึงการเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม ส่งเสริมการเจรจาทางวัฒนธรรมและความร่วมมือข้ามพรมแดน การแบ่งปันวัฒนธรรมเพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยในการประชุมว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมภายใต้กรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง (Lancang-Mekong Cultural Cooperation Forum) ณ เมืองหนิงโป สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ เป็นผู้รับรองและลงนามในร่างข้อริเริ่มฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อริเริ่มฯ เอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
359 | รายงานการดำเนินงานการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา | วธ | 19/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากรจัดทำแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่ออนุรักษ์ พัฒนา และปรับปรุงภูมิทัศน์โบราณสถาน ปรับปรุงสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ตลอดจนปรับปรุงฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชนพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมีแนวความคิดให้ชุมชนอยู่กับโบราณสถานอย่างเกื้อกูลกัน ระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๔๔ งบประมาณดำเนินการ ๒,๙๔๖.๗๘ ล้านบาท ผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนแม่บทฯ ในส่วนของงานโบราณคดี งานอนุรักษ์โบราณสถาน และงานปรับปรุงชุมชนบางส่วน แต่ยังไม่สำเร็จครบถ้วนทั้งหมด ๒. การพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๖๐ กรมศิลปากรยึดแนวทางตามแผนแม่บทฯ ดำเนินการพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาสืบต่อมาภายใต้งบประมาณปกติ ประมาณ ๑,๓๐๐ ล้านบาท ภาคเอกชน ๖๗ ล้านบาท และองค์กรต่างประเทศ ๓๗ ล้านบาท งบประมาณดังกล่าวรวมที่ใช้ในการฟื้นฟูโบราณสถาน จำนวน ๑๕๔ แห่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ด้วย ๓. การดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ ๓๙ ณ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐรัฐเยอรมนี เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ กรมศิลปากรได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ แล้ว ได้แก่ การจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในการบูรณปฏิสังขรณ์มรดกโลก การจัดทำร่างแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และการพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระยะที่ ๒ และการควบคุมการปลูกสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่กันชนและพื้นที่อนุรักษ์สำคัญที่ยื่นขออนุญาตในปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ๔. โครงการจัดทำร่างแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระยะที่ ๒ เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ ที่เห็นชอบให้กรมศิลปากรจัดทำแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระยะที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙ โดยมีแนวความคิดการพัฒนาให้เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต ให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานได้ สาระสำคัญในแผนแม่บทฯ ประกอบด้วย งานค้นคว้าศึกษาวิจัยโบราณคดี งานด้านการอนุรักษ์โบราณสถาน งานควบคุมการใช้ที่ดินและปรับปรุงชุมชนปัจจุบัน งานการปรับปรุงภูมิทัศน์ และงานส่งเสริมรายได้ชุมชน เป็นต้น คาดว่าจะนำแผนแม่บทฯ เสนอคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
360 | ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร02 | 12/09/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ระดับกระทรวงและจังหวัด ประกอบด้วย ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านความมั่นคง (๒) ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน (๓) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน (๔) ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม (๕) ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๖) ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ นอกจากนี้ ได้ดำเนินการสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนการประชาสัมพันธ์โดยการสร้างเครือข่ายระหว่างโฆษกกระทรวง รวมทั้งมีการติดตามผลการดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ๒. ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ตามนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลการดำเนินงานทั้งระบบ รวมถึงการจัดทำแผนปฏิบัติงานของหน่วยงาน และกำหนดประเด็นการประชาสัมพันธ์และเร่งรัดดำเนินงานโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จ ตลอดจนเร่งรัดการสร้างเครือข่ายประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนให้เพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้หน่วยงานระดับกระทรวงนำนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ระดับกระทรวง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเชื่อมโยงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) รวมทั้งส่งแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทราบด้วย ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรม เช่น ผลการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม เป็นต้น
|
.....